ดั่งรักบันดาล 87

ตอนที่ 87

ตู้เยี่ยขับรถไปพลางเอ่ยพูดออกมาพลาง “เมื่อสักครู่ผมได้ถามเหล่าคนใช้ไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีใครยอมรับเลยครับ”

คนรับใช้ในบ้านโดยปกติแล้วจะไม่กล้าพูดเรื่องอะไรออกไปนัก แล้วคุณนายใหญ่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน

อวี้อี่มั่วในใจเต็มไปด้วยความสงสัย คิดอย่างไรก็ไม่กระจ่าง มองดูรถที่กำลังแล่นเข้าสู่ถนนสายหลัก เขาคลำหาโทรศัพท์แล้วหยิบขึ้นมา ต่อสายโทรออกไปหาหร่วนซือซือ

เสียงสัญญาณปลายสายดังอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดก็มีคนรับโทรศัพท์ขึ้น

น้ำเสียงอันเย็นชาของหญิงสาวลอยเข้ามา “ฮัลโหล”

ได้ยินความเหนื่อยหน่ายจากในน้ำเสียงนั้น อวี้อี่มั่วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว และก็เอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเดียวกันกลับไป “คุณย่าอยู่ที่นั่นกับเธอไหม”

ทางฝั่งหร่วนซือซือที่ได้ยินดังว่า ก็หันไปมองผู้อาวุโสผมสีดอกเลาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็กๆ ลายดอกไม้ของเธอ ก็เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “อืม” ไปหนึ่งที

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วถามด้วยเสียงอันเคร่งขรึม “แล้วทำไมเธอถึงไม่โทรหาฉัน”

คุณนายใหญ่อายุเยอะมากแล้ว ปกติเวลาออกไปข้างนอกจะมีคนตามไปด้วย วันนี้ท่านออกไปข้างนอกตัวคนเดียวตั้งแต่ตอนบ่าย เขาจึงเป็นกังวลร้อนใจตลอดทั้งบ่าย กลายเป็นว่าเธอไม่แม้แต่จะโทรศัพท์หาเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

หร่วนซือซือรับรู้ได้ถึงน้ำเสียงกล่าวโทษของเขาในประโยค เธอกำโทรศัพท์ในมือแน่นขึ้นเล็กน้อย ขมวดคิ้วยุ่ง ถามกลับด้วยน้ำเสียงขรึมเข้ม “ทำไมฉันต้องโทรหาคุณด้วยล่ะ การดูแลคุณย่าให้ดีๆ ไม่ใช่หน้าที่ความรับผิดชอบของคุณหรือยังไง”

ถูกเธอกล่าวต่อว่าอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว อวี้อี่มั่วกลับพูดอะไรไม่ออก สายตาที่เย็นชาของเขาพลันมีประกายไฟแห่งความโกรธจุดติดขึ้นมา พูดอย่างเย็นเยียบว่า “ตอนนี้ฉันกำลังเข้าไปหา”

พูดเสร็จเขาก็วางสายโทรศัพท์ทันที

หร่วนซือซือมองดูหน้าจอที่ถูกตัดสายทิ้งไป ในใจลึกๆ นั้นทั้งรู้สึกไม่พอใจและขุ่นโกรธ

เป็นความรับผิดชอบของตัวเขาเองแท้ๆ กลับกลายเป็นว่ามาโทษเธอเสียได้ เป็นผีบ้าอะไรเนี่ย

เก็บโทรศัพท์ลงไป อวี้อี่มั่วที่มีสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาก็ออกคำสั่งขึ้นมา “ขับให้เร็วขึ้นกว่านี้”

ตู้เยี่ยรับคำสั่งทันที เงยหน้าขึ้นมองอย่างระแวดระวัง กวาดตามองอวี้อี่มั่วผ่านกระจกมองหลังหนึ่งที ในใจก็รู้สึกอ้างว้างอย่างหวาดกลัว

น้อยครั้งมากที่เขาจะได้เห็นท่าทีโกรธขึ้งเช่นนี้ของอวี้อี่มั่ว ไม่รู้ว่ากำลังโกรธคุณนายใหญ่ หรือว่ากำลังโกรธหร่วนซือซือกันแน่ นี่เป็นสิ่งที่เขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด

รถทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลมตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงประตูทางเข้าชุมชน

ทันทีที่ลงมาจากรถ ก็รีบมุ่งไปยังประตูบ้านของหร่วนซือซือ เขาอดกลั้นความโกรธขึ้งที่อยู่ภายในใจแล้วยกมือขึ้นทุบประตู

“แกร๊ก”

ประตูถูกเปิดออก หร่วนซือซือปรากฏตัวอยู่หน้าประตู

มองดูผู้ชายที่อยู่ในชุดสูทสีเทาเงินที่กำลังยืนอยู่นอกประตูนั้น รูปร่างสูงโปร่ง ช่างดูมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก ใบหน้างดงามเสียจนไม่อาจจับผิดหาข้อเสียได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ค่อยดีนักก็คือใบหน้าที่บูดบึ้งนั้น

หร่วนซือซือขมวดคิ้ว ไม่ยอมหยุดสายตาจ้องมองไปที่เขาเป็นเวลานาน เธอหมุนตัวแล้วเดินหนีออกไปในทันที

ทันใดนั้นเองข้อมือเธอก็ถูกรั้งเอาไว้ จากนั้นก็ถูกใช้แรงฝืนดึงให้เธอหันกลับมามองอีกครั้งหนึ่ง

ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนก็ใกล้เข้าหากันมากขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว หร่วนซือซือเซเล็กน้อย อีกเพียงนิดเดียวก็ตกลงสู่อ้อมอกของเขาแล้ว เธอยืนโดยเอาเท้ายันไว้อย่างมั่นคง หัวใจเต้นแรงขึ้นจนส่งเสียงโครมคราม

เธอกัดฟันกรอด ทำใจให้สงบ “คุณ….ทำอะไรน่ะ! ”

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วยุ่ง “ทำไมไม่โทรหาฉัน เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นกังวลใจขนาดไหน”

เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้แล้วก็รู้สึกตอบไม่ถูกขึ้นมา หร่วนซือซือสบตาเข้ากับนัยน์ตาอันกระจ่างใสนั้นของฝ่ายชาย หัวใจไม่อาจที่จะทนไม่ให้เต้นแรงขึ้นมาได้

เธอกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา “ฉันมีหน้าที่โทรหาคุณเสียที่ไหนกันล่ะ ปล่อยฉันนะ! ”

มองดูหญิงสาวที่มีใบหน้าแดงสุกก่ำ อวี้อี่มั่วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมมากขึ้น “ถ้าฉันไม่ปล่อยล่ะ”

“ก็ลองดูสิ! ”

ประโยคนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของหร่วนซือซือ แต่ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของหร่วนซือซือต่างหาก

พวกเธอแทบจะหันไปมองยังทิศทางที่เสียงดังขึ้นอย่างพร้อมกัน ก็เห็นคุณนายใหญ่กำลังจ้องเขม็งมาทางพวกเขาพร้อมกับใช้ไม้เท้าค้ำยันเดินเข้ามาหา ทั้งสองคนต่างตื่นตะลึง

คุณนายใหญ่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ หร่วนซือซือ นัยน์ตามีประกายไฟแห่งความคุกรุ่นเจืออยู่ จ้องอวี้อี่มั่วอย่างเคร่งขรึมพลางใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำ “ปล่อยมือ! ”

อวี้อี่มั่วชะงักไปพักหนึ่ง ลังเลไปชั่วขณะถึงจะคลายมือออก

“ไอ้เวร! แกคิดว่าแกเป็นใคร! แอบหย่ากับซือซือไม่ให้ฉันรู้ แต่ไอ้เรื่องจดทะเบียนหย่าน่ะเอาไว้ก่อน แล้วนี่หย่าก็หย่ากันไปแล้ว แล้วทำไมไปจับมือถือแขนเขาไม่ปล่อยแบบนี้กัน! ”

คุณย่าโมโหมากเสียจนเอาไม้เท้ากระทุ้งพื้นหลายที ร่างกายสั่นเทิ้ม “แล้วก็นะ ถ้าคนเขาไม่คิดจะโทรศัพท์หาแกแล้วมันจะทำไม! แกยังไม่รู้ถึงความผิดของตัวเองอีกอย่างงั้นหรอกเหรอ! ”

อวี้อี่มั่วก้มหน้ารับฟังคำสั่งสอน กระพริบตาปริบๆ น้ำเสียงที่เอ่ยก็เบาลงเล็กน้อย “ผมเป็นกังวลว่าท่านจะ…….”

คุณนายใหญ่โกรธมากเสียจนพูดตัดบทเขา “ฉันไม่ต้องการความห่วงใยของแก! ”

ทางด้านหร่วนซือซือเองก็ไม่คาดคิดว่าคุณนายใหญ่จะปฏิบัติต่อหลานของตัวเองแบบนี้ ความรู้สึกกรุ่นโกรธเดิมทีที่มีอยู่ในใจก็พลันจางหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว

เธอพูดโน้มน้าวด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณย่า ไม่ต้องโกรธแล้วหรอกค่ะ”

คุณนายใหญ่ได้ยินดังว่าก็หยุดนิ่งไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ท่าทีจึงสงบลงเล็กน้อย

เสร็จแล้วคุณนายใหญ่ก็หันไปมองหร่วนซือซือ พูดเบาๆ ออกมาว่า “ซือซือ ช่วยพยุงย่ากลับห้องนอนหนูหน่อย”

ขณะที่พูด ก็หันหน้าไปกวาดตามองอวี้อี่มั่วหนึ่งที “ส่วนแก ก็ตามมาด้วยละกัน”

ทั้งสองคนเดินตามกันมา โดยคนหนึ่งอยู่ข้างหน้าส่วนอีกคนตามหลังมา กลับห้องนอนไปกับคุณนายใหญ่

ทันทีที่ประตูห้องปิดลง คุณนายใหญ่มองไปยังทั้งสองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าท่าน ไม่เอ่ยอะไรออกมาเป็นเวลานาน

ผ่านไปสักพักหนึ่งท่านถึงพึ่งจะพยักหน้าเบาๆ “นั่งลงสิ”

หร่วนซือซือและอวี้อี่มั่วทั้งคู่นั่งลงบนเก้าอี้

คุณนายใหญ่ใช้สายตาที่มีความเย็นชาเจืออยู่กวาดตามองไปยังทั้งคู่ สุดท้ายแล้วจึงหยุดสายตาจับจ้องไปที่อวี้อี่มั่ว “อธิบายมา ทำไมถึงหย่า”

สุดท้ายแล้วยังไงคุณย่าก็ไม่อาจเชื่อคำพูดของหร่วนซือซือที่พูดว่าเนื่องจากทั้งคู่เข้ากันไม่ได้ถึงได้เลิกรากันไป ท่านใช้ชีวิตมาแล้วตั้งกี่สิบปี แล้วทำไมจะไม่รู้เรื่องว่าอะไรผิดอะไรถูกได้อย่างไรกัน

ด้วยเหตุนี้ จึงรู้ว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเช่นนี้แน่นอน

สีหน้าอวี้อี่มั่วขรึมขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ราวกับว่าได้ผ่านการครุ่นคิดในหัวมาแล้วเขาถึงขยับปากเอ่ยพูดขึ้นมาว่า “สาเหตุอยู่ที่ตัวผมครับ ไม่เกี่ยวอะไรกับหร่วนซือซือเลย”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว หร่วนซือซือทั้งประหลาดใจและเป็นกังวล

หรือว่า เขาตัดสินใจที่จะสารภาพกับคุณย่าแล้ว

สีหน้าของคุณนายใหญ่ไม่สู้ดีขึ้นมามากกว่าเดิม “อธิบายมาว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร”

ริมฝีปากที่เม้มสนิทแน่นของอวี้อี่มั่วก็ขยับเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็เผยอพูดขึ้นมาอย่างเรียบๆ ว่า “ผมทรยศเธอ”

“แก! ” สีหน้าของคุณนายใหญ่ขรึมเข้ม โมโหมากเสียจนยกมือขึ้นมาแล้วค่อยๆ ฟาดปะทะลงไปบนใบหน้าของอวี้อี่มั่วจนเกิดเสียงดังอย่างชัดเจน

หลังจากที่เกิดเสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น ก็ราวกับว่าโลกได้หยุดหมุนลง

หร่วนซือซือเองก็ไม่คาดคิดว่าคุณนายใหญ่จะลงไม้ลงมือกับหลานชายสุดรัก ตบเข้าไปเสียแรงแบบนี้! เธอตกใจจนหันหน้าไปมองใบหน้าด้านข้างของฝ่ายชาย ซึ่งขึ้นรอยปื้นสีแดงรูปฝ่ามือ ราวกับว่าด้วยความเจ็บปวดเขาจึงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ท่าทางของเขายังคงเอาไว้ซึ่งความเด็ดเดี่ยว ไม่ขยับตัวแม้เพียงนิดเดียว

ไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด หัวใจของเธอเองก็ราวกับถูกบีบรัดตามไปด้วย

คุณนายใหญ่อดใจไม่ไหวที่จะด่าทอออกไป “สารเลว!”

ท่านโกรธขึ้งมากเสียจนร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด สุดท้ายแล้วก็หันหน้าไปมองหร่วนซือซือ นัยน์ตาปรากฏแววตาความรู้สึกผิด “ซือซือ ตระกูลอวี้ของพวกเราเองที่ทำผิดต่อหนู ย่า……คงไม่มีหน้ามาเจอหนูอีกแล้ว”

หร่วนซือซือเปิดปากเอ่ยพูดออกมาได้เพียงแค่สองคำ “คุณย่า……..”

คุณนายใหญ่โบกมือปัด ราวกับรู้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดอะไรออกมา ท่านค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไป “ซือซือ ไม่ต้องออกมาส่งย่าหรอกนะ”

ขณะที่พูดท่านก็สาวเท้าเดินออกจากห้องนอนไป

สายตาจับจ้องมองไปที่แผ่นหลังของผู้สูงอายุที่กำลังจากไป หร่วนซือซือก็เศร้าราวกับมีก้อนอะไรจุกอยู่ในอก

หลังจากที่รอให้คุณนายใหญ่จากไปแล้ว เธอถึงพึ่งจะรู้ตัวว่าในห้องยังมีคนอีกหนึ่งคนอยู่ในห้อง

เธอหันหน้าไปมองดูผู้ชายคนนั้นที่ยังคงมีท่าทางค้างแข็งไม่ขยับเขยื้อนอยู่แบบนั้น จิตใจก็สับสนวุ่นวาย

สายตากวาดจ้องไปที่ใบหน้าของฝ่ายชายที่มีรอยประทับสีแดงรูปฝ่ามือปรากฏขึ้นแล้ว ลมหายใจที่เธอสูดเข้ากลับกลายเป็นความรู้สึกหนาวยะเยือก เธอเดินไปที่โต๊ะที่อยู่ข้างๆ แล้วหยิบยาหม่องที่ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นออกมาจากลิ้นชัก จากนั้นก็ยื่นไปที่ด้านหน้าของอวี้อี่มั่ว

ไม่ว่าก่อนหน้านี้ระหว่างพวกเธอจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เป็นสามีภรรยากันแม้เพียงคืนเดียวแต่ก็จะรักถวิลหากันไปจวบร้อยวัน เธอเองก็ไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นแบบนี้เช่นกัน

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างเรียบๆ ว่า “ทายาเสร็จค่อยกลับก็ได้นะ”

ขณะที่เอ่ยพูดเธอก็วางขวดยาลง แล้วเดินออกจากห้องเพื่อตามไปดูคุณนายใหญ่ เมื่อเดินออกไปข้างนอกก็เห็นคนใช้และตู้เยี่ยยืนอารักขาอยู่ข้างกายคุณนายใหญ่ เธอถึงได้เบาใจลง

หมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไปอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะเปิดประตูก็ชนเข้ากับอวี้อี่มั่วที่กำลังจะเดินออกมา จนตกอยู่ในอ้อมอกเขาทันที

พอเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นใบหน้าครึ่งหนึ่งของอวี้อี่มั่วมีรอยปื้นสีแดง ก็พลันขมวดคิ้วขึ้นมา

เอายาให้เขาไปแล้ว แล้วทำไมเขาถึงไม่ทายานั้นเสียล่ะ

สายตาของอวี้อี่มั่วเหล่มองหยุดอยู่ที่เธออย่างเย็นๆ เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “ขอบคุณในการดูแลคุณย่าของเธอ และขอโทษที่รบกวน”

พูดเสร็จ เขาก็สาวเท้าเดินอ้อมตัวเธอแล้วเดินจากไป

ใจของหร่วนซือซือบีบรัด เปิดปากพูดโพล่งขึ้นมา “เดี๋ยวก่อน! ”

Options

not work with dark mode
Reset