เมื่อมาถึงคฤหาสน์ตระกูลอวี้ ทันทีที่เย่หว่านเอ๋อเดินเข้ามาเธอก็เห็นเหอซูผิงนั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อเหอซูผิงเห็นเข้าก็รีบลุกมาทักทาย " อ้าว หว่านเอ๋อถึงแล้วหรอลูก! "
เย่หว่านเอ๋อรีบยิ้มตอบและเดินเข้าไปหา " คุณป้าคะ วันนี้หนูตั้งใจทำซุปจากบ้านมาให้อวี้อี่มั่วค่ะ "
เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าเหอซูผิงก็เปลี่ยนไปทันที เธอพูดขึ้นว่า " อี่มั่วเขา……."
เย่หว่านเอ๋อรู้สึกกังวล และรีบถามต่อว่า " เขาเป็นอะไรคะ? "
เหอซูผิงถอนหายใจเบาๆ " เขาออกไปแล้ว ไม่ได้อยู่ที่บ้าน "
" อะไรนะ? " เย่หว่านเอ๋อเบิกตากว้าง " เขามีอาการบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรอคะ?"
" เฮ้อ ชิงซานเขาไล่เลาขาหร่วนคนนั้นออกจากบ้าน ให้ไปพักฟื้นที่บริษัท เดิมทีที่ทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีต่อเลขาคนนั้น แต่ไม่รู้เป็นมายังไงถึงไปเข้าหูอวี้อี่มั่วได้ เขาคงคิดว่าพวกเราปฏิบัติต่อเลขาคนนั้นไม่ได้ เขาเลยโกรธเลยตามเธอออกไปด้วย "
เธอพูดพร้อมกับเหลือบมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเย่หว่านเอ๋อ และพูดเพิ่มเติมว่า " เขาคงตามไปหาเลขาสาวคนนั้นแล้วแหละ โทรไปก็ไม่รับ ไม่ส่งข่าวอะไรมาเลย ฉันเป็นห่วงเขามากๆ! "
เย่หว่านเอ๋อเม้มปาก และพยายามข่มสีหน้าให้ปกติ เธอกัดฟันตัวเอง จากนั้นก็ทำเป็นยิ้ม " พี่มั่วเองก็ไม่รับสายหนูเหมือนกันค่ะ เขาคงไม่ได้โกรธหนูหรอกใช่ไหม?"
เหอซูผิงแสร้งทำเป็นตกใจ " จะเป็นไปได้ยังไงกัน? หนูเป็นแฟนเขาเชียวนะ ในเวลาแบบนี้เขาจะไม่ติดต่อหนูได้ยังไงกันล่ะ? "
ทันใดนั้น สีหน้าของเย่หว่านเอ๋อก็ดูแย่มากกว่าเดิม สักพัก เธอก็ตาแดง และพูดอย่างลำบากใจ " คุณป้าคะ คุณป้าคิดว่าพี่มั่วเขาจะทิ้งหนูรึเปล่าคะ ช่วงนี้เขาสนิทสนมกับเลขาหร่วนคนนั้นมากเลยค่ะ หนูรู้ว่าความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของพวกเขาเป็นยังไง แต่ในเมื่อหย่าขาดกันไปแล้ว ทำไมต้องคารังคาซังกันแบบนี้อยู่อีก……"
ในขณะที่เธอพูด น้ำตาเธอก็ร่วงหล่นลงมาเหมือนสายฝน เหอซูผิงเห็นเข้า ก็ไม่รู้ควรจะพูดปลอบเธอยังไง
ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นร่างของคนที่บันได เธอเลยตั้งใจพูดเสียงดังขึ้น" เฮ้อ ป้าว่านะอี่มั่วเขาน่าจะหลงเสน่ห์แม่เลาขาสาวคนนั้นมาก แต่หนูกับเขารู้จักกันมานานขนาดนี้ เขาคงไม่ทิ้งหนูเพราะผู้หญิงคนอื่นหรอก!"
เย่หว่านเอ๋อร้องไห้หนักมาก " พี่มั่วบอกเอาไว้ว่าจะหมั้นกับหนู แต่ตอนนี้เขากลับไปพัวพันกับผู้หญิงคนอื่น หนูเสียใจมากๆเลยค่ะ……"
ในขณะนั้นเอง เสียงเคร่งขรึมของคนหนึ่งก็ดังขึ้น " พัวพันกับใครงั้นหรอ? "
เย่หว่านเอ๋อสะดุ้งเล็กน้อย ทันทีที่เงยหน้าก็เห็นอวี้ชองซานที่ยืนอยู่ตรงบันไดด้วยสีหน้าจริงจังมาก ในมือเขาถือหนังสือพิมพ์อยู่ สีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เย่หว่านเอ๋อสูดขี้มูกและพูดอย่างลำบากใจ " คุณลุงคะ หนูโทรหาพี่มั่วเขาไม่รับสายหนูเลยค่ะ ช่วงนี้พี่เขาดูสนิทสนมกับเลาขาสาวคนนั้นมาก การหมั้นหมายของเราสองคนคงจะไม่มีผลใดๆ……."
" ใครบอกว่าไม่มีผล! " อวี้ชิงซานโกรธมาก " มีลุงอยู่ทั้งคน เขาจะกล้าไม่ยอมเชียวหรอ! "
เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาเย่หว่านเอ๋อ " หนูเป็นผู้หญิงที่ลุงเห็นตั้งแต่เล็กจนโต และรู้จักกับครอบครัวหนูเป็นอย่างดี อีกทั้งหนูกับอวี้อี่มั่วก็รู้สึกดีต่อกัน ในเมื่อเขารับปากหนูแล้ว เขาก็ต้องทำตามที่รับปากไว้! ลุงเองก็ไม่ยอมให้ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนั้นเข้าตระกูลเด็ดขาด! "
เมื่อได้ยินแบบนั้น ในใจเย่หว่านเอ๋อก็ดีใจขึ้นมาทะนที แต่สีหน้าเธอก็ยังคงทำเป็นเศร้าและร้องไห้อยู่ " คุณลุง ในเมื่อคุณลุงพูดแบบนี้หนูเองก็รู้สึกสบายใจค่ะ"
อวี้ชิงซานพยักหน้าเบาๆ " เอาเถอะ ซูผิง เธอช่วยปลอบหนูหว่านเอ๋อหน่อย นี่ก็ค่ำแล้ว สักพักให้คนไปส่งเธอกลับด้วย ส่วนไอ้ลูกเวรนั้น เดี่ยวพรุ่งนี้ฉันจะออกไปตามหาเขาแต่เช้า "
เหอซูผิงได้ยินแบบนั้นก็รีบพยักหน้าตอบรับ เธอจูงมือเย่หว่านเอ๋อให้ไปนั่งลงตรงโซฟา และรินน้ำชาร้อนๆให้เธอดื่มเพื่อรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
เย่หว่านเอ๋อเหลือบมองเวลาแวบหนึ่ง " คุณป้าคะ ค่ำมากแล้ว หนูคงต้องกลับแล้ว "
เหอซูผิงลุกขึ้นและเดินไปส่งเธอที่หน้าประตูพร้อมกับโบกมือลาเธอ " ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกป้าหน่อยนะ ป้าจะได้สบายใจ "
เย่หว่านเอ๋อพยักหน้าและยิ้มให้เธอ จากนั้นก็ขึ้นรถ
หลังจากหลับรถและออกจากคฤหาสน์ตระกูลอวี้แล้ว เย่หว่านเอ๋อก็โยนกระเป๋าเธอไปตรงเยาะหลังอย่างแรง เธอรู้สึกโมโหขั้นสุด " ยัยสารเลวนั่น! ร้อยมารยาจริงๆ!"
ที่ผ่านมาเธอไม่เคยใช้แผนการอะไรเล่นงานเธอ แต่เธอกลับใช้มารยาของผู้หญิงหลอกล่อให้อวี้อี่มั่วหลงเธอหัวปักหัวปำ! แบบนี้จะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไง!
ฮั่วชวนเห็นเข้า เขาก็ทำหน้านิ่งและพูดขึ้นเบาๆว่า " คุณหนู ใจเย็นๆครับ "
" รีบส่งฉันกลับบ้าน แล้วรีบไปตรวจสอบการเคลื่อนไหวของอวี้อี่มั่ว! "
ฮั่วชวนพยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรต่อ
ระหว่างทางกลับบ้าน บรรยากาศค่อนข้างแย่ เมฆดำปกคลุมทั่วท้องฟ้า ลอมก็พัดกระหน่ำ
เมื่อใกล้จะถึงบ้านตระกูลเย่แล้ว ฮั่วชวนก็พูดเตือนเธอว่า " คุณหนูครับ คืนนี้จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง อย่าลืมปิดหน้าต่างให้เรียบร้อยนะครับ "
เย่หว่านเอ๋อโกรธขั้นสุด เธอนอนเอาหัวพิงประตู และตอบรับสั้นๆ
พอส่งเธอถึงบ้านตระกูลเย่แล้ว ฮั่วชวนก็ขับรถออกไปโดยไม่หยุดพัก
แต่บนขอบฟ้าที่ไกลออกไป ก็มีเสียงฟ้าร้องดังก้องไปทั่ง ซึ่งเป็นสัญญาณของฝนฟ้า
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฮั่วชวนก็ไม่ลีรอ ขอแค่เป็นคำสั่งของคุณหนู ต่อให้เขาต้องลงทะเลหรือลุยไฟเขาก็พร้อม
เป็นอย่างที่คาด ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ฝนก็เริ่มตกอย่างหนัก ฟ้าร้องดั่งสนั่น
บนเตียงผู้ป่วย อวี้อี่มั่วจ้องมองแล็ปท็อปตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ถึงแม้ว่าเจาจะบาดเจ็บอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้ละเลยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อบริษัทเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ตู้เยี่ยกลับมาเขาก็ส่งตู้เยี่ยให้ไปทำงานที่บริษัท การทำงานของเขาจะได้ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆเกิดขึ้น
ส่วนความคิดเห็นบนสังคมออนไลน์ที่เป็นด้านลบของอวี้กรุ๊ป หลังจากวันสองวันก็ค่อยๆหายไปแล้ว บวกกับวิธีการรับมือของบริษัทเลยทำให้ทุกอย่างมีแนมโน้มที่จะดีขึ้น
แต่ว่าหุ้นที่ราคาร่วงลงไปนั้นก็ค่อนข้างยากที่จะกอบกู้ขึ้นมา หลายๆโครงการที่ต้องหยุดชะงักก็ส่งผลกระทบกับบริษัทมากเช่นกัน
อวี้อี่มั่วยกมือขึ้นกุมขมับพร้อมกับละสายตาออกจาหน้าจอ จากนั้นก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เขาถึงกับขมวดคิ้ว
เวลานี้ หร่วนซือซือน่าจะหลับไปแล้วนะ?
เขาจำได้ว่าตอนที่หร่วนซือซืออยู่กับเขาที่คฤหาสน์ วันที่ฝนตกฟ้าร้องแบบนี้เธอจะกลัวมากๆ
มีครั้งหนึ่งที่ฝนตกฟ้าร้องกลางดึก เธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขาด้วยตัวเอง เธอกลัวจนตัวสั่นตัวไปทั้งตัว
ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่ข้างกายเธอ และไม่มีแผนเป็นที่พักพิง
ในใจเขารู้สึกสับสนวุ่นวาย อวี้อี่มั่วสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลุกขึ้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะระบบเก็บเสียงของโรงพยาบาลไม่ดีหรือยังไง ทุกครั้งที่ฟ้าร้องเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง
อวี้อี่มั่วเดินออกจากห้องผู้ป่วย และตรงไปที่ห้องพักผู้ป่วยข้างๆ เขาผลักระตูออกอย่างช้าๆ
ในห้องมืดสนิท ไม่มีเสียงอื่นนอกจากเสียงฟ้าร้องจากข้างนอก อวี้อี่มั่วค่อยๆเดินเข้าไปตามแสงที่ส่องเข้ามาเป็นระยะๆ เขาค่อยๆเห็นหญิงสาวที่นอนหดตัวอยู่บนเตียง
หร่วนซือซือนอนกึ่งนั่งพิงอยู่ตรงหัวเตียง มีผ้านวมห่มอยู่บนตัวเขา เธอนั่งกอดเขาและเหมือนจะตัวสั่นเล็กน้อย
อวี้อี่มั่วจุกที่อก เขาเดินเข้าไปเปิดสวิตซ์ข้างเตียง และมีเสียง " ฟึ่บ " ดังขึ้น จากนั้นห้องก็สว่าง
คนที่นอนหดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่มีการขยับตัวใดๆ สักพัก เขาเปิดผ้าห่มออก ก็เห็นสีหน้าที่ซีดเซียวของหร่วนซือซือ
" คุณ……คุณมาได้ยังไง?"
" กลัวรึเปล่า?" น้ำเสียงของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึม " ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ"
เขาพูดพร้อมกับนั่งลงข้างๆเธอ จากนั้นก็เหยียดแขนไปโอบไหล่เธอ
หร่วนซือซือตกใจจนตัวแข็งทื่อ " ไม่……ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้กลัว ก็แค่นอนไม่หลับ"
เธอดูลุกลี้ลุกลน และพูดไม่เป็นคำ
อวี้อี่มั่วหัวเราะและไม่ได้พูดอะไร เขายื่นมือไปดึงเข่าที่งอของเธอให้เหยียดตรงและดึงผ้าห่มขึ้นห่มให้เธอ และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน " วันนี้ฉันนอนเป็นเพื่อนนะ"