อวี้อี่มั่วคือคนพูดจริงทำจริง ในช่วงเช้าของวันที่สอง เขาก็มารออยู่ที่ข้างล่างตึกที่หร่วนซือซือพักอาศัยอยู่แล้ว
ภายใต้ความเร่งเร้าของคุณนายหลิว หร่วนซือซือสวมเสื้อยืดสีขาว รีบลงมาที่ข้างล่างตึกโดยที่ในปากยังคาบหมั่นโถวอยู่ครึ่งลูก
รถยนต์ยังคงเป็นมายบัคสุดหรูคันเดิม
หร่วนซือซือเดินฝ่าฝูงคนที่ล้วนต่างก็มีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
ตู้เยี่ยที่ยืนรออยู่ข้างๆ เปิดประตูรถให้เธอ ซ้ำยังกล่าวทักทายเธอออกมาเบาๆ “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหญิง”
หร่วนซือซือยังคงไม่คุ้นชินกับชื่อเรียกแบบนี้ จึงหัวเราะแหะๆ อย่างกระอักกระอ่วนให้ตู้เยี่ย แล้วจึงหมุนตัวขึ้นรถไป
เมื่อขึ้นมาบนรถ สายตาของเธอถูกดึงดูดให้เบนมองไปทางอวี้อี่มั่วที่กำลังนั่งอยู่ที่ที่นั่งผู้โดยสารข้างๆ
วันนี้อวี้อี่มั่วสวมใส่ชุดสูทสีดำ ดูแล้วทำให้คนต้องรู้สึกหักห้ามใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตสีดำตัวข้างในที่ไม่ได้กลัดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นลูกกระเดือกที่มีเสน่ห์เย้ายวน ทำให้จิตใจรู้สึกสั่นสะท้านได้อย่างไม่รู้ตัว
ก็รู้มาโดยตลอดว่าอวี้อี่มั่วนั้นดูดี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบนี้
หร่วนซือซือท่องไปในจินตนาการอย่างบ้าคลั่ง
สายตาของอวี้อี่มั่วนั้นจ้องอยู่ที่เอกสารข้างหน้า แต่ด้วยความที่หร่วนซือซือนั้นจ้องมองจนเขาจะทะลุอยู่ ฉับพลันนั้นอวี้อี่มั่วจึงมองกลับมา
ดวงตาทั้งสองคู่สบเข้าหากัน
เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาอันหนาวเย็นของอวี้อี่มั่ว หร่วนซือซือก็ถอนสายตากลับคืนทันที แล้วจึงรีบก้มหน้าลง
ใบหน้ารูปไข่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ถึงขนาดที่รู้สึกอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน
อวี้อี่มั่วมีท่าทีราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เบนสายตากลับมามองหน้าเอกสารดังเดิม
ขณะเดินทาง ในรถยนต์บรรยากาศนิ่งเงียบสนิท แม้ว่าหร่วนซือซือจะมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง แต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ รวมถึงสายตาคู่นั้นของอวี้อี่มั่วด้วย
จนกระทั่งรถจอดนิ่งสนิท เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว กลายเป็นตู้เยี่ยที่เรียกสติเธอกลับมา
“คุณหญิง พวกเรามาถึงแล้วครับ”
ตู้เยี่ยเปิดประตูให้หร่วนซือซือ และทำมือผายเชื้อเชิญออกมา
หร่วนซือซือลงจากรถ เดิมทีเธอคิดว่าอวี้อี่มั่วเองก็จะลงมาจากรถด้วย ใครจะไปรู้ว่ารถได้เคลื่อนออกจากเบื้องหน้าเธอไปอีกครั้ง
จึงเหลือเพียงเธอและตู้เยี่ยสองคน
หร่วนซือซือจิตใจสับสนงุนงงไปชั่วขณะ ไม่ใช่บอกว่าไปบ้านใหม่ด้วยกันหรอกเหรอ
ตู้เยี่ยที่อยู่ข้างๆ ดูหร่วนซือซือออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงอธิบายออกมาว่า “คุณหญิง ท่านประธานเช้านี้มีประชุมด่วน ท่านจะกลับมารับประธานอาหารกลางวันกับคุณหญิงครับ”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง
หร่วนซือซือมีสีหน้าดีขึ้นมาก จากนั้นก็ราวกับว่าหร่วนซือซือพึ่งจะนึกอะไรออก หันกลับไปพูดกับตู้เยี่ย
“ผู้ช่วยตู้ คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหญิงได้ไหมคะ”
ฟังแล้วแล้วกระอักกระอ่วนมาก!
แล้วยิ่งเป็นตำแหน่งคุณหญิงของประธานอวี้กรุ๊ปด้วยแล้ว วันนี้เธอพึ่งดำรงตำแหน่งเป็นวันที่สอง ยังปรับตัวให้เป็นเรื่องปกติไม่ได้เลย
“งั้นเรียกชื่อฉันไปเลยละกัน หร่วนซือซือ”
“คุณหญิง สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ประธานพักอาศัยอยู่เป็นปกติ และหลังจากนี้ต่อไปที่นี่ก็ยังจะเป็นที่ที่คุณหญิงใช้อยู่อาศัย” ตู้เยี่ยจงใจเมินคำพูดของเธอไป มือก็ผายไปทางคฤหาสน์หลังหนึ่ง
หร่วนซือซือมองตามทิศทางที่ตู้เยี่ยผายมือไป คฤหาสน์สุดหรูอลังการก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเธอ
อวี้อี่มั่วอยู่ที่นี่เหรอ
เข้าไปข้างใน ดวงตาทั้งสองข้างของหร่วนซือซือก็สอดส่องไปรอบทิศทั้งสี่ด้านอย่างไม่หยุด
การตกแต่งภายในคฤหาสน์นั้นเน้นสีเทาเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับอวี้อี่มั่วที่มีลักษณะเย็นชาหนาวเยียบเป็นอย่างมาก
หร่วนซือซือคิดขึ้นมาดังว่าอยู่ในใจ
ตู้เยี่ยพาหร่วนซือซือไปที่ชั้นสอง เปิดประตูของห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องนอนหลักแล้วจึงพูดกับหร่วนซือซือขึ้นมาว่า
“คุณหญิง นับจากนี้เป็นต้นไปที่นี่คือห้องของท่านแล้ว”
การตกแต่งในห้องนั้นเรียบง่ายมาก ยังคงตกแต่งด้วยสีที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ
เมื่อมองไปเห็นเตียงขนาดใหญ่ยี่ห้อซิมมอนส์ตั้งอยู่ ข้างในใจของหร่วนซือซือก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา
หลังจากนี้ก็จะได้นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับอวี้อี่มั่วแล้ว
คิดวาดฝันไว้ดังว่า หร่วนซือซือก็เกร็งคอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่ลมหายใจก็ถี่ขึ้นมานิดๆ แล้ว
ตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าใบหน้าของหร่วนซือซือแดงขึ้นมา ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความร้อนใจทันที “คุณหญิง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่ทราบว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่ ไม่มีอะไร” หร่วนซือซือถูกถามมาเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกเขินอายเข้าไปอีก
ตู้เยี่ยจึงเอ่ยพูดต่ออีกว่า “ห้องนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จ เพราะท่านประธานพูดเอาไว้ว่าให้ตกแต่งตามความชอบของคุณหญิง ดังนั้นอีกสักพักผมจะพาท่านไปห้างสรรพสินค้านะครับ”
“โอเค” หร่วนซือซือพยักหน้า
“ใช่แล้ว คุณหญิง ประธานจะนอนอยู่ห้องข้างๆ ท่านนะครับ” พอออกมาจากห้อง ตู้เยี่ยก็ชี้ไปที่ห้องข้างๆ แล้วพูดออกมาเช่นนั้น
ได้ยินดังว่า หร่วนซือซือก็นิ่งงันไปเล็กน้อย
ที่แท้ อวี้อี่มั่วก็แยกห้องนอนกับเธอ
มู่นวลนวลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในใจ ทำให้เธอตื่นเต้นไปเสียยกใหญ่
เมื่อกี้คิดไปอย่างนั้นแล้ว แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อได้เจอเข้ากับอวี้อี่มั่วในตอนเย็น
เมื่อเห็นสีหน้าของหร่วนซือซือเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตู้เยี่ยก็คิดว่าหร่วนซือซือไม่มีความสุข
มีที่ไหนที่คู่สามีภรรยาที่พึ่งจะแต่งงานกันแยกห้องกันนอน
เขาจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณหญิง ท่านประธานชอบความเงียบมาก ในบ้านก็เลยไม่มีแม่บ้าน แต่จะมีคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นเวลาไป ถ้าหากคุณหญิงต้องการล่ะก็…….”
“ไม่ ไม่ ฉันไม่ต้องการ…..” หร่วนซือซือพูดขึ้นแล้วรีบโบกมือปัดปฏิเสธ
ขณะที่กำลังเดินทางไปห้างสรรพสินค้ากับตู้เยี่ย หร่วนซือซือก็ได้เข้าใจสภาพแวดล้อมละแวกบ้าน
ที่จริงแล้วที่นี่คือชุมชนเศรษฐีคนรวยนี่เอง ถ้าอยากจะนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถสาธารณะ ก็จะต้องใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมงได้
ดูท่าแล้วหลังจากนี้ตอนไปทำงาน เธอคงจะต้องตื่นให้เช้าขึ้นกว่าเดิมแล้ว
ตู้เยี่ยพาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอวี้กรุ๊ป
“คุณหญิง เชิญท่านเดินดูไปก่อนได้เลยครับ ผมขอตัวกลับไปที่บริษัทก่อน อีกสองชั่วโมง ท่านประธานจะมาทานข้าวที่นี่ด้วยกับกับคุณหญิง” ตู้เยี่ยกล่าว
คนที่เดินเข้าออกห้างสรรพสินค้านี้มีแต่บรรดาคุณหนูคุณนายที่สูงศักดิ์ หร่วนซือซือที่สวมใส่เสื้อยืดสีขาวแบบนี้รู้สึกเป็นตัวประหลาดที่ไม่เข้าพวก
ขณะที่หร่วนซือกำลังเพลิดเพลินไปกับการมองตู้กระจกที่มีของจัดวางเอาไว้ตามร้านต่างๆ ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อเธอขึ้นมาจากข้างหลัง
หร่วนซือซือหันหลังกลับไปดู
ผู้หญิงที่กำลังคล้องแขนของฝ่ายชายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี
“ว้าย ใช่เธอจริงๆ ด้วย หร่วนซือซือ” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ โน้มตัวเอียงเข้าไปหาฝ่ายชายที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างออดอ้อน “เสียนหลี่คะ ดูตัวเลือกแรกของคุณสิ ยัยปวกเปียกยังมีสารรูปที่ดูเหมือนยาจกอยู่เลย! ”