อวี้อี่มั่วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : "อยู่ข้างหลัง"
พูดพลางหันกลับมามองเธอ ดวงตาที่ลุ่มลึกจ้องมองเธอ : "ทำไม? ฉันมาเป็นเพื่อน ไม่ดีใจเหรอ?"
คำพูดที่ชัดเจนแต่ปนไปด้วยความคลุมเครือ หนักหน่วงอยู่ในอก เธอกัดริมฝีปากแน่น พูดอะไรไม่ออก
เธอกล้าพูดออกไปเหรอ? ถึงแม้จะรู้สึกแย่ แต่ก็กลืนมันลงคอไปหมด
เงยหน้าขึ้น สายตาของอวี้อี่มั่วก็มองผ่านเธอไป มองแผ่นหลังของเขา หร่วนซือซือพึ่งนึกขึ้นได้ว่าด้านซ้ายยังมีผู้ชายอีกคน
ซ่งเย้อันพูดขึ้นเสียงเบาว่า : "ซือซือ จะเริ่มแล้ว"
ได้ยินดังนั้น เธอรีบหันหน้ามา ทำสีหน้าขอโทษขอโพยซ่งเย้อัน แล้วรีบมองไปด้านหน้าเวที พยายามหายใจให้สงบลง
ผู้ชายนั่งประกบทั้งซ้ายขวา เหตุการณ์แบบนี้เธอเองพึ่งเจอครั้งแรก
เริ่มด้วยเสียงเปียโนแสนไพเราะ ม่านสีแดงค่อยๆเปิดออก ไฟสปอตไลต์ฉายไปทั่วเวที คอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
เสียงเปียโนโซโล วงออร์เคสตราซิมโฟนีเทิร์นเปิดตัว หลายรายการผ่านไป หร่วนซือซือจิตใจเงียบสงบ รายการที่สี่คือการแสดงของซ่งอวิ้นอัน เชลโล่และเปียโนร่วมผสานเสียง
เธอมองชุดเดรสสีแดงสดของซ่งอวิ้นอันเปิดตัวอย่างตกตะลึง หร่วนซือซือดวงตาเป็นประกายแวววับขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
เริ่มต้นด้วยเสียงเปียโนที่นุ่มนวล ซ่งอวิ้นอันเริ่มสีเครื่องดนตรี(string)เข้ากับจังหวะโน้ตเพลง เครื่องดนตรีที่แตกต่างผสมผสานเข้าด้วยกัน ช่วยเสริมเติมแต่ง แบดเทิน ร่วมบรรเลงในท่วงทำนองที่ไม่เหมือนกัน
หร่วนซือซือมองซ่งอวิ้นอันที่อยู่บนเวที เธอในเวลานี้ ไร้ความเรื่อยเฉื่อยเหมือนอย่างปกติที่เคยเป็น ดูสุขุมสงบนิ่งสง่างาม แต่ยังคงมีเสน่ห์มาก
ส่วนคนที่นั่งข้างๆ อวี้อี่มั่วมองเธอที่แววตาแพรวพราวเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม อดไม่ได้ที่จะเม้นปากเบาๆ
ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรีเลย แต่ตั้งใจฟังขนาดนี้ แต่อย่าว่าเลย ก็น่ารักดีออก
สายตาเขาลดลง พึ่งมีเวลาสังเกตมองเธอดีๆ
วันนี้หร่วนซือซือ ไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็น จะว่ายังไงดีล่ะ มีกลิ่นอายของผู้หญิง?
ความคิดนี้แล่นเข้าไปในหัวของอวี้อี่มั่ว ชั่วอึดใจ พอได้สติขึ้นมา ก็มองไปยังผู้ชายที่นั่งข้างๆหร่วนซือซือ
ตามมาด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น ในใจรู้สึกหนักอึ้ง
เธอแต่งตัวแบบนี้ เพราะซ่งเย้อันอย่างงั้นเหรอ? หรือเพราะรู้ว่าจะมางานนี้เลยแต่งตัวแบบนี้ แต่งหน้าแบบนี้เหรอ?
พอนึกถึงตรงนี้ อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกแปลกๆ
ในความคิดของเขา ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงก่อนหน้าที่จะหย่ากัน เธอไม่เคยแต่งเนื้อแต่งตัวแบบนี้มาก่อน……
ความรู้สึกแย่ๆก็เริ่มขึ้น จนการแสดง จบลง ความรู้สึกแบบนี้ก็ยังไม่ยอมหาย
ชั่วโมงกว่าๆคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิคก็ได้จบลง ผู้ชมต่างพากันทยอยออกไป
ขณะที่หร่วนซือซือหยิบมือถือออกมาจะส่งข้อความหาซ่งอวิ้นอันถามว่าอยู่ไหน ซ่งเย้อันที่นั่งข้างๆก็พูดขึ้นเบาๆว่า : "ซือซือ อันอันส่งข้อความหาฉันแล้ว บอกว่าอยู่ในห้องรับรอง ให้เราไปหาที่นั่น"
หร่วนซือซือหยุดนิ่งไป พยักหน้าเบาๆ ถามต่อว่า : "แล้วรู้รึเปล่าว่าห้องรับรองอยู่ที่ไหน?"
ซ่งเย้อันหัวเราะเบาๆ : "รู้สิ เดี๋ยวพาเธอไป"
อวี้อี่มั่วที่ยื่นอยู่ข้างๆได้ยินที่ทั้งสองพูดคุยกัน มองซ่งเย้อันด้วยสายตาเย็นชา ความรู้สึกที่มันแย่แล้วกลับแย่ขึ้นไปอีก
เขาเม้นปากแน่น พูดขึ้นว่า : "หร่วนซือซือ วันนี้ฉันจะส่งเธอกลับบ้าน"
หร่วนซือซือได้ยินแล้ว หันกลับมามองเขา ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไปว่า : "ไม่เป็นไรค่ะท่านประธานอวี้ ฉันจะไปหาเพื่อนค่ะ"
ได้ยินคำพูดที่เหินห่างของเธอแล้ว อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
ทำไม? แบ่งเส้นกับเขาได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
ไม่รอให้เขาได้พูดต่อ ซ่งเย้อันที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบยิ้มแล้วพูดสมทบว่า : "คุณอวี้ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะส่งหร่วนซือซือกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน"
คำคำนี้ ที่พูดออกจากปากเขา เต็มไปด้วยเย้ยหยันว่าเหนือกว่า ตั้งใจกวนประสาทอย่างที่สุด
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วหรี่ตาลง ดวงตาดำทมิฬของเขาฉายแววเย็นยะเยือก ชั่วอึดใจ เขาก็หันไปมองหร่วนซือซือ น้ำเสียงเรียบเฉย แต่หนักแน่น : "จะทำอะไรก็ไปทำให้เสร็จ ฉันรอได้"
ผู้ชายด้วยกันดูกันออก ผิวเผินอาจดูพูดดีมีมารยาท แต่ข้างหลังซ่อนหางเสือไว้รึเปล่า ไม่มีใครรู้
เขาไม่ยอมให้หร่วนซือซือไปกับผู้ชายคนอื่นแน่นอน
หร่วนซือซืออึ้ง นึกว่าตัวเองฟังผิดไป
ปกติอวี้อวี่มั่วเย็นชาจนไม่รู้จะเย็นชายังไงอีกแล้ว วันนี้เป็นอะไรไป? เพื่อที่จะส่งเธอกลับบ้านถึงขั้นรอได้เลยเหรอ?
ดูสีหน้าของอวี้อี่มั่วไม่ได้ล้อเล่น หร่วนซือซือรู้ว่าเขาหัวรั้นแค่ไหน ไม่มีเวลาคิด ได้แต่หันหน้ากลับไปหาซ่งเย้อัน แล้วพูดขึ้นว่า : "งั้นเราไปหาอันอันก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที"
ซ่งเย้อันลดสายตาลงลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า : "ได้"
ผู้คนในห้องโถงเริ่มทยอยออกไปใกล้หมดแล้ว หร่วนซือซือหันหน้ากลับไป เห็นตู้เยี่ยยืนรออยู่ตรงประตูทางออก
เขาก็มาด้วยนี่นา
กลุ่มคนเดินออกจากห้องโถง ซ่งเย้อันนำทางอยู่ข้างหน้า เดินเลาะจากด้านข้างของแกลเลอรี หร่วนซือซือเดินตามหลัง ข้างๆก็อวี้อี่มั่วแล้วก็ตู้เยี่ย
เธอรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ให้ตายเธอก็ไม่เชื่อว่าทุกคนในที่นี้จะมาเดินด้วยกันได้
เดินโค้งตามทางแกลเลอรี ซ่งเย้อันจู่ๆก็เดินช้าลง หร่วนซือซือก็ตามหลังมา : "ห้องรับรองอยู่ข้างหน้านี้แล้ว"
เธอพยักหน้า กำลังจะตามเข้าไป จู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ เธอชะงัก หันไปมองอวี้อี่มั่วที่ยื่นอยู่ข้างๆ : "คุณ รออยู่ตรงนี้ดีกว่าไหมคะ……"
ยังไงเขาก็ไม่ได้สนิทกับซ่งอวิ้นอัน อีกอย่างอันอันก็ไม่ถูกกับเขา ถ้าเธอพาเขาเข้าไปข้างใน ก็คงจะกะทันหันเกินไป พากันทำตัวไม่ถูกอีก
อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วขึ้น สายตาดุดัน สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
นึกไว้แล้วเชียวว่าเขาจะไม่ยอม หร่วนซือซือสูดลมหายใจเข้า : "ฉันเข้าไปเจออันอันเดี๋ยวเดียวค่ะ เสร็จแล้วจะรีบออกมาค่ะ"
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ เขาลดสายตาลง ความไม่พอใจเบาบางลงนิดหน่อย เขามองไปที่ซ่งเย้อัน พูดเสียงเข้ม : "ออกมาไวๆ"
หร่วนซือซือสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ รีบพยักหน้า หมุนตัวเดินไปข้างๆซ่งเย้อัน : "ไปกันเถอะ"
ซ่งเย้อันสีหน้าไม่ค่อยพอใจ พากันเดินตรงไปที่ห้องรับรอง
เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้ยินว่าหร่วนซือซือพูดอะไรกับอวี้อี่มั่ว แต่เขาไม่มีสิทธิ์ไปบังคับให้หร่วนซือซือทำหรือไม่ทำอะไรตามอำเภอใจเขา
ไม่แน่ หลังจากคืนนี้ไป เขาอาจมีสิทธิ์ที่จะได้ปกป้องดูแลเธออย่างเต็มที่และเปิดเผยก็ได้
ถึงหน้าห้องรับรอง ซ่งเย้อันหยุดเดิน หันไปพูดเสียงเบากับหร่วนซือซือ : "ถึงแล้ว"
เธอมองเขาที่ยืนอยู่ข้างๆประตูแต่ไม่เปิดมันเข้าไป หร่วนซือซือรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจอยู่นิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้น เธอเองก็ยื่นแขนไปผลักประตูให้เปิดออก
ประตูเปิดออกแล้ว ข้างในมืดสนิท หร่วนซือซือขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เสียง"ตึง"ดังขึ้น ดวงดาวระยิบระยับก็ปรากฏขึ้นบนเพดาน
ด้านในตกแต่งด้วยไฟประดับ ที่พื้นตรงกลางสุดมีไฟสว่างจ้า เขียนเป็นตัวหนังสือ"ซือ" ข้างๆเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ มีแสงเทียนด้วย เสียงดนตรีที่นุ่มนวลค่อยๆดังขึ้นมา
หร่วนซือซือหยุดอึ้งไป สถานการณ์ทำเอาเธอตาค้าง แล้วไม่รู้ด้วยว่านี่มันคืออะไรกัน เธอตัดสินใจหันกลับไปหาซ่งเย้อัน ไม่รู้ว่าเขาไปเอาช่อดอกไม้มาจากไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ มองเธอด้วยสายตาแวววาว
หร่วนซือกัดริมฝีปากแน่น : "เย้อัน นี่คือ……"
ซ่งเย้อันยิ้มขึ้นที่มุมปาก เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราวกับสายลมอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ : "ฉันรู้ว่าวิธีนี้มันเฉิ่มมาก แต่ว่าซือซือ ฉันชอบเธอมากจริงๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอ ฉันรู้สึกว่าเธอพิเศษมาก ครั้งนี้ที่ได้เจออีกครั้ง ฉันไม่อยากที่จะลังเลอีกต่อไป ฉันอยากที่จะปกป้องเธอ ดูแลเธออย่างดี อยู่เคียงข้างเธอตลอดไป"
เมื่อได้ยินแล้ว เธอเหมือนมีเสียงวิ้งดังขึ้นในหัว เขาก็เริ่มพูดต่อ : "ซือซือ เธอจะยินดีคบเราเป็นแฟนหรือเปล่า?"