ฉินมู่มายังเมือง และเขาเห็นท่านยายซีแทบจะถูกฝังในภูเขาของเอกสาร และมีบัณฑิตหนึ่งร้อยคนที่กำลังคัดแยกและประมวลผลข้อมูลจากจุดผิดปกติต่างๆ และอาวุธวิญญาณการคำนวนมากมายก็ส่งเสียงแกรกๆ ไม่หยุดขณะที่มันทำงานประมวลผล
บนผนังนั้นประทับรอยเอาไว้ด้วยอักษรรูนอันมหัศจรรย์กว่าพันชนิด พวกมันส่องแสงวูบวาบและเปล่งพลานุภาพแห่งสนามแม่เหล็กออกมาอย่างรางเลือน
“ยังมีอักษรรูนหนึ่งตัวสุดท้าย”
ซวีเซิงฮวามองไปยังรอยประทับบนผนัง และเขาก็อุทานด้วยความแตกตื่น “ความเร็วของท่านยายซีเร็วจริงๆ!”
ขณะที่เขากล่าวเช่นนั้น เสียงหัวเราะของท่านยายซีก็ดังมา “เสร็จแล้ว ข้าคำนวณมันได้!”
หญิงงามผู้นี้กระโดดโลดเต้นและไปยังหน้าผนัง ปราณชีวิตของนางหลั่งไหลออกไปและแปรเปลี่ยนเป็นอักษรรูนตัวสุดท้าย อันนางประทับรอยไว้บนผนัง
ฉินมู่ก้าวเข้าไปเพ่งพิศดูอักษรรูนสนามแม่เหล็กบนผนัง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจ และกล่าวชม “ท่านยาย ความสำเร็จและความดีงามของท่านยิ่งใหญ่ไร้ประมาณ ก็เพราะการที่ได้จำแนกแยกแยะอักษรรูนทั้งหนึ่งพันเก้าร้อยตัวนี้!”
ถึงตอนนี้ยายเฒ่าซีจึงค่อยสังเกตเห็นพวกเขา นางร้องออกมาด้วยความประหลาดใจแกมยินดี “มู่เอ๋อมาเมื่อไหร่กัน เจ้าไม่ได้มาเยี่ยมตั้งนานสองนาน! อักษรรูนพวกนี้เจ้ามีความดีความชอบอยู่สี่ส่วน และอีกหกส่วนนั้นแบ่งกันระหว่างซวีเซิงฮวาและข้า ซวีเซิงฮวาจำแนกออกมามากกว่าหนึ่งพันสมการสนามแม่เหล็ก ส่วนข้าทำไปไม่มาก”
ซวีเซิงฮวากล่าวถ่อมตนนิดหน่อยและมองไปยังฉินมู่
ฉินมู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าเพียงแค่วิเคราะห์อนุมานสมการเริ่มแรกเพียงไม่กี่สมการเท่านั้น และก็นับว่าเป็นผลงานอันล้ำเลิศของพี่ซวีที่ดำเนินทางแนวทางของข้าต่อ”
ซวีเซิงฮวาแค่นเสียงต่ำ
แม้ว่าที่ฉินมู่กล่าวจะออกแนวยกหางตัวเองไปด้วย แต่มันก็เป็นความจริง
คือฉินมู่นั่นแหละที่เป็นผู้ค้นพบแง่อัศจรรย์ของสนามแม่เหล็ก และถึงกับเขียนสมการสนามแม่เหล็กออกมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ผลักภารกิจการวิเคราะห์อนุมานอักษรรูนสนามแม่เหล็กให้แก่พวกเขา
ฉินมู่เป็นผู้ก่อตั้ง และพวกเขาคือผู้ที่ทำให้มันเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นฉินมู่จึงรับความดีความชอบไปเกือบจะครึ่งหนึ่ง
“ท่านยาย ในเมื่อตอนนี้ท่านจำแนกแยกแยะอักษรรูนสนามแม่เหล็กออกมาแล้ว ท่านก็สามารถตรึกตรองเข้าใจทักษะเทวะสนามแม่เหล็กได้แล้วสิ?” ฉินมู่ถาม
“ข้าลองดูได้!”
ยายเฒ่าซีเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และพาเขาออกไปจากเมือง “ข้าได้วิเคราะห์อักษรรูนสนามแม่เหล็ก และข้าก็ได้คำนวณทักษะเทวะแบบต่างๆ อย่างคร่าวๆ ข้าจำแนกแยกแยะทักษะเทวะสนามแม่เหล็กออกมาจำนวนหนึ่ง และเมื่อข้าอนุมานอักษรรูนสุดท้ายออกมา ข้าก็ย่อมตรึกตรองเข้าใจมหาทักษะเทวะอันสามารถหลอมรวมอักษรรูนทั้งหนึ่งพันเก้าร้อยตัวเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ”
ฉินมู่รู้ว่านางคือตัวตนที่ย่างกรายสู่เต๋าด้วยทักษะเทวะมานานแล้ว หลังจากจำแนกแยกแยะอักษรรูนพื้นฐานของสนามแม่เหล็ก มหาทักษะเทวะที่นางตรึงตรองเข้าใจก็น่าจะเลิศล้ำเหนือธรรมดา พวกเขาจึงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นรอชม
ฉินมู่ ซวีเซิงฮวา และวิญญูชนสวรรค์อวี้เดินตามยายเฒ่าซีไปข้างหลัง ขณะที่ผู้ฝึกวิชาเทวะคนอื่นๆ แห่งสวรรค์ไท่หวงและบัณฑิตแห่งสถาบันนักบุญสวรรค์ก็เหาะกันมา
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ เทพซังเย่ และคนอื่นๆ ก็ล้วนแต่ได้ยินข่าว พวกเขาก็รีบรุดมาด้วย มีผู้ฝึกวิชาเทวะและเทพเจ้าอยู่ทั่วไปทุกหนแห่ง รอให้ยายเฒ่าซีแสดงฝีมือ
ยายเฒ่าซียืนอยู่บนสวรรค์ไท่หวง และข้างใต้นางคือแดนโบราณวินาศที่ลอยตั้งฉากอยู่
“ข้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับทักษะเทวะของข้า แต่ให้ข้าขับเคลื่อนมันเสียก่อนเพื่อเปิดหูเปิดตาให้พวกเจ้า!”
นางขับเคลื่อนทักษะเทวะของนาง และปราณชีวิตก็ยิ่งใหญ่ไร้ประมาณ ท่านยายซีบรรลุเป็นเทพเจ้ามานานแล้ว และพลังวัตรของนางก็เข้มข้น ทักษะเทวะของนางเพริศแพร้วพิสดาร และเมื่อนางขับเคลื่อนมหาทักษะเทวะสนามแม่เหล็ก ทุกๆ คนบนท้องฟ้าก็พลันร่วงตกลงมาราวห่าฝน พวกเขาตกลงไปยังพื้นและไม่สามารถขยับเขยื้อน
ฉินมู่เองก็ถูกกดลงไปกับพื้น และเขารู้สึกราวกับว่ามีโลกมิติทั้งใบกดทับลงมาบนตัวเขา เขาตื่นตระหนก!
เทพเที่ยงแท้ผางอวี้ก็คลานไต่ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก และแข้งขาเขาก็สั่นพั่บๆ เขาแทบจะลุกไม่ขึ้น และรู้สึกหวาดกลัวในหัวใจ เขารีบกล่าว “เทพโหยวโหย่ว ใช้พลังเบาๆ กว่านี้หน่อยเถอะ ระวังจะบดขยี้พวกเราจนบี้แบน!”
ยายเฒ่าซีหันหน้าไปดู และถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าพวกเขาถูกกดแบนลงไปกับพื้น นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทักษะเทวะของข้าร่ายไปใช้กับแดนโบราณวินาศ ไม่ได้ใช้กับพวกเจ้า เมื่อข้าปลดปล่อยทักษะเทวะนี้ออกไป ก็จะไม่มีเทวานุภาพแห่งสนามแม่เหล็กที่กดทับลงมาบนพวกเจ้าอีกต่อไป”
นางฟาดมือไปข้างหน้า และแสงเทวะสนามแม่เหล็กก็แผ่พุ่งออกไป ดวงดาวนับพันล้านสามารถมองเห็นได้อย่างรางเลือนข้างในทักษะเทวะ และแสงเทวะสนามแม่เหล็กก็เชื่อมต่อดวงดาวต่างๆ ให้ถักทอเข้าด้วยกัน ทักษะเทวะกดทับลงไปบนแดนโบราณวินาศด้วยเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น!
แดนโบราณวินาศจมลึกลงไปร้อยห้าสิบวา ขณะที่ภูเขาและแม่น้ำอันห่างไกลออกไปผุดสูงขึ้นมาจากพื้น เทือกเขาทั้งหลายผุดโผล่มาจากผืนปฐพีและก่อขึ้นมาเป็นยอดเขาลดหลั่นกันอย่างต่อเนื่อง!
ยายเฒ่าซีชมเปาะและกล่าว “เป็นทักษะเทวะที่ดีจริงๆ ตอนนี้พวกเจ้าไม่รู้สึกถึงแรงกดดันแล้วใช่ไหม”
ฉินมู่และคนอื่นๆ รู้สึกว่าแรงกดดันบรรเทาลง และพวกเขาก็รีบคลานลุกขึ้นมา เทพซังเย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พลังวัตรของเทพโหยวโหย่วนั้นเพริศแพร้วพิสดารอย่างแท้จริง และทักษะเทวะของเจ้าก็ทรงพลังและเหนือธรรมดา แต่ทว่า ตอนนี้เจ้าน่าจะถอนทักษะเทวะกลับมาได้แล้วไหม”
พื้นดินแห่งแดนโบราณวินาศสั่นสะเทือนมากขึ้นทุกที และยิ่งมีภูเขาที่ผุดสูงขึ้นมาแผ่ขยายออกไปข้างนอก
ยายเฒ่าซีฉงนฉงายและกล่าว “ข้าได้ถอนทักษะเทวะของข้าออกแล้วนะ…เอ๊ะ มีบางอย่างผิดปกติ!”
ฉินมู่และคนอื่นๆ มองไปยังแดนโบราณวินาศ และพวกเขาก็เห็นภูเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วออกห่างไปจากพวกตน พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดยั้ง และภูเขาที่ใกล้กับพวกเขาที่สุดก็กลายเป็นห่างออกไปหนึ่งพันลี้แล้วในตอนนี้ ภูเขานั้นอยู่ไกลจนแทบจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น
ในเวลาเดียวกันนั้น ฉินมู่ก็เห็นแม่น้ำหย่งขยายตัว มันกว้างใหญ่ขึ้นและกว้างใหญ่ขึ้น ขณะที่กระแสน้ำก็ยิ่งเชี่ยวกราก
แม่น้ำมหึมานี้เดิมทีก็กว้างหนึ่งร้อยห้าสิบวา และบัดนี้เพียงแค่ชั่วกระพริบตา มันก็ขยายออกไปอีกร้อยห้าสิบวา!
“เกิดอะไรขึ้น”
ทุกคนตะลึงงัน และมองภาพที่ปรากฏด้วยความเหม่องง
แดนโบราณวินาศมิได้ขยายตัวไปทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเท่านั้น แต่มันยังคงขยายไปทางทิศเหนือและทิศใต้อีกด้วย ในระหว่างเวลานั้น ภูเขาเหล่านี้ก็ยิ่งเติบโตสูงใหญ่ และกลายเป็นสูงตระหง่านมากขึ้นเรื่อยๆ มหึมามากขึ้นเรื่อยๆ
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทักษะเทวะของท่านยายซีจะสามารถทำได้…”
ฉินมู่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และเขาก็รีบเหาะขึ้นไป เขาเคลื่อนตัวผ่านอุโมงค์แห่งสวรรค์ไท่หวง และมายังฝั่งตรงข้ามของแดนโบราณวินาศ เขาก็เห็นว่าแดนโบราณวินาศฝั่งตะวันก็ขยายตัวไปอย่างดุเดือดเช่นกัน
และที่หน้าผาขาดแห่งแดนโบราณวินาศ ภาพอันน่าตื่นตระหนกยิ่งกว่านั้นก็ปรากฏ โลกมิติต่างๆ ไหลออกมาจากหน้าผาขาด และกลายเป็นขยายตัวใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น พวกมันลอยตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า
ไม่นานนัก ชั้นโลกมิติเหล่านั้นก็ถูกบดบังและซ่อนอยู่ในเมฆและหมอกบนห้วงเวหา
ยายเฒ่าซีและคนอื่นๆ รีบติดตามเขามา และพวกเขาก็มองไปที่ภาพดังกล่าวอย่างตกตะลึง
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้านโลกดังออกมาจากหน้าผาขาด เมื่อหน้าผาพลันแตกทลายออกไปอย่างต่อเนื่อง มวลน้ำแม่น้ำจากหน้าผาภูเขาก็ยิ่งเชี่ยวกรากเมื่อน้ำหลากอันล้นปริ่มโถมซัดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดจากโลกมิติเหล่านั้น ราวกับว่าโลกมิติอันถูกตรึงสะกดเอาไว้ที่นี่ในสี่ยุคสมัยที่ผ่านมาได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมด
“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือข้าหรือ” ยายเฒ่าซีกะพริบตาปริบๆ และพึมพำ
“ใช่แล้ว”
ฉินมู่มองไปที่หน้าผาขาด อันยังคงเหยียดสูงทะยานฟ้าขึ้นไปอีก แท่นศิลาจารึกถูกเผยออกมา และถ้อยคำบนศิลาจารึกนั้นค่อยๆ ปรากฏให้เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้น เขามองไปยังอักษรที่เขียนไว้บนแท่นจารึกหินและร้องอุทานด้วยเสียงอันแหบพร่า “นี่มันเกิดจากฝีมือท่านยายซี ท่านได้จำแนกแยกแยะอักษรรูนสนามแม่เหล็กทั้งหมด และใช้ทักษะเทวะสนามแม่เหล็กเพื่อปลุกตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกกลบฝังอยู่ในนี้…”
บนแท่นจารึกหิน มีอักขระเทพบรรพกาลเขียนเอาไว้บนนั้นอยู่ไม่กี่คำ และฉินมู่ก็เคยเห็นนิพนธ์เทพเช่นนี้มาก่อน นั่นคือนิพนธ์อักขระแห่งสภาสวรรค์หลงฮั่น และพวกมันก็ล้วนแต่ก่อตัวขึ้นมาจากเสียงเทพเจ้า พวกมันบรรจุเอาไว้ด้วยพลานุภาพอันมหัศจรรย์
แต่ทว่า อักขระบนแท่นจารึกหินดูจะโบราณกาลกว่ามาก และมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่ฉินมู่ไม่รู้จัก
“…พระแม่ ยังมีคำว่า ก่อกำเนิด ข้าไม่รู้จักอีกสองคำ”
ฉินมู่พยายามอ่านอยู่ครู่หนึ่ง และส่ายศีรษะ “นิพนธ์พวกนี้โบราณเกินไป”
“แดนก่อกำเนิดพระแม่ธรณี” วิญญูชนสวรรค์อวี้ ผู้ซึ่งอยู่ข้างๆ เขา พลันโพล่งออกมา