เสียงดัง " เพล้ง——" มีดล่วงกระทบกับพื้น
หร่วนซือซืออึ้ง ยังไม่ได้จะตั้งสติ ก็เห็นคนร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเปิดประตูและลงจากรถ
ทันทีที่เธอเห็นอวี้อี่มั่ว ตาเธอก็เป็นประกายขึ้นทันที ใจดวงน้อยๆที่หลุดลอยค่อยๆสบายใจขึ้น
ถึงแม้เธอจะไม่อยากยอมรับว่าตลอดสองชั่วโมงที่ผ่านมานี้คนที่เธอคาดหวังอยากจะเจอมากที่สุดนั่นก็คืออวี้อี่มั่ว และตอนนี่ก็เป็นเขาจริงๆด้วยที่มาช่วยเธอ!
ชายหนุ่มหน้าตาดูเคร่งขรึมมาก เขาเดินตรงเข้า และดึงตัวเธอให้เขาไปใกล้ จากนั้นก็รีบเอาผ้าที่ยัดปากเธออยู่ออกอย่างไม่รอช้า
" แคะๆ! " หร่วนซือซืออดไม่ไหวจึงไอออกมาสองที เธอเจ็บคอและทรมานมากๆ
ไม่รู้ว่าอวี้อี่มั่วเอามีดออกมาจากไหน เขาตัดเชือกที่มัดอยู่ที่แขนขาเธอออกอย่างไม่รอช้า
หลังจากนั้น เขาก็สั่งคนข้างๆว่า " จับตัวหลี่เซินไว้ แล้วก็เก็บอาวุธเขาขึ้นมาด้วย "
พอพูดจบ เขาก็อุ้มหญิงสาวที่ตอนนี้ตกอยู่ในอาการอึ้งขึ้นและเดินไปที่รถ
หลังจากขึ้นรถ หร่วนซือซือถึงค่อยๆคลายความกลัวจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายเมื่อสักครู่ เมื่อชายหนุ่มยื่นน้ำให้เธอ จู่ๆเธอก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอรีบหันไปมองเขาและถามขึ้นอย่างกังวลว่า " พ่อฉันล่ะ? พ่อฉันเป็นไงบ้าง? "
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วและเม้มปาก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า " อยู่โรงพยาบาล ได้ยินอาจารย์แม่บอกว่าท่านสลบไป "
" อะไรนะ? "
หร่วนซือซือตกใจมาก เดิมทีใจเธอที่เริ่มผ่อนคลายแล้วก็กลับไปเป็นกังวลมากกว่าเดิม เธอขบกรามตัวเองและรู้สึกทุกข์ใจ
นี่เป็นสิ่งที่เธอกลัวที่จะได้ยินมากที่สุด แต่เรื่องทุกอย่างกลับเกิดขึ้นอย่างเลวร้าย
หร่วนซือซือรู้สึกอ่อนไหวเล็กน้อย ดวงตาเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เธอพูดสั่งตู้เยี่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา " ออกรถ ไปโรงพยาบาล "
ตู้เยี่ยรีบกลับรถและเหยียบคันเร่งทันที เขามุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ตลอดทาง ท่าทางของหร่วนซือซือเป็นกังวลมากๆ เธอทั้งตึงเครียดวิตกกังวลและไร้เรี่ยวแรง ใจของเธอกระวนกระวายขั้นสุด
อวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างๆรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของหร่วนซือซือ เขาหยิบน้ำแร่ขึ้นมาขวดหนึ่ง เปิดฝาออกและยื่นให้เธอ " ไม่ต้องเป็นห่าง อาจารย์ต้องไม่เป็นไร "
หร่วนซือซือยื่นมือไปรับไว้ แต่ความกังวลภายในใจกลับไม่ดีขึ้น ในเวลาแบบนี้ เธอจะวางใจได้ยังไงกัน?
รถแล่นมาความเร็วและในที่สุดก็มาถึงโรงพยาบาล รถพึ่งจะจอดสนิทที่หน้าประตูโรงพยาบาล หร่วนซือซือก็เปิดประตูและลงรถและวิ่งตรงเข้าไปยังโรงพยาบาลไปทันที
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว แล้วเขาก็รีบวิ่งตามเธอเข้าไป
วิ่งมาถึงห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ภายในห้องไร้เงาของผู้คน ในวินาทีนั้น ใจของหร่วนซือซือตกไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกครั้ง เธอหัวใจเต้นรัวแม้แต่การหายใจของเธอยังรีบร้อนตามไปด้วย
" พ่อ……"
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอไม่อยากคิดในแง่ร้าย เธอวิ่งออกจากห้องผู้ป่วยและเจอกับพยาบาล เธอรีบเข้าไปถามพยาบาลว่า " ขอถามหน่อยค่ะ ผู้ป่วยห้องนี้อยู่ไหนคะ! "
เธอทำให้พยาบาลคนนั้นตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าเธอเป็นกังวล พยาบาลก็รีบพูดขึ้นว่า" ผู้ป่วยรายนี้พึ่งได้รับการช่วยเหลือฉุกเฉินไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้เขาพักอยู่ที่ห้องไอซียูที่ชั้นห้า "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น ก็รีบพูดขอบคุณ เธอวิ่งตรงขึ้นบันได้ไปอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เธอวิ่งมาถึงห้องผู้ป่วยชั้นที่พยาบาลบอกอย่างเร่งรีบ หร่วนซือซือเห็นคุณนายหลิวที่นั่งรอหน้าห้องจากที่ไกลๆ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเศร้า น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอย่างพลุพล่าน " แม่คะ! "
คุณนายหลิวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างใจลอย พอได้ยินเสียงก็รีบหันมอง ทันทีที่เห็นหน้าเธอ สีหน้าของท่านดีใจมากๆ หลังจากนั้นเธอก็รีบลุกยืนขึ้นต้อนรับเธอ " ซือซือ! "
หร่วนซือซือร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุดพร้อมกับดึงแขนคุณนายหลิวและถามขึ้นทันทีว่า " พ่อเป็นไงบ้างคะ? "
คุณนายหลิวขมวดคิ้ว และหันไปมองที่ห้องไอซียูที่อยู่ข้างๆ " ยังคงนอนพักฟื้นอยู่ด้านใน คุณหมอบอกว่าต้องรอให้เขาฟื้นและต้องรอเช็คอาการอีกรอบ "
หร่วนซือซือได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกกังวล เธอรู้สึกผิดและเสียใจมาก เธอรีบวิ่งไปที่หน้าห้องไอซียู เธอมองผู้เป็นพ่อที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจผ่านกระจกห้อง น้ำตาเธอก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ความรู้สึกผิดฝังลึกลงไปในหัวใจของเธอ เธอกัดฟันด้วยความเสียใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พ่อก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้!
คุณนายหลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอกังวลเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า" ซือซือ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับลูกกันแน่? "
พอโดนคุณนายหลิวถามแบบนี้ หร่วนซือซือก็ยิ่งไม่สบายใจ เธอรู้สึกเศร้า แต่ก็ฝืนตัวเองตอบว่า " แม่คะ ทุกอย่างเป็นเพราะหนู เพราะว่าหนูแท้ๆ……"
คุณนายหลิวเห็นแบบนั้น เธอทั้งเสียใจและไม่รู้จะทำอย่างไร เธอยื่นมือไปลูกที่ไหลหร่วนซือซือ " ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง……"
หร่วนซือซือเงยหน้าขึ้นมองแม่ทั้งน้ำตา " แม่คะ แม่ไม่เข้าใจที่พ่อต้องเป็นแบบนี้……"
เสียงหลังจากนั้นเบาขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็พูดไม่ออก
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงเข้มของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆ " เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นความผิดของผมเอง "
คุณนายหลิวยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เธอมองไปที่อวี้อี่มั่วด้วยความแปลกใจ " เสี่ยวอวี้……มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? "
หร่วนซือซือหันไปมองชายหนุ่มที่หน้าตาจริงจัง เธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ถ้าให้พูดตามตรง ถ้าตอนนั้นเธอไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของอวี้อี่มั่วก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ที่หลี่เซินพูดไม่ผิดเลย เพราะเธอยุ่งเรื่องคนอื่นเธอเลยมีจุดจบแบบนี้
หร่วนซือซือกัดฟันตัวเองพร้อมกับส่ายหน้า " แม่คะ แม่อย่าถามเลยนะคะ "
เธอพูดพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เธอรู้สึกหดหู่มากๆ
ถ้าพ่อเธอเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ทั้งชีวิตนี้เธอคงไม่หายโกรธตัวเองและไม่มีวันที่จะให้อภัยตัวเองแน่ๆ
คุณนายหลิวที่อยู่ข้างๆพอเห็นเธอเป็นแบบนี้ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เธอมองไปที่บาดแผลที่แขนของเธอ เธอรู้สึกปวดใจ " ซือซือ ลูกนั่งพักตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวแม่ไปตามพยาบาลมาทำแผลให้ลูกนะ "
เธอพูดพร้อมกับหันไปมองอวี้อี่มั่วแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินจากไป
อวี้อี่มั่วเข้าใจสิ่งที่เธอสื่อ เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า " เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดเธอ มันไม่เกี่ยวกับเธอ มันเป็นความผิดของฉัน "
เมื่อได้ยินแบบนั้น หร่วนซือซือก็ตัวสั่น และรู้สึกหงุดหงิดตัวเองเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่อวี้อี่มั่วยอมรับผิด
เสียงชองชายหนุ่มดังขึ้นบนหัวเธอ " หร่วนซือซือ เธอต้องเข้มแข็งและร่าเริงเข้าไว้นะ ไม่อย่างนั้นถ้าอาจารย์ฟื้นขึ้นมาเห็นสภาพเธอแบบนี้แล้วท่านจะรู้สึกยังไง?"
หร่วนซือซือก้มหน้าและไม่ยอมพูดอะไร
บรรยากาศค่อยๆเงียบ ไม่นาน คุณนายหลิวก็พาพยาบาลคนหนึ่งมา
พยาบาลมองดูบาดแผลบนใบหน้าหร่วนซือซือ พยาบาลก็พูดขึ้นว่า " บาดแผลของคุณต้องทำการล้างแผลเล็กน้อย เชิญคุณตามฉันมาที่ห้องทำแผลหน่อยค่ะ"
หร่วนซือซือก้มหน้า เธอขบกรามตัวเอง ผ่านไปสักพัก เธอส่ายหน้า จากนั้นก็ดึงแขนตัวเองกลับมาและพูดขึ้นนิ่งๆว่า " ไม่เป็นไรค่ะ ไม่จำเป็นต้องทำแผล"
พอคุณนายหร่วนได้ยิน กำลังจะพูดเตือนเธอ แต่ทันใดนั้นอวี้อี่มั่วที่อยู่ข้างๆกลับเดินขึ้นไปดึงเธอให้ลุกออกจากเก้าอี้
ปฏิกิริยาที่หร่วนซือซือตอบสนองคือเธอถอยหลังไปข้างหลัง และเธอมองเขาด้วยสายตาที่ระแวดระวัง " ทำอะไรของคุณเนี่ย! "
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้ว และสบตากับเธอ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกโกรธ เขามองเธอนิ่งๆและพูดอย่างเย็นชาว่า " ไปทำแผล ไม่งั้นฉันจะเป็นคนอุ้มเธอไปเอง "