ตำนานเทพกู้จักรวาล 760 กระถางสังหาร ตาข่ายสวรรค์

ตอนที่ 760 กระถางสังหาร ตาข่ายสวรรค์

ข้างนอก​ด่าน​กุญแจ​หยก​แดน​ใต้พิภพ​ ธงอัน​ขาดวิ่น​ผืน​หนึ่ง​ปลิว​สะบัด​ใน​สายลม​เย็นเยือก​ ธงนี้​เก่า​คร่ำคร่า​จน​เกินไป​และ​ดูเหมือนว่า​จะผ่าน​สงคราม​มาก่อน​ บน​ผืน​ธงมีร่องรอย​ของ​ทักษะ​เท​วะ​ และ​รอยไหม้​ที่​ทิ้ง​ไว้​จาก​อัคคี​

บน​ธง มีกระทั่ง​สนิม​ที่​เหมือน​รอย​เลือด​

ผู้​ที่​ถือ​ธงอยู่​คือ​มาร​เท​วะ​สี่แขน​อัน​สูงร้อยห้าสิบ​วา​ แขน​หนา​ใหญ่​ทั้ง​สี่ของ​เขา​ถือ​จับ​เสาธง และสายตา​ของ​เขา​ก็​คมกริบ​และ​แน่วแน่​ เขา​จ้อง​ไป​ยัง​ประตู​ใหญ่​ด่าน​กุญแจ​หยก​อย่าง​ไม่ละสายตา​

วิ้ว​

ธงมหึมา​ปริ​แยก​ออกจาก​ลม​หนาวเหน็บ​อัน​ดุดัน​ ริ้ว​ผ้า​ยาว​สะบัด​ปลิว​ไป​ใน​สายลม​อัน​ร้ายกาจ​

ไม่ว่า​ริ้ว​ผ้า​นั้น​จะลอย​ไป​ที่ใด​ เทพเจ้า​ผู้​ยิ่งยง​ก็​ยืน​อยู่​อย่าง​ขึงขัง​ใน​กระบวน​แถว​ พวกเขา​สวมใส่​เสื้อเกราะ​อัน​เก่า​พัง​บน​ร่างกาย​ และ​ถือ​เทพ​ศาสตรา​และ​มาร​ศาสตรา​ที่​แตกหัก​อยู่​ใน​มือ​ พวกเขา​ล้วนแต่​ยืน​อยู่​อย่าง​เงียบกริบ​ข้างหลัง​ธงใหญ่​

จำนวน​ของ​เทพเจ้า​ที่มา​นั้น​มากมาย​เกินไป​ พวกเขา​เรียง​ราว​กัน​ยาวเหยียด​สุดลูกหูลูกตา​

และ​ที่​ใจกลาง​ของ​กองทัพ​ มัน​ก็​มีฉัตร​จักรพรรดิ​อัน​มีรู​โหว่​ใหญ่​ๆ มากมาย​ ฉัตร​นี้​คลี่​คลุม​พื้นที่​รัศมี​หลาย​สิบ​ลี้​ และ​ภายใต้​ฉัตร​ก็​มีเสาอัน​หนา​ใหญ่​เท่า​เสาค้ำฟ้า​ ข้างๆ​ มัน​นั้น​คือ​บัลลังก์​ที่​ก่อ​ขึ้น​จาก​กระดูก​มังกร​ขนด​

สายลม​นั้น​รุนแรง​เกินไป​

ตัวตน​มหึมา​อัน​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​สะบัด​ผ้าคลุม​สีแดง​เลือด​ของ​เขา​เพื่อ​ป้องกัน​ไม่ให้​มัน​ถูก​เป่า​หลุด​ไป​กับ​ลมหนาว​ ใบหน้า​ของ​เขา​ซีด​ขาว​ และ​เขา​ไอ​อย่าง​หนักหน่วง​อยู่​หลายครั้ง​

“หลังจาก​จักรพรรดิ​แดง​ได้รับบาดเจ็บ​จาก​โอรส​หยิน​สวรรค์​ใน​คราว​นั้น​ เจ้ายัง​ไม่ฟื้น​กลับมา​ดี​อีก​หรือ​” หญิงสาว​ผู้​หนึ่ง​ซึ่งมีร่าง​งูและ​ศีรษะ​ของ​มนุษย์​เลื้อย​เข้ามา​ใกล้​เขา​ แต่​นาง​กล่าว​ด้วย​เสียง​ของ​บุรุษ​

สีหน้า​ของ​จักรพรรดิ​แดง​ดู​ไม่ดี​เท่าไร​นัก​ และ​เขา​กล่าว​อย่าง​ไม่ยินดียินร้าย​ “จักรพรรดิ​แดง​? ข้า​ตาย​ไป​แล้ว​ ข้า​ไม่คู่ควร​กับ​คำ​เรียก​หาว่า​จักรพรรดิ​แดง​ จักรพรรดิ​แดง​คน​ปัจจุบัน​คือ​ฉีเสีย​อวี๋​ เด็กสาว​คน​นั้น​ เรียก​ข้า​ว่า​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​เถอะ​”

ลู่​หลี​ยิ้ม​อย่าง​หวาน​หยด​ “ใน​ช่วง​ปลาย​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่ง จักรพรรดิ​แดง​ต่อสู้​กับ​ฉีเสีย​อวี๋​ แม้พ่ายแพ้​ก็​ยัง​สมเกียรติยศ​ แม้ว่า​จักรพรรดิ​แดง​จะตาย​ไป​ ฉีเสีย​อวี๋​ก็ได้​แต่​ต้อง​ยอมแพ้​ให้​แก่​เจ้า…”

เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ไม่สบอารมณ์​ “ไสหัวไป​”

“รับทราบ​”

ลู่​หลี​ใบหน้า​เกลื่อน​ยิ้ม​และ​นาง​เดิน​ไป​ยัง​ค่าย​ทัพ​อื่น​ กองทัพ​เทพ​เจ้าที่​มีไพร่พล​นับไม่ถ้วน​เหล่านี้​มิใช่กำลัง​รบ​ทั้งหมด​ที่มา​ใน​คราวนี้​ พวกเขา​เป็น​เพียงแค่​กองทัพ​เทพยดา​ภายใต้​บัญชา​ของ​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​

เดิมที​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​เป็น​จักรพรรดิ​แดง​แห่ง​สภาสวรรค์​เดิม​ ใน​ช่วง​ปลาย​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​สูงส่ง สภาสวรรค์​เดิม​หมาย​ที่จะ​ทำลายล้าง​สภาสวรรค์​จักรพรรดิ​สูงส่ง จักรพรรดิ​แดง​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​เผชิญหน้า​กับ​ฉีเสีย​อวี๋​ และ​แม้ว่า​ทั้งสอง​ยอด​ยุทธ​ระดับ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​นี้​จะแข็งแกร่ง​ไร้​ปาน​เปรียบ​ แต่​ฉีเสีย​อวี๋​ก็​เก่งกาจ​กว่า​เล็กน้อย​ และ​นาง​ก็​สามารถ​สังหาร​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​ได้​สำเร็จ​

แต่ทว่า​ ฉีเสีย​อวี๋​ก็​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ และ​ถูก​สภาสวรรค์​เดิม​จับตัว​ไป​ นาง​ถูก​บังคับ​ให้​ศิโรราบ​และ​กลาย​มาเป็น​จักรพรรดิ​แดง​สวรรค์​ทักษิณ​คน​ใหม่​

นี่​คือ​เรื่องราว​ที่​ลู่​หลี​ฟื้นฝอย​ขึ้น​มาเมื่อครู่นี้​

เดิมที​เอี๋ยน​เชีย​นจ้ง​เป็น​จักรพรรดิ​แดง​ และ​หลังจากที่​เขา​ตาย​ไป​ เขา​ก็​ลงมา​เป็น​จักรพรรดิ​ภูตผี​ใน​แดน​โบราณ​วินาศ​ แต่ทว่า​เขา​นั้น​ห่างไกล​จาก​ความสำราญ​ทาง​เนื้อหนัง​ หลังจากที่​เขา​กลายเป็น​ภูตผี​ เขา​ก็ได้​สูญเสีย​สัมผัส​เนื้อหนัง​ทั้งหมด​ สิ่งใด​ที่​เขา​กิน​ไม่มีรสชาติ​ และ​เขา​ไม่อาจ​ได้​กลิ่นหอม​ของ​ดอกไม้​ แม้ว่า​เขา​จะอยู่​เลิศ​ล้ำ​เหนือ​ผู้คน​ทั้งหลาย​ เขา​ก็​ยังคง​ต้อง​รับ​คำสั่ง​จาก​สภาสวรรค์​ ดังนั้น​เขา​ย่อม​อารมณ์ไม่ดี​

ลู่​หลี​กระตุ้นเตือน​เขา​ และ​ยิ่ง​ทำให้​เขา​หงุดหงิด​

ลู่​หลี​มายัง​ค่าย​ทัพ​ข้างๆ​ เขา​ และ​นาง​ก็​เห็น​เทพเจ้า​ผู้​ใหญ่โตมโหฬาร​เกิน​จะเทียบ​เทียม​ยืน​อยู่​ตรงนั้น​ ร่าง​ของ​เขา​เหมือนกับ​หิน​ผา​ นาง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “รัชทายาท​จิ่ว​ซี บุตร​แห่ง​พระ​แม่ธรณี​ อาการ​บาดเจ็บ​ของ​เจ้าเป็น​อย่างไรบ้าง​แล้ว​”

“ใน​ช่วง​หลาย​ปี​มานี้​ ข้า​ได้​กลืน​กิน​ดวงวิญญาณ​ไป​มากมาย​ และ​ก็​ฟื้นฟู​กลับมา​ในที่สุด​”

ยักษ์​หิน​เอี๋ยนจิ่ว​ซีฉีก​ยิ้ม​และ​กล่าว​ “การศึก​ใน​วันนี้​ ข้า​จะต้อง​เด็ดหัว​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​มาให้จงได้​!”

เทพเจ้า​ที่อยู่​ใต้​บัญชา​ของ​เขา​ล้วนแต่​เป็น​ครึ่ง​เทพ​ และ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​เป็น​ครึ่ง​เทพ​ตน​หนึ่ง​อันเป็น​ทร​ราชย์​ที่​ปกครอง​แดนดิน​ใน​ช่วง​ยุคสมัย​หลง​ฮั่น​!

ลู่​หลี​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “รัชทายาท​จิ่ว​ซี คราวนี้​พวกเรา​มิได้​พยายาม​สังหาร​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ พวกเรา​เพียงแต่​จะช่วงชิง​ชะตา​ และ​แย่งชิง​กาย​เนื้อ​ของ​เขา​เท่านั้น​”

เอี๋ยนจิ่ว​ซีแค่น​เสียง​ และ​คำพูด​ของ​เขา​ก็​กึกก้อง​ไป​ดุจ​อสุนีบาต​ “ลู่หลี่​ อย่า​คิด​ว่า​ข้า​จะไม่รู้​ว่า​เจ้ากำลัง​วางแผน​อะไร​อยู่​ เมื่อ​ครั้งกระโน้น​ ตอนที่​เจ้าเชื้อเชิญ​เทพเจ้า​ทั้งหมด​ใน​แดน​ใต้พิภพ​เพื่อ​ล้อม​ปราบ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ เจ้าก็​ลงเอย​ด้วย​การ​สูญเสีย​ผู้คน​ของ​พวก​ข้า​ และ​แม้กระทั่ง​ได้รับ​บาดเจ็บสาหัส​ ใน​ภายหลัง​ เจ้าก็​รวบรวม​อิทธิพล​อำนาจ​ของ​พวก​ข้า​เพื่อ​สร้างสรรค์​เทพ​ศาสตรา​ที่​เรียก​ว่า​ตาข่าย​สวรรค์​สะกด​เทพยดา​ และ​บอ​กว่า​เจ้าต้องการ​จับตัว​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​มาให้​พวก​ข้า​จัดการ​ตามใจ​ แต่ทว่า​ หลังจากที่​สร้าง​ตาข่าย​สวรรค์​สยบ​เทพยดา​ขึ้น​มาแล้ว​ เจ้าก็​ถ่วงเวลา​ไม่ลงมือ​เสียที​ ความทะเยอทะยาน​ของ​เจ้าสูงล้ำ​ และ​เจ้าก็​กำลัง​คิด​ที่จะ​กลายเป็น​ภูติ​บดี​อีก​คน​!”

ลู่​หลี​ผงกศีรษะ​และ​ยอมรับ​ทุกสิ่งทุกอย่าง​ที่​เขา​กล่าว​ “ข้า​ไม่เคย​มีโอกาส​ลงมือ​ใน​โลก​แห่ง​คน​เป็น​ และ​ตาข่าย​สวรรค์​สยบ​เทพยดา​อาจจะ​ไม่สามารถ​กำจัด​เขา​ได้​”

นาง​มายังอีก​ค่าย​ทัพ​หนึ่ง​และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เทพี​เสวียน​อู่​จี!”

เทพี​อู่​จีเหลือบ​แล​นาง​และ​กล่าว​อย่าง​ชืด​ชา “ไม่จำเป็นต้อง​พูดจา​ให้​มากความ​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​และ​ข้า​มีความแค้น​อัน​ลึกล้ำ​ พวก​ข้า​มิอาจ​อยู่ร่วม​ฟ้าเดียวกัน​ แต่​ถึงอย่างไร​ ลู่​หลี​ เจ้าก็​ไม่ใช่ตัวดี​อัน​ใด​เช่นกัน​ หากว่า​ไม่ใช่เพราะ​เจ้าเอาชนะ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ไม่ได้​ และ​มาเรียก​บุตร​ของ​ข้า​ไป​ช่วย​ บุตร​ของ​ข้า​จะถูก​เขา​จับ​กิน​ไหม​”

ลู่​หลี​กล่าว​อย่าง​เที่ยงธรรม​ “บาปกรรม​ของ​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ท่วม​ฟ้า และ​เขา​ก็​เป็นความ​ชั่วร้าย​อัน​มหันต์​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ เทพี​อู่​จีกระเดื่อง​เลื่องลือ​ใน​การ​ศึกสงคราม​ ทำลายล้าง​สภาสวรรค์​มากมาย​จนกระทั่ง​ดับสิ้น​กัน​ไป​ข้าง​ ลู่​หลี​เคารพ​เลื่อมใส​ท่าน​อยู่​เสมอ​ แล้ว​ทำไม​ข้า​ถึงจะจงใจปล่อย​ให้​องค์​ชาย​ไป​ทิ้ง​ชีวิต​เสีย​ล่ะ​”

นาง​ไป​ยังอีก​ค่าย​ทัพ​หนึ่ง​และ​โค้ง​คารวะ​ “เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​”

นั่น​คือ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ที่​มีเพียง​สามวิญญาณ​ของ​เทพเจ้า​ก่อน​ฟ้าดิน​ เทพ​บรรพกาล​อัน​ปราศจาก​จิต​ทั้ง​เจ็ด​ พวกเขา​มีเพียงแค่​วิญญาณ​ทั้ง​สาม

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​คน​ปัจจุบัน​ใน​สภาสวรรค์​เป็นยอด​ฝีมือ​จาก​ยุคสมัย​จักรพรรดิ​ก่อตั้ง​ ในขณะที่​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ใน​แดน​โบราณ​วินาศ​นี้​ คือ​เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ตัวจริง​

เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​เหมือนกับ​นก​ตัว​ใหญ่​มหึมา​ที่​ยืน​อยู่​บน​ขา​ทั้ง​สามข้าง​ ขนนก​ของ​เขา​เรียบ​ลื่น​ไป​กับ​ร่างกาย​และ​ไม่ปัด​เป๋​เลย​แม้แต่น้อย​ “ผู้บัญชาการ​แคว้น​ไม่ต้อง​กังวล​ พวกเรา​จะไม่ปล่อย​ให้​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​หลบหนี​ไป​ได้​ใน​คราวนี้​”

“ความเร็ว​ของ​เทพ​ครอง​ดาว​มหา​ตะวัน​ไร้​เทียมทาน​ใน​โลก​หล้า​ เจ้าจะต้อง​ไล่ต้อน​จน​เขา​ไม่มีที่​ซุกหัว​หนี​แน่นอน​”

ลู่​หลี​ยังคง​เดิน​ต่อไป​เพื่อ​เยือน​คารวะ​แก่​ผู้มีอิทธิพล​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ผู้มีอิทธิพล​บางคน​ก็​ถึงกับ​แปลงร่าง​เนื้อ​เป็น​ปราสาท​สวรรค์​ และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ก็​นั่ง​อยู่​บน​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ใน​ปราสาท​สวรรค์​นั้น​ ดู​น่าเกรงขาม​และ​ประทับใจ​

ผู้มีอิทธิพล​เหล่านี้​คือ​ยอด​ฝีมือ​ใน​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​ที่​ได้​ตาย​ลง​ไป​ใน​ช่วง​หนึ่ง​ล้าน​ปี​ที่ผ่านมา​ และ​ก็​ยังมี​ครึ่ง​เทพ​บาง​ตน​ที่​ตาย​ไป​ก่อน​นั้น​เสีย​อีก​ เนื่องจาก​ความ​ชราภาพ​เสีย​ก่อนที่จะ​ระบบ​การ​ฝึก​วร​ยุทธ​ทักษะ​เท​วะ​และ​ปราสาท​สวรรค์​จะปรากฏ​ขึ้น​มาใน​โลก​

แต่​ถึงอย่างไร​ กำลัง​ฝีมือ​ของ​พวกเขา​ก็​น่า​ตื่นตระหนก​ แม้ว่า​พวกเขา​จะไม่มีเขต​ขั้น​วร​ยุทธ​ แต่​กำลัง​ฝีมือ​ของ​เขา​ก็​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​

ลู่​หลี​เยือน​คารวะ​ตลอดทาง​และ​พบ​กับ​ผู้มีอิทธิพล​หนึ่งร้อย​ตน​ ก่อนที่จะ​มายัง​ค่าย​ทัพ​ของ​นาง​เอง​

ใน​ค่าย​นี้​ มีมาร​เท​วะ​ใต้พิภพ​เหลืออยู่​เพียง​ร้อย​ตน​ และ​สัตว์ประหลาด​เพียง​ไม่กี่​พัน​

การ​โจมตี​ยมโลก​เมื่อ​คราวก่อน​ ผู้เฒ่า​นำทาง​ความตาย​จู่ๆ ก็​ย่อง​ออก​ไป​ และ​ทำให้​นาง​ต้อง​ทิ้ง​กองทัพ​เพื่อ​หลบหนี​กลับ​เข้ามา​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ ที่​เหลือ​นั้น​ถูก​เข่นฆ่า​ไป​เกือบ​หมด​

เจว้​หวง​ เสวียน​หมิง​ และ​หา​น​เห​ลย​ลุกขึ้น​มา มาร​เท​วะ​หนึ่งร้อย​และ​สัตว์ประหลาด​หลาย​พัน​พวก​นี้​คือ​กำลัง​ทหาร​ทั้งหมด​เท่า​ที่สี่​มหา​ผู้บัญชาการ​แคว้น​ครอบครอง​อยู่​

เสวียน​หมิง​เต็มไปด้วย​ความกังวล​ และ​เขา​ก็​ขมวดคิ้ว​ “คราวก่อน​ก็​มียอด​ยุทธ​ฝีมือ​แกร่ง​มากมาย​ แต่​พวกเขา​ก็​ถูก​ฆ่าล้างผลาญ​อย่าง​น่าสังเวช​ไป​เมื่อ​คราวก่อน​ไม่ใช่หรือ​ คราวนี้​พวกเรา​จะจับ​เขา​ได้​จริงๆ​ หรือ​”

ลู่​หลี​เต็มไปด้วย​ความมั่นใจ​ ยิ้ม​กล่าว​ “คราวนี้​มัน​ต่าง​ออก​ไป​ เมื่อ​คราวก่อน​พวก​ผู้มีอิทธิพล​มั่นใจ​ใน​ตนเอง​มากเกินไป​ และ​คิด​ว่า​จะเอาชนะ​เขา​ได้​ จึงล้วนแต่​ไป​สู้กับ​เขา​ตัวต่อตัว​ และ​ไม่มีใคร​ที่​เข้า​กลุ้มรุม​ต่อสู้​กับ​เขา​ ดังนั้น​พวกเขา​ทั้งหมด​จึงสูญเสีย​ความได้เปรียบ​ โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​สู้ไป​พลาง​หนี​ไป​พลาง​ ดังนั้น​เขา​จึงง่าย​ที่จะ​ลงมือ​ร่าย​กระบวนท่า​”

นา​งอด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้มหัว​และ​กล่าว​ “ตอนนี้​พวก​วัตถุ​โบราณ​พวก​นั้น​คงจะ​หน้าด้าน​กว่า​เดิม​ ตราบใดที่​พวกเรา​ตั้ง​ทัพ​อยู่​ที่นี่​และ​ขัด​ขวางหน้า​ประตู​ด่าน​กุญแจ​หยก​เอาไว้​ เขา​ก็​ไม่มีทาง​หนี​ไป​ไหน​รอด​ ด้วย​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​ตำหนัก​ชิด​ฟ้าและ​บัลลังก์​จักรพรรดิ​มากมาย​ขนาด​นี้​ ชีวิต​เขา​ก็​ไม่ได้​อยู่​ใน​กำมือ​เขา​อีกต่อไป​! ยิ่งไปกว่านั้น​…”

นาง​มอง​ไป​ยัง​ค่าย​ทัพ​ และ​ที่​ใจกลาง​ค่าย​ มาร​เท​วะ​และ​สัตว์ประหลาด​มากมาย​กำลัง​อารักขา​เทพ​ศาสตรา​มหึมา​ชิ้น​หนึ่ง​

รูปทรง​ของ​เทพ​ศาสตรา​นี้​เหมือนกับ​กระถาง​ยักษ์​ และ​ผนัง​ของ​มัน​ตราประทับ​เอาไว้​ด้วย​อักษร​รู​น​ทุกชนิด​ ก่อ​ขึ้น​มาเป็น​ภาพ​ของ​ดิน​ น้ำ​ ลม​ ไฟ ภูเขา​ แม่น้ำ​ ทะเลสาบ​ และ​มหาสมุทร​ ทั้ง​ยังมี​ภาพ​ของ​ครึ่ง​เทพ​ มนุษย์​หัว​มังกร​ มนุษย์​หัว​หงส์​เพลิง​ มนุษย์​หัว​พยัคฆ์​ ฯลฯ​

บน​ผนัง​ข้างใน​กระถาง​คือ​สุริยัน​จันทรา​ และ​ดวงดาว​ทั้งหลาย​ ขณะที่​ใต้​กระถาง​นั้น​คือ​เวท​ปิดผนึก​จำนวน​นับไม่ถ้วน​

ลู่​หลี​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “กระถาง​นี้​จะเป็น​สมบัติ​วิเศษ​ที่​ใช้เคี่ยว​หลอม​เขา​ เมื่อ​ภูติ​บดี​กลับ​ชาติ​ไป​เกิด​ เขา​ก็ได้​หลอม​สร้าง​กระถาง​สังหาร​นี้​ เขา​สังหาร​เทพ​บรรพกาล​และ​ครึ่ง​เทพ​มากมาย​เหลือ​คณานับ​ใน​ตอนนั้น​ และ​สามารถ​ใช้พวก​นั้น​เพื่อ​หลอม​สร้าง​มาร​เท​วะ​ศาสตรา​อัน​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​แดน​ใต้พิภพ​! กระถาง​สังหาร​ใต้พิภพ​สามารถ​กักขัง​เขา​เอาไว้​ได้​ แต่​สิ่งที่​สำคัญ​ที่สุด​คือ​นี่​”

นาง​นำ​เอา​ฝาสี่เหลี่ยม​ออกมา​ และ​ฝานั้น​ประทับ​รอย​เอาไว้​ด้วย​สวรรค์​กลม​และ​พิภพ​จัตุรัส​จำนวนมาก​

ใน​สวรรค์​กลม​คือ​แดน​ปริศนา​และ​พิภพ​จัตุรัส​คือ​แดน​ใต้พิภพ​

“ตราบเท่าที่​เรา​ฉวยโอกาส​ระหว่าง​ที่​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​เริ่ม​ต่อสู้​กับ​พวกเขา​ เพื่อ​ลอบ​ดูด​เขา​เข้าไป​ใน​กระถาง​สังหาร​ใต้พิภพ​ เขา​ก็​จะทำ​อะไร​ไม่ได้​เลย​เมื่อ​พวกเรา​ปิด​ทับ​ลง​ไป​ด้วย​ตาข่าย​สวรรค์​สะกด​เทพยดา​!”

ใน​จังหวะ​นั้น​เอง​ ประตู​แห่ง​ด่าน​กุญแจ​หยก​ก็​เปิด​ออก​ และ​เสียง​แตร​เขา​สัตว์​ลั่น​มา มัน​ตาม​ด้วย​เสียง​ตี​กลอง​ศึก​ที่​กึกก้อง​สะเทือน​อก​

สายตา​นับไม่ถ้วน​มอง​ไป​ยัง​ประตู​ที่​เปิด​อ้า​ และ​พวกเขา​ก็​เห็น​เทพเจ้า​สามเศียร​หก​กร​ตน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​อย่าง​เยือกเย็น​

“โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​!”

เทพ​และ​มาร​จาก​ค่าย​ทัพ​ส่งเสียง​ระเบ็งเซ็งแซ่​ และ​รัศมี​อัน​เข้มงวด​เปี่ยม​วินัย​ที่​กด​ทับ​ลง​มายัง​ทุกๆ​ คน​ก่อนหน้านี้​ก็​แปร​เปลี่ยนเป็น​ความหวาดกลัว​ที่​แพร่กระจาย​ไป​ท่ามกลาง​ทวยเทพ​

ความกลัว​

กาล​ครั้งหนึ่ง​ ไม่มีใคร​ใส่ใจโอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ แต่​หลังจาก​การต่อสู้​อัน​ดุเดือด​เมื่อ​ยี่​สิบสอง​ปีก่อน​ ที่​สัประยุทธ์​กันลง​มาจาก​เขา​เก้า​บิด​จนกระทั่ง​ถึงซาก​สมรภูมิ​ข้างหลัง​พวกเขา​ มีตัวตน​อัน​สลักสำคัญ​สังเวย​ชีวิต​มากมาย​เกินไป​ พวกเขา​ถูก​โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​กลืน​กิน​เข้าไป​ และ​ดวงวิญญาณ​ก็​ถูก​ย่อยสลาย​!

โอรส​ศักดิ์สิทธิ์​ใต้พิภพ​ได้​ลบล้าง​ตัวตน​อัน​ทรงอำนาจ​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ออก​ไป​จาก​โลก​นี้​อย่าง​สิ้นเชิง​!

ความโหดเหี้ยม​ของ​เขา​ทำให้​แม้แต่​มาร​เท​วะ​ที่​ดุร้าย​ที่สุด​ก็​ไม่กล้า​เอ่ย​นาม​ของ​เขา​แม้ว่า​เขา​จะถูก​เนรเทศ​ออก​ไป​ยี่​สิบสอง​ปีก่อน​!

ฉิน​มู่ก้าว​ไป​ทีละ​ก้าว​ออก​ไป​จาก​ประตูเมือง​ ข้าง​หลังเขา​ ประตู​อัน​หนา​หนัก​แห่ง​ด่าน​กุญแจ​หยก​ค่อยๆ​ ปิด​ลง​ไป​ ทันใดนั้น​ สายตา​ของ​เขา​ก็​จ้องเขม็ง​ไป​ยัง​ค่าย​ทัพ​ และ​เขา​ก็​เห็น​เทพ​เจ้าที่​ดู​เหมือนกับ​มนุษย์​ต้นไม้​

ฉิน​มู่ตกตะลึง​ขณะที่​ประตู​ปิด​เสียง​ดังสนั่น​ ลมแรง​กระโชก​ออกมา​

“พี่ชาย​ ดูเหมือนว่า​ข้า​จะเห็น​ท่าน​พ่อ​” เขา​กล่าว​อย่าง​แผ่วเบา​

“ท่าน​พ่อ​?”

ทารก​หัวโต​ข้างๆ​ คอ​ของ​เขา​ยังคง​ทำ​หน้าบูด​อยู่​ และ​เขา​ก็​แค่น​เสียง​เฮอะ​ “ท่าน​พ่อ​คงจะ​ชอบ​เจ้ามากกว่า​ใช่ไหม​ล่ะ​ หากว่า​ท่าน​พ่อ​เห็น​ข้า​แล้วก็​เห็น​เจ้า เขา​ก็​จะต้อง​ไป​อุ้ม​เจ้าขึ้น​มากอด​มาหอม​ เขา​จะไม่กอด​ไม่หอม​ข้า​ ท่าน​พ่อ​ ท่าน​ช่างลำเอียง​นัก​”

ฉิน​มู่ระเบิด​หัวเราะ​ออกมา​ และ​เขา​มอง​ไป​กระบวน​ทัพ​เทพเจ้า​ตรงหน้า​ มัน​กว้างใหญ่​ไพศาล​และ​ไม่มีจุดสิ้นสุด​ มีก็​แต่​ธงศึก​อัน​ขาดวิ่น​และ​เรือ​เหาะ​ที่​มองเห็น​อยู่​บน​อากาศ​

“พี่ชาย​ ทักษะ​เท​วะ​ที่​เจ้าร้อง​เสียง​ อา​ อา​ อา​ มัน​ขับเคลื่อน​ออกมา​อย่างไร​” เขา​ถามด้วย​รอยยิ้ม​

ทารก​หัวโต​กอดอก​และ​ยิ้ม​หยัน​ “อา​ อา​ อา​ อะไร​”

ฉิน​มู่ครุ่นคิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​และ​กล่าว​ “มัน​น่าจะเป็น​ ชี่ ชี่ ชี่ เหมือนกับ​ดูด​ลม​เข้าไป​เพื่อ​ดึงดูด​ดวงวิญญาณ​และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​เข้ามา​ ทักษะ​เท​วะ​ที่​ใช้สำหรับ​กลืน​กิน​ ข้า​เห็น​เทพเจ้า​หลาย​พัน​เหลือ​เพียงแต่​เปลือก​อัน​ว่างเปล่า​ใน​ปราสาท​สวรรค์​แห่ง​หนึ่ง​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ถูก​เจ้ากิน​เข้าไป​หมด​”

“เจ้าหมายถึง​อันนั้น​หรือ​”

ทารก​ยักษ์​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เจ้านี่​โง่จริงๆ​ เจ้าก็​แค่​สูด​ลมหายใจ​เข้าไป​”

ฉิน​มู่ตะลึง​ และ​เขา​ก็​ร้อง​ออกมา​ “ข้า​ก็​แค่​สูด​ลมหายใจ​งั้น​หรือ​ เจ้าเคย​คิดดู​ถึงหลัก​เหตุผล​ที่อยู่​เบื้องหลัง​มัน​ไหม​ เส้นทาง​ไหน​ที่​เจ้าใช้เวลา​สูด​ลมหายใจ​ อักษร​รู​น​พื้นฐาน​ไหน​ที่​เจ้าใช้สอย​”

ทารก​หัวโต​เหม่อ​งง

ฉิน​มู่ถอนหายใจ​และ​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ “พี่ชาย​ เพราะ​พลัง​อำนาจ​ของ​เจ้ามีคุณภาพ​อัน​เลิศ​ล้ำ​จน​เกินไป​ ทำให้​เมื่อ​เจ้ายกมือ​วาด​เท้า​ ก็​เท่ากับ​ร่าย​ทักษะ​เท​วะ​ออกมา​ไป​หมด​ ข้า​นั้น​ไม่เก่งกาจ​เท่า​ ดังนั้น​ข้า​จึงต้อง​เค้น​สมอง​คิด​และ​ตรึกตรอง​ทำความเข้าใจ​ทักษะ​เท​วะ​ ดังนั้น​ข้า​จะต้อง​ขบ​คิดถึง​หลัก​เหตุผล​ ขบคิด​การ​ใช้สอย​มรรคา​ วิชา​ และ​ทักษะ​เท​วะ​ และ​ยัง​รวมถึง​อักษร​รู​น​พื้นฐาน​ ทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​และ​หลัก​กฎ​แห่ง​เต๋า​อัน​ยิ่งใหญ่​ล้วนแต่​อยู่​ใน​นิพนธ์​ใต้พิภพ​ เจ้ารู้​แต่ว่า​จะใช้มัน​อย่างไร​ แต่​เจ้าไม่รู้​หลัก​เหตุผล​ว่า​มัน​มาได้​อย่างไร​”

เขา​ก้าว​ออก​ไป​ข้างหน้า​ ร่างกาย​ของ​เขา​สูงใหญ่​ขึ้น​และ​สูงใหญ่​ขึ้น​ เขา​แบ่ง​สอง​แขน​ให้​ฉิน​เฟิงชิงควบคุม​ ขณะที่​เขา​ควบคุม​อีก​สี่แขน​

เขา​ยืด​แขน​ทั้ง​สี่ออก​ไป​ราวกับว่า​เขา​พยายาม​จะโอบอุ้ม​สวรรค์​และ​พิภพ​ เขา​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่ชาย​ เบิ่ง​ตา​ดู​ให้​ดี​ๆ ถึงทักษะ​เท​วะ​ใต้พิภพ​ที่​ข้า​ตรึกตรอง​เข้า​ใจมา”

บน​แผ่นดิน​อัน​ดึกดำบรรพ์​ที่สุด​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​ภูติ​บดี​ ปราณ​มาร​อัน​เข้มข้น​และ​ดิบ​ดำ​ที่สุด​ไหล​พรั่งพรู​มายัง​เขา​อย่าง​เชี่ยวกราก​ ประกาย​สายฟ้า​และ​เสียง​ฟ้าคำราม​ปรากฏ​ให้​เห็น​และ​ให้​ได้ยิน​มาจาก​ความมืด​

“ตาย​ซะ!”

เสียงร้อง​เกรี้ยวกราด​ราวกับ​คลื่น​อสุนีบาต​ดัง​มาจาก​ค่าย​ทัพ​ฝั่งตรงข้าม​ และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​เทพเจ้า​นับไม่ถ้วน​ก็​พลัน​กรู​กัน​เข้ามา​พร้อมกับ​ศาสตราวุธ​ใน​มือ​ ทักษะ​เท​วะ​มากมาย​ไร้​ประมาณ​สร้าง​แสงสว่าง​อาบ​ย้อม​ไป​ทั้ง​ด่าน​กุญแจ​หยก​ และ​หลังจาก​แสงของ​ทักษะ​เท​วะ​ มัน​ก็​คือ​เทพ​ศาสตรา​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ที่​ยังคง​มีฤทธา​นุ​ภาพ​อยู่​แม้ว่า​มัน​จะแตกหัก​ไป​แล้ว​!

ทารก​หัวโต​ตื่นเต้น​ขึ้น​มา และ​เขา​ก็​ทำ​ท่าจะ​ลงมือ​ใช้กระบวนท่า​ แต่​ทันใดนั้น​ฉิน​มู่ก็​หันกลับ​ไป​ ปาก​บน​ใบหน้า​เขา​อ้า​ออก​ และ​ภาษาเทพ​ใต้พิภพ​ก็​ดัง​ออก​มาจาก​ปาก​ของ​เขา​

วูชชช​

เทพเจ้า​นับไม่ถ้วน​ที่​กำลัง​วิ่ง​ตะบึง​เข้ามา​พลัน​ร่วง​ล้ม​ราวกับ​ฟอง​คลื่น​ขาว​ใน​มหาสมุทร​ สิ่งที่​ร่วง​ล้ม​อยู่​กับ​พื้น​ล้วนแต่​เป็น​โครงกระดูก​ขาวโพลน​ปาน​หิมะ​ เทพเจ้า​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​เหล่านี้​ก็ได้​นำ​ซาก​สังขาร​ของ​ตน​เข้ามา​ใน​แดน​ใต้พิภพ​ และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​ของ​พวกเขา​ก็​สิงสถิต​อยู่​ใน​ซากศพ​เหล่านั้น​ ทว่า​ใน​ตอนนี้​ ร่างกาย​ของ​เทพเจ้า​นับไม่ถ้วน​กำลัง​เน่าเปื่อย​ด้วย​ความเร็ว​ที่​ตา​มองเห็น​!

เพราะว่า​พวกเขา​กำลัง​วิ่ง​ฮือ​เข้ามา​ โครงกระดูก​จึงได้​แต่​กลิ้ง​ม้วน​ไป​ข้างหน้า​ทำให้​พวกเขา​ก่อ​ขึ้น​เป็น​คลื่น​กระดูก​ขาว​ที่​เหยียดยาว​ไป​หลาย​พัน​ลี้​

ใบหน้า​อีก​หน้า​ของ​ฉิน​มู่หันมา​ และ​เขา​สูด​ลมหายใจ​ลึก​ ใบหน้า​ก่อน​ยังคง​ร่าย​มน​ตรา​ และ​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​จำนวน​นับไม่ถ้วน​จาก​โครงกระดูก​ขาว​ก็​โบยบิน​กลับมา​ ทักษะ​เท​วะ​มากมาย​ไร้​ประมาณ​ เทพ​ศาสตรา​ มาร​ศาสตรา​ ต่าง​ก็​สูญเสีย​การควบคุม​และ​ระเบิด​ออก​อย่าง​ไม่หยุดหย่อน​กลางอากาศ​ อาวุธ​แตกหัก​ปลิว​ว่อน​และ​ร่วง​ไป​ทั่ว​สารทิศ​

จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​เหล่านี้​มีจำนวน​หลาย​หมื่น​ และ​พวก​มัน​ก็​พรั่งพรู​เข้ามา​โดย​ควบคุม​ตนเอง​ไม่ได้​!

ฉิน​มู่หันกลับ​ไป​ “พี่ชาย​ ตา​เจ้าแล้ว​!”

ทารก​หัวโต​นั้น​ตื่นเต้น​อย่าง​ฉุด​ไม่อยู่​ เขา​อ้า​ปากกว้าง​ราวกับ​ปลาวาฬ​และ​กลืน​เอา​จิตวิญญาณ​ดั้งเดิม​หลาย​หมื่น​ตน​ของ​เทพเจ้า​เหล่านั้น​เข้าไป​ทั้งหมด​!

ฉิน​มู่หันไป​อีกครั้ง​ และ​ยก​ฝ่ามือขึ้น​ เทพ​ศาสตรา​และ​มาร​ศาสตรา​จำนวน​นับไม่ถ้วน​แข็ง​ค้าง​อยู่​บน​เวหา​

เขา​สืบเท้า​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ และ​อาวุธ​มากมาย​ไร้​ประมาณ​บน​ท้องฟ้า​ก็ตาม​การเคลื่อนไหว​ของ​เขา​ไป​เพื่อ​วกกลับ​กดดัน​ฝ่ายตรงข้าม​

ตำนานเทพกู้จักรวาล

ตำนานเทพกู้จักรวาล

Score 10
Status: Completed

อ่าน ตำนานเทพกู้จักรวาล PDF ตอน 1 – 443 คลิกเพื่ออ่าน

( อ่านต่อด้านล่าง )


ในดินแดนรกร้าง ยังมีหมู่บ้านประหลาดซึ่งเต็มไปด้วยผู้เฒ่าพิการ ขาเป๋ เป็นใบ้ ตาบอด หูหนวก

เหล่าคนชราเก็บทารกแรกคลอดที่ลอยน้ำผ่านมาได้ เลี้ยงดูจนเติบใหญ่และตั้งชื่อให้ว่า… ฉินมู่

ฉินมู่ หนุ่มน้อยหน้าซื่อตาใสเจ้าของรอยยิ้มกระชากใจ ‘พี่สาว’ ทั้งหลาย แต่ทำให้ศัตรูเดือดแค้นเจียนตาย

บางคนก็เรียกเขาว่ากวางน้อยเซ่อซ่าที่เห็นเรื่องตื่นเต้นที่ไหนก็โดดไปมุงดู

ไม่ว่าเทพกับมารตีกัน ใครจะยกทัพไปยึดโลกมิติใด หลวงจีนคนนั้นจะกิ๊กกับราชาสวรรค์องค์ไหน

เป็นต้องเห็นเงาร่างหมอนี่ตลอด พับผ่าสิ!

ความอยากรู้อยากเห็นไร้สิ้นสุดของฉินมู่จะคลายปริศนาลึกลับของจักรวาลได้หรือไม่

ความลับของเทพเจ้าโบราณคืออะไร

ใครคือเงามืดที่คอยเก็บเกี่ยวต้นอ่อนของยอดยุทธ์วิชาเทวะตลอดหลายแสนปีที่ผ่านมา…

เด็กหนุ่มผู้นี้จะกลายเป็นผู้กอบกู้จักรวาลให้รอดพ้นจากการถูกทำลายล้างได้หรือไม่

นี่คือการผจญภัยของฉินมู่ผู้เจียมตัวว่าเก่งเป็นอันดับสองของทุกศาสตร์วิชาในโลก!

‘ฉินมู่กะพริบตาปริบอย่างใสซื่อ…แต่ผู้อื่นเห็นแล้วขนหัวลุกแทบตาย’

Options

not work with dark mode
Reset