ห้านาทีผ่านไป
จู่ๆหร่วนซือซือก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว เธอจึงเริ่มถอดเสื้อกันแดดข้างนอกออก
แต่หลังจากที่ถอดออกแล้ว หร่วนซือซือก็รู้สึกว่ายิ่งนานก็ยิ่งร้อนมากขึ้นจนปากแห้ง
และรู้สึกว่าความร้อนแบบนี้ไม่ได้มาจากภายนอก มันเหมือนกับไฟที่ปะทุออกมาจากในใจ ทำให้เธออึดอัดมากๆ
“แปลกจัง เหล่ยเหล่ย แอร์ที่นี่เสียรึเปล่า?”
“งั้นหรอ?ฉันว่าไม่นะ!” หวังเหล่ยยักไหล่ด้วยสายตาเยาะเย้ย
ดวงตาของหร่วนซือซือสั่นไหว แต่เธอยังไม่ได้คิดมาก เธอคิดว่าตัวเองไม่สบายก็เลยตาลาย
หลังจากนั่งไปสักพัก หร่วนซือซือก็รู้สึกว่าตัวเองอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจึงพูดกับหวังเหล่ยว่า
“เหล่ยเหล่ย ฉันรู้สึกไม่สบาย คงต้องไปก่อน” ขณะที่หร่วนซือซือพูด เธอก็กำลังจะะลุกขึ้นและจากไป แต่ตอนที่เธอลุกขึ้น ขาของเธอก็อ่อนแรง และเธอก็ล้มลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
ในเวลานี้นอกจากเธอจะรู้สึกร้อนแล้ว เธอยังรู้สึกอ่อนแรงอีกด้วย
“พี่ซือซือ เธอคงไม่ได้ไม่สบายและมีไข้นะ” หวังเหล่ยยิ้ม หลังจากนั้นก็แกล้งพูดตกใจด้วยความกังวล
เมื่อได้รับการเตือนเช่นนี้ หร่วนซือซือก็รู็สึกว่าอาการของตัวเองเหมือนไม่สบายและมีไข้
“เอาอย่างนี้พี่ซือซือ ฉันจะเปิดห้องให้เธอ เธอจะได้พักผ่อน และฉันจะลางานที่บริษัทแทนเธอเอง”
หวังเหล่ยไม่ให้โอกาสหร่วนซือซือได้คิด เธอพยุงหร่วนซือซือและบงคับให้ลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่ห้องพักของโรงแรม
ในเวลานี้หร่วนซือซืออ่อนแรง เธอจึงทำได้เพียงปล่อยให้หวังเหล่ยลากเธอไป แต่สติของเธอยังค่อนข้างชัดเจน “เหล่ยเหล่ย ไม่ต้องหรอก ฉันกินยาสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่”
หวังเหล่ยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่หร่วนซือซือพูด เธอลากหร่วนซือซือเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นก็กดหมายเลขทีชั้น 18
ฤทธิ์ของยาในช่วงสุดท้ายรุนแรงมากขึ้น หร่วนซือซือรู้สึกว่าตัวเองเห็นทุกอย่างเบลอไปหมด
แต่เธอก็ยังคงยืนกรานว่า “เหล่ยเหล่ย ไม่ต้องหรอก ฉันกินยาก็คงจะดีขึ้น……”
ในขณะนี้โทรศัพท์ของเหล่ยเหล่ยก็ดังขึ้น
หวังเหล่ยเหลือบไปมองหร่วนซือซือที่กำลังพิงเธออยู่ หลังจากนั้นเธอก็รับโทรศัพท์โดยไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่รอให้ปลายสายถามเธอ เธอก็พูดอย่างมีชัยชนะว่า “จัดการเรียบร้อยแล้ว ทางด้านคุณล่ะ?”
“ ตอนนี้ประธานหยางน่าจะกำลังเดินทาง คุณปล่อยเธอไว้ที่ห้องก็ได้”
“โอเค”
หลังจากที่สองคำนั้นจบลง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
แม้ว่าหร่วนซือซือจะไม่ค่อยได้สติ แต่ฟังจากการโทรศัพท์นั้นแล้ว เธอก็พอจะเข้าใจเจตนาที่ไม่ดีของหวังเหล่ย
เธอดึงประตูลิฟต์ ให้ตายยังไงเธอก็จะไม่ยอมเดินตามหวังเหล่ยไป
“เฮ้ หร่วนซือซือ เธอเพิ่งจะมาโต้ตอบเอาตอนนี้ มันสายเกินไปแล้วมั้ง” ในเวลานี้หวังเหล่ยก็เปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตัวเองออกมา
หวังเหล่ยยิ้มอย่างเย็นชา ทำให้หรวนซือซือรู้สึกเจ็บใจ เธอกัดริมฝีปาก และถามอย่างอ่อนแรงว่า “ฉันเห็นว่าเธอเป็นน้องสาวมาตลอด ทำไมเธอ……?” ทำไมต้องทำร้ายฉัน?
หร่วนซือซือยังซักถามไม่ทันจบ ดวงตาของเธอก็มืดลง เธอสลบและล้มลงไปที่พื้น
เมื่อเห็นว่าหร่วนซือซือสลบ หวังเหล่ยก็หัวเราะเยาะ และใช้เท้าเตะที่ท้องหร่วนซือซือ เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก จากนั้นเธอก็ลากหร่วนซือซือเข้าไปในห้อง 1807
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ติดตั้งกล่องไว้ในห้องนี้แล้ว
หวังเหล่ยโยนหร่วนซือซือลงบนเตียง
“ทำไม?ใครใช้ให้เธอมาทำให้พี่สาวของฉันไม่พอใจ!” หวังเหล่ยเท้าสะเอว และพูดอธิบายกับหร่วนซือซือที่หมดสติ
หลังจากนั้นเธอก็คลำหาโทรศัพท์ของหร่วนซือซือแล้วก็หยิบออกมา แต่โทรศัพท์ของหร่วนซือซือก็ดังขึ้นมาพอดี
บนหน้าจอแสดงชื่อ ‘ผู้ช่วยตู้’
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกะทันหัน ทำให้หวังเหล่ยตกใจ เธอจึงโยนโทรศัพท์ลงในชักโครกอย่างรีบร้อน หลังจากโทรศัพท์ดังอยู่ไม่กี่วินาที น้ำก็เข้าจนหน้าจอดับไป
จากนั้นหวังเหล่ยก็ย้อนกลับมาถอดแหวนของหร่วนซือซือ เธอมองๆแล้วก็สวมมันไว้ที่มือตัวเองอย่างมีความสุข
“รอให้ผ่านวันนี้ไป แหวนวงนี้ก็จะไม่มีประโยชน์กับเธอแล้ว ถ้าอย่างงั้นให้ฉันจะดีกว่า!”