เมื่อมีพระราชโองการแต่งตั้งไท่จื่อ แน่นอนว่าต้องมีข้าหลวงมารายงานที่ตำหนักคุนหนิงกับตำหนัก
ฉือหนิงแล้ว
เรื่องที่อวี้จิ่นได้เป็นไท่จื่อ ไทเฮาทราบก่อนที่จิ่งหมิงฮ่องเต้จะมาเสียอีก
“ฝ่าบาททรงเสด็จเพคะไทเฮา”
หลังจากทราบข่าวไทเฮาก็นิ่งราวกับกลายเป็นดินปั้น เมื่อได้ยินนางในเอ่ยเตือนก็รู้สึกตัวขึ้น ออกแรงคลึงลูกประคำในมือเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า
ตามที่ข้าหลวงรายงาน จิ่งหมิงฮ่องเต้สาวเท้าก้าวเข้ามา
“วันนี้พระกระยาหารเช้าอร่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาขยับริมฝีปากเล็กน้อย “อายุมากแล้ว กินอะไรก็เหมือนเดิม”
จิ่งหมิงฮ่องเต้นั่งลงข้างๆ ไทเฮาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ที่ลูกมาวันนี้มีเรื่องน่ายินดีมาบอกเสด็จแม่”
ไทเฮามองจิ่งหมิงฮ่องเต้โดยไม่พูดอะไรออกมา
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทรงพระสรวลเล็กน้อย “ลูกแต่งตั้งองค์ชายเจ็ดเป็นไท่จื่อแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาเลิกคิ้วขึ้น
พออายุถึงปานนี้ขนคิ้วก็ขาวโพลนราวกับหิมะ ท่าทางดูเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด “ยินดีกับฮ่องเต้ด้วย”
“ยินดีกับท่านด้วยเช่นกัน” จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
เขานึกว่าตอนว่าราชการจะมีขุนนางบางท่านที่ไม่รู้จักวางตัวโพล่งออกมาคุกคามเขาซะอีก แต่ไม่คิดเลยว่าจะไม่มีคลื่นลูกไหนซัดเข้ามาเลย แถมยังจบการว่าราชการได้อย่างราบรื่น
ถึงอย่างไรก็ตามเขาเตรียมคำพูดมาแล้ว หากผู้ใดกล้าเอ่ยปากออกมาก็จะสวนกลับทันที
ทว่าไม่มีผู้ใดสร้างปัญหาก็ดีแล้ว
เขาก็ไม่ใช่คนที่จะสู้รบปรบมือได้ดี
ไทเฮารับถ้วยน้ำชาจากนางในมาแล้วส่งให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ แสดงท่าทีบอกใบ้ให้นางในออกไป
จิ่งหมิงฮ่องเต้รับถ้วยชามาจิบเล็กน้อย ยิ้มตรัสขึ้น “ชาของเสด็จแม่อร่อยที่สุด”
ไทเฮาเอ่ยเสียงเรียบ “นั่นเป็นเพราะฮ่องเต้มีความกตัญญู”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสพูดด้วยความถ่อมตน “ลูกยังทำได้ไม่มากพอ”
ไทเฮาพยายามข่มอารมณ์ไม่กัดฟันกรอด เอ่ยถามอย่างไร้ความรู้สึก “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงได้กำหนดออกมาแล้วล่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยิ้มตรัสออกไป “ลูกไม่ได้ตัดสินใจอย่างกะทันหัน องค์รัชทายาทเกี่ยวข้องกับอนาคตของต้าโจว นี่เป็นเรื่องใหญ่อันดับหนึ่งในใจของลูกมาโดยตลอด อันที่จริงลูกคิดไว้นานแล้ว”
“ที่จริงแม่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นองค์ชายเจ็ด…ก่อนหน้านี้ไม่เห็นฮ่องเต้พูดถึง…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองไทเฮา ตรัสจากใจจริง “วังหลังไม่อาจแทรกแซงงานแผ่นดินได้ ลูกคิดว่าหากปรึกษากับเสด็จแม่จะเป็นการทำให้เสด็จแม่ลำบากใจเปล่าๆ จึงไม่ได้มากวนใจท่าน”
ไทเฮากัดฟันกรอดอย่างอดไม่ได้
ใจไม่แข็งพอที่จะทำให้นางลำบากใจงั้นรึ!
พอมองไปยังใบหน้าอันจริงใจของจิ่งหมิงฮ่องเต้ ไทเฮารู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย
บางครั้งนางก็สงสัยว่าฮ่องเต้แสร้งทำเป็นกตัญญูต่อนางรึเปล่า!
ครั้งก่อนที่ให้เยี่ยนอ๋องเป็นบุตรในนามของฮองเฮาก็ทำเช่นนี้ ครั้งนี้แต่งตั้งเยี่ยนอ๋องเป็นไท่จื่อก็ทำเช่นเดิมอีก ทุกครั้งล้วนตัดสินใจเฉกเช่นสายฟ้าแลบ ไม่เหลือเวลาให้ลงมือทำอะไรเลย
“เสด็จแม่ ท่านเป็นอะไรหรือ” จิ่งหมิงฮ่องเต้เห็นไทเฮานิ่งไป จึงตรัสถามด้วยความเป็นห่วง
ไทเฮาได้สติกลับมา เอ่ยขึ้นท่าทางเรียบเฉย “อายุมากแล้ว จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แค่เหม่อแวบเดียวก็ใจลอยออกไปแล้ว ไม่แน่สักวันอาจ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบตรัสปลอบใจออกไป “เสด็จแม่ยังคงมีพระวรกายที่ดี อายุยืนถึงร้อยปีแน่”
ไทเฮาหัวเราะ เอ่ยถามออกมา “กำหนดฤกษ์มงคลเพื่อแต่งตั้งไท่จื่อแล้วหรือ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลูบจมูกพลางส่ายหน้า “ยังเลย ประเดี๋ยวกลับไปจะให้สำนักหอดูดาวหลวงมาแจ้งฤกษ์มงคลพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม ฮ่องเต้เพิ่งจะสถาปนาไท่จื่อ คงจะมีเรื่องอีกมากมายต้องทำ อย่าได้เสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลุกขึ้น “เช่นนั้นลูกขอตัวกลับก่อน ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมเสด็จแม่ใหม่”
รอจนจิ่งหมิงฮ่องเต้เดินออกไป สีหน้าของไทเฮาก็เคร่งขรึมลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างแรง เสียงดังลั่น
เยี่ยนอ๋อง คาดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายที่เป็นบุตรในนามของฮองเฮาจะได้เป็นไท่จื่อ ทำเอานางไม่ทันได้ตั้งตัวเลยทีเดียว
ฝูชิงฟาดเคราะห์ทุกครั้ง เยี่ยนอ๋องก็ได้กลายเป็นไท่จื่อ…
สายตาของไทเฮาเย็นยะเยือก
คิดว่าจะมอบตำแหน่งไท่จื่อได้อย่างราบรื่นงั้นรึ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ไม่นานจิ่งหมิงฮ่องเต้ก็เชิญเจียนเจิ้งจากสำนักหอดูดาวหลวงมา สั่งให้เขาเลือกฤกษ์มงคลเพื่อจัดพิธีสถาปนาไทจื่อโดยเร็วที่สุด
เมื่อไท่จื่อผ่านพิธีสถาปนาแล้วก็จะกลายเป็นนายที่ตงกง จานั้นชื่อเสียงเรียงนามถึงจะนับว่าชัดเจนแล้ว
พอเจียนเจิ้งแห่งสำนักหอดูดาวหลวงกลับไปถึงศาลาว่าการ ก็แจกแจงภารกิจสำคัญออกไป
ห้ามประมาทในการเลือกวันสถาปนาไท่จื่อ ต้องเลือกดีๆ
สำนักหอดูดาวหลวงมีตำแหน่งหลิงไถหลางชื่อจูตัวฮวน มีหน้าที่รับผิดชอบการสำรวจดวงดาว วันเวลาและฤดูกาลโดยเฉพาะ วันนี้เขาปีนขึ้นไปบนหอดูดาวเพื่อดูดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน จากนั้นไม่หลับไม่นอนเอาแต่คิดคำนวณอยู่ทั้งคืน แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สุริยคราส สุริยคราส…
สงบสติอารมณ์ไว้ บางทีเขาอาจจะคำนวณผิด
พอจูตัวฮวนกลับมาถึงเรือนก็เข้านอนทันที หลังจากตื่นสิ่งที่ต้อนรับเขาไม่ใช่ชาร้อนๆ หรือกับข้าวอุ่นๆ แต่เป็นใบหน้าที่สงบเสงี่ยมของภรรยา
“ตื่นแล้วหรือ” ภรรยาจูยื่นผ้าเช็ดหน้าหมาดๆ ให้
หลิงไถหลางเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยขั้นเจ็ด ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงด้วยความยากลำบาก เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้แน่นอนว่าจึงไม่จำเป็นต้องเลี้ยงบ่าวรับใช้เพิ่ม เพราะมีภรรยาจูคอยดูแลอยู่แล้ว
จูตัวฮวนรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้า แล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอก
“เจ้าจะไปไหน”
“ไปศาลาว่าการ มีเรื่องสำคัญ”
ภรรยาจูเรียกเขาไว้ “ข้าก็มีเรื่องสำคัญ”
จูตัวฮวนหันกลับมา เอ่ยถามภรรยาด้วยความประหลาดใจ “เรื่องอะไร”
“เบื้องบนติดต่อข้ามา”
แค่ภรรยาจูพูดออกมาประโยคเดียว จูตัวฮวนสะดุ้งโหยงไปทั้งตัว ความง่วงหายวับไปทันที
“ว่าอะไรนะ”
“เบื้องบนฝากถามเจ้าว่าช่วงนี้มีวันที่ฤกษ์ไม่ดีหรือไม่”
จูตัวฮวนนิ่งไป เป็นเวลานานกว่าจะเปล่งเสียงออกมา “มี”
สุริยคราสเป็นลางบอกเหตุว่ากษัตริย์อันมีศีลธรรมตัดสินใจผิดพลาด อาจนำหายนะมาสู่เหล่าพสกนิกรได้ ยังมีวันไหนที่ไม่เป็นมงคลมากกว่านี้อีก
หลังจากภรรยาจูได้ยิน จึงเม้มปากพูดขึ้น””เบื้องบนสั่งให้เจ้าเลือกวันไม่ดีมาเป็นฤกษ์มงคลในการสถาปนาไท่จื่อ”
จูตัวฮวนเงียบไปพักหนึ่ง พูดเสียงอู้อี้ “เข้าใจแล้ว”
จากนั้นเงียบไปนานกว่าเดิมอีก
สองสามีภรรยาสบตากันโดยไม่พูดไม่จา ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรจู่ๆ ก็กุมหัวร้องไห้ออกมา
พวกเขาเป็นหมาก เป็นตัวตาย เป็นบุคคลที่ไม่อาจกุมชะตาชีวิตไว้ในมือของตนเองได้ แม้แต่การอยู่ด้วยกันฉันท์สามีภรรยาของพวกเขาเบื้องบนล้วนเป็นคนจัดการให้หมด เมื่อเบื้องบนประกาศคำสั่งลงมาก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามโดยห้ามบ่น
แต่ว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างราบเรียบมานานมาก แต่งงานมาสองปีไร้ซึ่งวี่แววคนติดต่อมา มันเงียบสงบจนทำให้พวกเขาเข้าใจผิด คิดว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบเรียบไปจนแก่เฒ่าได้
พวกเขาก็เป็นคน ต่อให้ตอนแรกทั้งคู่จะไม่มีความรู้สึกอะไรต่อกัน แต่เก็บความลับในชีวิตเรื่องเดียวกันไว้ตั้งนาน คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่ให้เกิดความเพ้อฝันในใจ
แต่ว่าความฝันก็คือความฝัน สักวันก็ต้องตื่นขึ้นมา
ไม่นานเจียนเจิ้งแห่งสำนักหอดูดาวหลวงก็แจ้งฤกษ์งามยามดีเป็นวันที่ยี่สิบหกเดือนหก
แน่นอนว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ กำชับพานไห่ออกไป “ส่งคนไปแจ้งที่จวนเยี่ยนอ๋อง ให้เยี่ยน…ไท่จื่อเตรียมตัว”
พานไห่ขานรับ ให้เสี่ยวเล่อจื่อไปส่งสารที่จวนเยี่ยนอ๋อง
เสี่ยวเล่อจื่อเป็นลูกศิษย์ที่เขาชอบมากที่สุด วันนี้เยี่ยนอ๋องได้เป็นไท่จื่อแล้ว ให้เสี่ยวเล่อจื่อเสนอหน้าไปให้เห็นบ่อยๆ น่าจะมีประโยชน์มากเลยทีเดียว
เสี่ยวเล่อจื่อไม่กล้าเสียเวลา ไปที่จวนเยี่ยนอ๋องอย่างรวดเร็ว พอเห็นป้ายเกียรติคุณหน้าจวนอ๋องก็รู้สึกปลงอนิจจัง เขารู้อยู่แล้วว่าการตัดสินใจลงเรือของเยี่ยนอ๋องนั้นไม่เลวเลย จากความเร็วของเยี่ยนอ๋องที่ได้เป็นไท่จื่อ ไม่แน่ไม่นานอาจจะ…
อะแฮ่มอะแฮ่ม ถึงตอนนั้นท่านอาจารย์ก็จะเกษียณได้แล้ว เขาจะรับตำแหน่งหน้าที่ต่อจากอาจารย์และแบ่งเบาความทุกข์แทนอาจารย์เอง
เสี่ยวเล่อจื่อถูกเชิญเข้าไปด้วยความสำราญใจ จากนั้นก็แจ้งเหตุผลที่มาหาอวี้จิ่น
ได้ยินมาว่าฤกษ์มงคลถูกกำหนดไว้วันที่ยี่สิบหกเดือนหก อวี้จิ่นคิดในใจว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงเวลาแล้ว หากย้ายเข้าไปในตงกงแล้วอยากจะออกไปข้างนอกก็คงไม่สะดวกเช่นนี้ สู้ไปถามอาซื่อว่าช่วงนี้อยากไปเที่ยวดูทะเลสาบหรือไม่ดีกว่า