เช้าวันรุ่งขึ้น ภายในจวนดูคึกคัก
ต่างกำลังจัดเตรียมงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ เพราะปีนี้มีองค์ชายเล็กร่วมงาน จึงจำเป็นต้องจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
และได้ยินมาว่าภายในงานคืนนี้จะมีแขกคนพิเศษมาด้วย
จิ้นเย่วมองตัวเองในกระจกที่หมองมัวแทบจะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ "ฉันถูกขังอยู่แบบนี้ ยังจะขัดอีกทำไม?"
ซวงจือที่กำลังขัดอย่างขะมักเขม้น เมื่อได้ยินก็เหลียวมองไปยังฟู่จิ่วชิงที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่หน้าต่าง
"ฟู่…" จิ้นเย่วหยุดชะงักด้วยความลังเลใจ
"เรียกว่าสามี!" ฟู่จิ่วชิงไอออกมาสองสามที เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เปิดเปลือกตาขึ้น แต่ทำไมเขาสามารถรับรู้ทุกสิ่งรอบตัวเขาได้
เมื่อแต่งเข้ามาอยู่ในจวนหลังนี้แล้ว จิ้นเย่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับพูดออกมาเบา ๆ "สามี?"
แสงแดดอ่อน ๆ ส่องประกายเข้ามาจากนอกหน้าต่าง และแสงนั้นตกกระทบสาดเข้าที่ใบหน้าของเขา ทำให้มองเห็นใบหน้าของเขาที่ขาวราวกับหยก นิ้วมือเรียวเล็กที่กำลังเลื่อนเปลี่ยนหน้าหนังสือ ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากถามก็รู้สึกถึงแรงสั่งสะเทือนเบา ๆ
สายลมที่พัดผ่าน เขาก็พลิกหนังสือและปกปิดอารมณ์ทั้งหมดของเขาอย่างไร้ร่องรอย
"นี่คือกฏ!" เขาพูดอย่างใจเย็น
จิ้นเย่วเย้ยเยาะ "ข้าได้เรียนรู้กฎตระกูลทั้งหมดแล้ว จะมีข้อนี้ได้อย่างไร?"
"กฎของฉัน!" เสียงของเขาเข้มขึ้น วางหนังสือลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองเธอ
จิ้นเย่วพูดไม่ออกทันที
"คุณหญิง อันที่จริงอย่างนี้ก็ดีแล้ว" ซวงจือรีบแก้ตัวให้โดยไว
"อื้ม ดีมาก ลมพัดไม่เข้า แดดก็ส่องไม่ถึง วันดีคืนดีต้องมาหลบมีดดาบปืน!" จิ้นเย่วกัดฟันกรอด "ผิวหนังหนา!"
จวินซานที่รีบร้อนกลับมาจากข้างนอก "คุณชาย นายท่านเชิญคุณชายและคุณหญิงไปที่ห้องโถงบุปผาขอรับ"
ฟู่จิ่วชิงหรี่ตาเพื่อมองจิ้นเย่วที่ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
เป็นเวลาเดียวกับที่จิ้นเย่วก็มองไปที่เขาเช่นกัน
"ไปกันเถอะ!" ฟู่จิ่วชิงลุกขึ้นและเดินออกไป
จวินซานรีบตามไปคลุมผ้าคลุมไหล่ให้อย่างรวดเร็วและตามเขาอย่างใกล้ชิด
หลังจากออกมาจากบ้าน ฟู่จิ่วชิงจับมือจิ้นเย่วและกระซิบด้วยเสียงต่ำ "เดี๋ยวไปถึงห้องโถงบุปผาแล้วห้ามมองไปรอบ ๆ ห้ามพูด ตามข้าอย่างเดียว เข้าใจไหม?"
จิ้นเย่วพยักหน้า เคร่งเครียดเหมือนกับจะไปออกรบ?!
ผู้คนมากมายในห้องโถงบุปผา
ขณะที่ฟู่จิ่วชิงเดินจับมือพาจิ้นเย่วเข้าไปในห้องโถง เป็นจังหวะเดียวกับที่หลิ่วซื่อเดินเข้ามาเห็นทั้งคู่กำลังจับมือกัน เธอทักด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ "โอ้ สามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ ๆ ช่างทำให้เป็นที่น่าอิจฉาเสียจริง!"
จิ้นเย่วนึกถึงคำที่ฟู่จิ่วชิงได้บอกได้ เธอได้แต่ฝืนเก็บอารมณ์ไว้
ใบหน้าของฟู่จิ่วชิงเยือกเย็นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ หลิ่วซื่อจึงหุบปากแล้วเดินเข้าไปยังภายในงาน
"ท่านพ่อ!"
"ท่านพ่อ!"
ฟู่จิ่วชิงและจิ้นเย่วทั้งสองแสดงความเคารพต่อฟู่เจิ้งไป่
ฟู่เจิ้งไป่มองมายังจิ้นเย่ว ใบหน้าของเธอก้มลงเล็กน้อย และเธาก็รีบหลบตาของเขา "อย่าเสียมารยาท!"
สี่คำนี้เขาตั้งใจบอกกับจิ้นเย่ว
ฟู่จิ่วชิงยืดอกไอออกมาเบา ๆ สองครั้งและลากจิ้นเย่วไปอีกด้านหนึ่ง
ฟู่เจิ้งไป่ก็ถอนหายใจ
ข้างนอกมีเสียงตะโกนว่า "เจ้าชายน้อยเสด็จแล้ว พระชายารองเสด็จแล้ว!"
พระชายารอง?
จิ้นเย่วหันไปมองฟู่จิ่วชิง ก่อนหน้านี้ไม่ใช่มีเพียงแค่องค์ชายเล็ก? พระชายารองมาจากไหน?
ฟู่จิ่วชิงบีบมือของเธอแน่น เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอว่าอย่ามองไปรอบ ๆ และจำคำของเขาไว้
ซ่งเยี่ยนก้าวข้ามประตูเข้ามา ตามด้วยรองแม่ทัพเฉิงหนานและนางกำนัลทั้งหลาย
ผิวพรรณนวลเนียนละเอียด เสมือนนางฟ้า ผมเกล้าเรียบสวยสง่า เครื่องประดับมุกที่ไหวไปมาขณะเดิน ชุดแขนกว้างสีเขียวอ่อนราวกับน้ำทะเลใส ผ้าคาดเอวแสดงให้เห็นถึงความสูงศักดิ์ เมื่อเดินผ่านก็มีกลิ่นหอมชอบยั่วยวน
เมื่อซ่งเยี่ยนนั่งลง ผู้หญิงคนนั้นก็ยืนอยู่ข้างซ่งเยี่ยน มองดูแล้วรู้สึกอ่อนโยน มุมปากที่กำลังยิ้ม ซึ่งตรงกันข้ามกับใบหน้าที่เยือกเย็นของซงเยี่ยน หากแต่ดูเพียงเรื่องรูปลักษณ์เท่านั้น ทั้งคู่ช่างเข้ากัน ช่างเหมาะจะเป็นคู่ครองเสียจริง ๆ
นี่คงเป็นพระชายารองขององค์ชายเล็ก…กู้ลั่วหลี
ได้ยินมาว่าองค์ชายเล็กฆ่าพวกโจรบนภูเขาจนสิ้นซาก หลังจากนั้นไม่รู้เป็นมาเช่นใด เธอก็ได้เป็นเพียงแค่พระชายารองไม่ได้เป็นพระชายา
"องค์ชายเล็ก!" ฟู่เจิ้งไป่ก้มคำนับ
"ข้ามาพำนักพักอาศัยที่จวนของท่าน สร้างความลำบากให้กับท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรอง เชิญตามสบาย" ซงเยี่ยนกล่าวกับฟู่เจิ้งไป่ แม้จะพูดมาอย่างนี้ แต่ท่าทางของเรายังคงเจ้ายศเจ้าอย่าง
ใครก็รู้ว่าองค์ชายเล็กเพียงพูดไปไปตามมารยาท หากปฏิบัติตนตามสบายอย่างที่พูดไว้ คงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!
คนในตระกูลฟู่ทุกคนต่างรีบก้มคำนับ พร้อมกล่าวองค์ชายเล็กจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ตระกูลฟู่มีลูกชายห้าคน คนโตสุดเป็นลูกของซุนซื่อ แต่ก็ด่วนเสียชีวิตไปด้วยเหตุผลบางอย่าง ลูกชายคนที่สองและลูกชายคนที่สามเกิดจากหลิ่วซื่อ ทั้งสองต่างก็แต่งงานแล้ว ส่วนคนที่สี่เป็นคนปัญญาอ่อน ไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ เพราะเกรงว่าหากมาร่วมงานด้วย จะเผลอมาชนเข้ากับองค์ชายเล็ก
สามคู่สามีภรรยาโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ฟู่จิ่วชิงยืนอยู่ในลำดับท้ายกับจิ้นเย่ว ด้วยเขาเป็นลูกชายคนที่ห้าและควรยืนอยู่ข้างหลังพี่น้อง
แต่แล้ว…
"พี่สาวคนนั้น…" กู้ลั่วหลี่พลันพูดขึ้นมา
ทุกคนสะดุ้งอย่างกะทันหัน และทุกคนก็ตัวแข็งทื่อในทันที รวมไปถึงซงเยี่ยนก็รู้สึกแปลกใจไปด้วย ไม่รู้ว่ากู้ลั่วหลีต้องการสิ่งใด?
ห้องโถงบุปผามีผู้หญิงมากมาย ไม่มีใครรู้ว่ากู้ลั่วหลีหมายถึงใคร?
จิ้นเย่วที่คิดว่าเธอปลอดภัยพอแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้นฟู่จิ่วชิงจับมือเธอไว้แน่น เธอจะกล้าทำผิดได้อย่างไร? ! เพราะฉะนั้นคนที่พระชายาเรียกแน่นอนว่าไม่ใช่เธอ!
"พี่สาวคนนี้?" กู้ลั่วหลีเดินตรงเข้าไป
จิ้นเย่วมองไปรอบ ๆ และมองกลับมาที่ฟู่จิ่วชิง
ฟู่จิ่วชิงยังคงทำหน้านิ่ง ไม่มีทีท่าอาการใด ๆ
"ข้ามองมาที่พี่สาวคนนี้ ข้ารู้สึกคุ้นหน้า" กู้ลั่วหลีขมวดคิ้ว "เหมือนจะเคยพบเจอ"
ฟู่จิ่วชิงโค้งคำนับเล็กน้อยและจิ้นเย่วก็รีบทำความเคารพ "พระชายารองพูดอะไรเยี่ยงนั้น ข้ามิอาจ! ท่านเป็นถึงคนสำคัญขององค์ชายเล็ก และข้าก็เป็นเพียงแค่ประชาชนคนธรรมดา ท่านอย่าพูดเยี่ยงนี้ให้ข้ารู้สึกผิดเลย!"
หลังจากพูดออกไป จิ้นเย่วเหลือบชำเลืองมองไปยังฟู่จิ่วชิง
''ข้าผิดเอง'' กู้ลั่วหลีมองมาที่เธอ แต่ดูเหมือนเธอจะผิดหวังเล็กน้อย ในที่สุดก็กลับมาที่ซงเยี่ยน "ฉันอาจจะจำผิดไป!"
จิ้นเย่วก้มทำความเคารพและถูกฟู่จิ่วชิงลากไปยืนด้านข้าง เมื่อเธอหันไปมองฟู่จิ่วชิง เธอเหลือบมองที่มุมหางตาของเธอ เป็นเวลาเดียวกับที่จะพบกับทีองค์ชายเล็กเงยหน้าขึ้นมามองเธอ เธอตกใจโดยไม่มีเหตุผล และเธอก็ลดตาลงอย่างรวดเร็วและไม่กล้าที่จะมองไปรอบ ๆ
ซงเยี่ยนมักไม่ชอบเวลากับเรื่องพวกนี้ แต่เพราะเข้ามาพำนักที่จวนฟู่ เขาเลยอนุญาติให้ทุกคนมารับเสด็จ
เมื่อพิธีเสร็จสิ้น เขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องโถงบุปผา โดยไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มแม้แต่น้อย แต่กลับกันกู้ลั่วหลีเดินมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าตามซงเยี่ยนออกมา
ขณะเขาเดินจากไปซงเยี่ยนมองย้อนกลับมาอย่างครุ่นคิดและเหลือบมองที่จิ้นเย่ว
"องค์ชายเล็ก!" กู้ลั่วหลีเดินช้า
ซงเยี่ยนตกใจเล็กน้อยและชะลอลงเล็กน้อยเพื่อที่เธอจะได้ตามทัน
"พระองค์ช้าลงหน่อย ลั่วหลีไม่สามารถตามทันได้" คิ้วของกู้ลั่วหลีลดลงครึ่งหนึ่ง
ซงเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึก ๆ จับมือเธอและเดินออกจากลานหน้าโถงบุปผาอย่างช้า ๆ และกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มเข้ม "เจ้าไม่ควรมา"
"ลั่วหลีรู้ว่าองค์ชายเล็กปฏิบัติงานราชการ จริง ๆ ก็มิควรมารบกวน แต่เสด็จพ่อและเสด็จแม่ก็คิดถึงพระองค์ กว่าจะได้พบหน้าก็ฤดูใบไม้ร่วง พระองค์ก็มิทรงเสด็จกลับ ลั่วหลีเลยมาหาพระองค์" กู้ลั่วหลีกัดปากด้วยด้วยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
คิ้วของซงเยี่ยนขมวดลงเล็กน้อย และน้ำเสียงของเขาก็เบาลง "เจ้าดูผอม อยากทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้อีก"
กู้ลั่วหลีเงยหน้าขึ้นมองเขา มุมริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย "เพคะ!"
มองดูองค์ชายเล็กและพระชายารองที่อยู่ไม่ไกล แล้วมองดูคนที่อยู่ข้างเธอ ที่จับมือเธอไว้เหมือนอย่างที่จับมือชนิดที่ห้ามหนีไปไหนได้ ฟู่จิ่วชิง ผู้ที่ไม่รู้ว่าอ่อนโยนสะกดยังไง จิ้นเย่วถอนหายใจ แท้จริงแล้วผู้ชายต่างก็ไม่เหมือนกัน!