ฮูหยินรองหลิ่วซื่อที่ยืนสังเกตการณ์อยู่หน้าประตู กระจิบปากพูดออกมา "อ้ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?"
"เจ้ามาที่นี่ทำไม?" ซุนซื่อถามด้วยน้ำเสียงกัดกรอด
เสียงดังโวยวายขนาดนี้ คิดหรือว่าไม่มีตามอง?
"พี่คะ นี่พี่กำลังทะเลาะกับสะใภ้ห้าหรือคะ?" หลิ่วซื่อทำหน้าประหลาดใจ "อยู่เรือนเดียวกัน ทำไมต้องมาทะเลาะกันถึงเพียงนี้?"
ซุนซื่อโกรธจัดพร้อมกล่าวออกมา "เจ้าอย่ามาทำหน้าซื่อใจคด อย่าคิดว่าฉันไม่รู้…"
"หุบปากให้หมดทุกคน!" ฟู่เจิ้งไป่เดินทำหน้าหน้าเคร่งเครียดเข้ามา
ใบหน้าที่เข้มขึมดุดัน ทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจกลัว
"ท่านพี่!" ซุนซื่อตื่นตระหนก "ข้ากำลังสั่งสอนนังเด็กนั่นให้รู้จักกฏระเบียบ!"
"สอนกฏระเบียบยังไงถึงเป็นเช่นนี้ ข้าวของล้มคว่ำกระจัดกระจายไปทั่ว ถ้ายังจะสอนต่อไปอีกคงจะไม่เหลือ" หลิ่วซื่อถอนถอนใจเบา ๆ
ปราดสายตามาดูแต่ละคน ถือดาบราวกับจะออกรบ นี่มันคือการสอนกฏระเบียบที่ไหน ดูออกว่ากำลังทะเลาะวิวาทกัน
ซุนซื่อเร่งรีบแก้ตัวในทันใด "ท่านพี่ เรื่องราวมันเป็นเช่นนี้ต่างหาก จิ้นเย่วสะดุดล้ม บังเอิญพวกคนใช้เห็นเข้าจึงเขาไปช่วย แต่ไม่ทันระวังเลยเลยพากันล้มไม่เป็นท่าเช่นนี้"
ขณะพูดแก้ตัวอยู่นั้น ซุนซื่อแอบขยิบตามองมายังจิ้นเย่ว
จิ้นเย่วทำเป็นมองไม่เห็น ยืนอยู่กับที่ไม่สนใจใด ๆ
"คุณหญิงห้า เรื่องมันเป็นเช่นนี้หรือ?" หลิ่วซื่อหัวเราะถาม
จิ้นเย่วไม่ใช่คนโง่อะไร ที่จะทายไม่ออกว่าผู้หญิงพวกนี้กำลังคิดอะไร หากเธอตอบว่าใช่ก็จะเป็นการช่วยให้ซุนซื่อโกหกทุกคน แต่หากตอบว่าไม่ เธอจะยังมีชีวิตที่สบายในจวนหลังนี้อีกไหม
อ่า…
จิ้นเย่วคิดไม่ตก พลันหันหน้าไปทำความเคารพฟู่เจิ้งไป่ "ท่านพ่อ ข้าขอพูดความจริงได้ไหม"
"เรื่องมันเกิดแล้ว ยังจะกลัวพูดความจริงอีกหรือ?" ฟู่เจิ้งไป่นั่งลง พูดด้วยเสียงที่เยือกเย็น
จิ้นเย่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หันไปมองยันซุนซื่อที่ขณะนี้ใบหน้าเหมือนเป็นสีขาวซีด "เรื่องมันเป็นเช่นนี้ ฮูหยินใหญ่บอกว่าก่อนพระอาทิตย์ตกดิน หากข้าท่องกฏระเบียบภายในบ้านไม่ได้ ข้าจะต้องถูกทำโทษ!"
หลิ่วซื่อแสร้งถามด้วยความประหลาดใจ "อะไรนะ เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน? คนปกติยังต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มในการอ่านกฏระเบียบ นับประสาอะไรกับท่องจำ ฮูหยินใหญ่นี่ไม่เป็นการทรมานคนอื่นเกินไปหรือ? ท่านพี่ ท่านว่าอย่างไร?"
ฟู่เจิ้งไป่หันไปมองซุนซื่ออย่างดุดัน
ซุนซื่อที่ก่อนหน้านี้ดูก้าวร้าวไม่ยอมคน บัดนี้กลับนั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ใด
''แต่ข้าท่องได้แล้ว!" จิ้นเย่วพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
หลิ่วซื่อตื่นตะลึงอยู่กับที่ "ท่องได้แล้ว?"
ฟู่เจิ้งไป่ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย "เจ้าว่าไงนะ?"
"ข้าท่องได้แล้ว สักคำก็ไม่ขาด!" จิ้นเย่วหันหลังให้ซุนซื่อด้วยความเย็นชา "แต่ฮูหยินใหญ่ไม่เชื่อ กลับกล่าวหาว่าข้าทุจริต บนตัวข้าไม่มีแม้แต่หนังสือกฏระเบียบ แล้วข้าจะไปทุรจิตได้เยี่ยงไรกัน? หลสงลวงกันเห็น ๆ"
ฟู่เจิ้งไป่ผู้เป็นหัวหน้าของเรือนหลังนี้ ประหลาดใจไม่น้อย ทำน้ำเสียงเย็นชา "เจ้าท่องได้ไม่พลาดสักคำจริง ๆ เหรอ?"
"เจ้าค่ะ!" จิ้นเย่วกล่าวต่อ "ท่านพ่อ หากท่านไม่เชื่อ ข้าจะท่องให้ท่านฟังตอนนี้เลย"
ตระกูลฟู่มีกฏระเบียบทั้งหมดสามร้อยกว่ากฏระเบียบ เมื่อจิ้นเย่วท่องไปถึงข้อที่ห้าสิบกว่า ฟู่เจิ้งไป่ทำมือ แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องท่องต่อไปแล้ว
"ข้าเชื่อเจ้า!" ฟู่เจิ้งไป่กล่าว
หลิ่วซื่อมองไปที่จิ้นเย่วอย่างเหลือเชื่อ ใครจะไปคิดว่าลูกสาวหมอจะมีความสามารถที่ยากจะลืมเลือนเช่นนี้? หลิ่วซื่อรู้สึกกังวลเล็กน้อย เกรงว่าเด็กคนนี้จะนำพาความยุ่งยากมาให้ในอนาคต
ซุนซื่อตีหน้าเศร้า "ท่านพี่?"
"เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก?" ฟู่เจิ้งไป่ทำน้ำเสียงดุดัน "เป็นถึงฮูหยิน เพียงแค่ให้ความยุติธรรมก็ทำให้ไม่ได้ ยังจะสร้างปัญหาให้ผู้น้อย ข้าว่าคนที่ควรท่องกฏระเบียบควรเป็นเจ้ามากกว่า!"
ซุนซื่อก้มศีรษะสูดหายใจเล็กน้อย "ท่านพี่ ข้า ข้าสำนึกผิดแล้ว!"
ฟู่เจิ้งไป่ลุกขึ้นยืนอย่างเย็นชา "องค์ชายเล็กยังประทับอยู่ในจวน พวกเจ้าไม่อยากมีชีวิตต่อไปหรืออย่างไร?"
ทุกคนพากันก้มลงคุกเข่า ไม่มีใครกล้าจะเอ่ยคำใด ๆ
"ท่านพ่อ?" จิ้นเย่วเพียงจะอ้าปาก
กลับมองเห็นใบหน้าของฟู่เจิ้งไป่ที่กวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความสะเทือนใจ "ยังไงเจ้าก็เป็นผู้น้อย เข้าไปอยู่ในเรือนศาลาหมิงฮุยกักบริเวณ ช่วงนี้ไม่ต้องออกมาก่อน งานเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว!"
จิ้นเย่วไม่ได้สนใจงานเทศกาลไหว้พระจันทร์นั่น เพียงแต่เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มของหลิ่วซื่อ ดูยังไมก็ชอบกล ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นสุข
"คุณหญิงห้า ข้าไปส่งเจ้า!" หลิ่วซื่อแอบยิ้มอย่างมีนัยย์
จิ้นเย่วเหลือบไปเห็นใบหน้าซีดขาวของซุนซื่อ แล้วมองกลับมายังหลิ่วซื่อ "ฮูหยินรองไม่ต้องลำบากกระมัง หรือนี่คงเป็นเรือนศาลาหมิงฮุย กฏระเบียบข้อที่ยี่สิบห้า มีกฏระเบียบของตัวเองและไม่ล่วงเกินอำนาจกัน"
รอยยิ้มของหลิ่วซื่อหุบลงทันที โกรธจนแทบจะกัดฟันกรอด
จิ้นเย่ว!