ด้วยความประหลาดใจ น้ำเสียงของเธอจึงเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว มีทั้งความคมและบางเบาและยังมีทั้งความคลุมเครือที่ไม่สามารถบรรยายได้
ทั้งสองหยุดนิ่ง ในขณะที่สบตากันนั้น บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอึดอัด
อวี้อี่มั่วจ้องมองเธออย่างเย็นชาและกล่าวว่า "แล้วเธอคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ?"
ในขณะที่เขาพูดเขายกมือขึ้น วางขาของหร่วนซือซือไว้บนตักของเขา จากนั้นเขาก็เปิดลิ้นชักอย่างไม่รีบร้อน เขาหยิบสเปรย์แก้ฟกช้ำออกมาจากด้านใน
แก้มของหร่วนซือซือนั้นแดงก่ำ เธออับอายมาก เธอคิดว่าเขาจะทำอะไรกับเธอกันนะ….
อวี้อี่มั่วค่อยๆคลายฝาเกลียว เขาเพ่งเล็งไปยังหัวเข่าสีแดงของหร่วนซือซือจากนั้นก็กดสเปรย์และฉีดไปยังจุดที่เพ่งเล็ง
ด้วยเสียง ฟู่ว ของเหลวเย็นๆก็ได้พุ่งออกมา หร่วนซือซือรู้สึกเพียงแค่เข่าของเธอเย็น ขาของเธอก็หดโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบหน้าเล็กของเธอนั้นก็ยับยู่ยี่ในทันที
แม้ว่าผิวหนังจะไม่ได้ถลอก แต่เมื่อพ่นยาเข้าไปแล้วก็ยังคงรู้สึกเจ็บปวด
อวี้อี่มั่วเหลือบมองไปยังหร่วนซือซือ เขาหยิบสำลีเช็ดของเหลวที่ไหลลงมาและกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า "สมน้ำหน้า"
เห็นได้ชัดว่ายาทั้งหมดถูกส่งไปให้เธอแล้ว แต่เธอนั้นไม่จัดการตัวเอง เจ็บก็สมควรแล้ว
หร่วนซือซือนิ่งไปชั่วขณะและรู้สึกงงงวย "คุณพูด..อะไร?"
เธออาจจะได้ยินผิดหรือเปล่า
อวี้อี่มั่วกลายเป็นคนหูหนวก เขาหยิบขวดขึ้นมาและฉีดลงบนบาดแผลอยู่เป็นเวลานานจากนั้นเขาก็ปล่อยมือจากข้อเท้าของเธอ
ในขณะที่เขาเก็บข้าวของเขาพูดอย่างเย็นชา "เสร็จแล้ว ช่วงนี้อย่าโดนน้ำแล้วก็อย่าลืมฉีดสเปรย์แก้ฟกช้ำ"
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นและเห็นใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบของชายคนนั้น ดั้งจมูกที่เฉียบคมราวกับมีด ริมฝีปากบางๆของเขา ความเย็นชาที่เพียงแค่ได้เหลือบมองก็ทำให้รู้สึกหนาวสั่นได้โดยไม่รู้ตัว
หากว่าอวี้อี่มั่วใส่เสื้อคลุมสีขาวในเวลานี้ เขาจะกลายเป็นคุณหมอที่น่าเย้ายวนในทันที
เมื่อความคิดนี้แล่นเข้ามาในสมองของเธอ หร่วนซือซือก็มีอาการหน้าแดงโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขานั้นยืนไม่ได้ขยับตัว อวี้อี่มั่วก็หันไปมองเธอ เขาสบสายตาเข้ากับหญิงสาวและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
"อย่าคิดเยอะ" เขาลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามและมองเธออย่างเย็นชา "ครั้งนี้ถือว่าชดเชยกับครั้งที่คุณทายาให้ผมครั้งที่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไป"
เขากล่าวพลางเดินไปยังโต๊ะทำงาน จากนั้นเขาก็นั่งลงและอ่านเอกสารในมือของเขาต่อไป
จากนั้นหร่วนซือซือก็ได้สติในทันที แก้มของเธอนั้นร้อนราวกับไฟ ราวกับจะปกปิดความคิดที่ถูกจับได้ เธอพูดอย่างเคืองขุ่นว่า "ใครคิดเยอะ"
เธอพูดพลางลุกขึ้นและเดินไปยังประตู
ทันทีที่เธอเดินมาถึงประตู เสียงที่แข็งกร้าวของชายด้านหลังก็ดังขึ้น "หยุด"
ทันทีที่หร่วนซือซือหันกลับไปก็เห็นเขาโยนรายงานการประชุมไว้บนโต๊ะ "เอากลับไป แก้ใหม่แล้วค่อยเอามาส่ง"
เธอนิ่งไปชั่วขณะ เธอคิดว่าเธอจำรายงานการประชุมครั้งนี้ทำได้อย่างครบทุกรายละเอียด คาดไม่ถึงเลยว่าเขายังมองว่ารายงานเล่มนี้ดีไม่พอ
ภายในใจของเธอนั้นถอนหายใจ เธอเองก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรมาก เธอหยิบรายงานเล่มนั้นและรีบเดินออกไปจากห้องประชุม
ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็เหมือนกับว่าอวี้อี่มั่วนั้นกำลังจะแก้แค้นเธอ เป็นอะไรก็ไม่รู้อยู่ๆก็โกรธ
ช่างเถอะ ดีแล้วที่หย่าร้างกับเขา มิฉะนั้นเธอนึกไม่ออกจริงๆว่าจะต้องเผชิญกับคนที่ใบหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลาได้อย่างไรในอนาคต
เมื่อกลับมายังสำนักงาน ในช่วงเวลาบ่ายนั้นก็วุ่นวายตลอด เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว เมื่อหร่วนซือซือทำงานของเธอเสร็จแล้วก็พบว่าอีกไม่นานก็จะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว
จู่ๆโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น หร่วนซือซือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู และเห็นว่ามันเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เธอลังเลอยู่ชั่วครู่และรับสาย
"ซือซือ!" เสียงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาของซ่งอวิ้นอันก็ดังขึ้น หร่วนซือซือตกใจ รีบนำโทรศัพท์ออกจากหูในทันที
"เดี๋ยวเราจะได้เจอกันแล้ว อีกสองวันฉันจะกลับเจียงโจว!"
เมื่อได้ยินเสียงจากโทรศัพท์ หร่วนซือซือก็รู้ว่าซ่งอวิ้นอันนั้นอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย เธออดไม่ได้จะที่เม้มปากและกล่าว "งั้นเมื่อถึงเวลาฉันจะไปรับเธอ บินประมาณกี่โมง?"
"เดี๋ยวฉันจะเอาบอร์ดดิ้งพาสให้เธอ เธอมาพร้อมกับพี่ชายของฉันเลย!"
หร่วนซือซือหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ "เธอรู้ได้อย่างไร…."
ยังพูดไม่ทันจบ เหมือนกับว่าซ่งอวิ้นอันจะเดาได้ว่าเธอต้องการจะถามอะไร "พี่ชายฉันบอกฉันน่ะสิ! เขาบอกว่าเขากลับจากต่างประเทศก็เจอเธอที่มานัดบอด นี่มันโชคชะตาชัดๆ"
แค่คิดว่าคู่ที่นัดบอดนั้นเป็นพี่ชายของเพื่อนรัก หร่วนซือซือก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย "นี่คงเป็นโชคชะตาจริงๆ.."
ซ่งอวิ้นอันหัวเราะเบาๆและพูดติดตลกว่า "ซือซือ ฉันจะบอก เธอไม่มาเป็นพี่สะใภ้ของฉันเลยล่ะ พอเธอเข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน พวกเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว!"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา หร่วนซือซือก็หน้าแดงมาก "อันอัน เธออย่าพูดมั่วซั่ว เป็นไปไม่ได้หรอก!"
เธอและซ่งเย้อันนั้นตอนนี้เป็นเพื่อนที่ดีเท่านั้น ยังไม่มีความคิดที่จะพัฒนาอะไรกัน
ซ่งอวิ้นอันหัวเราะ "ทำไมจะไม่ได้ พี่ชายของฉันน่ะให้ผ่านอยู่แล้ว"
หร่วนซือซือไม่เข้าใจ เธอเป็นน้องสาว เธอนั้นเข้าใจดีอยู่แล้ว เธอจะไม่เข้าใจความคิดของพี่ชายเธอได้อย่างไร เมื่อไม่กี่ปีก่อน ซ่งเย้อันมองรูปของเธอและหร่วนซือซือ สายตาที่มองรูปนั้นไม่เหมือนกับสายตาที่มองหญิงสาวคนอื่น
เธอนั้นได้ถามเขาไปตรงๆ แต่พี่ชายของเธอกลับไม่พูดอะไรเลยสักคำ เธอจึงทำได้เพียงแค่ยอมจำนน
"อันอัน" ซือซือทั้งโกรธทั้งขำ "ถ้าเธอยังพูดจามั่วซั่วอีก เดี๋ยวเธอกลับมา ฉันจะจัดการเธอ!"
ซ่งอวิ้นอันที่อยู่อีกด้านของสายรีบกล่าวแต่น้ำเสียงยังคงหยอกล้อ "โอเค พอแล้ว ฉันยอมแพ้ เธออย่าลืม เธอต้องมารับฉัน!"
หร่วนซือซือยิ้ม "ได้ วางใจได้เลย"
ทั้งสองคุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็ได้วางสายไป
เมื่อมองเวลาอีกไม่นานก็เป็นเวลาเลิกงาน หร่วนซือซือจัดการจัดระเบียบเอกสารบนโต๊ะและตรงไปยังห้องเก็บเอกสาร
เพื่อนร่วมงานหญิงสองคนจากแผนกอื่นเดินอยู่ข้างหน้า ภายในมือได้ถือเอกสารเอาไว้ เหมือนกับว่าจะเอาไปส่งยังห้องเก็บเอกสาร พวกเธอนั้นพลางเดินไปและพูดคุยกันไป "เธอได้ยินหรือเปล่า พรุ่งนี้รองประธานสวี่จะกลับมาแล้ว"
"รองประธานสวี่? เธอหมายถึงรองประธานสวี่ที่ถูกประธานอวี้จัดการน่ะเหรอ?"
"ใช่ บริษัทเราก็มีรองประธานเพียงแค่คนเดียว นอกจากเขาจะเป็นใครได้?"
"ถ้างั้นเขาจะต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน รู้สึกว่าเร็วๆนี้บริษัทอาจจะไม่สงบสุขอีกต่อไป"
"…"
ทั้งสองคนพูดคุยกัน หร่วนซือซืออยู่ด้านหลังพวกเธอ ฟังเรื่องราวได้ไม่น้อยและอดไม่ได้ที่จะสงสัย
รองประธานสวี่คือใคร? เธออยู่บริษัทมาสองปีแล้วและไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
รองประธานสวี่และอวี้อี่มั่วนั้นมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน เมื่อฟังในเรื่องที่พวกเธอพูดแล้วรู้สึกซับซ้อนมาก
ไม่มีเวลามาคิดเยอะแล้ว เดินมาถึงหน้าห้องเก็บเอกสารแล้ว สติของเธอก็ฟื้นคืนและส่งเอกสารจากนั้นก็กลับไปยังห้องทำงาน
จากบริษัทถึงบ้าน ทานอาหารเสร็จแล้ว คุณนายหลิวก็ดื้อดึงจะชวนเธอออกไปเดินเล่น
"ซือซือ ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย! อย่ามัวอยู่แต่บ้าน!"
หร่วนซือซือขมวดคิ้วแน่น "แม่ ไปเองเถอะ"
ความปรารถนาของคุณนายหลิวนั้นชัดเจนจนเกินไป วันนี้เมื่อเธอกลับถึงบ้านก็ได้ยินคุณนายหลิวโทรนัดคุณน้าซ่งที่ตึกถัดไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากอาหารค่ำแล้วทั้งสองก็จะพาลูกสาวและลูกชายจะมาพบกันในบริเวณหมู่บ้านโดยทำเป็นบังเอิญ
หากว่าเธอไม่รู้ก็แล้วไป แต่ตอนนี้เธอรู้ถึงการ สมรู้ร่วมคิด แล้วและเธอก็ไม่ยินยอมที่จะทำเรื่องที่น่าอึดอัดใจเช่นนั้น
คุณนายหลิวนั้นยืนอยู่หน้าประตูห้องและชวนหร่วนซือซืออยู่นานกว่าสิบนาที แต่สุดท้ายไม่มีอะไรคืบหน้า ดังนั้นเธอจึงยอมแพ้และออกไปเพียงคนเดียว
จากนั้นไม่นานนัก โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น
เธอกวาดสายตามองหน้าจอ จากนั้นก็เห็นชื่อป้าหรงจากนั้นเธอก็รับสายอย่างลังเล
"ฮัลโหล ป้าหรง?"
"คุณนาย…" ป้าหรงพูดเพียงครึ่ง ทันใดนั้นเธอรู้สึกตัวและเปลี่ยนคำพูด "คุณหร่วน กระเป๋าของคุณฉันจัดเตรียมไว้ให้แล้วเรียบร้อย หากว่าคุณมีเวลาว่างก็ค่อยมาเอานะ"
หร่วนซือซือเหลือบมองนาฬิกาและเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม เธอลุกขึ้นและกล่าว "โอเค ฉันกำลังจะไป"
ครั้งนี้ที่ไปก็ตั้งใจจะไปคืนแหวนแต่งงานและกุญแจของคฤหาสน์