ฉินมู่ร้องเรียกอยู่หลายหน แต่ฉินเฟิงชิงก็ไม่ตอบกลับมา ทารกยักษ์ผู้นี้ได้หลับปุ๋ยไปแล้วในช่วงเวลาอันสำคัญสุดๆ และเขาถึงกับดูดนิ้วหัวแม่มือเข้าไปในปากด้วย
ฉินมู่ดึงเอาหัวแม่เป้งออกมาจากปากของอีกฝ่าย และเช็ดมันกับเสื้อผ้าตนเอง ฉินเฟิงชิงเอาหัวแม่มือเขาไปดูด
ในบรรดาสามเศียรหกกรของเขา หนึ่งหัวและสองแขนถูกควบคุมโดยฉินเฟิงชิง ขณะที่หัวอีกสองข้างและแขนอีกสี่ข้างถูกควบคุมโดยฉินมู่ ระหว่างการต่อสู้ ฉินมู่ยังถึงกับควบคุมแขนทั้งหกข้าง
เมื่อฉินเฟิงชิงผล็อยหลับไป เขาได้เอาแขนและหัวแม่มือของฉินมู่เข้าไปในปาก
เมื่อไม่มีอะไรคาปากอยู่ ฉินเฟิงชิงก็หลับไม่ค่อยสบาย เขาทำปากขมุบขมิบ
ฉินมู่ยกแขนข้างซ้ายของฉินเฟิงชิงและยัดหัวแม่มือของแขนนั้นเข้าไปในปากของเขา แบบนี้ทารกจึงหลับสงบ
นี่เขาเป็นพี่ชายข้า หรือข้าเป็นพี่ชายเขากันแน่
ฉินมู่ส่ายหัวและเดินวนไปรอบๆ ในกระถางสังหาร พยายามที่จะหาทางออกไป แต่ทว่า ไม่ว่าเขาจะเหาะไปไกลเท่าไร เขาก็ไม่อาจค้นพบขอบเขตสิ้นสุด
แม้ว่ากระถางสังหารจะดูไม่ใหญ่โต แต่ห้วงมิติข้างในนั้นดูจะไร้ที่สิ้นสุด เขาไม่อาจค้นพบจุดจบ
ฉินมู่ขับเคลื่อนทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล แต่ก็ยังคงไม่อาจหลบหนีออกไปจากกระถางได้
เมื่อผ่านไปนาน เขาถึงค่อยยอมล้มเลิกการเสาะหาขอบแดน ในทางตรงข้าม เขาเหาะขึ้นไป กระถางสังหารถูกสร้างขึ้นมาโดยภูติบดี และภูติบดีนั้นก็เก่งกาจเหนือธรรมดา แม้ว่ากำลังฝีมือของฉินเฟิงชิงจะยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังห่างชั้นจากภูติบดีมาก นี่ทำให้การออกไปจากทางตาข่ายสวรรค์เป็นทางลัดที่ดีที่สุด
เขาไปยังท้องฟ้า และไม่ทันที่เขาจะได้เข้าไปใกล้ เขาก็เห็นแสงดาวมากมายไหลเวียน ดาราจักรเปลี่ยนแปลงและกลายร่างเป็นมังกรพุ่งทะยานเข้าใส่เขา ฉินมู่ยกมือขึ้นสกัดขัดขวาง และพลังวัตรของเขาก็เปลี่ยนแปลงเป็นม่านคุ้มกันหนึ่ง ดาราจักรนั้นเข้าไปปะทะกับม่านคุ้มกันโดยทันที
ดวงดาวในดาราจักรมิได้มีสสารกายภาพ ในทางกลับกัน พวกมันเป็นรอยประทับพิสดาร พวกมันปะทะเข้าใส่กันและกันอย่างดุเดือด ในตอนแรกมันก็เป็นดาวเพียงไม่กี่สิบดวง และไม่มีอานุภาพมากนัก แต่ทว่าในชั่วพริบตานั้นเอง ดวงดาวนับไม่ถ้วนก็โถมถล่มซัดออกมาราวกับมหาสมุทร และม่านคุ้มกันที่ฉินมู่สร้างขึ้นก็จุดวูบวาบขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ในเสี้ยววินาที มันได้กลายเป็นม่านคุ้มกันที่มีแสงเจิดจ้าไปทั้งแผ่น!
ตูม
คลื่นสะท้านหวั่นไหวอันรุนแรงแล่นเข้ามา และม่านคุ้มกันจากพลังวัตรของเขาก็แตกสลายลงไป ดาราจักรถล่มร่างกายของเขา และโยนเขาตกลงจากนภากาศ!
ในชั่วระยะสั้น ดวงดาวนับไม่ถ้วนเข้ามากระแทกใส่ร่างเนื้อของเขา ฉินมู่ป้องกันการโจมตีนี้และกู่ร้องออกไป ภาษาแดนใต้พิภพอันยิ่งใหญ่อลังการดังมาจากปากของเขา “ข้าอยู่ที่ใด ที่นั่นคือแดนใต้พิภพ!”
ปราณมารที่ต้นกระถางสังหารหมุนวนขึ้นมา และก่อตัวเป็นแผ่นปฐพีอันมืดมิดใต้เท้าของเขา ถัดไปนั้น ปราณมารใต้พิภพก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และซัดกระแทกยังไปดาราจักรบนเวหา!
ฉินมู่เพิ่งตระหนักว่าเขาสามารถขับเคลื่อนพลานุภาพของกระถางสังหารได้ และเขาก็ทั้งตื่นตระหนกและปีติยินดี ดาราจักรที่โถมซัดเข้าใส่เขาถูกปราณมารใต้พิภพเป่าจนกระเจิงไปหมด เขาเหยียบลงไปบนแผ่นปฐพีแห่งแดนใต้พิภพ และร่างสูงใหญ่ขึ้นๆ ไปจนถึงดาราจักรที่ลอยหลั่นฟ้า
ดาราจักรสะท้านเขย่า และแรงสะเทือนก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้นทุกที ทันใดนั้น แสงดาวของดวงดาวนับไม่ถ้วนก็เชื่อมต่อกันและแปรเปลี่ยนเป็นตาข่ายแสงดาวอันถี่ยิบ มันร่วงลงมาจากบนฟากฟ้า และเฉือนตัดปราณมารใต้พิภพระหว่างที่ปลิวลงมา
ฉินมู่ตกตะลึง เขาขับเคลื่อนปราณมารใต้พิภพ และปราณมารอันบ้าคลั่งก็แปรเปลี่ยนเป็นมีดยาวในมือของเขา ให้เขาเฉือนฟันไปยังตาข่ายแห่งแห่งแสงดาว!
ทุกเมฆเคลื่อนมีริ้วแสงประกายเงิน!
ด้วยแสงมีดขวางและตั้งเป็นรูปกางเขน ตาข่ายแสงก็ถูกฉีกขาดออกจากกัน ฉินมู่สูดลมหายใจลึก และกายเนื้อของเขาก็ยิ่งขยายใหญ่ออกไปจนเขากลายเป็นยักปักหลั่นที่สูงกว่าหนึ่งพันห้าร้อยวา แขนทั้งสี่ของเขาซัดต่อยไปบนอากาศอย่างดุดัน และในเสี้ยววินาทีนั้น กำปั้นมากมายไร้ประมาณก็บดขยี้ดาราจักร!
ข้างนอกกระถาง เอี๋ยนเชียนจ้ง ราชาสวรรค์เกา และตัวตนโบราณทั้งหลาย ยังคงคัดง้างกันอยู่ ไม่มีใครยอมให้คนอื่นคว้าโอกาสวาสนานี้ไป และทันใดนั้น กระถางสังหารก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฝากระถางส่งเสียงเคร้งคร้างกึกก้อง และกระถางยักษ์ก็เริ่มจะโอนเอนไปมาทั้งซ้ายและขวา ราวกับว่ามีสัตว์ยักษ์จ้าวพิภพถูกตรึงสะกดเอาไว้ข้างใน และพร้อมที่จะหลุดออกมาเป็นอิสระได้ทุกเมื่อ!
ทุกคนตื่นตระหนก และลู่หลีก็รีบกล่าว “ทุกคนที่นี่แล้วแต่เป็นผู้อาวุโส และไม่มีเวลาที่จะอาละวาดแสดงโทสะอีกต่อไป ก่อนอื่นพวกเรามาเคี่ยวกรำโอรสศักดิ์สิทธิ์ให้พิภพให้ตายเถอะ แล้วค่อยมาตัดสินใจ!”
นาง เสวียนหมิง เจว้หวง และหานเหลยพลันก้าวเข้าไป และพวกเขาก็ทาบฝ่ามือลงไปยังสี่มุมของตาข่ายสวรรค์ พวกเขากระตุ้นพลานุภาพของตาข่ายสวรรค์
“ตกลง!”
เอี๋ยนเชียนจ้งก้าวไปข้างหน้า และข้างหลังเขาคือกงล้อเพลิงชั้นแล้วชั้นเล่าที่กำลังหมุนปั่นไปอย่างเกรี้ยวกราดพลังวัตรในจิตวิญญาณดั้งเดิมของเขายิ่งพุ่งออกไปราวกับลำแสงและกระแทกเข้าใส่กระถางสังหาร เขาตะโกน “พวกเรามาเคี่ยวกรำโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพให้ตกตายไปก่อน!”
ราชาสวรรค์เกาเห็นสถานการณ์ และก็ยื่นนิ้วออกไปเพื่อปาดป้ายเบาๆ ที่ใจกลางหว่างคิ้วของตน เผยให้เห็นเนตรสีเขียวหยก ลำแสงหนึ่งก็ยิงออกมาจากเนตรนั้นและชนเข้าใส่กระถางสังหาร เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ส่วนว่ากายเนื้อของโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพจะเป็นของใคร พวกเราค่อยมาหารือหลังจากที่เขาตายละกัน”
ตัวตนโบราณบางตนไม่ยื่นฝ่ามือออกไปก็อ้าปากพ่นพลังวัตรของพวกเขา ปราสาทสวรรค์อันกว้างใหญ่ไพศาลปรากฏข้างหลังพวกเขา และด้วยวิธีการต่างๆ นานา พวกเขาก็ถ่ายเทพลังวัตรเข้าไปในกระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์ ปลุกพลานุภาพของสมบัติวิเศษสองชิ้นสำคัญนี้!
“เคาะเขาให้ร่วงลงจากตาข่ายสวรรค์ก่อน!”
ลู่หลีตะโกน “ให้กระถางสังหารเคี่ยวกรำเขาให้ตาย!”
ฉินมู่ได้ต่อสู้บุกฝ่ามาจนถึงยอดดาราจักรแล้ว และพื้นดินแห่งแดนใต้พิภพใต้ฝ่าเท้าของเขาก็แผ่ขยายออกไปด้วยความเร็วอันยิ่งยวด ขณะที่เขาจะหลุดออกมาเป็นอิสระนั่นเอง ดาราจักรก็หมุนปั่น และพลานุภาพของมันก็เพิ่มพูนขึ้นอย่างมหันต์
ในเวลาเดียวกันนั้น ศีรษะทั้งสี่ของภูติบดีก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวเขา และพวกมันอ้าปากออกเพื่อกัดลงไปบนแผ่นดินแห่งแดนใต้พิภพ
บนท้องฟ้าเบื้องบน ดาราจักรได้แปรเปลี่ยนไปเป็นตาข่ายไร้ช่องโหว่เมื่อแสงดาวเชื่อมต่อกันและกัน ตาข่ายแสงดาวเฉือนตัดลงมา และพลานุภาพของมันก็แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นสิบเท่า!
ข้าหักกับมันด้วยกำลังเถื่อนไม่ได้!
แผ่นดินแห่งแดนใต้พิภพถูกสะกดข่มเอาไว้ด้วยหัวทั้งสี่ของภูติบดี ขณะที่ฉินมู่จะหลบหลีกมันด้วยการใช้ทักษะเทวะเคลื่อนย้ายระยะไกล เขาก็พลันรู้สึกถึงพลังอำนาจอันไร้ประมาณโถมพุ่งเข้ามาในตัวเขาจากกระถางสังหาร ในเสี้ยวพริบตา พละกำลังเต็มปริ่มไปทั้งร่าง และทำให้เขาประหลาดใจแกมยินดี
เดิมทีข้าไม่สามารถใช้สอยพลังอำนาจจากกระถางสังหารได้ แล้วทำไมตอนนี้ข้าถึงสามารถขับเคลื่อนช่วงใช้มันได้มากนักล่ะ
เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะราชาสวรรค์เกา เอี๋ยนเชียนจ้ง และคนอื่นๆ ที่กำลังกระตุ้นเร้าการทำงานของกระถางสังหาร พวกเขาไม่รู้ว่าการกระตุ้นเร้าการทำงานของกระถางสังหารจะทำให้ฉินมู่สามารถขับเคลื่อนพลังอำนาจแห่งแดนใต้พิภพได้มากยิ่งกว่าเดิม
รัศมีของฉินมู่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และเขากู่ร้องคำรามพลางฉีกทึ้งโซ่แสงดาวออกไปส่วนหนึ่ง ทะลวงผ่านตาข่ายแสงดาว เขาพุ่งทะยานขึ้นไปข้างบนเพื่อเผชิญกับดาราจักรอันหมุนติ้วๆ และกำลังกดทับลงมาใส่เขา
ฉินมู่ต่อยและเตะเพื่อเขย่าดาราจักรให้สะท้านหวั่นไหว และในเวลาเดียวกันนั้น ศีรษะทั้งสี่ของภูติบดีก็ไม่อาจสะกดข่มแผ่นปฐพีแห่งแดนใต้พิภพได้อีกต่อไป แผ่นปฐพีแห่งแดนใต้พิภพได้ยกฉินมู่ให้ลอยสูงขึ้นและสูงขึ้น
ข้างนอกกระถาง ลู่หลีและคนอื่นๆ รู้สึกแขนชาดิกจากแรงสั่นสะเทือน พวกเขาทั้งแตกตื่นและสยดสยอง
นับว่าฉินมู่เขื่องโขกร้าวแกร่งในกระถางมากจนเกินไป ถึงขนาดว่าทั้งกระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์ก็ไม่สามารถตรึงสะกดเขาเอาไว้ได้ หากว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็อาจจะเป่าตาข่ายสวรรค์ให้กระเด็นและทะลวงฝ่าออกมา!
“ไม่ใช่ว่ากระถางสังหารนี้คือสมบัติวิเศษเข่นฆ่าอันดับหนึ่งแห่งแดนใต้พิภพหรอกหรือ ทำไมเขาถึงไม่ถูกเคี่ยวกรำจนตาย”
ทุกคนว้าวุ่นทำอะไรไม่ถูก และพวกเขาก็ยิ่งถ่ายเทพลังวัตรมากขึ้นไปกว่าเดิมเพื่อกระตุ้นการทำงานของกระถางสังหารและตาข่ายสวรรค์ ลู่หลีรีบตะโกนไป “พวกเรามากระตุ้นให้พลานุภาพของตาข่ายสวรรค์เร่งเร้าถึงขีดสุดก่อนเถอะ เพื่อดีดเขาให้ตกลงไปก้นกระถาง!”
ในทันที ตัวตนบรรพกาลทั้งหมดก็หยุดกระตุ้นการทำงานของกระถางสังหาร และถ่ายเทพลังวัตรของพวกเขาเข้าไปในตาข่ายสวรรค์ พลานุภาพของตาข่ายสวรรค์พลันเพิ่มพูนขึ้นอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง และเสียงระเบิดดังสนั่นก็มาจากในกระถาง ทุกคนพลันรู้สึกได้ว่าแรงกดดันของพวกเขาลดลงไป แต่ทว่า พวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจับใจ และไม่รู้ว่าสถานการณ์ในกระถางเป็นอย่างไรแน่
“หรือว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ใต้พิภพจะถูกตาข่ายสวรรค์สังหารไปแล้ว” เอี๋ยนเชียนจ้งถามด้วยเสียงเบา
ในกระถาง ฉินมู่ยืนอยู่บนแผ่นดินแห่งแดนใต้พิภพ และแสงดาวก็ยิงลงมาจากดาราจักรอันหมุนติ้วๆ อยู่บนเวหา ตาข่ายแสงดาวเฉือนตัดลงมาซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแสงพร่างพรายราวประกายสายฟ้า ขับไล่ให้เขาต้องจู่โจมต้านทานอย่างเกรี้ยวกราดเพื่อจะได้ป้องกันตาข่ายนั้น