เมื่อเห็นหร่วนซือซือทำท่าทางที่เหลือเชื่อ คุณหลานก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า " เป็นอะไรไป? ไม่อยากไปงั้นหรอ? "
หร่วนซือซือตั้งสติและตอบว่า " ฉัน……ฉันแค่ตกใจนะคะ "
ตลอดสองปีนี้ที่ทำงานที่อวี้กรุ๊ป เธอก็พอรู้มาบ้างว่าบริษัทจะส่งพนักงานที่เก่งและดีเยี่ยมออกไปศึกษาดูงานนอกพื้นที่ แต่เรื่องดีดีแบบนี้ไม่เคยมาถึงเธอเลย
" ขอแค่ตั้งใจและพยายาม ทุกอย่างก็เป็นไปได้ทั้งนั้น " คุณหลานพูดอย่างมั่นใจ
"การออกไปศึกษาดูงานนอกพื้นที่ในครั้งนี้คือที่ประเทศไทย ทางฝ่ายนั้นกับทางเราทำงานร่วมกันมาหลายปี หลายปีมานี้มีการพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว ได้ยินมาว่ารูปแบบการบริหารของพวกเขาน่าที่จะไปเรียนรู้มาก ดังนั้นครั้งนี้บริษัทจึงให้โอกาสพนักงานแต่ละแผนก แผนกละหนึ่งคนเพื่อไปเรียนรู้งาน ระยะเวลาเรียนรู้งานประมาณสามถึงสี่วัน "
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ หร่วนซือซือทั้งตกใจและดีใจ สีหน้าเธอมีความสุขและตื่นเต้น เธอถามขึ้นว่า " คุณหลาน ครั้งนี้ให้ฉันไปจริงหรือคะ? "
ก่อนหน้านี้ถ้าแผนกของเรามีโอกาสดีๆแบบนี้ในการส่งตัวแทนประจำแผนกไปแค่หนึ่งคน โควต้านี้มักจะตกเป็นของเมิ่งจื่อหัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าครั้งนี้คุณหลานจะเลือกเธอ
พอเห็นคุณหลานพยักหน้าตอบ หร่วนซือซือก็รู้สึกดีใจดั่งดอกไม้บาน " ขอบคุณค่ะคุณหลาน"
หร่วนซือซือเดินออกจากห้องทำงาน สีหน้าเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความดีใจ สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดในช่วงหลายเดือนมานี้
เธอเดินผ่านโซนห้องทำงานรวมและกำลังจะตรงไปที่ห้องทำงานของตัวเอง จู่ๆก็มีคนหนึ่งโผล่ขึ้นตรงหน้าเธอ นั่นก็คือเมิ่งจื่อหัน
หร่วนซือซือรีบหุบยิ้ม และมองไปที่เมิ่งจื่อหัน ไม่ได้พูดอะไรมากเธอเดินผ่านหน้าเธอไป
เมิ่งจื่อหันมองเธอเดินผ่านไปต่อหน้าต่อตาด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น
เธอยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เวสเกอร์ได้อย่างชัดเจน เดิมทีเธอตั้งใจยั่วยุให้หร่วนซือซือและซ่งฉีทะเลาะกัน เพื่อจะรอดูเธอโดนจัดการสะหน่อย แต่ไม่คาดคิดว่าในตอนท้ายท่านประธานอวี้จะปรากฏตัวขึ้นที่นั่น นี่มันทำให้ผู้คนรู้สึกใจมากๆ
จริงๆแล้วหร่วนซือซือและอวี้อี่มั่วรู้จักกัน อีกทั้งยังดูสนิทสนมกันมากด้วย พอคิดไม่ถึงเรื่องที่หร่วนซือซือได้เลื่อนตำแหน่งอย่างกะทันหัน และเรื่องของเฉิงลู่ เธอก็เข้าใจทันที
ที่แท้อวี้อี่มั่วก็เป็นคนที่คอยสนับสนุนหร่วนซือซืออยู่ด้านหลังนี่เอง
ความสัมพันธ์นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เมิ่งจื่อหันเกรงกลัว แต่นอกจากความเกรงกลัวแล้วก็ทำให้เธอยิ่งรังเกียจหร่วนซือซือมากขึ้น
ผู้หญิงอย่างเธอที่พึ่งพิงผู้ชายเพื่อเลื่อนตำแหน่ง ช่างน่าขยะแขยงจริงจริง!
เมื่อกี้พอเห็นเธอเดินออกมาจากห้องทำงานผู้จัดการแผนกด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มมีความสุข เธอก็รู้ทันทีว่าการออกไปศึกษาดูงานที่ประเทศไทยในครั้งนี้ต้องตกเป็นของหร่วนซือซืออย่างแน่นอน!
เมิ่งจื่อหันยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พอกลับถึงห้องทำงานตัวเองก็ไม่มีกระจิตกระใจในการทำงาน เธอกัดฟันตัวเองและคิดวางแผนจัดการหร่วนซือซือในใจ
ต่อมา เธอเห็นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เม้มปาก และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเฉิงลู่ " เฉิงลู่ ช่วงนี้ร่างกายเธอพักฟื้นดีขึ้นบ้างรึยัง? วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ฉันอยากไปเยี่ยมเธอสักหน่อย "
ความสามารถของเธอเพียงคนเดียวมันน้อยเกินไป แต่เฉิงลู่ไม่เหมือนเธอ คุณลุงของเธอเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ถ้าใช้ความสัมพันธ์นี้ในการเล่นงานหร่วนซือซือ มันคงทำได้ง่ายกว่าไม่ใช่หรือไง?
หร่วนซือซือดีใจและอารมณ์ดีตลอดทั้งวัน ทั้งเงินโบนัสและโควต้าการไปศึกษาดูงานนอกพื้นที่ที่เธอได้รับทำให้เธอมีความสุขในการทำทุกสิ่งอย่างในวันนี้ ทันทีที่เลิกงาน เธอไปหาศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวที่โรงพยาบาลอย่างไม่ลังเลเพื่อจะบอกข่าวดีนี้ให้กับพวกท่านฟัง
เธอตั้งใจซื้อเบเกอรี่ที่ศาตราจารย์หร่วนชอบไปฝากเขาสองสามกล่อง เธออกจากลิฟต์และสับขาเดินอย่างรวดเร็ว เดินผ่านผู้คนและเดินตรงไปเรื่อยๆ จากที่ไกลๆหร่วนซือซือเห็นคุณนายหร่วนใช้มือข้างเธอพิงอยู่ตรงผนัง และมือข้างเธอของเธอก็กุมขมับ
หร่วนซือซือรู้สึกว่ามันผิดปกติ เธอจึงเร่งความเร็วในการเดิน " แม่ แม่เป็นอะไรไปคะ? "
ทันทีที่คุณนายหร่วนได้ยินเสียงเธอก็รีบหันไปดู พอเห็นว่าเป็นเธอ สีหน้าของคุณนายหร่วนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและพูดขึ้นว่า " ไม่ได้เป็นอะไรๆ "
ถึงผู้เป็นแม่ของเธอจะพูดแบบนี้ แต่เธอก็สังเกตได้ถึงท่าทีที่แปลกไปของคุณแม่ สีหน้าของเธอตึงเครียด ไม่สดใสเหมือนครั้งที่แล้วที่เธอเจอ ไม่เจอกันแค่สองสามวันทำไมดูผอมลงไปได้มากขนาดนี้
" แม่ แม่พูดความจริงมาเถอะ แม่ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า? "
หลายวันมานี้ ศาสตราจารย์หร่วนพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล แน่นอนว่าคุณนายหลิวก็ต้องคอยดูแลอยู่ข้างกายไม่หายไปไหน
คุณนายหลิวรีบปฏิเสธโดยพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย " ไม่เป็นไรจริงๆ น่าจะเพราะว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้พักผ่อน "
พอเห็นท่าทางที่เหน็ดเหนื่อยของผู้เป็นแม่ หร่วนซือซือรู้สึกเป็นห่วงและปวดใจเล็กน้อย เธอประคองคุณนายหลิวเดินเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วย และให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้
ศาสตราจารย์หร่วนกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงเตียงผู้ป่วย พอเห็นท่าทางของพวกเธอแบบนี้ก็รีบถามขึ้นว่า " เป็นอะไรไป? "
" คุณแม่ไม่ค่อยสบายนิดหน่อยค่ะ น่าจะเป็นเพราะช่วงนี้ค่อนข้างเหนื่อย "
ศาสตราจารย์หร่วนได้ยินแบบนั้น ก็ถอนหายใจ " พ่อบอกให้แม่ของลูกกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เธอก็ไม่ยอมฟัง มานอนเฝ้าพ่อข้างเตียงแบบนี้ทุกคนจะพักผ่อนเพียงพอได้ยังไงกัน?"
พอหร่วนซือซือได้ยินแบบนั้น ก็เข้าใจทันที ที่แท้ก็เพราะว่าช่วงหลายวันมานี้คุณนายหลิวหักโหมตัวเองมากเกินไป ไม่น่าล่ะเธอถึงได้ดูทั้งปวดหัวและเหนื่อยล้าขนาดนี้
หร่วนซือซือครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและแนะนำว่า " พ่อคะ แม่คะ เอาแบบนี้ไหมคะ เราจ้างพยาบาลมาดูแลไหมคะ แบบนี้จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระแม่ได้ด้วย แล้วหนูเองก็สบายใจด้วย "
คุณนายหลิวไม่เห็นด้วยและรีบส่ายหน้า " จ้างพยาบาลอะไรกัน แม่ดูแลเองคนเดียวไหว"
หร่วนซือซือขมวดคิ้ว และหนักแน่นกับความคิดเห็นของตัวเอง " แม่คะ อย่าปฏิเสธเลยนะคะ เดี๋ยวพ่อก็ต้องผ่าตัดแล้ว อนาคตยังอีกยาวไกล เดี๋ยวแม่จะเป็นอะไรขึ้นมาอีกคนนะคะ"
“อีกอย่างวันนี้หนูก็ได้รับเงินโบนัสประจำไตรมาสนี้มาด้วย มันไม่น้อยเลยนะ ฉะนั้นเราจ้างพยาบาลมาดูแลได้”
พอเห็นท่าทีของหร่วนซือซือที่หนักแน่นมาก ศาสตราจารย์หร่วนและคุณนายหลิวก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เลยต้องตอบตกลงแต่โดยดี
หร่วนซือซือคุยกับพวกท่านอยู่สักพัก จากนั้นก็ออกจากห้องไปถามพยาบาลเกี่ยวกับการจ้างพยาบาลมาดูแล
หลังจากที่พยาบาลพูดถึงรายละเอียดของการไปแผนกพยาบาลดูแลให้เธออย่างชัดเจนแล้ว เธอก็ไปตามทางที่พยาบาลบอก
" คุณหร่วนคะ นี่เป็นข้อมูลตารางเวลาของพยาบาลที่ว่างค่ะ คุณลองดูก่อนนะคะ "
" ได้ค่ะ "
หลังจากหร่วนซือซือตอบรับแล้ว เธอก็รับเอกสารข้อมูลพยาบาลมาดู พอดูไปสองสามหน้า นิ้วของเธอก็หยุดลงและจ้องไปที่ใบหน้าของพยาบาลคนหนึ่งในหน้าที่สามของเอกสารข้อมูล
หญิงสาวในรูปถ่าย หน้าตาของเธอดูสวยงาม ดวงตากลมโต และตรงแก้มทั้งสองข้างของเธอมีลักยิ้ม
คือเธอ?
หร่วนซือซือรีบขึ้นไปดูรายละเอียดจ้อมูลตรงมุมซ้ายของหน้ากระดาษ พอเห็นชื่อ " ลู่เสี่ยวมั่น " เธอก็ตกใจเล็กน้อย
คือเธอจริงๆ!
นี่เป็นเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่ง สมัยก่อนเราอยู่ชุมชนเดียวกัน หลังจากนั้นครอบครัวของลู่เสี่ยวมั่นก็ย้ายบ้านอย่างกะทันหัน หลังจากนั้นเป็นต้นมาพวกเธอก็ขาดการติดต่อกัน
คิดไม่ถึงเลย เวลาล่วงเลยไปนานหลายปี พวกเธอจะกลับมาพบกันอีกในลักษณะนี้
พอเห็นผู้หญิงในรูปถ่าย หร่วนซือซือก็คิดถึงเรื่องราวความทรงจำเก่าๆ มันเป็นความทรงจำในช่วงวัยมัธยมปลาย ลู่เสี่ยวมั่นและเธอเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน พวกเธอมักจะเจอกันอยู่ประจำ แต่กลับไม่เคยคุยกันเลยสักคำ
ต่อไป คนนั้นที่เธอพึ่งกลับจากการเรียนพิเศษ โดนผู้ชายคนหนึ่งสะกดตามรอยเธอ ตอนนั้นเธอกลัวมาก ลู่จื่อมั่นเป็นคนปกป้องเธอจากผู้ชายคนนั้น โดยการใช้หินขว้างไปที่หัวของชายคนนั้นจนเขาวิ่งหนีไป หลังจากนั้นเป็นต้นมาพวกเธอก็เป็นเพื่อนสนิทกัน
แต่กาลเวลาล่วงเลยไป เรื่องนี้ก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ และหยิบเอกสารข้อมูลแผ่นนั้นของลู่เสี่ยวมั่นออกมา เธอยื่นให้พยาบาลและพูดขึ้นว่า " พยาบาลคะ ฉันขอเจอเธอคนนี้ได้ไหมคะ? "