ซ่างเย่ 42 ผู้ชายผู้หญิงมีความต่าง

ตอนที่ 42 ผู้ชายผู้หญิงมีความต่าง

ภายในห้องขัง จิ้นเย่วได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังโดยสังเขป

ฟู่จิ่วชิวจ้องมองมาที่เธอที่มีกำแพงห้องขังกั้นกลางระหว่างเขาและเธอ เขามามาที่นิ้วมือเรียวที่ถูกคลุมภายใต้แขนเสื้อ พลางนึกถึงสิ่งที่เธอกำลังพูด

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของหอดอกท้อ?” ฟู่หยุนเซียวได้ยิน “หอดอกท้อ” สามคำนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืน “ชื่อดอกอะไร? โบตั๋น? นกป่า? เลือดนก? ซิ่งเอ๋อ?”

ฟู่จิ่วชิงเหลียวมองมาที่เธอพร้อมกับถาม “เข้าไปแล้วหรือ?”

จิ้นเย่วรีบส่ายหัวปฏิเสธ “ยังไม่เข้าไป กลัวว่าจะทำให้งูตื่น ข้าก็เลยมาหาเจ้าก่อนน่ะ!”

มือเขาภายใต้แขนเสื้อยาวหยุดชะงักลง สีหน้าดูอ่อนลงจ้องมองไปที่ชุดที่เธอใส่วันนี้ สายตาอ่อนคล้อยลงมาก “ที่นั่น…จะมีคนไปเอง เจ้าไม่ต้องไปสนใจ วันนี้เจ้าไปรอที่โรงชาที่ถนนฝั่งตะวันออก ไม่ต้องกลับไปที่จวนฟู่ และก็ไม่ต้องรออยู่ที่ว่าการอำเภอ เข้าใจไหม?”

จิ้นเย่วพยักหน้าตกลงทั้งที่ในใจยังรู้สึกไม่เข้าใจ “เข้าใจแล้ว”

“กลับไปได้แล้ว!” เขาบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

จิ้นเย่วหันหลังเดินออกมา คิดแล้วคิดอีกจึงหันกลับมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เอ่อ…หอดอกท้อข้างในมันคืออะไรกันแน่? มีไว้ขายเหล้าดอกท้อหรือ?”

ใบหน้าที่ขมวดคิ้วบวกกับขนตาเรียงยาวของเธอ เธอนึกถึงสิ่งที่ฟู่หยุนเซียวพูดยาว ๆ เหมือนชื่อของดอกไม้ หรือว่า…ที่นั่นขายดอกไม้?

ทันใดนั้นสองพี่น้องตระกูลฟู่ก็หัวเราะออกมาทันที

จิ้นเย่วเงยหน้าขึ้นจ้องพวกเขา ราวกับว่ามีลมหนาวพัดผ่านใบหน้าของเธอ

ฟู่จิ่วชิงจ้องมาที่เธอพร้อมกับปริปากพูดบางอย่างออกมา เสียงเบามาก แต่เธอก็ได้ยินชัดเจน เขาก้าวเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น ริมฝีปากขดลงเล็กน้อยและเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม

“เจ้ามีความสนใจหอดอกท้องั้นหรือ?” เขาถามเบา ๆ

แผ่นหลังเธอรู้สึกเย็นเฉียบ ไม่รู้ว่าตัวเธอเองทำอะไรผิดไปอีกแล้ว? แค่ถามก็ไม่ได้หรือไง์

“ไม่ได้สนใจ ข้าไม่ชอบดอกท้อ” จิ้นเย่วถอยหลังออกมาสองก้าว จ้องเขม็งไปที่ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวที่กำลังกลั้นหัวเราะ หลังจากนั้นเธอก็วิ่งออกไป

เสียงเท้าค่อย ๆ เบาลงจนหายไปจากแสงที่สุดปลายทางเดิน

รอยยิ้มของฟู่จิ่วชิงเลือนหายไป หันกลับมาทำสีหน้าเยือกเย็นใส่สองพี่น้องที่นั่งที่มุมหนึ่งของกำแพง สายตาที่เยือกเย็น ราวกับจะหยุดชีวิตทั้งสองคนด้วยการแช่แข็ง

เสียงหัวเราะที่อู้อี้หายไปในทันที

ฟู่หยุนเจี๋ยและฟู่หยุนเซียวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ฟู่จิ่วชิงแม้จะเจ็บป่วยออดแอด และเพราะพ่อก็คอยเอาอกเอาใจเขา คนในจวนต่างไม่กล้ามีปัญหากับเขา? อย่ามองเพียงแค่เขาเจ็บป่วยขี้โรค วิธีทรมานคนอื่นช่าง….

แผ่นหลังของทั้งสองคนต่างก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้น

เมื่อเห็นคุณหญิงเดินออกมา ซวงจือรีบวิ่งเข้าไปหา “คุณหญิง!”

ซวงจือรีบเดินตามหลังจิ้นเย่วออกมา “คุณหญิง ทำหน้าใบหน้าของคุณหญิงช่างแดงเหลือเกินเจ้าคะ? ไม่สบายหรือเปล่าเจ้าคะ? จะไปหาหมอก่อนไหมเจ้าคะ?”

หมอ?

“ไม่ต้อง พ่อของข้าเป็นหมอ ข้าก็แค่ถูกลมพัดน่ะ “ตอนนี้เราไปรอที่หอโรงชากัน!”

คุณหญิง?

ใบหน้าของเธอไม่เพียงแค่แดงเท่านั้น แต่ยังรู้สึกร้อนผ่าวอีกด้วย!

“ไม่ได้ไปคอยเฝ้าที่หอดอกท้อหรือเจ้าคะ? ทำไมถึงไปเรือนโรงชา? คุณหญิงนัดเจอใครหรือเจ้าคะ?” ซวงจือถามด้วยความสงสัย ทำไมคุณหญิงถึงลืมเรื่องผู้หญิงชุดแดงคนนั้นได้นะ?

“ไม่ต้องถามแล้ว บอกให้ไปน่ะถูกแล้ว!” จิ้นเย่วลดเสียงของเธอและรีบเดินอย่างรวดเร็ว

ซ่งเยี่ยนยืนอยู่ที่ระเบียงสุดทางเดิน รู้สึกเพียงว่าชุดสีขาวของเขาเหมือนเมฆและหมอกบนขอบฟ้า เมื่อลมพัดไป ก็จะถูกพัดไปตามแรงลม จู่”จิ้นเยว่!”

เสียงนั้นเร่งรีบเล็กน้อย ราวกับว่าเธอจะบินหนีไปจริงๆ

แม้แต่เฉิงหนานที่อยู่ด้านข้างก็ยังแปลกใจเล็กน้อย องค์ชายเล็กไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนและเขาก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของใครบางคน จิ้นเย่วก็หยุดชะงัก เมื่อเธอหันกลับมาและเห็นซ่งเยี่ยน เธอรู้สึกเสียใจ หากเธอรู้ว่าเป็นเสียงขององค์ชายเล็กกำลังเรียกเธอ เธอควรแสร้งทำเป็นหูหนวกและวิ่งเร็วขึ้นถึงจะถูก

“องค์ชายเล็ก!” จิ้นเย่วก้มโค้งคำนับ

แต่ตอนนี้หันกลับมาแล้ว จะแสร้งทำเป็นหูหนวกเป็นใบ้ก็ไม่ได้แล้ว

ซ่งเยี่ยนเดินลงบันไดมาสองสามก้าวพร้อมกับถามเธอ “จะรีบร้อนไปไหนกัน?”

“คำสัญญาสามวัน ยังเหลือเวลาอีกสองวัน หม่อมฉันกำลังไปตามหาตัวคนร้ายที่แท้จริง” จิ้นเย่วตอบ

แสงแดดในสวนนั้นดีมากจนตกกระทบบนตัวเธอ และแสงก็ตกกระทบเข้าตาเธอด้วย

ซ่งเยี่ยนไม่เคยรู้มาก่อนว่าดวงตาของเธอจะมีประกายที่อบอุ่นและเจิดจ้าเช่นนี้ สวยสะอาดจนทำให้รู้สึกถูกสะกดจิต และมันบริสุทธิ์มากจนไม่มีสิ่งเจือปนหรือสิ่งปลอมแปลงใดๆ

“จิ้นเย่ว!” ซ่งเยี่ยนเรียกชื่อของเธอ

จิ้นเย่วโค้งคำนับ “องค์ชายเล็กมีอะไรจะรับสั่งหรือเพคะ?”

“เจ้าคาดหวังว่าตระกูลฟู่จะไม่เป็นไรใช่ไหม?” จริง ๆ เขาอยากจะถามว่า เธอชอบฟู่จิ่วชิงจริง ๆ เหรอ? ยอมแลกชีวิตได้เพราะเขา? แล้วข้าล่ะ? ข้าจะทำยังไง?

แต่เขาเป็นถึงองค์ชายเล็กแห่งจวนเยี่ยนอ๋อง เป็นผู้มีฐานะสูงศักดิ์ บางสิ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจพูดออกมาได้ ควรจะเป็นเธอที่จะบอกกับเขา

“หม่อมฉันเป็นสะใภ้ของตระกูลฟู่ ก็ควรคาดหวังให้คนในตระกูลทุกคนพ้นภัยไม่เป็นอะไร” จิ้นเย่วเริ่มไม่เข้าใจความคิดขององค์ชายเล็กมากขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องแบบนี้ยังต้องให้เธอย้ำคำกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือ?

ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจ

โอ้ องค์ชายเล็กคงคิดว่าเธอเป็นคนๆ นั้น

“องค์ชายเล็กยังมีอะไรรับสั่งไหมเพคะ?” จิ้นเย่วถามด้วยเสียงต่ำเบา ๆ จริง ๆ แล้วถ้าเธอไม่กดเสียงให้ทุ้มต่ำ เสียงของเธอจะเบาเหมือนขนนกที่เกาหู ซึ่งทำให้คนรู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย

ซ่งเยี่ยนตกใจและอดไม่ได้ที่จะโพล่งถามออกมาว่า “เจ้าพูดกับฟู่จิ่วชิงเช่นนี้ตลอดหรือ?”

จิ้นเย่วตกตะลึงกับคำถามอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังไม่เข้าใจ อะไรคือเช่นนี้ตลอดหรือ? เธอยังไง? เธอมองไปที่ซวงจือที่อยู่ไกลออกไป เธอกระพริบตาทำสัญญาณให้ซวงจือ แต่ดูเหมือนซวงจือก็ไม่ได้เข้าใจดีไปกว่าเธอเลย

เธอกลืนน้ำลายและพูดขึ้นเบา ๆ “หม่อมฉันไม่ทราบว่าองค์ชายเล็กหมายความเช่นไร?”

ซ่งเยี่ยนที่ได้ยินเสียงเหมือนแมวข่วนเช่นนี้ รู้สึกสับสนเล็กน้อย เวลาที่เขามองไปที่เธอ เขาต้องกำหมัดแน่นกลัวว่าจะทนไม่ได้วิ่งเข้าไปโอบกอดเธอไว้เพื่อให้เธอตื่นจากความฝันในร่างคนอื่น กลัวว่าเธอจะตัวตนของเธอในอดีต

“เจ้าจะไปไหน?” ซ่งเยี่ยนถามกลับมาที่คำถามเดิม

จิ้นเย่วถอนหายใจ ดูเหมือนความทรงจำขององค์ชายเล็กจะไม่ค่อยดีนัก ก็เพิ่งถามไปเมื่อไม่นาน ยังจะถามอีกรอบที่สอง

“หม่อมฉันไปตามสืบค้นหาตัวคนร้ายตัวจริง เพื่อนำมาแสดงให้พระองค์เพคะ!” ไหล่เธอลดลงเล็กน้อยและมองด้วยท่าทางที่ทำอะไรไม่ถูก

ซ่งเยี่ยน “โอ้” พร้อมกับบอกว่า “ข้าไปกับเจ้า”

“ไม่เป็นไรเพคะ!” จิ้นเย่วรีบถอยหลังออกสองก้าว เธอจะไปดื่มน้ำชาที่หอโรงชา จะพาองค์ชายเล็กไปด้วยได้อย่างไรกัน?

ซ่งเยี่ยนขมวดคิ้วที่ดกดำของเขา “เจ้าไม่ยอมให้ข้าไปกับเจ้า?”

“ผู้ชายผู้หญิงมีความต่าง หม่อมฉันก็เป็นคนแต่งงานมีสามีแล้ว และหม่อมฉันก็ไม่กล้ายืนเคียงกับองค์ชายเล็กหรอกเพคะ” จิ้นเย่วไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียงเรียงนามอะไร แต่การเว้นระหว่างห่างแบบนี้เป็นเรื่องที่ควรทำ เพราะเขาก็มีภรรยา และเธอเองก็มีสามีแล้ว

เมื่อเห็นว่าซ่งเยี่ยนเริ่มจะโกรธ เธอจึงรีบทำความเคารพ “หม่อมฉันทูลลาเพคะ!”

ซ่างเย่

ซ่างเย่

Score 10
Status: Completed
ในใจของฟู่จิ่วชิงมีความลับใหญ่ซ่อนอยู่ เมียของตัวเอง ถูกเขาแอบขโมยมา...... ใครๆล้วนรู้ว่า ตระกูลฟู่ในเมืองเหิงโจว ร่ำรวยเท่ากับประเทศชาติเลยทีเดียว แต่เสียที่ทายาทล้วนไม่เอาไหนทั้งนั้น ลูกคนโตตายตั้งแต่ยังเด็ก ลูกคนที่สองใช้เงินทองสุรุ่ยสุร่าย ลูกคนที่สามชอบหาโสเภณี ลูกคนที่สี่เป็นคนโง่ ฟู่จิ่วชิงเป็นลูกหลงซึ่งออกโดยเมียน้อย และก็เป็นคนขี้โรคมาตั้งแต่เกิดด้วย จิ้นเยว่ไม่ยอมแต่งเข้าไปในตระกูลฟู่ แต่พ่อเข้าคุก นางในฐานะที่เป็นแค่หญิงอ่อนแอเท่านั้น จะทำอะไรได้ล่ะ? แต่ว่าหลังจากแต่งเข้าไปแล้ว คนขี้โรคที่ได้ยินมานั้น เหมือนไม่ได้ป่วยหนักขนาดนั้น โดยเฉพาะวิธีการทรมานคน ทำไมถึง......โหดร้ายขนาดนั้น? อยู่มาวันหนึ่ง จิ้นเยว่ตื่นตัวขึ้นมาทันที สามีของตัวเองเป็นหมาป่าหางโตที่ใส่หนังแกะนี่เอง! หัวใจของข้าแบ่งเป็นสามส่วน ตะวัน นิศาบดีและเจ้า ตะวันและนิศาบดีมอบให้กับเจ้า ยอมล่มสิ้นใต้หล้าเพื่อเจ้าเพียงผู้เดียว!——ฟู่จิ่วชิง

Options

not work with dark mode
Reset