ดั่งรักบันดาล 111

ตอนที่ 111

หร่วนซือซือขบเม้มริมฝีปากแน่น ไม่มีทางสลัดตัวให้หลุดไปได้ ทำได้เพียงแค่จ้องเขม็งไปที่อวี้อี่มั่วแทน

ในช่วงเวลานั้นเอง น้ำเสียงอ่อนหวานจากในสายโทรศัพท์ก็ดังขึ้น "พี่อวี้คะ พี่จะมาหาฉันตอนไหนหรือคะ?"

หร่วนซือซือได้ยินดังนั้น ร่างทั้งร่างแข็งทื่อ สีหน้าซีดเผือดเป็นเท่าตัว

เธอไม่ต้องถามอะไรให้มากความก็สามารถที่จะเดาออก ผู้หญิงในสายโทรศัพท์นั่นต้องเป็นเย่หว่านเอ๋อแน่ๆ

อวี้อี่มั่วหลุบตามองต่ำ นัยน์ตานุ่มลึกทิ้งสายตาลงบนใบหน้าของหร่วนซือซือ ก่อนจะตักตวงสีหน้าบนใบหน้าของเธอกักเก็บไว้ในสายตา

ริมฝีปากบางเฉียบของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเสียงราบเรียบว่า "ไปช้านิดหนึ่งนะ"

หร่วนซือซือโดนเขากดเอาไว้ใต้ร่าง ในเวลานี้ราวกับว่าเธอกำลังได้รับความอัปยศอดสูที่สุดแล้ว

ในเมื่ออวี้อี่มั่วสามารถใช้กำลังเพื่อกดทับเธอเอาไว้ใต้อาณัติ และในอีกด้านหนึ่งกลับคุยโทรศัพท์มือถือกับผู้หญิงอีกคนอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนี้!

โทสะพุ่งพล่านจนสุดขีด เธอกัดฟันแน่น จ้องเขม็งไปที่อวี้อี่มั่ว ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เบาที่สุดว่า "ปล่อยฉันนะ!"

อวี้อี่มั่วได้ยินอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เขาเลื่อนนัยน์ตาสบมองช้าๆ มือที่กำลังกดข้อมือของเธอเอาไว้อยู่ก็ยังไม่ปล่อย

เย่หว่านเอ๋อในสายโทรศัพท์คนนั้นยังคงพูดคุยต่อไป ในน้ำเสียงอ่อนหวานนั่นติดประกายความดีใจเล็กๆ "รอให้ฉันทำการผ่าตัดให้เสร็จ พี่จะพาฉันไปดูทะเลใช่ไหมคะ?"

อวี้อี่มั่วตอบเสียงเบากลับไปว่า "เดี๋ยวจะพาไปครับ พักผ่อนเถอะครับหว่านเอ๋อ"

ในน้ำเสียงของเขาทั้งอ่อนโยนและดูมีน้ำอดน้ำทน เป็นสิ่งที่หร่วนซือซือไม่เคยได้รับมาก่อน ที่แท้แล้ว เขาไม่ได้ไม่อ่อนโยน เพียงแต่ว่าเขาเดิมทีแล้วหยิ่งยโสไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลยต่างหาก

หร่วนซือซือปวดนึบไปทั่วหัวใจ รู้สึกราวกับว่าเหมือนจะมีก้อนอะไรบางอย่างคาติดอยู่ตรงที่หน้าอก เธอกัดฟันแน่นไปมา ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ ก่อนที่อยู่ๆจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะจงใจเงยหน้าขึ้นให้ตรงเข้ากับโทรศัพท์มือถือแล้วจึงบีบเสียงในลำคอพูดขึ้นมาว่า "อี่มั่ว เบาหน่อยสิคะคุณ……"

วิธีการเรียกที่สนิทสนม คำพูดที่สามารถทำให้คนคิดลึกไปไกล แค่นั้นก็สามารถทำให้คนในสายโทรศัพท์นั่นเข้าใจผิดได้มากพอแล้วล่ะ

อวี้อี่มั่วตกตะลึงไปครึ่งวินาที ก่อนที่จะรู้สึกตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็ว สบมองไปทางหร่วนซือซือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะ

คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้า……

เป็นไปตามคาด สายโทรศัพท์นั่นนิ่งเงียบไปสองวินาที ก่อนที่จะมีเสียงตกตะลึงของเย่หว่านเอ๋อดังขึ้นมาทันทีว่า "พี่อวี้! พี่……"

คำพูดหยุดชะงักไป เย่หว่านเอ๋อพูดไม่ออก แต่ทว่าน้ำเสียงกลับติดสะอึกสะอื้น

นัยน์ตาของอวี้อี่มั่วสับสนวุ่นวาย กำลังจะเปิดปากอธิบาย แต่ทว่าฝั่งนั้นกลับตัดสายโทรศัพท์ไปเรียบร้อยแล้ว

อวี้อี่มั่วมีสีหน้าดุดันขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยโทสะ เขากำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น หลุบตามองไปยังหร่วนซือซือ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกว่า "หร่วนซือซือ เธอกล้าทำอะไรแบบนี้หรือ?"

หร่วนซือซือกัดฟันแน่น นัยน์ตาดื้อรั้น "ก็ใครใช้ให้คุณไม่ปล่อยมือล่ะคะ?"

สบมองใบหน้าดื้อรั้นของหญิงสาว อวี้อี่มั่วปวดตุ้บไปที่ขมับ เขามั่นใจมาก ในช่วงเวลาแบบนี้เย่หว่านเอ๋อต้องสะเทือนใจมากแน่ๆ ถ้าหากอารมณ์ของเธอไม่คงที่ล่ะก็ ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินกาผ่าตัดได้!

อวี้อี่มั่วขมวดคิ้วแน่น สายตาสบมองไปยังหร่วนซือซือ ไม่ทันที่จะได้คุยกับเธอสักประโยค เมื่อปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วสาวเท้ายาวก้าวออกไปทางด้านนอกทันที

ในเวลานี้ เขาจำเป็นที่จะต้องไปโรงพยาบาลเพื่ออธิบายกับเย่หว่านเอ๋อให้กระจ่าง มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นก็เป็นได้

เมื่อเห็นแผ่นหลังของชายหนุ่มหายไปจากประตูด้วยความรวดเร็ว หร่วนซือซือลอบถอนหายใจออกมาเงียบๆ สองมือประสานเข้าหาและบีบรัดกันแน่น ก่อนที่สั่นสะท้านเล็กน้อย

ที่แท้ คนที่เขาแคร์มากที่สุด ก็ยังคงเป็นเย่หว่านเอ๋อสินะ

ก่อนที่ความสงบจะค่อยๆกลับคืนมา หร่วนซือซือสูดหายใจเข้าลึกๆ ขบเม้มริมฝีปากแน่น เมื่อได้สติมามากขึ้นแล้ว ถึงจะลุกขึ้นยืนตัวตรง

เมื่อคิดถึงท่าทางที่เขาตอบสนองเย่หว่านเอ๋อกลับไป หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะปวดนึบไปทั่วหัวใจ เธอสะบัดศีรษะไปมา ราวกับว่าจะสลัดความวุ่นวายทั้งหมดให้ออกจากสมองไปอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อคิดถึงซ่งอวิ้นอันที่ยังคงรอเธออยู่ทางด้านนอก หร่วนซือซือคิดอะไรมากไม่ได้แล้ว รีบจัดแจงท่าทางให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องทำงานเร็วๆ

หลังจากออกไปแล้ว หร่วนซือซือที่อยู่ด้านนอกห้องทำงานก็ไม่เห็นซ่งอวิ้นอันแล้ว เมื่อหาไปแล้วหนึ่งรอบกลับไปพบใครเลย ก่อนที่จะอับจนหนทาง เธอทำได้เพียงแค่ต่อสายโทรศัพท์หาเธอ

เมื่อต่อสายโทรศัพท์แล้ว แต่ทว่ากลับไม่มีคนรับสายโทรศัพท์เสียที หร่วนซือซือถึงขนาดต่อสายเพิ่มอีกสองสามครั้ง ก็ยังคงไม่มีคนรับสาย

หร่วนซือซืออดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมาประโยคหนึ่งว่า "ประหลาดจัง……"

โดยปกติแล้วเมื่อเธอโทรศัพท์หายายคนนี้ทีไร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้งเธอก็จะรับโทรศัพท์ทันทีนี่น่า ครั้งนี้เป็นอะไรไปนะ?

ในลิฟต์ ซ่งอวิ้นอันได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังสั่นขึ้นเป็นพักๆ เธอขมวดคิ้ว ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องตู้เยี่ยเขม็ง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากที่จะรับสายโทรศัพท์ แต่ทว่าสองมือของเธอโดนตู้เยี่ยจับไขว้เอาไว้ที่ด้านหลังด้วยกันต่างหาก "คุณซ่ง ขอเพียงแค่คุณออกไปจากบริษัทแต่โดยดี ผมก็จะปล่อยคุณครับ"

เขาไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจริงๆ เมื่อครู่นี้ที่ลากซ่งอวิ้นอันออกมาจากห้องทำงานได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะไม่ยอมแต่โดยดี กลับโวยวายสารพัดสารเพในห้องทำงาน พูดว่าอวี้อี่มั่วคือผู้ชายสารเลว เขาก็เลยต้อง "จัดการอย่างเด็ดขาด"โดยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"การกระทำต่ำช้าเลวทรามที่สุด!" นัยน์ตาทั้งสองข้างของซ่งอวิ้นอันแข็งกร้าว วันนี้เป็นเพราะว่าโกรธมากดวงตากลมโตจึงแข็งกร้าวและกลมโตขึ้นกว่าเดิม กลับกันกลับมีความน่ารักผสมอยู่ด้วยนิดหน่อย

ตู้เยี่ยมี่ยืนอยู่ด้านข้าง สีหน้าไม่แปรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เขาเงยหน้าขึ้นสบมองตัวเลขที่เปลี่ยนไปมาของลิฟต์หนึ่งครั้ง ก่อนจะมองไปที่เธอแล้วกระตุกมุมปากขึ้น "ยังเหลืออีกแปดชั้น คุณซ่งก็จะสามารถเป็นอิสระแล้วครับ"

"คุณ!" ซ่งอวิ้นอันทั้งโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ทั้งไม่สามรถพูดอะไรได้

เธอเคยโดนคนปฏิบัติแบบนี้ใส่ตั้งแต่ตอนไหนกัน?

โดนคนอื่นจับกุมราวกับว่าเป็นนักโทษที่ทำผิด! ราวกับว่าจะอัปยศอดสูไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!

เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ อดไม่ได้ที่จะพยายามต่อสู้ขัดขืนตู้เยี่ยอีกครั้ง ในเวลานั้นเอง เสียงลิฟต์ก็ดัง "ติ๊ง" ขึ้น ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ "ชั้นเจ็ด"

ประตูลิฟต์เปิดออกกว้าง พนักงานร่วมบริษัทกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา มองไปยังตู้เยี่ย ก่อนที่จะค่อยๆทักทายเขา

จะให้พูดอย่างไรตู้เยี่ยก็ยังเป็นผู้ช่วยข้างกายของอวี้อี่มั่วอยู่ดี ทุกคนเลยต้องเคารพเขาตามเป็นธรรมดามาอยู่แล้ว

เมื่อทักทายกับตู้เยี่ยเสร็จสรรพ พวกเพื่อนร่วมงานทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะสบมองไปทางซ่งอวิ้นอันโดยอัตโนมัติ หนึ่งเลยเป็นเพราะว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยคนนี้ไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้ามาก่อน สองคือมือทั้งสองของเธอโดยจับให้ไขว้หลังอยู่ มันดูประหลาดไปเล็กน้อยจริงๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของคนรอบข้าง ซ่งอวิ้นอันยิ่งมีโทสะเพิ่มมากยิ่งขึ้น เธอหันศีรษะไปทางตู้เยี่ยที่อยู่ข้าวกาย ก่อนที่ในสมองจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที

โทสะบนใบหน้าถูกเก็บกลับไปแล้ว เธอฝืนใจยิ้มเกร็งออกมาหนึ่งครั้ง ร่างทั้งร่างเอนพิงเข้าหาตู้เยี่ย เมื่อสบมองป้ายชื่อบนอกเขาอย่างชัดเจนแล้ว จึงช้อนสายตาขึ้นสบมองแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยว่า "เยี่ยเยี่ยคะ อีกสักครู่พวกเราไม่ต้องไปทานข้าวแล้วล่ะ ตรงกลับบ้านเลยดีกว่าค่ะ ฉันจะเตรียม "อาหาร" มื้อใหญ่ไว้ให้คุณเอง!"

น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังแต่ก็ไม่ได้เบานัก ในสถานที่ปิดอย่างในตัวลิฟต์แบบนี้ก็สามารถทำให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

ตู้เยี่ยนิ่งงันไปเล็กน้อย ก่อนจะสบมองไปยังซ่งอวิ้นอันด้วยความประหลาดใจ รู้สึกเย็นวาบไปทั่วแผ่นหลังกว้าง

ผู้หญิงคนนี้ ยังคิดที่จะมีลูกไม้อะไรอีกนะ?

พวกเพื่อนร่วมงานในลิฟต์ได้ยินดังนั้นค่อยๆหันสบมองไปทางตู้เยี่ย นัยน์ตาเต็มไปด้วยเลศนัยที่มีไม่มากก็น้อย

ผ่านไปสักพัก ตู้เยี่ยที่พึ่งรู้สึกตัวกลับมาจากความงุนงง รีบมองไปทางซ่งอวิ้นอันก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "คุณซ่ง คุณอย่าพูดมั่วๆสิครับ"

เขากับเธอมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ไม่มีอะไรกันทั้งนั้นแหละ!

ซ่งอวิ้นอันยิ้มหวาน ก่อนที่จะจงใจโชว์สองมือที่ถูกจับไขว้หลังให้ทุกคนได้เห็น ทำเป็นเหนียมอายต่อหน้าพวกเขา แล้วกดเสียงต่ำว่า "พวกคุณไม่ต้องมองเป็นเรื่องแปลกหรอกค่ะ พวกเราสองคนน่ะนะ โดยปกติแล้วก็ชื่นชอบแสดงบทบาทสมมติอะไรกันเล่นอยู่แล้ว แล้วก็ยังมี s…m……"

เธอยังไม่ทันที่จะได้พูดจบ ก็ถูกตู้เยี่ยยกมือขึ้นมาปิดปากเสียก่อน

ขมับของตู้เยี่ยมีเหงื่อผุดซึมออกมา ก่อนจะกุลีกจอเอ่ยปากอธิบาย "ไม่ใช่นะ…ไม่ใช่แบบที่พวกคุณกำลังคิดนะครับ"

พวกเพื่อนร่วมงานสองสามคนยิ้มออกมาทันที ก่อนจะมองเชือกที่พันอยู่บนข้อมือของซ่งอวิ้นอันแล้วค่อยๆพูดกันขึ้นมาว่า "คุณผู้ช่วยตู้ คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะเล่นอะไรแบบนี้ด้วย……"

"เมื่อครู่นี้ที่พวกเรายังไม่ขึ้นมา คุณผู้ช่วยตู้อย่าพึ่งรีบร้อนนะครับ อีกประเดี๋ยวพวกเราก็จะไปแล้วล่ะครับ……"

ทุกคนเงยหน้าสบตายตากัน นัยน์ตาเต็มไปด้วยเลศนัย มีเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้น รอให้ลิฟต์หยุดลง ก่อนจะค่อยๆทยอยเดินออกไปกันจนหมด

ตู้เยี่ยอับอายจนเหงื่อตก เขากระจ่างแจ้งแล้ว หลังจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ภาพลักษณ์ของเขาในที่ทำงานถูกพังทลายอย่างย่อยยับเสียแล้ว!

Options

not work with dark mode
Reset