จิ่งหมิงฮ่องเต้แสดงความน่าเกรงขาม กวาดสายตามองเหล่าขุนนาง
แต่ละคนต่างงงเป็นไก่ตาแตก นี่ไม่พอใจที่เขาเลือกเจ้าเจ็ดงั้นรึ
แค่กแค่ก จิ่งหมิงฮ่องเต้กระแอมเสียงออกมาเพื่อเตือนเหล่าขุนนางที่ลืมตัว
เหล่าขุนนางราวกับตื่นจากฝัน เสียง ตุ้บตุ้บ ดังต่อกัน ผู้คนทยอยคุกเข่าลง
องค์รัชทายาทของบ้านเมือง รากฐานของบ้านเมือง ฝ่าบาทกลับไปนอนเพียงคืนเดียวพอตื่นขึ้นมาก็เลือกได้เลยงั้นหรือ
นี่ นี่มันเอาแต่ใจ สะเพร่า ไม่มีความรับผิดชอบเกินไปรึเปล่านะ
ขุนนางที่คุกเข่าลงกับพื้นจ้องมองเงาสะท้อนจากอิฐทองคำ อดกลั้นไว้จนใบหน้าแดงก่ำหมดแล้ว
จะลุกออกมาท้วงดีหรือไม่ นี่เป็นปัญหาใหญ่
เมื่อพระราชโองการออกมาแล้ว การลุกขึ้นมาคัดค้านนั้นเกินตำแหน่งของเหล่าขุนนาง
ขุนนางไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ส่งเดชต่อการสถาปนาองค์รัชทายาทของฮ่องเต้ มันง่ายต่อการถูกโทษเจนตนารมณ์ไม่บริสุทธิ์
แต่หากไม่ลุกขึ้นมา…แล้วหากพวกเขาประจบสอพลอคล้อยตามเพื่อให้ฝ่าบาทสบายใจ จะกลายเป็นการปลิ้นปล้อนหรือไม่
นอกจากนี้ยังมีปัญหาอีกเรื่องหนึ่งที่สมจริงยิ่งกว่า ถ้าพวกเขาคัดค้านเวลานี้ คงจะทำเยี่ยนอ๋องไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ฝ่าบาทสามารเปลี่ยนใจได้ก็เท่านั้น สมมุติว่ายืนกรานแน่วแน่ เยี่ยนอ๋องที่ได้เป็นไท่จื่อไม่แค้นพวกเขาสิถึงจะแปลก เมื่อได้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นในอนาคต ถึงตอนนั้นก็รอจะหวะคิดบัญชีแก้แค้นได้เลย
เหล่าขุนนางอารมณ์แปรปรวน ลังเลใจ
ลุกขึ้น ไม่ลุกขึ้น ลุกขึ้น ไม่ลุกขึ้น…หากเหล่าขุนนางมีดอกเบญจมาศอยู่ในมือ เดาว่าคงมีคนจำนวนไม่น้อยเริ่มเด็ดกลีบดดอกไม้เพื่อตัดสินใจแล้ว
ถ้าอย่างนั้น…คนจำนวนไม่น้อยใช้หางตาเหลือบมองซ้ายมองขวาเงียบๆ ตัดสินใจได้แล้ว
ถ้าอย่างนั้นก็รอดูก่อน หากมีคนลุกขึ้นมา ตัวเองก็จะได้ลุกตาม ปืนจะถูกยิงไปที่นกตัวแรก หากเยี่ยนอ๋องแค้นใจก็ต้องเป็นคนแรกที่เสนอหน้าออกมาก่อนคนนั้น
ชั่วขณะหนึ่ง ภายในท้องพระโรงมีกลุ่มคนคุกเข่าเต็มไปหมด ทว่ากลับจมดิ่งอยู่ในความเงียบอันแปลกประหลาด
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกงงงวย
มัวแต่คุกเข่าไม่พูดไม่จากันมันหมายความว่าอย่างไร
กำลังจะคัดค้านหรือว่าแสดงความยินดีกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจะถือว่าคนเหล่านี้กำลังแสดงความยินดีแล้วกัน
จิ่งหมิงฮ่องเต้ไม่ได้ไอออกมาอีก รีบขยิบตาให้พานไห่อย่างรวดเร็ว
พานไห่กระแอมเล็กน้อย ตะเบ็งเสียงออกไป “เสร็จสิ้นการว่าราชการ…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ยืดอก เงยหน้าขึ้น สาวเท้าก้าวเดินออกไป ฉับๆ
เหล่าขุนนางมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร มีคนพูดออกมาเบาๆ “ให้ ให้ฝ่าบาทออกไปเช่นนี้งั้นหรือ”
ขุนนางทั้งหลายนิ่งเงียบ
สักพักก็มีคนพูดขึ้นมาอีก “ไท่จื่อถูกเลือกแล้วงั้นรึ”
ขุนนางไม่น้อยเอามือปิดหน้าร้องไห้
ชะล่าใจมาก มัวแต่รอคนอื่นเสนอหน้าออกมา สุดท้ายแต่ละคนต่างหดหัวอยู่ในกระดอง ไม่นึกเลยว่าจะปล่อยฝ่าบาทออกไปแล้ว
“เสนาบดีโต้ว ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ” คู่อริถามด้วยเจตนาร้าย
เสนาบดีโต้วลูบจมูก ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ในที่สุดต้าโจวก็มีองค์รัชทายาทแล้ว รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง”
หึ ไม่มีใครเสแสร้งไม่เป็นหรอก อยากจะจับจุดอ่อนของเขางั้นรึ ฝันไปเถอะ
ขุนนางจำนวนไม่น้อยร้องไห้ด้วยความโกรธ “น้ำตาแห่งความสุข…”
มีขุนนางบางท่านที่ออกไปจากท้องพระโรงอย่างว่องไว เพื่อไปแสดงความยินดีที่จวนเยี่ยนอ๋อง
รอสำนักหอดูดาวหลวงเลือกวันมงคลเพื่อจัดพิธีแต่งตั้งไท่จื่อ เยี่ยนอ๋องก็จะย้ายเข้าไปที่ตงกง ถึงตอนนั้นอยากจะไปแสดงความยินดีก็คงไม่สะดวกเช่นนี้แล้ว
ขุนนางที่คิดได้เช่นนี้มีไม่น้อย กลุ่มคนเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปที่จวนเยี่ยนอ๋อง
ตั้งแต่เซียงอ๋องเกิดเรื่อง น้อยครั้งที่จิ่งหมิงฮ่องเต้จะเรียกองค์ชายเข้ามาร่วมว่าราชการ วันนี้องค์ชายทั้งหลายจึงยังไม่รู้เรื่อง
จู่ๆ ก็มีผู้คนสวมชุดลายกิเลนหลั่งไหลมาที่ซอยจูเซวี่ย บ่าวรับใช้ของแต่ละจวนรีบกลับไปรายงานเจ้านายของตัวเอง
ช่วนนี้จั่งสื่อของจวนเยี่ยนอ๋องรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย
ปีที่แล้วเกิดเรื่องกับจิ้นอ๋องเมื่อเดือนสี่ ไท่จื่อไร้ประโยชน์ก็เกิดเรื่องเมื่อเดือนเก้าในปีที่แล้ว ส่วนปีนี้เซียงอ๋องเกิดเรื่องตอนปลายฤดูใบไม้ผลิ ตามมาด้วยฉีอ๋อง…จิ๊ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หรือว่าจะเวียนมาถึงท่านอ๋องของพวกเราแล้ว
พอนึกถึงเหล่าจั่งสื่อที่ไม่ลงรอยกับเขามานานหลายปีต่างพากันซวยตามเจ้านายของตัวเอง เขาไม่อยากเดินตามรอยพวกเขา อย่างน้อยก็ห้ามถูกบันทึกไว้ก่อนหน้าตาแก่นามสกุลโต้วของจวนสู่อ๋อง
ขณะที่กำลังทุกข์ใจ ก็มีบ่าวรับใช้รีบวิ่งมารายงาน “จั่งสื่อ มีใต้เท้ามาเยอะมากเลยขอรับ!”
ตาแก่จั่งสื่อตะลึง “มีใต้เท้ามาเยอะมากงั้นรึ”
“ใช่ขอรับ ดูเหมือนว่าพวกใต้เท้าเพิ่งจะว่าราชการเสร็จ ยังสวมชุดว่าราชการในยามเช้ากันอยู่เลย ซึ่งทั้งหมดล้วนมุ่งหน้ามายังจวนเยี่ยนอ๋อง”
ตาแก่จั่งสื่อน้ำเสียงเปลี่ยน “ไปดูซิ!”
นิ่งไว้ดีกว่าวู่วาม ตอนนี้เขากลัวว่าจะเกิดเหตุบางอย่างขึ้นมากที่สุด
จั่งสื่อสั่งคนไปรายงานอวี้จิ่น พร้อมกับรีบเดินไปที่หน้าประตู
ชุดว่าราชการลายกิเลนด้านนอกประตูสะท้อนแสงแวววับ จั่งสื่อเกือบตาลาย
“ใต้เท้าทุกท่านนี่มัน…” จั่งสื่อยกกำปั้นคารวะ กังวลอยู่ในใจ
โดยปกติถ้ามาพบท่านอ๋องควรจะส่งเทียบเชิญมาล่วงหน้าสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เหล่าขุนนางคารวะตอบจั่งสื่อ “พวกเรามาแสดงความยินดีกับไท่จื่อ”
“ไทจื่อ?” จั่งสื่อเงยหน้าขึ้น สีหน้างงงวย
ขุนนางท่านหนึ่งเอ่ยเตือนออกไป “นี่จั่งสื่อไม่รู้หรือ วันนี้ตอนว่าราชการมีพระราชโองการออกมาให้ ท่านอ๋องเป็นไท่จื่อแล้ว…”
ทันทีที่พูดจบ จั่งสื่อก็ล้มลง โชคดีที่คนข้างหลังมือไวตาไวประคองไว้ถึงไม่หกล้ม
เหล่าขุนนางสบตากัน
เห็นจั่งสื่อของจวนเยี่ยนอ๋องเป็นเช่นนี้ ชัดเจนเลยว่าเยี่ยนอ๋องยังไม่ทราบเรื่อง
แต่ก็อย่างว่า แต่งตั้งองค์รัชทายาทไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้แต่พวกเขาฝ่าบาทยังปิดบังแทบตาย แล้วจะหลุดปากบอกองค์ชายได้อย่างไรกัน
“จั่งสื่อเป็นอะไรรึเปล่า”
จั่งสื่อเงยหน้ามองฟ้าด้วยความงุนงง
พระอาทิตย์ยังคงขึ้นทางทิศตะวันออก
พระอาทิตย์ไม่ได้ขึ้นจากทางทิศตะวันตก ท่านอ๋องกลายเป็นไท่จื่อแล้ว…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จั่งสื่อผลักประตูออกโดยพลัน วิ่งหายวับออกไป เหลือเพียงเหล่าขุนนางมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
มีเสียงเบาๆ เอ่ยขึ้นภายในกลุ่มคน “ในความทรงจำของข้า จั่งสื่อของจวนเยี่ยนอ๋องเป็นคนที่สุขุมมากเลยนี่นา แล้วนี่…”
พอนึกถึงเยี่ยนอ๋องที่เอะอะอะไรก็ใช้หมัดเข้าสู้ ดูเหมือนว่าจะมีคำอธิบายอยู่อย่างเดียว เจ้านายเป็นอย่างไรลูกน้องก็เป็นอย่างนั้น
เมื่อนึกอีกที เจ้านายของเขาจะกลายมาเป็นไท่จื่อของพวกเขา ทันใดนั้นเหล่าขุนนางก็รู้สึกงงงวยต่อหนทางข้างหน้า
อวี้จิ่นกำลังอ่านตำราอยู่หน้าห้องอักษร (แสร้งทำ) ก็ได้ยินเด็กรับใช้มารายงานว่ามีเหล่าขุนนางมากมายมาหา จึงวางตำราแล้วเดินออกไปข้างนอก เจอเข้ากับจั่งสื่อที่พุ่งเข้ามาพอดี
“ท่านอ๋อง…”
อวี้จิ่นหันข้าง ทำหน้าเมินเฉย “จั่งสื่อสุขุมหน่อยสิ”
นี่มันเรื่องอะไรกันถึงกระโจนเข้ามาในอ้อมแขนเขา แก่แล้วทำไมไม่รู้จักประพฤติตัวให้เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามจั่งสื่ออายุมากแล้ว วิ่งมาจนหอบหายใจไม่ทัน “ท่าน ท่านอ๋อง ท่านถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อแล้ว!”
“หืม คนพวกนั้นมาแสดงความยินดีกับข้างั้นหรือ” ถึงแม้อวี้จิ่นจะตกใจเล็กน้อยกับความรวดเร็วของจิ่งหมิงฮ่องเต้ แต่ยังไงก็เตรียมพร้อมไว้แล้ว สีหน้าจึงเรียบเฉย
แต่งตั้งเขาเป็นไท่จื่อมีอะไรน่าแปลกกัน หรือว่าถ้าไม่แต่งตั้งเขายังมีคนอื่นอีกงั้นหรือ
จั่งสื่อคิดว่าอวี้จิ่นได้ยินไม่ชัด จึงพูดซ้ำออกไป “ท่านอ๋อง ท่านถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อแล้ว!”
อวี้จิ่นชายตามองเขาแวบหนึ่ง ตอบอืมออกมาเบาๆ “จั่งสื่อเป็นตัวแทนหน้าตาของข้า ต้องสุขุมไว้หน่อย อย่าให้คนอื่นเห็นเป็นเรื่องน่าขัน” ว่าแล้วก็เดินผ่านจั่งสื่อออกไป
จั่งสื่อยืนนิ่งอยู่กับที่สักพักถึงค่อยๆ ได้สติกลับมา
ต้องได้รับคำเตือนจากท่านออกตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าต้องรู้จักสุขุม เขาเป็นคนที่ไม่สุขุมงั้นหรือ
ทว่าท่านอ๋องกลายเป็นไทจื่อเชียวนะ!
จั่งสื่อรับรู้ได้ว่าเลือดขึ้นหัวแล้ว จึงสูดหายใจเข้าลึกพลางเอ่ยขึ้น “ต้องนิ่งสุขุมเข้าไว้ ต้องนิ่งสุขุมเข้าไว้”
จี้หมัวมัวที่ได้ยินความเคลื่อนไหววิ่งเข้ามาแล้วหยุดกึก ดวงตาฉายแววงงงวย ”จั่งสื่อพูดพร่ำอะไรอยู่”
จั่งสื่อกระโดดโหยงขึ้นมา “ท่านอ๋องถูกแต่งตั้งเป็นไท่จื่อแล้ว!”