ดั่งรักบันดาล 280

ตอนที่ 280

เมื่อรู้สึกว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา เธอจึงค่อยๆกำมือแน่นขึ้น นิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นว่า : "ขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นกะทันหันนิดหน่อยค่ะ……"

ไม่มีใครให้สิทธิพิเศษในการหยุดงานอะไรกับเธอ เป็นเธอเองที่ละเลยเวลาเข้างาน เธอไม่โทษใคร

หร่วนซือซือรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง สูดลมหายใจเข้าลึก ไม่รอให้อวี้อี่มั่วได้พูดอะไรต่อ ก็รีบขอโทษขึ้น : "ขอโทษค่ะท่านประธานอวี้ ต่อไปฉันจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ"

อวี้อี่มั่วเมื่อเห็นเป็นแบบนี้ คำพูดที่จะพูดก็กลืนลงคอไป เขานิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : "ข้อเสนอที่มีการรั่วไหลออกไป มีอะไรจะพูดไหม"

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใจเธอก็หล่นฮวบลง เรื่องการรั่วไหลของข้อเสนอนี้ เธอพูดออกมาเอง กับเขาพูดถึงเองมันต่างกันคนละเรื่องเลย

วันนี้เขาเป็นคนพูดถึงมันก่อน เธอจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยทันที

อวี้อี่มั่วพูดขึ้นมาก่อน แปลว่าเขาสงสัยในตัวเธอแล้วแน่นอน

เธอกัดฟันแน่น เงยหน้าสบตากับอวี้อี่มั่ว : "เรื่องข้อเสนอที่รั่วไหลไป ฉันเองไปส่งงานตามที่คุณสั่ง ไม่ได้ทำอะไรตุกติกนอกเหนือคำสั่งของคุณเลย"

คำพูดของเธอมั่นคงชัดเจน ไม่มีความลังเลใดๆทั้งสิ้น

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว สีหน้าเข้มขรึมขึ้นกว่าเก่า

เธอที่แสดงออกอย่างเปิดเผย ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้อเสนอที่รั่วไหลออกไปแม้แต่นิด

อวี้อี่มั่วหรี่ตาลง มือที่เรียวยาวหยิบปากกาขึ้นมา แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า : "เธอรู้รึเปล่า ว่าบริษัทไท่ซิ่งเซ็นสัญญากับกลุ่มบริษัทข้ามชาติJVเรียบร้อยแล้ว"

หร่วนซือซือได้ยินแล้วอึ้งไปเล็กน้อย ค่อนข้างแปลกใจ

เกี่ยวกับกลุ่มบริษัทข้ามชาติJV นับเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับบริษัทอวี้กรุ๊ปแล้วถือว่ายังค่อนข้างด้อยกว่า เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่ควรประมาทและไม่ควรมองข้ามเลย

ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายแล้วโครงการมูลค่า 700 ล้านนี้จะตกเป็นของJV เกินความคาดหมายจริงๆ

แต่เรื่องพวกนี้กลับบังเอิญกันเกินไป

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เงยหน้ามองอวี้อี่มั่ว : "ไม่ทราบค่ะ"

อวี้อี่มั่วได้ยินแล้ว เขากำปากกาในมือไว้แน่น แววตาเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก : "ไม่รู้จริงๆ หรือแสร้งว่าไม่รู้"

เขาพูดพลางลุกขึ้นยืน สีหน้าเย็นชา : "รู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนรับผิดชอบโครงการนี้ของJV"

หร่วนซือซือไม่ทันได้ตอบ เขาก็เฉลยต่อทันที : "เฉินจื่อเซียว"

เฉิงจื่อเซียวคนที่เธอติดต่ออย่างสนิทสนมไง

หร่วนซือซือนิ่งไปชั่วครู่ ชื่อนี้จะพูดว่าสนิทหรือไม่สนิทเธอเองก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าช่วงนี้ไม่ได้ยินชื่อนี้เลย

หลายวินาทีผ่านไป หร่วนซือซือพึ่งเข้าใจในคำพูดของเขา เขากำลังสงสัยเธอเหรอ สงสัยว่าเธอเป็นคนให้ข้อมูลกับเฉิงจื่อเซียวเหรอ!

ดวงตาเธอเบิกกว้าง สีหน้าที่ทั้งอึ้งทั้งตกใจมองไปยังอวี้อี่มั่ว : "ฉันไม่รู้ว่าเป็นเขา ฉันไม่ได้เจอกับเขามานานมากแล้วค่ะ"

เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลนลานสับสน อวี้อี่มั่วยิ้มนิดๆที่มุมปาก พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า : "เหรอ? แต่ทุกอย่างมันชั่งบังเอิญเหมาะเจาะจริงๆ"

หลังจากที่ข้อมูลรั่วไหลออกไป คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดคือJV แผนงานที่อยู่ในมือของเธอ และเธอดันไปรู้จักกับคนที่รับผิดชอบกับโครงการนี้อยู่ ทุกอย่างนี้มันบังเอิญเกินจินตนาการไป

มองเขาที่สีหน้าเรียบเฉย หร่วนซือซือรู้สึกแน่นไปทั่วอก รู้สึกเดือดขึ้นมา เธอกัดฟันแน่น : "ฉันบริสุทธิ์ใจและไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณจะคิดว่าฉันเป็นคนทำ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ"

เวลาแบบนี้แล้ว ในเมื่อเขาไม่เชื่อเธอ อธิบายอะไรไปก็เท่ากับแก้ตัวเท่านั้น

เมื่อเห็นเธอที่แสดงออกมาแบบนี้ อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : "ในเมื่อบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอ งั้นเธอจะพิสูจน์ตัวเองยังไง"

เรื่องมันบานปลายมาขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าแค่เขาเชื่อก็พอแล้วเสียหน่อย เธอต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองให้ได้ เป็นวิธีเดียวที่จะหยุดคำครหาของผู้คนได้

หร่วนซือซือพูดอะไรไม่ออก ได้แต่กัดฟันแน่น

แต่เธอไม่มีหลักฐานอะไรเลย จะหาหลักฐานพิสูจน์ตัวเองได้ ก็มีแค่เย่หว่านเอ๋อคนเดียวที่จะช่วยเธอเป็นพยานได้ แต่เย่หว่านเอ๋อก็ลงรถกลางทางไป จะว่าไปแล้วเธอก็มีโอกาสที่จะลงมือทำ

ทุกความคิดก็หยุดอยู่ตรงทางตัน คิดต่อไม่ได้

และแล้ว เขาก็มองมายังเธอด้วยสีหน้าแววตาเย็นชา : "พอก่อน เธอออกไปได้"

หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า เธอตอบรับ แล้วหมุนตัวเดินออกไป

เมื่อประตูปิดลง หัวใจของหร่วนซือซือเต็มไปด้วยความเย็นชา

จริงๆแล้วในความเงียบเมื่อสักครู่นี้ เธอคิดอะไรได้หลายๆอย่าง เรื่องนี้เธอเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด เธอเองไม่กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจเธอผิด สิ่งที่เธอกลัวคือทุกคนไม่ได้เชื่อเธอตั้งแต่แรกจนจบแล้วต่างหาก

และสีหน้าท่าทางเมื่อกี้ของอวี้อี่มั่ว ทำให้เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าเขาไม่เชื่อในตัวเธอ ถึงจะรู้จักกันมานานขนาดนี้ ผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาด้วยกัน แต่เขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อเธอ

เลิกงานแล้ว หร่วนซือซือที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จู่ๆก็นึกถึงซ่งเย้อันขึ้นมา เลยหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเขา

"ฮาโหล เย้อัน เป็นยังไงบ้าง?"

ตอนนี้ เขาน่าจะพักฟื้นอยู่ที่บ้าน

ในมือถือมีเสียงหัวเราะของซ่งอวิ้นอันดังมาตามสาย : "ซือซือ ฉันเอง"

แล้วก็พูดเสียงเบาลง : "พี่ชายฉันหลับไปแล้ว ฉันเลยรับสายแทน"

หร่วนซือซือเข้าใจแล้ว ก็ถามกลับไปว่า : "ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างแล้ว"

"ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนแรกกำลังจะกลับบ้านแล้วเชียว จู่จู่ก็หน้ามืดอยู่หน้าโรงพยาบาล ก็เลยต้องนอนอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ พอฉันทราบข่าวก็เลยรีบมา"

"อะไรนะ?" หร่วนซือซือสะดุ้งตกใจ และรู้สึกแปลกใจมาก : "แบบนี้ก็ต้องอยู่ดูอาการต่อที่โรงพยาบาลใช่ไหม?"

ซ่ออวิ้นอันตอบกลับ : "คุณหมอบอกว่ากลัวเลือดจะคลั่งในสมอง ต้องทำการตรวจใหม่"

เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หร่วนซือซือหยุดคิดไปครู่หนึ่ง : "แล้วเธอกินข้าวรึยัง? ถ้ายังไม่กินฉันจะซื้อเข้าไปให้ พร้อมกับไปเยี่ยมเขาด้วยเลย"

"ก็ดีสิ ฉันอยู่โรงพยาบาลคนเดียวน่าเบื่อจะแย่"

คุยกันสักพัก หร่วนซือซือก็วางสายไป เธอไปซื้อของแล้วตรงไปที่โรงพยาบาลเลย

เมื่อถึงโรงพยาบาล หร่วนซือซือก็ไปถามห้องกับพยาบาลหน้าเคาน์เตอร์ พอรู้เรื่องแล้วเธอก็รีบไปทันที

ระหว่างนี้ซ่งเย้อันก็ตื่นขึ้นพอดี เห็นหร่วนซือซือมา ดวงตาก็ลุกวาว ซ่งอวิ้นอันที่อยู่ข้างก็แสดงสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที : "ซือซือ กว่าจะมาได้ ฉันอยู่คนเดียวเบื่อจะแย่แล้ว"

"พอได้แล้ว ฉันซื้อของกินมาให้เธอด้วย ทั้งข้าวแล้วก็ขนม เธอดูสิว่าอยากกินอะไร"

หร่วนซือซือวางถุงใบเล็กใบใหญ่ลง คุยกันสักพัก ห้องผู้ป่วยที่หนาวเหน็บกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่น

ทานข้าวเสร็จแล้ว หร่วนซือซือหันไปมองซ่งเย้อัน พึ่งว่างที่จะไถ่ถามเขา : "เย้อัน รู้สึกยังไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างรึเปล่า?"

ซ่งเย้อันก็สีหน้าอ่อนโยนขึ้นมาทันที : "ไม่เป็นไร พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลจนวันตัดไหมเลยก็ได้ ฉันทำงานที่นี่ได้"

อาการเขาดูดีทีเดียว หร่วนซือซือถอนหายใจเบาๆ

ผ่านไปสักครู่ก็มีพยาบาลมาตรวจ ซ่งอวิ้นอันก็สบโอกาสดึงแขนหร่วนซือซือมาคุยด้านข้าง

"ใช่แล้วอันอัน ใกล้จะถึงวันเสาร์นี่? เธอต้องเตรียมตัวไปอี้เฉิงไม่ใช่เหรอ?"

ซ่งอวิ้นอันทำปากขมุบขมิบแล้วพูดขึ้นว่า : "ตอนแรกว่าจะไปนั่นแหละ แต่ตอนนี้พี่ชายมาบาดเจ็บ แล้วยังจะไม่ให้บอกพ่อแม่อีก ฉันเป็นน้องสาวก็ต้องอยู่ดูแลน่ะสิ"

หร่วนซือซือรีบถามขึ้นมา : "แล้วการแสดงของเธอล่ะ?"

ซ่งอวิ้นอันเห็นสีหน้าเป็นกังวลใจของเธอ จึงยกมือขึ้นมาตบไหล่หร่วนซือซือเบาๆ : "สบายใจได้ ฉันแค่ไปช้าหน่อย ไม่กระทบถึงการแสดงหรอก"

หร่วนซือซือพยักหน้า : "ก็ดี เธอไปแสดงแล้ว ส่วนพี่ชายเธอทางนี้ฉันจะช่วยดูแลเอง"

ทันใดนั้นซ่งอวิ้นอันก็ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ ยิ้มกรุ้มกริ่ม : "ซือซือ เธอไม่ได้กำลังชอบพี่ชายฉันอยู่ใช่ไหม?"

Options

not work with dark mode
Reset