ดั่งรักบันดาล 114

ตอนที่ 114

ตั้งแต่กลับมาถึงก็วุ่นๆอยู่สองชั่วโมงกว่าแล้ว ข้าวของทั้งหมดตอนนี้ก็จัดการได้พอสมควรแล้ว

เมื่อซ่งอวิ้นอันหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาก็เอ่ยขึ้นด้วยความเหนื่อยล้าทันทีเลยว่า "ซือซือ ฉันเหนื่อยจนจะตายอยู่แล้ว!"

หร่วนซือซือถือขวดน้ำแร่สองขวดเดินเข้ามาหา แล้วยื่นให้เธอหนึ่งขวด ก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า "ฉันสั่งอาหารแล้วจ้ะ ไก่ผัดที่เธอชอบที่สุด แล้วก็มีปิ้งย่างด้วยนะ"

เมื่อได้ยินชื่อของอร่อย นัยน์ตาของซ่งอวิ้นอันเป็นประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะพูดออกไปเสียงดังว่า "ซือซือ เธอเข้าใจฉันที่สุดแล้ว! เธอรู้ได้อย่างไรเนี่ยว่าฉันอยากกินอะไร?"

หร่วนซือซือยิ้ม ถือขวดน้ำอีกขวดหนึ่งเดินนำให้ไปซ่งเย้อันที่อยู่ทางด้านข้าง "เย้อันคะ คุณพักสักหน่อยเถอะค่ะ ของที่เหลือพวกนี้เดี๋ยวฉันจัดการเองก็ได้ค่ะ"

ซ่งเย้อันรับขวดน้ำไป ก่อนจะหันไปยิ้มบางให้เธอ รอยยิ้มขบขันประดับอยู่บนใบหน้า "เรื่องเล็กน้อยเอง ไม่ต้องเกรงใจอะไรขนาดนั้นหรอกครับ"

หร่วนซือซือสบมองนัยน์ตาลึกซึ้งของชายหนุ่ม กลับรู้สึกว่าสายตาของเขามีอะไรบางอย่างที่เธอไม่สามารถเดาออกได้ แต่ทว่ากลับให้ความรู้สึกดึงดูดคนด้วยความรู้สึกพิเศษ……

"ซือซือจ้ะ วันนี้พวกเรามาเปิดเหล้าเซียงปิงฉลองกันหน่อยเป็นไง?" ซ่งอวิ้นอันที่อยู่ด้านข้างจู่ๆกลับโพล่งขึ้นมา เป็นเพราะแบบนั้นเลยทำให้เธอหลุดจากภวังค์

"ได้…ได้สิ"

จะว่าไปแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอย้ายออกมาอยู่เองคนเดียว ยังไงก็ต้องฉลองเสียหน่อยแล้ว

เมื่อซ่งอวิ้นอันได้ยินดังนั้น ยกยิ้มก่อนจะโยนกุญแจรถให้กับซ่งเย้อัน "ได้เลย พี่คะ กุญแจรถให้พี่ค่ะ บนรถฉันมีเหล้าอยู่สองขวด พี่ไปหยิบมาสิ"

ประโยคพึ่งจะพูดจบลง เธอก็รับรู้ได้ถึงซ่งเย้อันที่กำลังจ้องเขม็งมาทางเธอ ด้วยสายตาเย็นยะเยือก

เธอตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนจะแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกลนว่า "ฉัน…ฉันไปหยิบเอง! พี่พักผ่อนไปเถอะค่ะ!"

ถ้าเธอกล้าที่จะทำลายโอกาสของพี่ชายเธอล่ะก็ เกรงว่าเธออาจจะต้องเสียเปรียบในภายภาคหน้าแน่ๆ

เมื่อซ่งเย้อันได้ยินดังนั้น มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วว่า "ไปสิ"

ซ่งอวิ้นอันคิดไม่ถึงว่าเขาจะแปรเปลี่ยนสีหน้าได้อย่างรวดเร็วปานนี้ เธอแบะปาก แต่ทว่ากลับไม่กล้าที่จะโต้ตอบอะไรกลับไป ก่อนที่จะรีบออกไปหยิบเหล้า

พูดถึงทั้งสองคนนั้นแล้วหร่วนซือซือกลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยแม้แต่น้อย หยิบผ้าขี้ริ้วขึ้นมาเช็ดโต๊ะไปมา หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตรวจสอบว่าของที่สั่งมาส่งถึงไหนแล้ว

ซ่งเย้อันช้อนสายตาขึ้น ลอบสบมองใบหน้าทางด้านข้างของหญิงสาว แววตาแสดงออกถึงความอบอุ่นออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว

เขายังคงจำช่วงเวลาครั้งแรกที่ได้พบเจอกับหร่วนซือซือได้ ในตอนนั้นเขากลับไม่ทราบมาก่อนเลยว่าเธอคือเพื่อนสนิทของอันอัน เขากำลังยืนรออันอันอยู่ที่ประตูด้านนอกของโรงเรียน รออยู่นานสองนานกลับไม่เจอคนที่กำลังรออยู่ ทว่ากลับเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินย่ำออกมาอย่างรวดเร็ว

ฝนพึ่งจะตกไป บนพื้นเฉอะแฉะเป็นดินโคลน มีหญิงชราผมขาวท่านหนึ่งเท้าติดอยู่ในดินโคลน รองเท้าถูกดูดไปกว่าครึ่ง ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นเอง หร่วนซือซือเดินตรงเข้าไปหา ก่อนจะหยิบกระดาษทิชชู่แล้วย่อตัวลง ช่วยเช็ดให้เธออย่างสะอาดสะอ้าน

เขาไม่สามารถลืมเลือนใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของหญิงสาวคนนั้นได้เลย สดใส บริสุทธิ์ ไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก

"ติ๊ง!" เสียงจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้น แจ้งเตือนว่าของที่สั่งตอนนี้มาส่งที่หน้าประตูแล้ว หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า "ของที่สั่งมาส่งแล้วล่ะค่ะ"

พูดไป เธอก็รีบร้อนหมุนตัว แล้วก็ไม่ทันที่จะได้ระวังเท้า ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะเหยียบเข้ากับผ้าพลาสติกใสเข้าแผ่นหนึ่ง ข้อเท้าผลิกทันที ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเอนตัวไปทางด้านหลัง

"อ๊ะ!"

ในวินาทีต่อมานั้นเอง เธอตกลงไปในอ้อมกอดอุ่น ไม่ได้ล้มลงที่พื้นแต่อย่างใด

"ระวังหน่อยครับ"

น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังของชายหนุ่มดังขึ้น หร่วนซือซือเบิกตากว้าง ก่อนจะช้อนสายตาสบมองนัยน์ตาของซ่งเย้อัน

เธอถูกเขาโอบกอดอยู่ในอ้อมแขน ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก อุณหภูมิภายในตัวห้องจู่ๆกลับเพิ่มสูงขึ้นมาในทันที หร่วนซือซือหน้าแดงแก้มแดงไปหมด

เสียง "แกร๊ก" ของประตูดังขึ้นเพราะถูกเปิดออก แล้วตามมาด้วยเสียงของซ่งอวิ้นอัน "ของที่สั่งมาแล้วจ้ะ……"

เมื่อรอให้เธอมองบรรยากาศภายในตัวห้องได้อย่างชัดๆ เสียงที่พูดอยู่กลับนิ่งเงียบไปอย่างงุนงง

ทำไมหร่วนซือซือถึงเอนตัวซบอยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายเธอน่ะ? พัฒนากันถึงขั้นนี้แล้วเชียวหรือ!

หร่วนซือซือราวกับว่าพึ่งตื่นจากฝัน ก่อนจะกุลีกุจอรีบยืนตัวตรงด้วยตนเอง ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างจากทั้งสองคน ในขณะเดียวกันก็พยักหน้าก้มศีรษะขอบคุณไปทางซ่งเย้อัน

ซ่งเย้อันรับรู้ ก่อนจะหยักหน้าหงึกๆหงักๆไปทางเธอ ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไร

ความคันยุบยิบในใจของซ่งอวิ้นอันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เธอค่อยๆก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ วางของที่พึ่งมาส่งกับกล่องเหล้าในมือลง ก่อนจะหันไปพูดเจื้อยแจ้วกับทั้งสองคน

เธอเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับท่าทางจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะขำก็ไม่ขำว่า "พวกพี่……ฉันเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่าเนี่ย?"

หร่วนซือซือกุลีกุจอพูดแทรกเธอขึ้นมาว่า "ไม่จ้ะ…ของที่สั่งมาส่งแล้วก็เริ่มทานกันเลยเถอะ ฉันจะไปหยิบแก้วนะ"

อันอันพูดมาแบบนี้ กลับทำให้ใจเธอรู้สึกลำบากใจไม่น้อย

แต่ทว่าถึงแม้ว่าจะรู้สึกลำบากใจ แต่ทว่าหัวใจกลับเต้นเป็นปกติ ไม่ได้เพิ่มความเร็วอะไรขึ้นเลย……

ซ่งเย้อันดูโดดเด่นไปในทุกๆด้าน แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกหวั่นไหวอะไรกับเขาเลย……

หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากไปมา ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรให้กระจ่าง หยิบแก้วขึ้นมาแล้วก็เดินออกจากห้องครัวเล็กไป

เมื่อเริ่มรับประทานอาหาร เรื่องราวที่น่าอึดอัดเมื่อครู่นี้ดูเหมือนจะถูกลืมเลือนไปหมดแล้ว พวกเรารับประทานอาหารและดื่มกัน บรรยากาศถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว

เวลาล่วงเลยไปอย่างไม่รู้ตัว หร่วนซือซือดื่มเหล้าเซียงปิงไปสองสามแก้ว ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาดเป็นแถบๆ

"ซือซือ ฉันมีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกเธอน่ะ……"ซ่งอวิ้นอันก็เมาแล้วเช่นกัน ก่อนจะเรอออกมาดังเอิ้กอ้าก

หร่วนซือซือมีท่าทางเมามายจนไม่ได้สติ ยิ้มกว้างก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "เรื่องอะไรหรือ?"

ซ่งอวิ้นอันยิ้มบางก่อนจะพูดว่า "หลังจากนี้ฉันน่ะนะ วางแผนว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวในประเทศแหละ!"

เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว ในช่วงเวลานั้นเองหร่วนซือซือก็ได้สติขึ้นมาทันที "จริงหรือ?"

หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็แยกกับซ่งอวิ้นอันเลย เธอทำงาน ซ่งอวิ้นอันออกนอกประเทศ ถึงแม้ว่าจะยังคงติดต่อกันอยู่ตลอด แต่ทว่ากลับไม่ได้พบเจอหน้ากันเลย ตอนนี้ซ่งอวิ้นอันกลับมาสร้างเนื้อสร้างตัว สำหรับเธอแล้วนี่ถือว่าเป็นข่าวที่ทำให้เธอดีใจมากเลยทีเดียว

ซ่งอวิ้นอันพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า "จริงจ้ะ มา ชนแก้ว!"

หร่วนซือซือก็ปิติจนประคองแก้วเหล้าเอาไว้ในมือขึ้นมา

ซ่งเย้อันที่ดูหญิงสาวทั้งสองคนเมามายไม่ได้สติอยู่ทางด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างออกมาแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากตักเตือนว่า "ดื่มน้อยๆหน่อยเถอะ พวกเธอ……"

ทั้งสองคนสนุกสนานกันไปมา ไม่มีใครฟังอยู่เลยสักคน มีเสียงชนแก้วดัง "กริ๊งกรั๊ง" ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วยกซดรวดเดียวจนหมดแก้ว

เมื่อดื่มจนได้ที่แล้ว ซ่งอวิ้นอันเป็นฝ่ายวิ่งไปที่ห้องน้ำก่อน หร่วนซือซือยืนขึ้นตัวตรง ก่อนจะค่อยๆเดินไปทางหน้าต่างอย่างช้าๆ

ท้องฟ้าทางด้านนอกมืดสนิททั้งหมด เธอสบมองแสงไฟจากบ้านอื่นผ่านทางกระจกของหน้าต่าง บวกกับท่าทางสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์เหล้า อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอะไรบางอย่าง "เมื่อไหร่กันนะ ที่โคมไฟสักอันพวกนั้นจะเป็นของฉันน่ะ"

ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดมากกับการที่คุณนายหลิวเร่งรัดให้แต่งงาน แต่ทว่าเธอกลับคิดว่าอยากที่จะหาชายหนุ่มที่รักเธอด้วยใจจริงๆสักคน มีครอบครัวเล็กๆที่เป็นของตนเองจริงๆสักที

ซ่งเย้อันเดินเข้ามาเคียงข้างเธอ ลอบมองใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "วางใจเถอะครับ ต้องมีแน่น"

หร่วนซือซือยิ้มบาง นัยน์ตาส่องเค้าถึงความเสียดายอย่างช่วยไม่ได้ "ขอให้เป็นไปตามนั้นจริงๆเถอะค่ะ….."

ซ่งเย้อันนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดและเศร้าโศกของหร่วนซือซือนี้มาจากไหน ในเมื่อในภาพความทรงจำของเขานั้น เธอคือเด็กสาวคนนั้นที่มีจิตใจดีงามที่บริสุทธิ์ตลอดมา

ซ่งเย้อันขยับริมฝีปากไปมา ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า "ถ้าหากว่าคุณจะยอมที่จะ……"

ยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ ซ่งอวิ้นอันก็ออกมาจากห้องน้ำเสียแล้ว ก่อนจะล้มลงใส่บนโซฟา สมองตื้อไปหมด คล้ายกับว่าจะหลับไปเสียแล้ว

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้นก่อนจะหันศีรษะกลับมา หลังจากนั้นก็หันไปสบมองทางซ่งเย้อัน "คุณพูดว่าอะไรนะคะ?"

ลูกกระเดือกของซ่งเย้อันขยับไปมาเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา คลี่ยิ้มที่ริมฝีปากก่อนจะหันไปยิ้มให้เธอ "ไม่มีอะไรครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ผมพาอันอันกลับก่อนดีกว่า"

หร่วนซือซือหันไปสบมองซ่งอวิ้นอันที่จะหลับรอมร่ออยู่บนโซฟา ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้เขา "ขับรถระวังๆนะคะ"

ซ่งเย้อันพยักหน้าเบาๆ หมุนตัวก่อนจะดึงคนบนโซฟาให้ลุกขึ้นมา ซ่งอวิ้นอันถูกปลุกให้ตื่น ส่งเสียงบ่นพึมพำออกมาไม่หยุด ก่อนจะโดนหัวเราะใส่ หลังจากนั้นจึงออกจากคอนโดมิเนียมไป

เมื่อส่งพวกเขาเสร็จ หร่วนซือซือปิดประตูห้อง ภายในจิตใจสับสนวุ่นวาย

อันที่จริงแล้วที่ซ่งเย้อันพูดขึ้นเมื่อครู่นี้ เธอได้ยินมัน แม้กระทั่งครึ่งประโยคหลังที่เขาอยากจะพูดออกมา เธอก็พอจะสามารถเดาได้

ทว่าหัวใจของเธอ กลับไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับเขาเลยนี่สิ

"ติ๊ด–"

อยู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาทันที หร่วนซือซือพึ่งจะได้สติกลับคืน สบมองไปยังหน้าจอที่แสดงรายชื่อบนโทรศัพท์มือถือ เธอกำมือเข้าหากันแน่นขึ้นเล็กน้อย

มันเป็นสายเรียกเข้าจากอวี้อี่มั่ว

Options

not work with dark mode
Reset