หร่วนซือซือได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมา มองเห็นซ่งอวิ้นอันพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ซือซือ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม!” ซ่งอวิ้นอันยื่นมือออกมาดึงเธอขึ้นไป มองซ้ายทีขวาทีด้วยความร้อนรน
หร่วนซือซือถอนหายใจออกมา แล้วรีบส่ายหน้า “ไม่เป็นไร อันอัน ฉันไม่เป็นไร”
ถ้าเขามาช้าอีกก้าวเดียวล่ะก็ เกรงว่าเธอจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าหร่วนซือซือไม่เป็นอะไร ซ่งอวิ้นอันก็หมุนร่าง พุ่งไปทางทุกคน “พวกคุณทำอะไรกันน่ะ? รุมกันรังแกผู้หญิงคนเดียว ทำกันได้ลงคองั้นเหรอ!”
เจ้านายและผู้จัดการในห้องที่เห็นท่าทางนี้ ต่างก็นิ่งอึ้งไป ประธานเฉิงเริ่มมีปฏิกิริยากลับมาก่อนใคร หรี่ตามองแล้วหัวเราะออกมา “เลขาเสี่ยวหร่วน คุณไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง แค่ดื่มไม่กี่แก้วเอง ถึงกับต้องเรียกคนมาเลยเหรอ คุณทำแบบนี้แล้วเอาหน้ารองประธานสวี่ไปไว้ที่ไหนล่ะ?”
พอเขาพูดแบบนี้ จู่ๆสถานการณ์ก็ตกมาที่ตัวของหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือเหลือบมอง เห็นสีหน้าลำบากใจของสวี่เฟิงหมิง เธอกำมือแน่นแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ทราบว่ารองประธานสวี่เอาฉันไปไว้ที่ไหนเหรอคะ? เรียกลูกน้องผู้หญิงของตัวเองให้มาดื่มเป็นเพื่อนลูกค้า นี่มันถูกแล้วเหรอ!”
พอเธอพูดแบบนี้ สวี่เฟิงหมิงทำหน้าทำตาไม่พอใจ สายตาเหยี่ยวที่เย็นชาคู่นั้น เหมือนกับว่าต้องการจะมองทะลุเธอให้ได้
เขาสบถออกมา “ข้าวจะกินมั่วซั่วก็ย่อมได้ แต่คำพูดจะมาพูดพล่อยๆไม่ได้นะ ฉันไม่เคยบังคับให้เธอต้องมาดื่มเป็นเพื่อน!”
หร่วนซือซือได้ยินก็โมโห
สวี่เฟิงหมิงพูดว่าไม่เคยบังคับเธอให้ดื่ม? หรือว่าต้องให้เอามีดมาจี้ที่คอถึงจะเรียกว่าบังคับงั้นเหรอ?
ซ่งอวิ้นอันดึงมือของหร่วนซือซือ “ซือซือ อย่าไปเสียเวลากับพวกเขาเลย!ไปกันเถอะ!”
หร่วนซือซือหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า ประธานเฉิงที่อยู่ข้างๆจู่ๆก็พูดออกมา
“ฉันจะคอยดู!ว่าวันนี้ใครมันจะกล้าไป!” เขาคว้าแก้วเหล้ามาหนึ่งแก้ว เสียง“เพล้ง”ดังขึ้นบนโต๊ะ เศษแก้วเหล้าแตกอยู่บนพื้น ส่องแสงระยิบระยับสีเงิน
เห็นได้ชัดว่าประธานเฉิงดื่มเยอะไปแล้ว หน้าแดงไปทั้งหน้า บนหน้าผากก็มีเส้นเลือดนูนขึ้นมา
บรรยากาศภายในห้องอาหารกลายเป็นตึงเครียด หร่วนซือซือมองภายในห้องด้วยสายตาเย็นชา กำหมัดอย่างไม่รู้ตัว
“ปังๆ!”
จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทุกคนต่างมองไปยังต้นตอของเสียง มองตู้เยี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตู เสียงเมื่อกี้เป็นเสียงที่เขายกมือขึ้นเคาะประตู
หร่วนซือซือนิ่งอึ้งไป มองไปยังด้านหลังเขาตามที่ใจคิด แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่เธอรอ
“รองประธานสวี่ ผมมารับเลขาหร่วนครับ”
ตู้เยี่ยเดินเข้ามา เดินตรงไปโค้งให้สวี่เฟิงหมิงอย่างไม่ช้าและไม่เร็วเกิน น้ำเสียงแสดงถึงความมั่นคง
ไม่รอให้สวี่เฟิงหมิงพูดออกมา ประธานเฉิงที่อยู่ใกล้ประตูที่สุดก็ระเบิดโทสะออกมา “ไสหัวออกไป!พวกคนที่ทำให้หมดสนุก!”
สีหน้าของสวี่เฟิงหมิงอึมครึม จู่ๆก็ยกมือขึ้น บอกใบ้ให้เขาไม่ต้องพูดแล้ว “ประธานเฉิง”
ต่อมาเขาก็มองไปทางตู้เยี่ย แล้วเลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หมายถึงอวี้อี่มั่ว?”
ตู้เยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ครับ อวี้อี่มั่วสั่งมา”
ทุกคนภายในห้องพอได้ยินชื่อ“อวี้อี่มั่ว” สีหน้าก็เปลี่ยนไป โดยเฉพาะประธานเฉิง มองไปยังตู้เยี่ยด้วยความตะลึงงัน พูดอะไรไม่ออก
ถ้าเทียบกันแล้ว ในทางกลับกันสวี่เฟิงหมิงต้องไม่สะทกสะท้าน เขาหันหน้าไปมองหร่วนซือซือ ริมฝีปากสีม่วงคล้ำเปิดออก พูดเสียงขรึม “พอละ ไปเถอะ”
ตู้เยี่ยพยักหน้า มองไปทางหร่วนซือซือและซ่งอวิ้นอัน
หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ จูงซ่งอวิ้นอันเดินออกมาจากในห้องอาหาร
พอถึงข้างนอก เธอมองซ้ายมองขวาอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่เห็นเงาที่คุ้นเคยนั่น
“ซือซือ รีบเดิน!”
พอออกมาจากห้องอาหาร ซ่งอวิ้นอันก็จูงเธอ เพิ่มความเร็วบนฝีเท้า
หร่วนซือซือไม่ทันได้ถามไถ่ ทำได้แค่เดินตามเธอไปยังลิฟต์
พอออกมาจากLiuguang Clubhouse ก็ขึ้นรถของซ่งอวิ้นอัน ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านหลังพวกเธอขึ้นไปนั่งด้านหลังคนขับ
หร่วนซือซือนิ่งอึ้งไป มองตู้เยี่ย แล้วหันมามองซ่งอวิ้นอันอีก “นี่มัน……เกิดอะไรขึ้น?”
ตู้เยี่ยเป็นคนของอวี้อี่มั่ว ไม่มีคำสั่งของเขา ตู้เยี่ยก็คงไม่ปรากฏตัวที่นี่ แต่ทำไมหลังจากที่ตามพวกเธอลงมาตู้เยี่ยก็ขึ้นไปนั่งบนรถพวกเธอเลยล่ะ?
ซ่งอวิ้นอันเริ่มออกรถ เวลานี้เธอก็ผ่อนคลายได้สักที “ซือซือ เมื่อกี้ฉันตกใจหมดเลย ยังดีนะที่ฉันเรียกตู้เยี่ยมาด้วย ไม่งั้นไม่รู้จริงๆว่าควรจะทำยังไง!”
“พวกเธอ……”
ทำไมถึงกลายเป็นซ่งอวิ้นอันที่เรียกตู้เยี่ยมาล่ะ?
ซ่งอวิ้นอันมองเธอที่สับสน ก็รีบอธิบาย “เมื่อกี้ตอนที่ฉันรับโทรศัพท์เธอ ไม่รู้จะหาใครไปช่วย พี่ชายฉันตอนนี้ไปทำงานนอกสถานที่ ฉันไม่มีวิธีแล้ว ก็เลยโทรหาตู้เยี่ย เธอไม่ถือสาอะไรใช่ไหม!”
เรื่องถือสาคงจะว่ากันไม่ได้ เธอแค่อยากรู้ว่าทำไมซ่งอวิ้นอันถึงสามารถเรียกใช้ตู้เยี่ยได้
หร่วนซือซือเม้มริมฝีปาก “ฉันอยากรู้พวกเธอสองคน……”
ซ่งอวิ้นอันเหมือนกับว่าเดาได้ว่าหร่วนซือซือต้องการจะถามอะไร เธอจับพวงมาลัยรถแน่นขึ้น “กลับไปค่อยอธิบายให้เธอฟังแล้วกัน!”
หร่วนซือซือได้ยิน ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆสงบลง จู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้
เธอเหลือบมองตู้เยี่ยที่นั่งอยู่ด้านหลังผ่านกระจกมองหลัง แล้วถามเสียงเบา “อวี้อี่มั่ว…เขาไปไหนเหรอ? ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์?”
ในตอนนั้นที่สถานการณ์เร็วร้ายที่สุด คนที่เธอคิดถึงคนแรกคืออวี้อี่มั่ว แต่โทรไปหาเขาหลายสายก็ไม่มีคนรับสายเธอเลย
สีหน้าของตู้เยี่ยเผยให้เห็นความลังเลครู่หนึ่ง ทำท่าจะพูดออกมา แต่ก็เงียบไปอีก
หร่วนซือซือเห็นสีหน้าของเขา ก็กังวลโดยไม่รู้ตัว “เขา……อยู่ในงานเลี้ยงเหรอ?”
“เปล่า” ตู้เยี่ยตอบเสียงเบา “ประธานอวี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
พอได้ยิน หร่วนซือซือก็เข้าใจเลยทันที
ดูแล้ว เวลานี้อวี้อี่มั่วกำลังอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเพื่อนเย่หว่านเอ๋อสินะ มิน่าล่ะแม้แต่สายเธอก็ไม่สามารถรับได้
ซ่งอวิ้นอันเห็นสีหน้าของหร่วนซือซือหงอยขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถามต่อ “โรงพยาบาล? เขาไปทำอะไรที่โรงพยาบาล?”
เดิมทีตู้เยี่ยไม่อยากจะพูด แต่ก็พูดมาถึงจุดสำคัญแล้ว เขาก็เลยต้องพูดออกมา “พรุ่งนี้เช้าคุณเย่เข้ารับการผ่าตัด ประธานอวี้ก็เลยอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล”
พอเขาพูดออกมา บรรยากาศภายในรถก็หนาวขึ้นมาเล็กน้อย
ซ่งอวิ้นอันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เลยแอบมองสีหน้าของหร่วนซือซือที่นั่งอยู่ด้านข้าง หลังจากนั้นก็เหลือบตาขึ้นมองกระจกมองหลัง จ้องตู้เยี่ยอย่างโหดเหี้ยม
เธอมองหร่วนซือซือ แล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ซือซือ ฉันไปส่งเธอกลับบ้านก่อนดีไหม?”
หร่วนซือซือรู้สึกว่าในใจเหมือนกับถูกอะไรกดไว้ หายใจไม่ค่อยออก บวกกับสิ่งที่เธอเจอในห้องอาหารเมื่อครู่ที่เหมือนกับฝันร้ายนั้น เธอก็หน้ามืดขึ้นมา
เธอยกมือขึ้นไปบีบที่ระหว่างคิ้ว แล้วพูดออกมาเสียงเบา “อันอัน รบกวนเธอไปส่งฉันที่คอนโดละกัน ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
ซ่งอวิ้นอันที่อยู่ข้างๆรีบตอบรับ “โอเค”
ภายในรถเงียบตลอดทาง
พอถึงหน้าประตูหมู่บ้าน หร่วนซือซือก็เอ่ยปาก “ส่งแค่นี้ก็พอ”
ซ่งอวิ้นอันมองเธอผลักประตูลงรถไป แล้วรีบถาม “ซือซือ ฉันส่งเธอกลับดีกว่าไหม?”
หร่วนซือซือโบกมือ ท่าทางเหมือนกับว่าเหนื่อยมาก “ไม่ต้องหรอก เธอไปส่งตู้เยี่ยเถอะ วันนี้ต้องขอบคุณเขา”
พูดจบ เธอก็หมุนร่างเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
หลังจากที่ผ่านประตูใหญ่ ในสมองของหร่วนซือซือก็มีคำพูดที่ตู้เยี่ยพูดเมื่อครู่ดังก้องไปมา
ในจังหวะที่ตู้เยี่ยปรากฏตัวขึ้นหน้าประตูห้องอาหารนั้น เธอก็นึกว่าเป็นอวี้อี่มั่วที่มา คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างเป็นสิ่งที่เธอคิดมากเกินไป
ช่วงเวลาที่เธอต้องการเขามากที่สุด เขากำลังอยู่กับผู้หญิงอีกคน เสียดายที่เธอมีความหวังและรอคอยกับเขามากขนาดนี้
หร่วนซือซือกระตุกมุมปาก แล้วยิ้มเจื่อนๆ
รอให้เธอทำสิ่งที่เธอรับปากกับอวี้อี่มั่วไว้ให้ได้ก่อน แล้วเธอจะออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน ออกไปจากเขา และจะไม่ถอยกลับมาเด็ดขาด