ดั่งรักบันดาล 95

ตอนที่ 95

เธอเรียกรถแท็กซี่และรีบไปยังคฤหาสน์ เธอถึงในครึ่งชั่วโมงต่อมา

หร่วนซือซือเดินเข้ามายังประตูบ้าน เธอเห็นป้าหรงกำลังจัดเก็บข้าวของในห้องรับแขก

ป้าหรงเห็นเธอ ในสายตานั้นมีแสงสว่างเกิดขึ้นในทันที "คุณหร่วน..มาแล้ว"

หร่วนซือซือพยักหน้าและส่งยิ้มให้ "ฉันมาเอาของ"

"ทุกอย่างอยู่ในห้องนอนแล้ว ฉันเก็บไว้ให้เรียบร้อยหมดแล้ว ให้ฉันไปเอาลงมาให้ไหม?"

หร่วนซือซือกล่าวเบาๆ "ไม่ต้องหรอก ฉันขึ้นไปเอาเองได้"

แม้ว่าฉันจะอยู่ที่คฤหาสน์เพียงชั่วเวลาสั้นๆ แต่ก็มีความรู้สึกกับที่นี่อยู่ไม่น้อย

ป้าหรงพยักหน้าและปล่อยให้เธอนั้นไปหยิบกระเป๋าเอง

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าและขึ้นมายังชั้น2 เธอเข้าไปยังห้องนอน เมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางอยู่ที่ปลายเตียง ภายในใจของเธอก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย

ทันทีที่ข้าวของของเธอถูกย้ายออก ภายในห้องก็ดูว่างเปล่าในทันที

เธอสูดลมหายใจเข้าจากนั้นเธอหยิบแหวนแต่งงานและกุญแจออกมาจากกระเป๋าของเธอ เธอวางทุกอย่างลงบนโต๊ะอย่างเบามือ เธอหันหลังกลับและเดินออกจากห้องไป

การแต่งงานระยะเวลาสั้นๆนี้ได้จบลงแล้วจริงๆ

เธอกัดฟัน เมื่อนึกถึงหญิงสาวคนนั้นที่อยู่ข้างกายอวี้อี่มั่ว หัวใจของหร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด

เธอคาดหวังกับการแต่งงานครั้งนี้มากเกินไปและสุดท้ายแล้วก็ผิดหวัง

หร่วนซือซือลากกระเป๋าเดินทางและก้าวเท้าออกจากห้อง ในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตู จู่ๆตรงทางเดินก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

ทันที่ที่เธอหันหน้าไปก็พบเข้ากับร่างสูงใหญ่

อวี้อี่มั่วก้าวเท้าไปด้านหน้า เขาเห็นหร่วนซือซือกำลังลากกระเป๋าเดินทาง เขาก็ขมวดคิ้วแน่นโดยไม่รู้ตัว

เขากำลังอดทนและถามเธออย่างเย็นชา "ทำอะไรอยู่?"

เธอบอกจะไปก็ไปโดยที่ไม่ถามอะไรเขาเลยสักคำ เรื่องราวมันง่ายขนาดนี้เลยงั้นหรือ?

หร่วนซือซือก้มหน้าลง ไม่สบสายตากับเขาและกล่าวทีละคำว่า "ฉันมาเอากระเป๋า"

หย่ากันไปแล้ว เธอก็ย้ายออกจากคฤหาสน์และแบ่งเส้นความชัดเจนของเธอและเขา ในเรื่องนี้นั้นเธอเองก็ยังพอจะคิดได้บ้าง

ชายคนนั้นไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้าและกล่าว "ฉันวางแหวนแต่งงานและกุญแจไว้บนโต๊ะแล้ว"

พูดจบ เธอก็เดินผ่านเขาและจากไป

แต่ทันใดนั้น แขนของเธอก็ถูกรัดแน่นขึ้น หร่วนซือซือรู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นถูกดึงกลับด้วยแรงมหาศาล เธอเซถอยหลังและกระเป๋าเดินทางในมือของเธอตกลงบนพื้น ร่างของเธอถูกผลักเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็มีเสียงปิดประตูดัง 'ปัง' วินาทีถัดมา ร่างของเธอก็ถูกกดจนแนบชิดกับประตู

ชายคนนั้นโอบล้อมร่างกายของเธอเอาไว้ด้วยท่าทีแข็งกร้าว จากนั้นเธอก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆจากร่างกายของเขา

หร่วนซือซือถูกกดเข้ากับกำแพงและมือทั้งสองข้างก็ถูกอวี้อี่มั่วตรึงไว้เหนือศีรษะ เธอนั้นทั้งรู้สึกอับอายและโกรธเคือง "อวี้อี่มั่ว คุณ…ปล่อยฉัน!"

อวี้อี่มั่วก้มศีรษะลงเล็กน้อยและถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "ฉันบอกเธอเมื่อไหร่ว่าให้เธอจากไป?"

เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ หร่วนซือซือนั้นทั้งประหลาดใจและรู้สึกโกรธ "พวกเราหย่ากันแล้ว!"

แล้วจะให้เธอไปอยู่ในห้องนอนของเขาและนอนบนเตียงของเขางั้นหรือ? แบบนั้นเธอจะไม่กลายเป็นเมียน้อยหรือไง!

เมื่อได้ยินคำว่า หย่ากัน อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่นและจากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "ฉันไม่สน"

ดวงตาของหร่วนซือซือเบิกกว้างด้วยความตกใจ

เธออาจจะได้ยินผิดไปใช่ไหม ทำไมเขานั้นไร้ซึ่งเหตุผลขนาดนี้!

เธอกัดฟันและกล่าวอย่างรุนแรง "อวี้อี่มั่ว คุณเป็นบ้าหรือไง?"

อวี้อี่มั่วนั้นไม่ได้ตอบคำถาม เขาเลิกคิ้วและกล่าว "อย่างไรก็ตาม ฉันยังไม่ได้พูด เธอก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น"

"คุณ…" หร่วนซือซือกัดฟันด้วยความขุ่นเคือง "ฉันไม่สน ฉันจะไป!"

อวี้อี่มั่วจับคางของเธอให้เงยขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำเหมือนว่าเขากำลังกลั้นบางอย่างเอาไว้

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ขยับริมฝีปากและน้ำเสียงของเขาก็เบาลง "หลังจากรู้เรื่องการหย่า ย่ากลับไปยังบ้านเก่าแล้วก็ล้มป่วย เธอทนเห็นย่าเป็นแบบนี้ได้ใช่ไหม?"

หร่วนซือซือนิ่ง เดิมทีคำพูดต่างๆมากมายที่จะด่าจะว่าเขาก็ได้หยุดลง

คุณย่าไม่สบายเหรอ?

"จริง..จริงใช่ไหม?"

อวี้อี่มั่วกล่าวอย่างจริงจัง "ท่านปฏิบัติกับเธออย่างไร ฉันคงไม่ต้องพูด การหย่าของเรานั้นส่งผลต่อท่านไม่น้อย"

ประโยคนั้น ภายในใจของหร่วนซือซือรู้สึกอับอายอยู่ไม่น้อย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

คุณย่านั้นดีกับเธอมาก เธอรู้ดีและเธอไม่ยอมเห็นคุณย่าต้องล้มป่วยอน่างแน่นอน

อวี้อี่มั่วกล่าว "หร่วนซือซือ เรื่องนี้มีแค่เธอที่ช่วยได้"

หร่วนซือซือนั้นไม่รู้จริงๆว่าควรทำอย่างไร "….ช่วยอย่างไร?"

อวี้อี่มั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งและริมฝีปากบางของเขาก็เปิดออก "กลับไปเยี่ยมท่านกับฉัน ในช่วงระยะเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหย่า"

หร่วนซือซือหยุดนิ่งไปชั่วขณะ เธอสับสน "ทำแบบนี้..จะได้ผลใช่ไหม?"

หากว่าในวันหนึ่งการโกหกถูกเปิดเผย กลัวว่าคุณนายใหญ่รู้ความจริงเข้าแล้วเธอจะทนรับไม่ไหว

เหมือนกับว่าอวี้อี่มั่วนั้นอ่านความคิดเธอได้ สายตาของเขานั้นมืดมนลงและกล่าว "อย่างน้อยในขณะที่ท่านล้มป่วย เธอก็ไม่ควรจากไป ในอนาคตฉันจะค่อยๆอธิบายให้ท่านได้ฟัง"

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากด้วยความสงสัยว่าเธอควรจะเห็นด้วยหรือไม่ แต่เมื่อนึกว่าคุณนายใหม่กำลังล้มป่วย เธอก็อดทนไม่ได้

เธอหายใจเข้าลึกๆและรวบรวมความกล้า จากนั้นเธอเงยหน้ามองอวี้อี่มั่วและกล่าว "ฉันตกลง…"

เอาเถอะเพื่อคุณย่า

เมื่อได้ยินเช่นนั้น แสงสลัวแวบเข้ามาในดวงตาของอวี้อี่มั่ว เขาจึงปล่อยเธอจากนั้นก็ก้าวถอยห่างออกไปหนึ่งก้าว เขาเอื้อมมือไปจับแขนเธอไว้และพาไปที่โต๊ะ หยิบแหวนแต่งงานและกุญแจขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า "ของพวกนี้ เธอเก็บไว้ก่อน"

เมื่อมองไปที่แหวนเงิน หัวใจของหร่วนซือซือก็สั่นไหว เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้นถูกต้องหรือเปล่า เธอกัดริมฝีปากและพูดว่า "ฉันจะบอกไว้ก่อนว่าฉันจะแสดงละครกับคุณต่อหน้าคุณย่าเท่านั้น"

ในสถานที่อื่นนั้น พวกเขาก็ยังคงเป็นเพียงแค่อดีตสามีภรรยากันเท่านั้น

อวี้อี่มั่วนั้นเม้มริมฝีปากและกล่าว "อืม"

เมื่อออกจากคฤหาสน์ หัวใจของหร่วนซือซือนั้นรู้สึกสับสน

เธอมาสองมือเปล่าเพื่อที่จะมาเอากระเป๋าเดินทาง คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อออกมาแล้วเธอจะไม่ได้นำอะไรออกมาด้วยเลย

เดิมทีเธอจะตั้งใจจะเอากระเป๋าเดินทางออกมาด้วย แต่อวี้อี่มั่วนั้นให้เธออยู่ต่อ เหตุผลก็เพราะจะต้องแสดงละครต่อหน้าคุณนายใหญ่ เธอเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้

เมื่อกลับมาถึงเขตชุมชนแล้วเธอก็เห็นคุณนายหลิวและคุณน้าซ่ง

"แม่ คุณยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?"

คุณนายหลิวรีบก้าวมาด้านหน้า "แกไปไหนมา?"

หร่วนซือซือลังเลที่จะตอบ "ฉัน…ไปหาเพื่อนมา"

"เพื่อน? เพื่อนอะไร?" คุณนายหลิวสงสัย เธอขยับเข้ามาใกล้และขมวดคิ้ว "ทำไมตัวแกมีกลิ่นเบียร์ด้วย? ไปดื่มมาเหรอ?"

หร่วนซือซือรู้สึกผิดเล็กน้อยและพยายามจะดึงเธอกลับบ้าน "เปล่า แม่ กลับบ้านเถอะ"

เมื่อเห็นเช่นนี้คุณน้าซ่งก็รีบเดินเข้ามา "ซือซือ แม่ของหนูและน้ากำลังพูดถึงหนูอยู่พอดีเลย! ไปบ้านน้าแล้วนั่งคุยนั่งดื่มชากับลูกน้าหน่อยไหม?"

เมื่อหร่วนซือซือได้ยินเช่นนั้น เธอก็รู้สึกหายนะมาเยือน

เมื่อครู่นั้นก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้วและตอนนี้ยังต้องมาเจอกับคลื่นลูกใหญ่นี้อีกครั้ง เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

"แม่ คุณน้าซ่ง หนูรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอตัวกลับบ้านก่อน"

หร่วนซือซือนั้นเลี่ยงที่จะตอบตกลง เธอหลีกหนีการชักจูงของทั้งสองและรีบกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

ถ้าเธอยังคงอยู่บ้านต่อไป กลัวว่าคุณนายหลิวจะต้องชักจูงหนุ่มโสดในวัยเดียวกันจากทั้งชุมชนเข้าคิวเพื่อนัดบอดกับเธออย่างแน่นอน

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากของเธอและสูดลมหายใจเข้าปอด ความรู้สึกของเธอนั้นสับสน

ดูแล้ว เธอจะต้องคิดหาวิธีย้ายออกจากบ้านหลังนี้เสียแล้ว

Options

not work with dark mode
Reset