ดั่งรักบันดาล 29

ตอนที่ 29

ทันใดนั้นเฉิงลู่ก็มีปฏิกิริยากลับมา และอดไม่ได้ที่จะตกใจ คำถามในหัวของเธอซับซ้อนมากขึ้น

หรือว่าระหว่างหร่วนซือซือกับอวี้อี่มั่วมีความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้?

ความคิดนี้เข้ามาในหัวของเฉิงลู่ และในวินาทีต่อมาเธอก็ยับยั้งมันไว้

ประธานอวี้จะชอบผู้หญิงแบบหร่วนซือซือได้ยังไง เธอต้องมาตามตื้ออย่างไร้ยางอายแน่ๆ

เมื่อเห็นว่าหร่วนซือซือเดินไปไกลเรื่อยๆ เฉิงลู่ก็กำหมัดแน่นด้วยจิตใจที่แน่วแน่ ถ้าครั้งหน้าเธอมีหลักฐาน เธอจะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปง่ายๆแน่!

“ฮัดชิ้ว!”

หร่วนซือซือรู้สึกหนาวอย่างอธิบายไม่ถูก ทันทีที่ขึ้นลิฟต์ เธอก็จามเสียงดัง

หรือว่ามีคนคิดถึงเธอ?

เธอขยี้จมูกและไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นของแผนกบริหาร เธอก็ออกมา

หลังจากออกจากลิฟต์ เธอก็เดินมาที่สำนักงานของแผนกบริหาร มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินมาหาเธอ “ผู้ช่วยหร่วน คุณหลานรอให้เธอไปพบอยู่ที่ห้องทำงาน”

คุณหลาน?

หร่วนซือซือหัวใจเต้นแรง เธอขอบคุณเพื่อนร่วมงาน และรีบเดินไปที่ห้องหัวหน้าแผนก

ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว คุณหลานเรียกให้เธอไปพบตอนนี้มีเรื่องอะไร?

หร่วนซือซือกังวลใจ เมื่อมาถึงหน้าห้องทำงาน เธอก็เคาะประตู หลังจากได้ยินเสียงตอบรับจากข้างใน เธอก็ผลักประตูและเดินเข้าไป

คุณหลานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน และโบกมือเรียกเธอ “หร่วนซือซือ เธอมานี่”

“คุณหลาน มีอะไรหรอ?”

“ฉันได้ยินว่าตอนนี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดซื้อสวัสดิการในเทศกาลวันหยุด เธอเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่ง และนี่เป็นงานแรกของเธอ สำหรับเธอแล้วมันน่าจะยากมาก แต่เธอก็จำเป็นต้องทำให้ดี ก่อนอื่นเธอต้องทำความเข้าใจว่าสินค้าสวัดิการมีความเกี่ยวเนื่องไปถึงความรู้สึกของพนักงานในบริษัทและความกระตือรือร้นในการทำงาน ซึ่งมีความสำคัญต่อบริษัทมาก รองลงมา……”

ในขณะที่คุณหลานพูด จู่ๆน้ำเสียงของเธอก็เบาลง “เธอก็รู้ว่าาตอนนี้เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหาร มีหลายคนในแผนกที่ยังไม่ยอมรับ นี่เป็นงานแรกที่เธอรับผิดชอบหลังจากเข้ารับตำแหน่ง และต้องทำให้ดี มีเพียงวิธีนี้ที่จะทำให้ทุกคนยอมรับในความสามารถของเธอ เข้าใจไหม?”

สิ่งที่คุณหลานพูดทำให้ใจของหร่วนซือซือเต้นแรง เธอพยักหน้า “คุณหลาน ฉันเข้าใจ”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนร่วมงานที่มีต่อเธอ ดังนั้นงานแรกนี้จึงสำคัญมากสำหรับเธอ และเธอก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองผ่านโอกาสนี้ด้วย

“เธอรู้แล้วก็ดี” คุณหลานพยักหน้า “เธอก็รู้อารมณ์ของฉันดี ถ้าทำเรื่องนี้ได้ไม่ดี ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

หร่วนซือซือพยักหน้า “คุณหลานวางใจได้ ฉันจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

“ฉันก็แค่เตือนเธอไว้ก่อน ไม่ต้องกดดันมากจนเกินไป ไปทำงานเถอะ”

หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ และหันหลังเดินออกมาจากห้องทำงานของหัวหน้าแผนก จากนั้นก็คิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่คุณหลานพูด

วันนี้เธอออกไปวิ่งข้างนอกมาทั้งวันจนเท้าทั้งสองข้างถลอก แต่เรื่องก็ยังไม่ยุติ แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิด

“พี่จื่อหัน เอาอย่างนี้ เย็นนี้เราไปกินปิ้งย่างกัน ครั้งหน้าค่อยไปกินหม้อไฟกัน!”

“ได้สิ ตามนั้น ถึงยังไงช่วงนี้ก็ไม่ต้องทำงานล่วงเวลา”

“……”

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก หร่วนซือซือก็เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเพื่อนร่วมงานผู้หญิงหลายคนกำลังคุยกันอยู่ตรงที่ชงกาแฟ และคนที่ถูกล้อมอยู่ตรงกลางคือเมิ่งจื่อหัน

หร่วนซือซือแววตาเป็นประกาย แล้วก็มีความคิดขึ้นทันที เธอเดินไปหาพวกเขา

เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ หลายคนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานก็เงียบและไม่พูดไม่จา เมิ่งจื่อฮันเงยหน้าขึ้นมามองหร่วนซือซือด้วยสายตาที่เย็นชา

“เมิ่งจื่อหัน คุณพอมีเวลาไหม?ฉันมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำจากคุณ”

คุณหลานบอกว่าถ้าเธอไม่เข้าใจอะไรก็ให้ไปถามเมิ่งจื่อหัน ตอนนี้เธอประสบปัญหาในการทำงาน เมิ่งจื่อหันคงจะไม่นิ่งดูดาย

“เรื่องอะไร?” เมิ่งจื่อหันถือถ้วยชาแล้วจิบชา ท่าทางของเธอทีมีต่อหร่วนซือซือดูแปลกแยก

หร่วนซือซือมองไปที่เพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่ข้างๆเมิ่งจื่อหัน เธอหายใจเข้าลึกๆ “มันเป็นเรื่องงาน ฉันอยากได้คำแนะนำจากคุณเป็นการส่วนตัว”

“เรื่องงาน?” เมื่อเมิ่งจื่อหันได้ยินอย่างนั้นก็มีแววตาของเขาก็เยาะเย้ย “เธอไม่น่าจะมาถามฉันเรื่องงานนะ?”

เธอยืนตัวตรงและพูดต่อโดยไม่รอคำตอบของหร่วนซือซือ “ฉันใช้เวลาสามปีในการเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานธรรมดาไปเป็นผู้ช่วยฝ่ายบริหาร โดยไม่รวมระยะเวลาฝึกงาน เธอเรียนจบแล้วก็เข้ามาในอวี้กรุ๊ปได้สองปี ตอนนี้เธอได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และเห็นได้ชัดว่าต้องมีอะไรที่เหนือไปกว่าคนอื่น!ต้องเป็นฉันที่เรียนรู้จากเธอถึงจะถูก”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาเพื่อนร่วมงานหลายคนที่อยู่ตรงนั้นก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน และมองหร่วนซือซือด้วยสายตาเยาะเย้ย

หร่วนซือซือยืนอยู่ตรงนั้นและรู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนผ่าว

คำพูดของเมิ่งจื่อหันดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่คนที่ฉลาดจะฟังออกว่านี่เป็นการตบหน้าเธอต่อหน้าทุกคน ทำให้เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งของเธอไม่ถูกต้อง

เมื่อเห็นว่าเธอเงียบไปนาน เมิ่งจื่อหันก็ยิ้มและพูดกับเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆว่า “สวัสดิการในเทศกาลวันหยุดนี้จัดการโดยผู้ช่วยหร่วน ทุกคนตั้งตารอได้เลย ไม่รู้ว่าสินค้าสวัสดิการวันหยุดปีนี้จะเซอร์ไพรส์กว่าปีก่อนๆไหมนะ?”

หร่วนซือซือกัดริมฝีปากและไม่พูดอะไร

เดิมทีเธอคิดว่าเมิ่งจื่อหันเป็นคนดี ในตอนแรกก็ใจดีกับเธอ ไม่คิดว่าจะเป็นแค่เปลือกนอก!

แทนที่จะยืนอยู่ตรงนี้และถูกพวกเขาทำให้อับอาย ไม่สู้เดินจากไปจะดีกว่า

หร่วนซือซือเหลือบมองไปที่เมิ่งจื่อหัน เธอกำหมัดแน่นและเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง

ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีทางอื่นแล้ว ทุกอย่างเธอจะต้องพึ่งพาตัวเอง

หร่วนซือซือถอนหายใจ แล้วเตรียมเอกสารที่จำเป็น หลังจากเลิกงานแล้วเธอก็เอากลับไปที่คฤหาสน์

หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์ หร่วนซือซือก็ไม่มีกระจิตกระใจจะทานข้าน เธอกินสองสามคำแล้วก็กลบไปตรวจสอบข้อมูลที่ห้องนอนต่อ

ตอนนี้ปัญหาที่เธอกำลังเผชิญอยู่คือการเตรียมสวัสดิการในช่วงเทศกาลวันหยุดด้วยงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด และสามารถทำให้พนักงานส่วนใหญ่ของบริษัทชื่นชอบ

การทำให้ทุกคนชอบไปทั้งหมดนั้นยาก ต้องใช้งบประมาณที่มีให้เกิดศักยภาพสูงสุด นี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด

หร่วนซือซือตรวจสอบข้อมูลอย่างตั้งใจ และไม่ได้สังเกตว่าประตูถูกผลักเข้ามาเบาๆ

อวี้อี่มั่วยืนอยู่ที่หน้าประตู และเห็นเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะโดยไม่ตอบสนอง

เขาค่อยๆเดินเขามาเบาๆ และเดินอ้อมไปข้างหลังเธอ

เขาเห็นเธอจดบันทึกเหมือนเด็กนักเรียนที่หยิบปากกาสีต่างๆมาเขียนและวาด

อวี้อี่มั่วยืนเฝ้าดูเธออย่างเงียบๆ หร่วนซือซือพลิกดูข้อมูลอยู่สักพัก ในขณะที่คิดเธอก็กัดปากกา ดูเหมือนว่าจะไม่มีความคืบหน้าอะไร

สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ดูอะไรอยู่?”

ทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง หร่วนซือซือก็สะดุ้งจนตัวสั่น และเอกสารในมือของเธอกระจัดกระจายอยู่ที่พื้น

เธอหันหน้าไปด้วยความตื่นตระหนก และเห็นว่าอวี้อี่มั่วยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง เธอประหลาดใจ “คุณ…ทำไมมาอยู่ตรงนี่!”

Options

not work with dark mode
Reset