อวี้จิ่นไล่เหล่าขุนนางทั้งหลายที่กรูกันมาแสดงความยินดีออกไปด้วยท่าทางสุขุม จากนั้นถึงได้รับพระราชโองการจากข้าหลวงที่เบียดเสียดอยู่กลางฝูงชน นับว่ายืนยันแล้วว่าจั่งสื่อไม่ได้ฝันไปเอง
เมื่อประตูจวนอ๋องปิดลง จั่งสื่อดึงแขนเสื้ออวี้จิ่นไว้ น้ำตาไหลนองหน้า “เหล่าขุนนางมาแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง เอ๊ะ ไม่สิ ไท่จื่อ…”
อวี้จิ่นรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย เอ่ยพูดอย่างหมดปัญญา “จั่งสื่อกลับไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องก่อนไหม”
ล้างหน้าล้างตาให้สงบลงหน่อย เพื่อที่ชายชราจะได้ไม่ต้องมาร้องห่มร้องไห้กับเขา
จั่งสื่อดึงแขนเสื้ออวี้จิ่นแรงขึ้นอีก
เขาไม่อยากกลับไปล้างหน้าที่ห้อง เขายังตื่นเต้นไม่หายเลย
ท่านอ๋องกลายเป็นไท่จื่อแล้ว จากนี้ไปคนแซ่โต้วไหนเลยจะกล้าทำลอยหน้าลอยตากับเขา
นี่มันได้ลืมตาอ้าปากชัดๆ เลยนี่นา!
จั่งสื่อรู้สึกพึงพอใจในชีวิตแล้ว จะกลับห้องไปล้างหน้าทำไม
อวี้จิ่นออกแรงชักแขนเสื้อกลับ เอ่ยเสียงเรียบ “เช่นนั้นข้าจะกลับแล้ว จะไปบอกข่าวให้พระชายาฟัง”
“สมควร สมควรพ่ะย่ะค่ะ” จั่งสื่อพูดออกมาซ้ำๆ
จั่งสื่อมองจ้องแผ่นหลังอวี้จิ่นตาไม่กะพริบ
จี้หมัวมัวโบกมือไปมา “ท่านอ๋องเดินไปตั้งไกลแล้ว มองอะไรกัน”
จั่งสื่อได้สติ น้ำเสียงเหนื่อยหอบ “จี้หมัวมัว เจ้าว่าพระชายาของพวกเรามีดวงอุปถัมภ์สามีหรือไม่”
ไม่เช่นนั้นจะอธิบายเรื่องที่จู่ๆ ท่านอ๋องกลายเป็นไท่จื่อได้อย่างไร อาศัยแค่ท่านอ๋องชกต่อยได้งั้นหรือ
จี้หมัวมัวบีบผ้าเช็ดหน้าพลางพยักหน้าลง “ต้องมีแน่นอนสิ”
พระชายาที่คิดเพียงแต่จะอยู่ติดกับท่านอ๋องจนไม่สนใจงานราชการเช่นนั้น นอกจากจะโชคดีมาแต่กำเนิดแล้วจะเป็นอะไรได้อีก!
จั่งสื่อกับจี้หมัวหมัวสบตากัน พร้อมกับถอนหายใจ
เกิดเป็นคน ไม่ยอมรับโชคชะตาไม่ได้
หลังจากเหล่าขุนนางต่างทยอยกลับ ข่าวคราวก็กระจายไปแต่ละจวน
ตอนนั้นฉีอ๋องกำลังคัดลอกพุทธคัมภีร์
ความอดทนเป็นดั่งมีดวางอยู่บนหัว ความเหนื่อยในใจที่สั่งสมมาหลายปีไม่ใช่เรื่องที่รับมือได้ง่ายๆ หลายวันมานี้ฉีอ๋องฆ่าเวลาโดยการคัดพุทธคัมภีร์ เพื่อให้จิตใจสงบเยือกเย็น
เมื่อทราบข่าว น้ำหมึกหยดลงบนกระดาษเซวียนจื่อ ทำให้ตัวอักษรที่กำลังคัดเสียไปเลย
“ท่านอ๋อง…”
“ไสหัวออกไป!”
ประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ฉีอ๋องจับด้ามพู่กันไว้แน่น ด้ามพู่กันหักครึ่ง แทงเข้ากลางฝ่ามือของเขาเลือดสาดกระเซ็น
ทว่าฉีอ๋องกลับไม่รู้สึกเจ็บ เขาทุบโต๊ะไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เจ้าเจ็ดถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่องั้นรึ
เป็นไปได้ยังไง เสด็จพ่อบ้าไปแล้ว!
แล้วไทเฮาล่ะ ไทเฮาไม่ลงรอยกับฮองเฮาไม่ใช่รึ ไม่ได้ห้ามเสด็จพ่อหรือ
จดหมายฉบับนั้นบอกว่าไทเฮาจะช่วยเขา แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปเท่าไรเองเจ้าเจ็ดก็ได้ขึ้นเป็นไท่จื่อ ใครบอกได้บ้างว่าไทเฮาจะช่วยอะไรกันแน่
ใครบอกเขาได้บ้าง
ฉีอ๋องกวาดมือปัดออกไปอย่างแรง ทำเอาตำรา สิ่งของทั้งหมดตกลงบนพื้น เขาทรุดตัวนั่งลงบนกองของที่เรี่ยราดอยู่บนพื้นพร้อมกับเหม่อลอยออกมา
“ทำไมนะ ทำไม…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้…”
บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกประตูไม่กล้าเข้ามา เมื่อได้ยินฉีอ๋องพูดเองเออเองก็รู้สึกขนหัวลุก
พระชายาเป็นบ้าไปแล้ว ท่านอ๋องคงไม่บ้าไปด้วยหรอกใช่หรือไม่
…..
ภายในจวนหลู่อ๋อง
หลู่อ๋องมือหนึ่งจับไว้ที่คาง อีกมือหนึ่งคลึงที่ก้น กัดฟันเบ้ปาก ทำหน้าเหยเกเอ่ยขึ้น “บ้าเอ้ย ลื่นล้มจนได้”
พระชายาหลู่อ๋องก็รู้สึกตกใจไม่น้อยกว่าหลู่อ๋อง ทว่ายังคงสีน้าเคร่งขึมไว้อยู่ ใช้พัดทรงกลมพัดไปมาอย่างไม่มีท่าทีร้อนใจ “ทำไมท่านอ๋องต้องตื่นตกใจขนาดนี้ ท่านไม่ได้ถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อสักหน่อย”
หลู่อ๋องคว้าหมับเข้าที่มือของพระชายาหลู่อ๋อง จับอย่างแรง “เจ้าเจ็ดนะเจ้าเจ็ด!”
พระชายาหลู่อ๋องขมวดคิ้ว เดาออกมา “ท่านรู้สึกใกล้ชิดสนิทสนมกับเยี่ยนอ๋อง จึงดีใจแทนเขาหรือ”
หลู่อ๋องเบ้ปาก “จะบ้ารึ ใครดีใจ เจ้าไม่รู้สึกตกใจหรือ เจ้าเจ็ดได้เป็นไท่จื่อแล้ว ส่วนข้าล่ะ”
เขาแก่กว่าเจ้าเจ็ดนะ!
พระชายาหลู่อ๋องกลัวว่าหลู่อ๋องที่ตื่นตระหนกจะไม่ทันระวังทำร้ายเด็กในท้องเข้า จึงปกป้องหน้าท้องไว้แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านเป็นจวิ้นอ๋องก็ไม่เลวแล้ว พวกเราพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีดีกว่า“
หลู่อ๋องรูดแขนเสื้อ ปล่อยวงความโกรธลง
ช่างเถอะ ถ้าหากภรรยาคนนี้ไม่ได้ท้อง เขาคงจัดการนางไปแล้ว
สามีคือสวรรค์ พูดกับสวรรค์เช่นนี้ได้หรือ
สู่อ๋องกอดโถจิ้งหรีดไว้เตรียมไปหาคังจวิ้นอ๋องเพื่อดวลรอบตัดสิน
สู่อ๋องมือไม้อ่อน โถที่อยู่ในอ้อมอกล่วงลงมา เพียงพริบตาเดียวจิ้งหรีดข้างในหายวับเข้าไปในพงหญ้า
เด็กรับใช้ที่ติดตามสู่อ๋องรีบไล่จับ วิ่งไล่ไปด้วยตะโกนไปด้วย “จิ้งหรีดหลุดไปแล้ว…”
สู่อ๋องเอนตัวพิงต้นไม้เพราะไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เอ่ยพูดพึมพำพร้อมกับสีหน้าซีดเผือด “จิ้งหรีดหลุดไปอะไรกัน ตำแหน่งองค์รัชทายาทต่างหากที่หลุดไป…”
เมื่อสู่อ๋องได้สติก็แหงนมองฟ้า มองผ่านใบไม้หนาทึบ แสงที่สาดเข้ามาจ้าจนลืมตาไม่ได้ รู้สึกน้ำตาจะไหลออกมา
เขาก็แค่พักผ่อนโง่ๆ เอง ทำไมตำแหน่งไท่จื่อถึงได้หลุดลอยออกไปแล้วล่ะ
เกินไปแล้วนะเสด็จพ่อ ก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณอะไรเลยสักนิดเดียว
จากนี้ไปเขาควรทำอย่างไร
บ่าวรับใช้ที่ไล่ตามจับจิ้งหรีดกอดโถวิ่งเข้ามา ตะโกนเรียกอย่างระมัดระวัง “ท่านอ๋อง…”
สู่อ๋องกลอกตาไปมา เอ่ยถามสีหน้าแข็งทื่อ “จิ้งหรีดล่ะ”
“จับมาได้แล้วขอรับ!”
สู่อ๋องเงียบอยู่นาน ถอนหายใจออกมา “ไปที่จวนคังจวิ้นอ๋อง”
ไปหาเสด็จอาแล้วดวลจิ้งหรีดดีกว่า เงินที่หามาได้นั้นมั่งคงที่สุด
ส่วนตำแหน่งนั้นเขาไม่ได้ยอมแพ้ ไม่เห็นหรือว่าขนาดอวี้หลังได้เป็นไท่จื่อตั้งหลายปีสุดท้ายก็โดนกำจัดอยู่ดี ปล่อยให้เจ้าเจ็ดได้ใจไปก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสใหม่ก็ย่อมได้
ใช่ ต้องอดทนอีกหน่อย
สู่อ๋องพยายามปลอบใจตัวเอง พอนึกถึงวันเวลาที่ดวลจิ้งหรีดแล้วได้เงินทองมามากมายก่ายกอง จึงไม่ทุกข์ใจไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่อเดินออกไปจากจวน สู่อ๋องหยุดกึกลงที่ด้านหน้ารูปปั้นสิงโตหิน รู้สึกตื่นตัวขึ้นมากะทันหัน ไม่ใช่สิ เขายอมรับที่เจ้าเจ็ดได้เป็นไท่จื่อเร็วขนาดนี้ จะใจดีไปหน่อยไหมนะ
พวกขุนนางที่ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมว่าราชการได้ทราบข่าวเยี่ยนอ๋องได้เป็นไท่จื่อช้าไปเล็กน้อย
“นายท่านเจียง แสดงความยินดีด้วยขอรับ”
ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานอีกจำนวนหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาแสดงความยินดีกับนายท่านเจียงเอ้อร์
นายท่านเจียงเอ้อร์รู้สึกงงงวยเล็กน้อย “ทุกท่าน…”
“เยี่ยนอ๋องถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อแล้ว!”
ถ้วยชาในมือนายท่านเจียงเอ้อร์ล่วงลงไปกระทบกับเท้า
ทว่าเขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย เมื่อสงบอารมณ์ลงได้ก็คารวะผู้บังคับบัญชา “ข้าขอตัวลาก่อนขอรับ”
พูดจบก็ไม่รอให้ผู้บังคับบัญชาอนุญาต ชักเท้าวิ่งหนีไป
นายท่านเจียงเอ้อร์วิ่งตรงเข้าไปในเรือนฉือซิน
เฝิงเหล่าฮูหยินตกใจเล็กน้อย “รีบร้อนขนาดนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ”
“เรื่อง เรื่องใหญ่!”
“แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่” เฝิงเหล่าฮูหยินหัวใจกระตุกวาบ ลุกขึ้นอย่างอดไม่ได้
นายท่านเจียงเอ้อร์ผ่อนลมหายใจเอ่ยขึ้น “เยี่ยนอ๋องได้เป็นไท่จื่อแล้ว!”
เฝิงเหล่าฮูหยินล้มลงกะทันหัน ดึงคอเสื้อไว้เพื่อไม่ให้ตื่นเต้นจนหมดสติไป พูดซ้ำๆ ออกมา “เร็วเข้า รีบพานายท่านปั๋วมา!”
ไม่นานสาวรับใช้ก็กลับมารายงาน “นายท่านปั๋วออกไปดวลจิ้งหรีดแต่เช้า ยังไม่กลับจวนเจ้าค่ะ”
เฝิงเหล่าฮูหยินเหม่อลอย
ช่วงนี้ในเมืองหลวงไม่รู้ว่าทำไมถึงมีความนิยมนี้ขึ้นมา การดวลจิ้งหรีดได้โดดดังขึ้น ไม่รู้ว่านางดุด่าลูกคนโตไปเท่าไรเรื่องเอาแต่เพลิดเพลินอยู่กับของพวกนี้จนไม่มีอะไรก้าวหน้า
ตอนนี้นางไม่อาจดุด่าการคลั่งไคล้สิ่งเหล่านี้ได้อีก ลูกชายคนโตกลายเป็นพ่อตาไท่จื่อแล้ว!
“จะมัวยืนบื้อกันอยู่ทำไม ออกไปเชิญนายท่านปั๋วกลับมาสิ”
เมื่อไล่บ่าวรับใช้ออกไปหมดแล้ว ก็เหลือแต่สองแม่ลูกมองหน้ากัน
“เจียงซื่อกลายเป็นชายาไท่จื่อจรึงรึ”
“มีพระราชโองการออกมาแล้ว…” นายท่านเจียงเอ้อร์จ้องมองนิ้วมืออย่างเหม่อลอย
มือเส็งเคร็งเอ้ย!