ความโมโหที่อยู่ในอก บวกกับที่เธอเดินขึ้นบันไดมาหลายขั้น เหมือนจะหายใจไม่ค่อยทัน พิงเข้ากับกำแพงพักผ่อนสักครู่
ทันใดนั้น ด้านบนก็มีเสียงฝีท้าวดังขึ้น เพราะว่าทางบันไดเงียบมาก เธอจึงได้ยินเสียงอย่างชัดเจน
ตอนแรกนึกว่าจะมีคนลงมา แต่รู้สึกว่าเสียงฝีเท้านั้นเดินวนอยู่ชั้นเดิม
เธอสูดลมหายใจเข้า พักไปสักครู่แล้ว ก็เริ่มที่จะเดินต่อ ด้านบนก็มีเสียงพูดขึ้น
เป็นเสียงของผู้ชายพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ : "จัดการเรียบร้อยแล้วครับ"
ชั่วอึดใจต่อมา เขาก็พูดต่อ เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์ : "บ่ายนี้เขาจะไปประชุมที่เขตตะวันออก คอนเฟิร์มครับ"
"พี่วางใจได้ แค่เพียงเขาขับรถออกไป ไม่ตายก็พิการแน่นอนครับ"
“……”
ได้ยินคำนี้ หร่วนซือซือก็หยุดชะงัก เย็นวาบไปทั่วแผ่นหลัง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจรู้สึกกลัวขึ้นมาแปลกๆ
คนที่โผล่ในที่นี้ได้ต้องเป็นคนในบริษัทแน่นอน ฟังจากบทสนทนาที่คุยกัน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เธอก็นึกไปถึงหนังฆาตกรรมที่เคยดูมา ก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่
หร่วนซือซือพิงชิดติดผนัง ไม่กระดุกกระดิกตัว กลัวว่าเสียงจะดังจนคนที่อยู่ด้านบนเข้าได้ยินเข้า
จากนั้น คนด้านบนก็วางสาย สักพักก็เดินออกไป
หร่วนซือซือที่ฟังเสียงฝีเท้าค่อยๆเบาลงจนหายไป เธอจึงค่อยๆถอนหายใจอย่างโล่งอก
เธอเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างระมัดระวัง มองไปยังพื้นเปล่าที่ไม่มีใคร ในใจก็เกิดความกลัวขึ้นมา
เธอไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วก็ไม่รู้ว่าคนที่เขาจะทำร้ายเป็นใคร ถึงแม้เธอจะได้ยินบทสนทนานั้น แต่ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หร่วนซือซือถอนหายใจ ท่องในใจเบาๆว่า"อย่ายุ่งไปเสียทุกเรื่อง" รีบก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไปต่อ
กลับไปถึงแผนก ในหัวเธอมีแต่เรื่องบทสนทนาเมื่อสักครู่ และอดไม่ได้ที่จะคิดต่อ
"ผู้ช่วยหร่วน" เหวิ่นเหวิ่นที่อยู่ในแผนกก็เดินเข้ามาทักเธอ : "ไม่ได้ไปกินข้าวกับเสี่ยวหานหรอกเหรอคะ? ทำไมไม่เห็นมาด้วยกัน?"
หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น พึ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเธอเสียสนิท รวมถึงเรื่องที่เสี่ยวหานกลับไปซื้อข้าวให้เธอด้วย
"เหรอคะ งั้นฉันรอต่ออีกหน่อยแล้วกัน"
เหวิ่นเหวิ่นยิ้มขึ้น สายตาก็มองไปยังหลังของหร่วนซือซือ เธอชะงักไป : "ผู้ช่วยหร่วน เสื้อของคุณ……"
เมื่อได้ยินเสียงอุทานของเธอ หร่วนซือซือจึงพึ่งนึกขึ้นได้ว่าหลังตัวเองเปียกอยู่ รีบยิ้มแล้วพูดขึ้น : "ไม่ทันระวังเลยหกโดน ฉันจะไปห้องน้ำล้างเสียหน่อย"
เมื่อถึงห้องน้ำ ก็ถอดเสื้อตัวเองออก กดน้ำยาทำความสะอาดมาซักมันออก แต่ล้างไปหลายรอบสีแดงก็ยังฝังติดแน่น ไม่ออกเลย
เธอถอนหายใจ ทำได้แค่ใส่เสื้อกลับไปก่อน ตอนที่กำลังจะออกจากห้องน้ำ มีผู้หญิงสองคนคุยกันกำลังตรงมาทางห้องน้ำพอดี
"แผนงานครั้งนี้แก้ไปตั้งหลายรอบ ก็ยังออกมาไม่ดี อีกเดี๋ยวหัวหน้าจะส่งงานไปที่ท่านประธาน จะโดนตีกลับมาแก้รอบที่สามรึเปล่าก็ไม่รู้……"
"เดี๋ยวเธอก็กลับไปแก้งานต่อ เย็นๆค่อยส่งงาน เพราะยังไงบ่ายนี้ท่านประธานก็ไม่ได้อยู่ที่บริษัทนี่นา……"
"ไม่อยู่บริษัท? จริงเหรอ?"
"ได้ยินมาว่าจะไปประชุมองค์กรที่เขตตะวันออก เมื่อกี้ฉันพึ่งเห็นท่านประธานกับผู้ช่วยเข้าลิฟต์ไปเอง……"
“……”
ทั้งสองคุยกันต่อในห้องน้ำ หร่วนซือซือที่ล้างมือเสร็จ ตอนแรกไม่ได้สนใจอะไร แต่ตอนที่เปิดประตูออกจากห้องน้ำนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นในหัว
"บ่ายนี้เขาไปประชุมที่เขตตะวันออก คอนเฟิร์มครับ"
"แค่เขาขับรถออกไป ไม่ตายก็พิการครับ……"
คำพูดที่เธอได้ยินตรงบันได ก็พูดถึงเรื่องประชุมที่เขตตะวันออก
หรือว่า……
หร่วนซือซือไม่กล้าคิดต่อ แต่ก็ขนลุกซู่ทั้งตัว เธอยืนนิ่ง รู้สึกเหมือนขาอ่อนแรง
ถ้าหากมีคนที่ปองร้ายกับอวี้อี่มั่ว ยังจัดการดัดแปลงอะไรบางอย่างกับรถของเขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เธอไม่กล้านึกต่อเลย!
หลังจากที่กลัวอยู่สักพัก หร่วนซือซือรีบดึงสติตัวเองกลับ ไม่ทันได้คิดอะไรก็รีบหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอวี้อี่มั่วทันที
ไม่ว่าสิ่งที่เธอคาดคะเนจะผิดหรือถูก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งกลัวว่าใครจะเข้าใจผิดแล้ว เธอต้องเตือนเขาให้ทัน
เมื่อโทรติดแล้ว แต่ไม่มีคนรับสาย หร่วนซือซือที่ได้ยินเสียงสัญญาณโทรออก"ตื้ด—ตื้ด—" เธอแทบจะบ้าตาย
ทำไมถึงไม่รับสายนะ!
หร่วนซือซือยิ่งอยู่ยิ่งร้อนใจ เธอโทรพลางออกจากห้องน้ำ แล้ววิ่งไปยังหน้าลิฟต์
เมื่อกี้พนักงานคนนั้นพูดว่า อวี้อี่มั่วกับตู้เยี่ยพึ่งลงลิฟต์ไป ถ้าเธอตามไปตอนนี้ไม่แน่อาจจะยังทัน!
โทรหาติดต่อกันตั้งหลายสาย แต่ไม่มีคนรับสายเลย หร่วนซือซือร้อนใจเข้าไปอีก สัญญาณโทรศัพท์ก็ยังจะมาหายตอนอยู่ในลิฟต์อีก เธอจ้องตัวเลขชั้นของลิฟต์ที่ค่อยๆลงต่ำไปเรื่อยๆ
กลางวันแบบนี้ รถของเขาชอบจอดอยู่ในโรงจอดรถ ไม่แน่ตอนนี้อาจจะไปถึงโรงจอดรถแล้ว
เมื่อลิฟต์ถึงแล้วประตูก็ถูกเปิดออก หร่วนซือซือก็วิ่งพุ่งออกไป เธอวิ่งพลางโทรหาตู้เยี่ย แต่สัญญาณไม่ค่อยดีเลย แทบโทรออกไม่ได้เลย
ห้วงเวลานั้น หร่วนซือซือรีบหันไปดูโรงจอดรถ ร้อนใจจนแทบบ้า
พื้นที่กว้างขนาดนี้ เธอจะไปหาที่ไหน?
"อวี้อี่มั่ว!"
หร่วนซือซือจู่จู่ก็ตะโกนเรียกชื่อเขา แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอเดินไปข้างหน้าอย่างร้อนใจ แต่ไม่เห็นมีแม้แต่เงาหรืออะไรเคลื่อนไหวเลย
ทันใดนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ เวลานี้ เขาน่าจะใช้ทางออกทิศตะวันออกเฉียงเหนือมากกว่า เพราะเป็นทางออกเดียวที่เป็นไปได้มากที่สุด
เธอไม่คิดอะไรมาก รีบวิ่งไปตามทิศทางนั้น ทันใดนั้นเธอก็ลื่นหกล้มลงพื้นไปทั้งตัว
รู้สึกเจ็บแสบไปทั้งเข่าและข้อศอก รีบพยุงตัวเองลุกขึ้น ไม่ทันดูแผลตัวเอง ก็รีบวิ่งต่อทันที
รองเท้าส้นสูงที่วิ่งไม่ค่อยสะดวก บวกกับเธอที่รีบมาก และพื้นรองเท้าที่ค่อนข้างลื่น เธอหยุดวิ่งลง แล้วรีบถอดรองเท้าส้นสูงออก วิ่งเท้าเปล่าต่อ
เธอวิ่งไปจนถึงทางออกฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ เธอหยุดฝีเท้าลงพร้อมกับหายใจหอบ กวาดตามองไปรอบๆ เห็นรถคันหนึ่งที่กำลังแล่นมาทางนี้ เธอรีบรวบรวมสติ
แต่นั่นไม่ใช่รถของอวี้อี่มั่วนี่นา
หร่วนซือซือเหมือนเหมือนจุกที่คอ เธอกัดริมฝีปากแน่น ไม่แน่ใจว่าอวี้อี่มั่วขับรถออกไปรึยัง เธอรีบโทรหาอีกรอบอย่างร้อนใจ
ไม่ว่าจะเป็นอวี้อี่มั่วหรือตู้เยี่ยก็โทรไม่ติดเลย
จะทำยังไงดี!
ทันใดนั้น เมื่อเธอหมุนตัวกลับไป ก็เห็นรถอีกคันที่กำลังวิ่งมาทางนี้ รถมายบัคสีดำสนิท นั่นมันรถของอวี้อี่มั่ว!
หร่วนซือซือกัดฟันแน่น ไม่คิดอะไรมากมาย รีบวิ่งไปดักกลางถนน กางแขนทั้งสองข้างออก
"จอดรถ! จอดรถเดี๋ยวนี้!"
ถ้ารถของเขาโดนดัดแปลงอะไรเข้าจริงๆ ขับออกไปแบบนี้ เกิดเรื่องแน่นอน! เธอต้องหยุดรถของเขาให้ได้
ด้านในรถ ตู้เยี่ยที่เห็นเงาผู้หญิงวิ่งมาขวางถนน สีหน้างุนงง รีบถามขึ้นว่า : "ท่านประธานอวี้ นั่นใช่ผู้ช่วยหร่วนรึเปล่าครับ?"
อวี้อี่มั่วเงยหน้าขึ้น มองไปด้านหน้ารถ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่กลางถนน โบกไม้โบกมือ ไม่รู้ว่าปากที่ขยับอยู่นั้นกำลังพูดว่าอะไร
เธอทำแบบนี้ทำไม! อันตรายขนาดนี้!
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น สายตาขรึม รีบสั่งตู้เยี่ยว่า : "หยุดรถ!"
ตู้เยี่ยเหงื่อท่วมหน้า ขาขวาที่เหยียบเบรกจนมิด แต่รถกลับไม่มีปฏิกิริยาเลย และรถยังคงพุ่งไปข้างหน้า!