ดั่งรักบันดาล 7

ตอนที่ 7

อวี้อี่มั่วคือคนพูดจริงทำจริง ในช่วงเช้าของวันที่สอง เขาก็มารออยู่ที่ข้างล่างตึกที่หร่วนซือซือพักอาศัยอยู่แล้ว

ภายใต้ความเร่งเร้าของคุณนายหลิว หร่วนซือซือสวมเสื้อยืดสีขาว รีบลงมาที่ข้างล่างตึกโดยที่ในปากยังคาบหมั่นโถวอยู่ครึ่งลูก

รถยนต์ยังคงเป็นมายบัคสุดหรูคันเดิม

หร่วนซือซือเดินฝ่าฝูงคนที่ล้วนต่างก็มีดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ

ตู้เยี่ยที่ยืนรออยู่ข้างๆ เปิดประตูรถให้เธอ ซ้ำยังกล่าวทักทายเธอออกมาเบาๆ “อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหญิง”

หร่วนซือซือยังคงไม่คุ้นชินกับชื่อเรียกแบบนี้ จึงหัวเราะแหะๆ อย่างกระอักกระอ่วนให้ตู้เยี่ย แล้วจึงหมุนตัวขึ้นรถไป

เมื่อขึ้นมาบนรถ สายตาของเธอถูกดึงดูดให้เบนมองไปทางอวี้อี่มั่วที่กำลังนั่งอยู่ที่ที่นั่งผู้โดยสารข้างๆ

วันนี้อวี้อี่มั่วสวมใส่ชุดสูทสีดำ ดูแล้วทำให้คนต้องรู้สึกหักห้ามใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเสื้อเชิ้ตสีดำตัวข้างในที่ไม่ได้กลัดกระดุมสองเม็ดบน เผยให้เห็นลูกกระเดือกที่มีเสน่ห์เย้ายวน ทำให้จิตใจรู้สึกสั่นสะท้านได้อย่างไม่รู้ตัว

ก็รู้มาโดยตลอดว่าอวี้อี่มั่วนั้นดูดี แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดแบบนี้

หร่วนซือซือท่องไปในจินตนาการอย่างบ้าคลั่ง

สายตาของอวี้อี่มั่วนั้นจ้องอยู่ที่เอกสารข้างหน้า แต่ด้วยความที่หร่วนซือซือนั้นจ้องมองจนเขาจะทะลุอยู่ ฉับพลันนั้นอวี้อี่มั่วจึงมองกลับมา

ดวงตาทั้งสองคู่สบเข้าหากัน

เมื่อสายตาสบเข้ากับดวงตาอันหนาวเย็นของอวี้อี่มั่ว หร่วนซือซือก็ถอนสายตากลับคืนทันที แล้วจึงรีบก้มหน้าลง

ใบหน้ารูปไข่ขึ้นสีแดงระเรื่อ ถึงขนาดที่รู้สึกอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน

อวี้อี่มั่วมีท่าทีราวกับว่าไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เบนสายตากลับมามองหน้าเอกสารดังเดิม

ขณะเดินทาง ในรถยนต์บรรยากาศนิ่งเงียบสนิท แม้ว่าหร่วนซือซือจะมองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง แต่ในหัวกลับคิดถึงแต่เรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ รวมถึงสายตาคู่นั้นของอวี้อี่มั่วด้วย

จนกระทั่งรถจอดนิ่งสนิท เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว กลายเป็นตู้เยี่ยที่เรียกสติเธอกลับมา

“คุณหญิง พวกเรามาถึงแล้วครับ”

ตู้เยี่ยเปิดประตูให้หร่วนซือซือ และทำมือผายเชื้อเชิญออกมา

หร่วนซือซือลงจากรถ เดิมทีเธอคิดว่าอวี้อี่มั่วเองก็จะลงมาจากรถด้วย ใครจะไปรู้ว่ารถได้เคลื่อนออกจากเบื้องหน้าเธอไปอีกครั้ง

จึงเหลือเพียงเธอและตู้เยี่ยสองคน

หร่วนซือซือจิตใจสับสนงุนงงไปชั่วขณะ ไม่ใช่บอกว่าไปบ้านใหม่ด้วยกันหรอกเหรอ

ตู้เยี่ยที่อยู่ข้างๆ ดูหร่วนซือซือออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงอธิบายออกมาว่า “คุณหญิง ท่านประธานเช้านี้มีประชุมด่วน ท่านจะกลับมารับประธานอาหารกลางวันกับคุณหญิงครับ”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง

หร่วนซือซือมีสีหน้าดีขึ้นมาก จากนั้นก็ราวกับว่าหร่วนซือซือพึ่งจะนึกอะไรออก หันกลับไปพูดกับตู้เยี่ย

“ผู้ช่วยตู้ คุณไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณหญิงได้ไหมคะ”

ฟังแล้วแล้วกระอักกระอ่วนมาก!

แล้วยิ่งเป็นตำแหน่งคุณหญิงของประธานอวี้กรุ๊ปด้วยแล้ว วันนี้เธอพึ่งดำรงตำแหน่งเป็นวันที่สอง ยังปรับตัวให้เป็นเรื่องปกติไม่ได้เลย

“งั้นเรียกชื่อฉันไปเลยละกัน หร่วนซือซือ”

“คุณหญิง สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ประธานพักอาศัยอยู่เป็นปกติ และหลังจากนี้ต่อไปที่นี่ก็ยังจะเป็นที่ที่คุณหญิงใช้อยู่อาศัย” ตู้เยี่ยจงใจเมินคำพูดของเธอไป มือก็ผายไปทางคฤหาสน์หลังหนึ่ง

หร่วนซือซือมองตามทิศทางที่ตู้เยี่ยผายมือไป คฤหาสน์สุดหรูอลังการก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าเธอ

อวี้อี่มั่วอยู่ที่นี่เหรอ

เข้าไปข้างใน ดวงตาทั้งสองข้างของหร่วนซือซือก็สอดส่องไปรอบทิศทั้งสี่ด้านอย่างไม่หยุด

การตกแต่งภายในคฤหาสน์นั้นเน้นสีเทาเป็นหลัก ซึ่งเหมาะกับอวี้อี่มั่วที่มีลักษณะเย็นชาหนาวเยียบเป็นอย่างมาก

หร่วนซือซือคิดขึ้นมาดังว่าอยู่ในใจ

ตู้เยี่ยพาหร่วนซือซือไปที่ชั้นสอง เปิดประตูของห้องที่อยู่ข้างๆ ห้องนอนหลักแล้วจึงพูดกับหร่วนซือซือขึ้นมาว่า

“คุณหญิง นับจากนี้เป็นต้นไปที่นี่คือห้องของท่านแล้ว”

การตกแต่งในห้องนั้นเรียบง่ายมาก ยังคงตกแต่งด้วยสีที่เจ้าของบ้านชื่นชอบ

เมื่อมองไปเห็นเตียงขนาดใหญ่ยี่ห้อซิมมอนส์ตั้งอยู่ ข้างในใจของหร่วนซือซือก็พลันตื่นเต้นขึ้นมา

หลังจากนี้ก็จะได้นอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับอวี้อี่มั่วแล้ว

คิดวาดฝันไว้ดังว่า หร่วนซือซือก็เกร็งคอขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แม้แต่ลมหายใจก็ถี่ขึ้นมานิดๆ แล้ว

ตู้เยี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นว่าใบหน้าของหร่วนซือซือแดงขึ้นมา ก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความร้อนใจทันที “คุณหญิง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่ทราบว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”

“ไม่ ไม่มีอะไร” หร่วนซือซือถูกถามมาเช่นนี้ก็ยิ่งรู้สึกเขินอายเข้าไปอีก

ตู้เยี่ยจึงเอ่ยพูดต่ออีกว่า “ห้องนี้ยังตกแต่งไม่เสร็จ เพราะท่านประธานพูดเอาไว้ว่าให้ตกแต่งตามความชอบของคุณหญิง ดังนั้นอีกสักพักผมจะพาท่านไปห้างสรรพสินค้านะครับ”

“โอเค” หร่วนซือซือพยักหน้า

“ใช่แล้ว คุณหญิง ประธานจะนอนอยู่ห้องข้างๆ ท่านนะครับ” พอออกมาจากห้อง ตู้เยี่ยก็ชี้ไปที่ห้องข้างๆ แล้วพูดออกมาเช่นนั้น

ได้ยินดังว่า หร่วนซือซือก็นิ่งงันไปเล็กน้อย

ที่แท้ อวี้อี่มั่วก็แยกห้องนอนกับเธอ

มู่นวลนวลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในใจ ทำให้เธอตื่นเต้นไปเสียยกใหญ่

เมื่อกี้คิดไปอย่างนั้นแล้ว แล้วเธอจะทำอย่างไรเมื่อได้เจอเข้ากับอวี้อี่มั่วในตอนเย็น

เมื่อเห็นสีหน้าของหร่วนซือซือเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตู้เยี่ยก็คิดว่าหร่วนซือซือไม่มีความสุข

มีที่ไหนที่คู่สามีภรรยาที่พึ่งจะแต่งงานกันแยกห้องกันนอน

เขาจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณหญิง ท่านประธานชอบความเงียบมาก ในบ้านก็เลยไม่มีแม่บ้าน แต่จะมีคนเข้ามาทำความสะอาดเป็นเวลาไป ถ้าหากคุณหญิงต้องการล่ะก็…….”

“ไม่ ไม่ ฉันไม่ต้องการ…..” หร่วนซือซือพูดขึ้นแล้วรีบโบกมือปัดปฏิเสธ

ขณะที่กำลังเดินทางไปห้างสรรพสินค้ากับตู้เยี่ย หร่วนซือซือก็ได้เข้าใจสภาพแวดล้อมละแวกบ้าน

ที่จริงแล้วที่นี่คือชุมชนเศรษฐีคนรวยนี่เอง ถ้าอยากจะนั่งรถไฟใต้ดินหรือรถสาธารณะ ก็จะต้องใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมงได้

ดูท่าแล้วหลังจากนี้ตอนไปทำงาน เธอคงจะต้องตื่นให้เช้าขึ้นกว่าเดิมแล้ว

ตู้เยี่ยพาเธอมาที่ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับอวี้กรุ๊ป

“คุณหญิง เชิญท่านเดินดูไปก่อนได้เลยครับ ผมขอตัวกลับไปที่บริษัทก่อน อีกสองชั่วโมง ท่านประธานจะมาทานข้าวที่นี่ด้วยกับกับคุณหญิง” ตู้เยี่ยกล่าว

คนที่เดินเข้าออกห้างสรรพสินค้านี้มีแต่บรรดาคุณหนูคุณนายที่สูงศักดิ์ หร่วนซือซือที่สวมใส่เสื้อยืดสีขาวแบบนี้รู้สึกเป็นตัวประหลาดที่ไม่เข้าพวก

ขณะที่หร่วนซือกำลังเพลิดเพลินไปกับการมองตู้กระจกที่มีของจัดวางเอาไว้ตามร้านต่างๆ ทันใดนั้นก็มีคนเรียกชื่อเธอขึ้นมาจากข้างหลัง

หร่วนซือซือหันหลังกลับไปดู

ผู้หญิงที่กำลังคล้องแขนของฝ่ายชายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี

“ว้าย ใช่เธอจริงๆ ด้วย หร่วนซือซือ” ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ โน้มตัวเอียงเข้าไปหาฝ่ายชายที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างออดอ้อน “เสียนหลี่คะ ดูตัวเลือกแรกของคุณสิ ยัยปวกเปียกยังมีสารรูปที่ดูเหมือนยาจกอยู่เลย! ”

Options

not work with dark mode
Reset