ลู่หลีและคนอื่นๆ มองไปยังโอรสหยินสวรรค์ และพวกเขาก็กัดฟันกรอด แต่ทว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
“จอมอุบายเฒ่า!”
พวกเขาเป็นเพียงผู้บัญชาการแคว้นที่สภาสวรรค์ส่งมาประจำการในแดนใต้พิภพเท่านั้น ขณะที่โอรสหยินสวรรค์เป็นผู้ปกครองวังสวรรค์ เขาควบคุมแดนบาดาลและเป็นยอดฝีมือแข็งแกร่งในขั้นบัลลังก์จักรพรรดิ
ในด้านกำลังฝีมือแล้ว พวกเขาสี่ผู้บัญชาการแคว้น จะไปประจบก็ยังแทบจะไปไม่ทัน อย่าว่าแต่จะฉีกหน้าแตกหักกับเขา
พวกเขาได้วางแผนมาอย่างเหนื่อยยาก และขับเคลื่อนผู้มีอิทธิพลแดนใต้พิภพตั้งไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ในที่สุดถึงคร่าตัวโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพมาได้ และเคี่ยวกรำเขาเอาไว้ในกระถางสังหาร บัดนี้โอรสหยินสวรรค์ก็โผล่ขึ้นมาโดยฉับพลัน และสังหารผู้มีอิทธิพลแดนใต้พิภพทั้งหมดภายในสองกระบวนท่า เขานั้นมาเด็ดเอาผลแห่งชัยชนะที่สุกงอมโดยไม่เปลืองแรงตัวเองเลยแม้แต่น้อย!
ผู้มีอิทธิพลแดนใต้พิภพเหล่านั้นนับได้ว่าเป็นผู้สืบทอดสายตรงจากพวกเขาทั้งสี่ และบัดนี้ พวกเขาก็ถูกถอนรากถอนโคนไปทั้งหมด
ผู้มีอิทธิพลแดนใต้พิภพส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอิทธิพลอำนาจจากสภาสวรรค์ และพวกเขาก็จะลงมาในแดนใต้พิภพหลังจากความตาย กลายมาเป็นผู้ใต้บัญชาของสี่มหาผู้บัญชาการแคว้น
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในขั้นบัลลังก์จักรพรรดิและตำหนักชิดฟ้า แต่หลังจากความตาย พวกเขาก็เต็มไปด้วยจุดอ่อนและจะต้องอาศัยพึ่งพิงสี่มหาผู้บัญชาการแคว้นเพื่อจะได้มีชีวิตรอด ถึงอย่างไรแดนใต้พิภพยังคงเป็นอาณาเขตของภูติบดี และนอกจากพวกเขาแล้ว ก็ยังมียอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิและตำหนักชิดฟ้าของฝ่ายศัตรูที่ลงมาที่นี่หลังจากความตายเช่นกัน
หากว่าพวกเขาไม่อยากจะถูกสังหารโดยยอดฝีมือเหล่านั้น พวกเขาก็จะต้องยอมสยบแก่สี่มหาผู้บัญชาการแคว้น หยิบยืมอิทธิพลอำนาจของสภาสวรรค์เพื่อดำรงชีวิตอยู่ต่อไปในแดนใต้พิภพ
ดังนั้น พวกเขาจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะถูกสี่มหาผู้บัญชาการแคว้นใช้สอยไปๆ มาๆ นี่คือสถานการณ์ที่รุ่งเรืองก็รุ่งเรืองด้วยกัน อัปราชัยก็อัปราชัยไปด้วยกัน ดังนั้นเมื่อลู่หลีไปขับเคลื่อนพวกเขาให้มาต่อสู้กับโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ ทุกคนจึงมาด้วยความเต็มใจ
เมื่อพวกเขารวมพลังกัน แม้แต่โอรสหยินสวรรค์พวกเขาก็ต่อสู้ได้
อิทธิพลอำนาจของสภาสวรรค์ในแดนใต้พิภพและในแดนบาดาลมีความขับเคี่ยวแข่งขันกัน และนี่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ชิ้นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโอรสหยินสวรรค์ หรือฝ่ายลู่หลีและคณะ พวกเขาก็ล้วนแต่อยากจะเหยียบหัวกันขึ้นไป
นอกจากเพื่อที่จะสร้างแดนบาดาลอีกแห่ง และควบคุมจำกัดภูติบดีแล้ว สาเหตุที่ว่าทำไมสภาสวรรค์ต้องการวางผู้บัญชาการแคว้นเอาไว้ในแดนใต้พิภพ นั่นก็เพราะว่าพวกเขากังวลว่าโอรสหยินสวรรค์จะเติบโตมากจนเกินไป พวกเขาจำเป็นต้องใช้ลู่หลีและคณะสะกดข่มโอรสหยินสวรรค์
นั่นจึงเป็นเหตุให้สภาสวรรค์ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นแดนใต้พิภพกับแดนบาดาลต่อสู้กัน
และบัดนี้ การคัดง้างเอาไว้ทั้งคู่ก็กำลังจะจบสิ้นไปหลังจากการต่อสู้นี้ ผู้มีอิทธิพลมากมายแห่งแดนใต้พิภพได้เสียชีวิตไป และเหลือก็แต่สี่มหาผู้บัญชาการแคว้น เมื่อโอรสหยินสวรรค์ได้รับโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพไปอีก เขาก็จะกลายเป็นภูติบดีอีกคน!
เพื่อที่จะกล่อมให้เขาจัดการกับภูติบดี สภาสวรรค์ก็จะต้องมอบผลประโยชน์ให้เขามากกว่าเดิม เรียกได้ว่าลู่หลีและพรรคพวก พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง
สมแล้วกับที่เป็นจอมอุบายเฒ่าอันมีชีวิตอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยหลงฮั่นจนถึงบัดนี้ ลือกันว่าโอรสหยินสวรรค์ไม่เคยเสียท่าใครมาก่อน!
ลู่หลีและพรรคพวกต่างก็รู้สึกเหมือนเลือดถูกกรีดออกจากหัวใจ
ในตอนนั้นเอง โอรสหยินสวรรค์ก็เปิดกระถางสังหารในที่สุด และมือของเขาก็คว้าจับตาข่ายสวรรค์ขึ้นมา เสียงวี้ๆ จากลมที่รั่วไหลดังมาจากข้างใน เมื่อมวลอากาศสีดำพวยพุ่งออกมาจากกระถาง
ลู่หลีและคนอื่นๆ รู้สึกกระวนกระวาย กระถางสังหารนี้เป็นสมบัติวิเศษชิ้นสำคัญที่สภาสวรรค์ส่งมอบให้แก่พวกเขา โอรสหยินสวรรค์ยังคงเคลื่อนไหวไม่ได้ หากว่าพวกเขากระตุ้นการทำงานของกระถางสังหารในตอนนี้ จะสามารถเคี่ยวกรำโอรสหยินสวรรค์จนตายไปได้หรือไม่
แต่ทว่า ก็ยังมีความลังเลในหัวใจ การสังหารโอรสหยินสวรรค์เป็นอาชญากรรมอันใหญ่หลวง หากว่าสภาสวรรค์จะสืบสาวราวเรื่องแล้วละก็ พวกเขาทั้งสี่อาจจะตกตายไปด้วยกับโอรสหยินสวรรค์!
ทันใดนั้น ลู่หลี่ก็เห็นมืออีกข้างของโอรสหยินสวรรค์ผนึกเป็นวิชามุทราประหลาด เขางอนิ้วกลาง นิ้วชี้ และนิ้วนางเข้าด้วยกัน ขณะที่ยื่นนิ้วโป้งและนิ้วก้อยออกมาข้างนอก
ทั้งสี่คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ไฟผีโขมดที่สังหารเอี๋ยนเชียนจ้งและคนอื่นๆ ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง และลอยวนไปรอบๆ พวกเขาทั้งสี่
เห็นได้ชัดว่าโอรสหยินสวรรค์ได้เตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว ตราบใดที่พวกเขากล้ากระตุ้นการทำงานของกระถางสังหาร พวกเขาก็จะต้องตายภายใต้เทพศาสตราอันพิลึกพิสดารจากโอรสหยินสวรรค์ เสียก่อนที่พวกเขาจะทันได้สังหารฝ่ายตรงข้าม!
ทั้งสี่คนจ้องไปที่ไฟผีโขมด และไม่กล้ากระดุกกระดิก
โอรสหยินสวรรค์คว้าจับตาข่ายสวรรค์ในมือ และชะโงกหัวเข้าไปมองดูที่กระถาง เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พลังอำนาจแห่งโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ…”
นิ้วหนึ่งพลันปรากฏจากความว่างเปล่า และจิ้มลงไปที่หว่างคิ้วของโอรสหยินสวรรค์ในจังหวะที่เขาชะโงกหัวเขาไปในกระถาง
“กระบวนท่าแรกแห่งกระบี่ภัยพิบัติ!”
โอรสหยินสวรรค์แตกตื่น ลู่หลีและคนอื่นๆ ก็แตกตื่นไม่แพ้กัน พลานุภาพของกระบี่ภัยพิบัติที่เก็บกักอยู่ในนิ้วระเบิดออกไป
โอรสหยินสวรรค์รู้สึกแต่ว่าศีรษะของเขาถูกกวาดผ่านด้วยแสงกระบี่ รังสีกระบี่สีขาวโพลนปานหิมะพลันแทงทะลุเจ็ดมหาสมบัติเทวะของเขา และพุ่งทะยานไปข้างในประตูสวรรค์ทักษิณตามเส้นทางสะพานเทวะ!
แสงกระบี่นั้นทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทาง และพุ่งตรงเลียดพื้นของปราสาทสวรรค์ของเขา มันยิงผ่านศาลาหยกและสระหยก น้ำในสระหยกได้แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นอันน่าตื่นตระหนกและโถมซัดสูงขึ้นไปหมื่นห้าพันวาบนท้องฟ้า
แสงกระบี่แทงทะลุแท่นประหารเทพ และปักเข้าไปข้างในอัครนครหยก ประตูเมืองแห่งอัครนครหยกแตกทำลายภายใต้แสงกระบี่นี้ และโถงวังมหึมาทั้งหลายก็ถล่มลงมา!
แสงกระบี่พุ่งตรงไปยังตำหนักชิดฟ้า!
หึ่ง–
แสงสีขาวปานหิมะยืดขยายออกไปในเสี้ยวพริบตา และกลายเป็นหนาใหญ่อย่างไร้ปานเปรียบ มันทะลวงผ่านประตูตำหนักชิดฟ้า และยิงตรงไปยังจิตวิญญาณดั้งเดิมของโอรสหยินสวรรค์ที่อยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ!
กระบี่นี้อาจจะดูเชื่องช้า แต่อันที่จริงมันรวดเร็วอย่างสุดแสน ไม่ทันที่จิตวิญญาณดั้งเดิมของโอรสหยินสวรรค์จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง แสงกระบี่ก็ได้จ่อมาถึงขนตาเขาแล้ว
ในปราสาทสวรรค์ของเขา เสียงระเบิดสะท้านพิภพดังมา คลื่นอันน่าสะพรึงกลัวกวาดซัดไปทั่วสารทิศอันมีตำหนักชิดฟ้าเป็นจุดศูนย์กลางแรงกระแทก ราชวังต่างๆ ในอัครนครหยกสั่นสะท้าน และหนึ่งในประตูเมืองใหญ่สี่ทิศก็ถูกทำลาย ประตูเมืองอื่นๆ อีกสามทางถูกเป่ากระเด็นขึ้นไปบนอากาศและร่วงตกไปที่ไหนสักแห่ง
แรงกระแทกนี้ได้พลิกสระหยกจนคว่ำ และโยนมวลน้ำทั้งหมดขึ้นไปบนนภากาศ สี่ประตูสวรรค์จากเหนือ ใต้ ออก และตก ล้วนแต่ถูกเขย่าและส่งเสียงครืนครัน ขณะที่กระแสอากาศอันระเบิดออกมาราวกับวงแหวนสีขาวราวหิมะจากจุดศูนย์กลางปราสาทสวรรค์ เจ็ดมหาสมบัติเทวะก็ได้รับผลกระทบ อันทำให้ภูเขาและแม่น้ำพังทลายลงไป ดวงตะวันและดวงจันทร์ก็ถูกเป่ากระเด็น ดวงดาวและจักรราศีก็ปั่นป่วนไปหมด
นี่เป็นภาพที่เกิดขึ้นในหัวของโอรสหยินสวรรค์ แต่สำหรับลู่หลีและคนอื่นๆ ข้างนอก โอรสหยินสวรรค์ผงะไปครู่หนึ่งเมื่อนิ้วนี้แตะเข้าไปที่หว่างคิ้วของเขา
ถัดจากนั้น ลูกศรโลหิตก็ยิงกระฉูดออกมาจากหลังศีรษะของเขา
ลูกศรโลหิตนั้นพุ่งไปไม่ยาว เพียงแค่สามวาห่างออกไป
โอรสหยินสวรรค์รีบถอยกรูดๆ และเมื่อเขาเห็นเทพสามเศียรหกกรกระโดดออกมาจากกระถาง เทพนั้นก็หมุนร่างกายอย่างดุดันและแปลงร่างเป็นพุทธองค์พันกร ด้วยเสียงอัดต่อยอย่างไม่รู้จบ เทพอันหมุนติ้วๆ ซัดกำปั้นนับไม่ถ้วนลงไปยังโอรสหยินสวรรค์!
โอรสหยินสวรรค์ถูกซัดกระเด็นสูงขึ้นไปบนฟ้า และเสียงกระดูกหักก็ดังมาจากร่างกายของเขา
เทพสามเศียรหกกรนั้นยังคงหมุนร่างราวลูกข่างและพุ่งเข้าไปใกล้โอรสหยินสวรรค์
ทุกครั้งที่เขาหมุนตัวไปเศษหนึ่งส่วนสาม เขาก็จะยกแขนขึ้นสูง ปราณชีวิตเข้ามารวบรวมในมือของเขาแลกแปรเปลี่ยนเป็นมีดยาว เมื่อเขาหมุนไปอีกหนึ่งส่วนสาม มีดยาวนั้นก็จะตัดเฉือนลงไปในสายลม
เขาหมุนปั่นอย่างรวดเร็ว และยังคงเคลื่อนที่ฉวัดเฉวียน ลู่หลีเห็นก็แต่แสงมีดที่เฉือนฟันลงมาติดๆ กันราวกับว่ามันถูกลับคมจนไร้ที่ติ ด่านกุญแจหยกถูกส่องสว่างเมื่อแสงมีดเหมือนจะเรียงร้อยต่อกัน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว!
แสงมีดเหล่านั้นราวกับว่าจะเฉือนผ่าลงไปที่หน้าผากของโอรสหยินสวรรค์ในเวลาเดียวกัน!
ลู่หลีและคนอื่นๆ เห็นก็แต่บาดแผลบนหน้าผากของโอรสหยินสวรรค์กว้างขึ้นและยาวขึ้น นางรู้สึกหวาดกลัว และเสวียนหมิงก็ร้องออกมา “โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพยังไม่ตาย!”
ลู่หลีร้องออกมา “หนีเร็ว–”
เจว้หวงกล่าว “ยังมีกระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์นะ!”
สี่ผู้บัญชาการแคว้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อพวกเขาหันศีรษะไปมองยังกระถางสังหาร พวกเขาก็เห็นฉินมู่พึ่งออกมาจากกระถางสังหารและตะลุยตรงไปซัดกับโอรสหยินสวรรค์ กระถางสังหารนั้นถึงกับตามเขาไปติดๆ และไม่สนใจสี่ผู้บัญชาการแคว้นเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่พวกเขาทั้งสี่เข้ามารับหน้าที่สี่ผู้บัญชาการแคว้นแห่งแดนใต้พิภพ พวกเขาก็ได้เซ่นสังเวยบูชากระถางนี้ทั้งวันทั้งคืน พวกเขาถึงกับใช้เลือดและเนื้อของตนเองเพื่อป้อนให้แก่กระถางสังหาร เช่นนั้นกระถางสังหารจึงยอมให้พวกเขาขัดเกลาตามใจ เช่นนั้นกระถางสังหารจึงสามารถเปลี่ยนแปลงขนาดและเคี่ยวกรำทุกชีวิตได้
กระนั้นในบัดนี้ กระถางสังหารดูเหมือนว่าจะกระด้างกระเดื่องและละทิ้งพวกเขา ติดตามโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพไป!
“ปล่อยกระถางไว้!”
ลู่หลีร้องออกมา “ออกไปจากที่นี่ทันทีเถอะ! หากว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพสังหารโอรสหยินสวรรค์ คนที่เขาจะฆ่าต่อไปก็คือพวกเรา!”
ทั้งสี่คนรีบหนีตาย และเจว้หวงก็รีบกล่าว “ตาข่ายสวรรค์ยังคงอยู่ในมือของโอรสหยินสวรรค์!”
“ทิ้งมันไป!”
หางงูของลู่หลีเลื้อยไปข้างหน้า และนางกล่าวด้วยความว้าวุ่นและอัดอั้นใจ “ให้มันกับผู้แซ่หยินเป็นของไหว้ศพเขาก็แล้วกัน! พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ และหนีไปให้ไกลที่สุด!”
เสวียนหมิงไล่ตามนางมาและกล่าว “ศิษย์พี่หญิง พวกเรายังคงอยู่ในแดนใต้พิภพได้หรือ ไม่ว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพจะสังหารโอรสหยินสวรรค์ได้หรือไม่ เขาก็จะอยู่ในแดนใต้พิภพเพื่อเสาะหาตำแหน่งของพวกเรา พวกเราหนีออกไปจากแดนใต้พิภพกันดีกว่า และกลับไปที่สภาสวรรค์เพื่อหากำลังเสริม!”
เจว้หวงและหานเหลยผงกศีรษะ
ลู่หลีกล่าวอย่างเหลืออด “ตอนนี้เมื่อพวกเราสูญเสียที่มันในแดนใต้พิภพ ที่รอพวกเราอยู่บนสภาสวรรค์ก็คือถูกส่งไปตัดหัวยังแท่นประหารเทพ มีก็แต่ไอ้โง่เท่านั้นที่จะกลับไปสภาสวรรค์!”
ทั้งสามผู้บัญชาการแคว้นรู้สึกพรั่นพรึง
ลู่หลีกล่าว “ภูติบดีจะไม่อดทนให้โอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพอาละวาดไปทั่ว ดังนั้นเขาจะไม่แตกหักกับสภาสวรรค์อย่างสิ้นเชิง เขาจะต้องเนรเทศโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพออกไปเป็นแน่ ดังนั้นพวกเรายังคงสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ด้วยการหลบซ่อนอยู่ในแดนใต้พิภพ ไปที่สภาสวรรค์ไม่ต่างกับส่งตัวเองไปตาย พวกเราไม่อาจรายงานเรื่องนี้ไปยังสภาสวรรค์ได้ มิเช่นนั้น พวกเราทั้งหมดก็จะต้องถูกลากไปที่แท่นประหารเทพ!”
สามผู้บัญชาการแคว้นผงกหัวหงึกๆ
ลู่หลีหันกลับไปมอง และพบว่าไฟผีโขมดของโอรสหยินสวรรค์ได้ตามโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพ เห็นได้ชัดว่าโอรสหยินสวรรค์ได้สติมาจากความกระเจิดกระเจิงเมื่อครู่แล้ว
บัลลังก์จักรพรรดิ ถึงอย่างไรก็เป็นบัลลังก์จักรพรรดิ ใครก็ตามที่สามารถฝึกปรือจนบรรลุขั้นบัลลังก์จักรพรรดิล้วนแต่ไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา พวกเขาไม่ถูกสังหารโดยง่ายขนาดนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น โอรสหยินสวรรค์ยังเป็นตัวประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตมานานกว่าล้านปี เขานั้นเป็นจอมอุบายเฒ่า แม้ว่าฉินมู่จะวางแผนตลบหลังเขา แต่ก็ยังคงห่างไกลนักกับการจะปลิดชีวิตเขาได้
ในเวลาเดียวกัน ประตูสวรรค์แดนบาดาลก็กำลังพ่นทะเลบาดาลออกมา น้ำทะเลไหลออกมาอย่างยิ่งใหญ่จากแดนบาดาล และก็ดูเหมือนว่าโอรสหยินสวรรค์จะเดือดดาลอย่างแท้จริง เขาตั้งใจที่จะวัดกับโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพกันสักตั้ง ดูว่าใครจะแน่กว่ากัน!
“บางทีพวกเราอาจจะฉวยโอกาส ตอนที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บเพื่อที่จะ…”
ลู่หลีชะลอความเร็ว นางกำลังจะหยุดยั้งเพื่อชมดู แต่ทันใดนั้น กระถางสังหารที่ติดตามไปข้างหลังฉินมู่ก็ลอยไปข้างหน้า ปราณมารในกระถางโถมทะลักออกมาและกวาดกลืนทะเลบาดาลมากกว่าครึ่งเข้าไปในพริบตา
แม้แต่ไฟผีโขมดที่ลอยตรงไปยังฉินมู่ ก็ถูกดึงเข้าไปในกระถางสังหาร มันถูกลากเข้าไปข้างในกระถางโดยไม่เต็มใจ
ลู่หลีรู้สึกเลือดในกายเย็นเฉียบ และนางก็เพิ่มความเร็วเพื่อหนีต่อไปอีกครั้ง
ข้างหลังพวกเขา คลื่นกระแทกอันรุนแรงกวาดซัดมา และเหวี่ยงสี่มหาผู้บัญชาการแคว้นกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ พวกเขารีบใช้แรงเหวี่ยงนั้นเพื่อหนีไปให้ไกลกว่าเดิม
ลู่หลีหันศีรษะกลับไปและเห็นกำปั้น ฝ่ามือ และดรรชนีจำนวนมากมายไร้ประมาณ อันมีขนาดเท่าขุนเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าด่านกุญแจหยก พวกมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าเดียวเพื่อซัดถล่มลงไปยังร่างของโอรสหยินสวรรค์ด้วยความอำมหิต
โอรสหยินสวรรค์ถูกซัดกระเด็นไป และเขาก็กระแทกชนเข้ากับประตูสวรรค์แดนบาดาล เขาหลบหนีออกไปจากแดนใต้พิภพ
ในขณะเดียวกัน ไฟผีโขมดของโอรสหยินสวรรค์ก็แสวงหาหนทางรอด ดังนั้นมันจึงฉีกแยกร่างของมันออกเป็นสองส่วนตัวตนเอง ครึ่งหนึ่งหลุดออกมาจากกระถางสังหารและหลบหนีเข้าไปในแดนบาดาลได้พร้อมกับโอรสหยินสวรรค์
เทพสามเศียรหกกรคว้ากรอบประตูแห่งประตูสวรรค์แดนบาดาลเอาไว้ และพยายามที่จะเบียดตัวเองเข้าไปในแดนบาดาล เขานั้นดุร้ายกระหายเลือด
“เด็กดี!”
ลู่หลีได้ยินเสียงกังวานและสดใสของทารก “เลิกซ่อนตัวได้แล้ว ออกมาเร็วๆ เข้า”
ตูม–
คลื่นกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวอีกระลอกกวาดซัดมา และโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพก็กระเด็นถอยหลังจากแรงกระแทก
ในขณะเดียวกัน ประตูสวรรค์แดนบาดาลก็กลายเป็นยับเยินจากการคว้าจับของแขนทั้งหก ประตูจมลงไปในพื้นดินและหายสาบสูญ
“ประตูสวรรค์แดนบาดาลของโอรสหยินสวรรค์ ไม่เห็นว่าจะมีพลานุภาพในตำนาน มันดูไม่แข็งแกร่งดังที่เขาร่ำลือกัน”
ลู่หลีตะลึงไปเล็กน้อย ประตูสวรรค์แดนบาดาลของโอรสหยินสวรรค์บรรจุไว้ด้วยพลังอำนาจแห่งการเสกสรร และมันก็ทรงพลังอย่างสุดขีดขั้ว มันสามารถทำให้โอรสหยินสวรรค์ฟื้นคืนชีพมาหลังความตาย แม้กระทั้งแปลงร่างและกลับชาติมาเกิด มันทั้งมหัศจรรย์และลี้ลับ
ประตูสวรรค์แดนบาดาลนี้ดูเหมือนจะเป็นแค่ของลอกเลียนแบบ และไม่มีพลังอำนาจของบรมสมบัติแห่งยอดฝีมือบัลลังก์จักรพรรดิ
นางไม่รู้ว่าประตูสวรรค์แดนบาดาลของโอรสหยินสวรรค์ถูกตี้อี้เยว่แย่งชิงไป และประตูบานนี้เป็นเพียงประตูสวรรค์แดนบาดาลที่ถูกหลอมสร้างขึ้นมาใหม่ มันยังไม่เสร็จสิ้นและยังไม่อาจเทียบได้กับบานเก่า
ขณะที่นางคิดมาถึงตรงนี้ นางก็เห็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพคลานไต่และกระโจนเข้าใส่จุดที่ประตูหายไป เขาทุบพื้นไปมารอบๆ แต่ไม่สามารถหาตัวโอรสหยินสวรรค์พบ ศีรษะทั้งสามของเขาเริ่มจะมองสอดส่ายไปรอบๆ
ลู่หลี่สยดสยอง ทั้งสี่คนรีบเข้าไปหมอบอยู่บนแผ่นดินบนร่างของภูติบดี และพวกเขาก็ปิดซ่อนตัวเองเอาไว้พลางคิดคร่ำครวญในใจ
ฮืมมม–
ลำแสงเนตรของเขาอันเหมือนกับเสาแสงสีขาวราวหิมะกวาดผ่านจุดที่พวกเขาซ่อนอยู่ สี่ผู้บัญชาการแคว้นหวาดผวาจนขนหัวลุก พวกเขาใช้ปราณมารใต้พิภพเพื่อปกปิดร่างกาย และลอบหลบหนี
ครืนๆ
เทพสามเศียรหกกรร่างมหึมาลงไปเหยียบบนพื้น และฟาดทุบจนพื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุดหย่อน ลำแสงเนตรเก้าลำกวาดส่องไปทั่วทุกทิศทาง และเฉือนตัดปราณมารใต้พิภพอันมืดสลัวเพื่อเสาะหาตำแหน่งของพวกเขา
“ข้าอยากจะเห็นเลือด สี่ผู้บัญชาการแคว้นพวกนั้นยกโทษให้ไม่ได้!” เสียงของฉินมู่ดังมา
ผู้บัญชาการแคว้นทั้งสี่หลบหนีไปด้วยความแตกตื่น และพวกเขาไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ
“หมู่ดาวสวรรค์คลุมนภา!”
ทันใดนั้น เสียงของฉินมู่ก็ดังมาอีกครั้ง และสี่ผู้บัญชาการแคว้นก็เงยศีรษะขึ้นไปดู พวกเขาเห็นท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว อันฉายแสงเจิดจรัสอยู่ทั่วทุกหนแห่ง เปลี่ยนแผ่นดินให้ขาวสว่างราวผืนหิมะ
“กระโดดลงไปในแม่น้ำแมกม่าของภูติบดี!”
พวกเขาทั้งสี่รีบกระโดดลงไปในแม่น้ำแมกม่า และขณะที่พวกเขาร่วงลงไปในแม่น้ำแมกม่านั่นเอง พวกเขาก็เห็นเงามหึมาเหาะผ่านบนท้องฟ้า นั่นคือมารเทวะที่กำลังอาศัยแสงดาวเพื่อเสาะหาตำแหน่งของพวกเขา