กว่าเอ้อร์หนิวจะมาถึงวังหลวง ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปไกลแล้ว เหล่านางสนมน้อยใหญ่ต่างกรูกันมาแสดงความเสียใจ แต่ถูกจิ่งหมิงฮ่องเต้ไล่กลับไป
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ต้องการคำปลอบประโลมพะเน้าพะนอจากเหล่านางสนม ขอแค่ไม่สร้างความยุ่งยากไปกว่านี้ก็พอ
ไทเฮารีบมาจากตำหนักฉือหนิง
“เสด็จแม่ เหตุใดถึงเสด็จมาที่นี่” จิ่งหมิงฮ่องเต้ออกไปต้อนรับ
ไทเฮาถอนหายใจ “ตั้งแต่ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับฝูชิงและสิบสี่ ข้าก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้าง”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ชะงักเล็กน้อยพลางกล่าวด้วยใบหน้าทุกข์โศก “สิบสี่จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วฝูชิงล่ะ” ไทเฮาถามด้วยความร้อนใจ
“ฝูชิงยังโชคดีจึงช่วยนางไว้ได้ทัน”
แววตาผิดแผกแวบผ่านเพียงชั่วแล่นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าเศร้าสร้อย “สงสารเจ้าหนูสิบสี่…วังหลวงนี้นับวันยิ่งวุ่นวาย และทุกครั้งตำหนักฉือหนิงก็ดูจะมีส่วนข้องเกี่ยวอยู่เรื่อย ฝ่าบาทคราวนี้ฝ่าบาทต้องตรวจสอบอย่างละเอียด แม้แต่ตำหนักฉือหนิงก็ไม่เว้น เราจะปล่อยให้คนร้ายเหิมเกริมเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
จิ่งหมิงฮ่องเต้พยักหน้าอย่างขึงขัง “ขอเสด็จแม่วางพระทัย ลูกเข้าใจดี”
เหมือนว่าไทเฮาจะเพิ่งสังเกตเห็นเจียงซื่อและอวี้จิ่น จึงหันไปกล่าวกับทั้งสอง “พวกเจ้าเข้ามาทำอะไร”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ตอบแทน “เจ้าเจ็ดเคยช่วยเจินซื่อเฉิงไขคดี ลูกคิดว่าเขาน่าจะช่วยอะไรได้เลยเรียกเข้ามาที่วังพ่ะย่ะค่ะ”
ความจริงที่เรียกเจ้าเจ็ดเข้ามาตั้งใจจะให้ช่วยชีวิตสิบสี่ แต่ช่างเถิด
ในตอนนั้น จิ่งหมิงฮ่องเต้ถึงตระหนักได้ว่าการที่ฉุนเกอเอ๋อร์รอดชีวิตเพราะอวี้จิ่นช่วยไว้ทันช่างโชคดีเหลือเกิน
หรือว่านั้นอาจเป็นเพียงปาฏิหาริย์
ถึงแม้อดีตไท่จื่อใช้วิชามนต์ดำจึงถูกตัดสินประหารชีวิต ฉุนเกอเอ๋อร์จึงต้องกลายเป็นสามัญชน แต่ถึงกระนั้นความรักที่จิ่งหมิงฮ่องเต้มีให้ฉุนเกอเอ๋อร์กลับมิได้ลดน้อยถอยลงไปเลย
เขาเป็นห่วงหลานชายที่แสนรู้ความแต่กลับต้องมารับโทษทั้งที่ไร้ความผิด
แต่ในบางครั้งแม้แต่จักรพรรดิยังช่วยเอาตัวเองไม่รอด เขาจึงไม่สามารถแสดงความรักที่มีต่อหลานชาย
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทำได้เพียงเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ในใจ และได้แต่นึกขอบคุณอวี้จิ่นที่ช่วยชีวิตฉุนเกอเอ๋อร์
“แล้วเยี่ยนอ๋องพบเบาะแสอะไรบ้างหรือไม่” ไทเฮาตรัสถาม
อวี้จิ่นเอ่ยตอบโดยมิได้รอให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ต้องตอบแทน “ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไรมากมายพ่ะย่ะค่ะ แต่เสด็จย่าวางพระทัยได้ หลานจะหาตัวคนที่ทำร้ายน้องสิบสี่ให้พบพ่ะย่ะค่ะ!”
“เยี่ยนอ๋องมั่นใจถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
อวี้จิ่นคลี่ยิ้ม “หลานตามใต้เท้าเจินไปทำคดี สิ่งแรกที่ใต้เท้าเจินสอนหลานคือ ตาข่ายสวรรค์แม้ห่างแต่ไม่รั่ว ต้องหาคนทำผิดเจอแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาชะงักงันก่อนจะรีบพยักหน้า “ก็ดี เจ้าเป็นพี่ชายของสิบสี่ สิบสี่จะตายตาหลับหรือไม่ก็คงต้องพึ่งเจ้าแล้วล่ะ”
เจียงซื่อฟังเงียบๆ หัวเราะเยาะแต่เพียงในใจ
ไทเฮานี่ช่างหน้าเนื้อใจเสือเสียจริง ความจริงที่ฝูชิงและสิบสี่ตกน้ำวันนี้ก็มิได้เกี่ยวกับนางและอาจิ่น แต่การที่ไทเฮากล่าวเช่นนั้น แปลว่าหากไม่ได้คำตอบก็เป็นเพราะอาจิ่นทำไม่เต็มที่
โชคดีที่นางและอาจิ่นเป็นพวกไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว การหาตัวคนร้ายเป็นเรื่องที่พวกเขาตั้งใจจะทำให้สำเร็จแต่แรก
หากบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่เกี่ยวข้องกับไทเฮา นางไม่เชื่อ!
นางเสียดายที่ท่านยายไม่ยอมเล่าเรื่องเมื่อหลายปีก่อน นางเลยไม่มีเบาะแสมากนัก
อวี้จิ่นเผยริมฝีปาก “เสด็จย่าวางพระทัยได้พ่ะย่ะค่ะ หลานจะทำอย่างสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาจดจ้องไปที่อวี้จิ่นก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “เช่นนั้น ข้าก็วางใจ”
ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้ เสียงของหญิงชราก็สั่นเล็กน้อยประหนึ่งว่าพยายามข่มกลั้นความเสียใจ
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบเอ่ย “เสด็จแม่ ลูกให้คนพาเสด็จแม่กลับไปส่งก่อนดีกว่า”
ไทเฮาส่ายศีรษะปฏิเสธ “ไม่ต้อง ข้าอยากเห็นตอนที่เยี่ยนอ๋องพบตัวคนร้ายด้วยตาตัวเอง มิฉะนั้นข้าคงไม่สบายใจ เด็กว่านอนสอนง่ายอย่างสิบสี่ต้องมาจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย ข้าก็เศร้าใจมากพอแล้ว”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ถอนหายใจ แต่มิได้โน้มน้าวต่อ
เสี่ยวเล่อจื่อพาเจ้าสุนัขตัวใหญ่เดินมาพลางร้องตะโกน “ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพเซี่ยวเทียนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้หันไปมองเอ้อร์หนิวด้วยแววตากระตือรือร้น
เอ้อร์หนิวส่ายห่างในขณะที่เดินผ่านหน้าจิ่งหมิงฮ่องเต้ก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่เจียงซื่อ
จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่ถูกเมินกระแอมไอแก้เก้อพลางกล่าวกับเจียงซื่อ “สะใภ้เจ็ด เจ้าช่วยสั่งแม่ทัพเซี่ยวเทียนหน่อยก็แล้วกัน”
เสี่ยวเล่อจื่อที่ไปพาเอ้อร์หนิวมาจากจวนเยี่ยนอ๋องยืนปาดเหงื่อพลางลงความเห็นในใจว่า แม่ทัพเซี่ยวเทียนที่ช่างแสนรู้เหลือเกิน มิน่าล่ะ ตอนที่เยี่ยนอ๋องสั่งให้ไปเชิญแม่ทัพเซี่ยวเทียนถึงได้กำชับว่าต้องเอ่ยถึงเยี่ยนอ๋องและพระชายา มิฉะนั้นท่านแม่ทัพเซี่ยวเทียนจะไม่ยอมมา
เสี่ยวเล่อจื่อคิดพลางชำเลืองมองไปที่อวี้จิ่นแล้วก็รู้สึกเห็นใจชายหนุ่มขึ้นมาดื้อๆ
ความจริงแล้วตอนแรกที่ไปถึงเขาเอ่ยถึงเยี่ยนอ๋อง แต่แม่ทัพเซี่ยวเทียนที่กำลังเล่นกับเสี่ยวจวิ้นจู่สะบัดห่าง ทำท่าลังเลอยู่นานแต่ก็ไม่ยอมขยับตัว แต่พอเขาแค่เอ่ยถือพระชายาเยี่ยนอ๋อง ท่านแม่ทัพเซี่ยวเทียนก็กระเด้งพรวดเดินตามมาทันที มิหนำซ้ำยังใช้ปากดันขาเขาเพราะเขาเดินช้าเสียด้วย
สถานะของเยี่ยนอ๋องและพระชายาในสายตาของแม่ทัพเซี่ยวเทียนต่างกันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าเยี่ยนอ๋องรู้ตัวหรือไม่…
เจียงซื่อลูบหัวเอ้อร์หนิวก่อนจะยื่นหินที่เปื้อนเลือดไปไว้ใกล้จมูกของเจ้าสุนัขตัวใหญ่ พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “เอ้อร์หนิว จำนะ ต้องเป็นกลิ่นนี้นะ ไปหาคนๆ นี้ให้เจอ”
เอ้อร์หนิวคล้ายว่าฟังรู้เรื่อง มันเห่ารับเสียงเบาให้เจียงซื่อหนหนึ่งก่อนจะเดินดมกลิ่นไปตามพื้น
ทุกคนในบริเวณนั้นเฝ้าดูเจ้าสุนัขตัวใหญ่ขนาดเท่ากับลูกวัวเดินไปดมฮ่องเต้ ฮองเฮา หรือแม้กระทั่งไทเฮาตาไม่กะพริบ มีทั้งความรู้สึกประหลาดใจและหวั่นใจในคราวเดียวกัน
ในขณะที่ทุกคนเริ่มหมดความอดทน เอ้อร์หนิวกลับหยุดชะงักก่อนจะวิ่งพรวดออกไปจากบริเวณนั้น
ทั้งหมดตกตะลึง
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบตะโกน “ตามแม่ทัพเซี่ยวเทียนไปเร็วเข้า!”
คนทั้งกลุ่มเฮโลไปยังทิศที่เจ้าสุนัขวิ่งไป
ดูเหมือนเอ้อร์หนิวจะชอบใจที่มีคนไล่ตาม แต่เจ้าสุนัขมิได้เร่งความเร็ว มันหันกลับมามองว่าเจ้านายและนายหญิงเดินตามมาด้วยหรือไม่
กลุ่มคนที่วิ่งตามมาได้ระยะหนึ่งเริ่มคาดเดาไปต่างๆ นานา
นี่แม่ทัพเซี่ยวเทียนกำลังวิ่งไปที่ไหน จากทิศที่มุ่งหน้าไปไม่รู้ว่าจะไปถึงตำหนักของเหนียงเหนียงพระองค์ใด…
ฮองเฮารู้จักวังหลังเป็นอย่างดี นางอดใจเต้นไม่ได้ นี่เอ้อร์หนิวกำลังวิ่งไปที่…ตำหนักชุนหว่า?
ภาพของหญิงสาวแววตาสุกใสปรากฏขึ้นในความคิดของฮองเฮา
หรือว่าจะเป็นหนิงเฟย
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของฮองเฮาคือ เป็นไปไม่ได้
จากคุณสมบัติของหลู่อ๋องแล้ว หนิงเฟยจะก่อเรื่องเพื่ออะไร
แต่เอ้อร์หนิวหยุดยืนอยู่ที่หน้าตำหนักชุนหว่าก่อนจะเห่าเรียกเจียงซื่อสองหน
เจียงซื่อหันไปค้อมตัวให้จิ่งหมิงฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ ขอทรงโปรดอนุญาตให้เอ้อร์หนิวเข้าไปตรวจสอบด้านในตำหนักชุนหว่าด้วยเถิดเพคะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้กลั้นใจพูดด้วยใบหน้าคล้ำหม่น “เข้าไปได้!”
หนิงเฟยเดินออกมากด้วยสีหน้าสุดฉงน “ฝ่าบาท นี่มัน…”
เมื่อครู่นางเพิ่งจะไปแสดงความอาลัยแต่เพิ่งถูกไล่กลับมา แต่เหตุใดจู่ๆ ถึงได้มีคนมาที่นี่กันมากมายเพียงนี้
จิ่งหมิงฮ่องเต้จดจ้องไปที่ใบหน้าของหนิงเฟยด้วยแววตามืดมน “ฆาตกรที่ทำร้ายองค์หญิงอยู่ที่นี่”
สีหน้าของหนิงเฟยเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เป็นไปไม่ได้เพคะ!”
นางยังรอฟังข่าวความคืบหน้าอยู่ดีๆ เหตุใดภัยถึงย้อนมาหาตัว
ในวินาทีนั้น หนิงเฟยตัวแข็งทื่อ
ตามมาด้วยเสียงร้องตกใจของคนในตำหนักและเสียงเห่าฮึกเหิมของเจ้าสุนัข
ฝูงชนเดินตามเสียงนั้นมาประหนึ่งคลื่นในทะเล
ที่ลานด้านข้างตำหนักชุนหว่ามีอ่างน้ำขนาดใหญ่สองอ่าง ปกติในอ่างนั้นจะมีดอกบัวลอยอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่ในวันนี้ใบบัวที่ควรลอยอยู่ในอ่างกลับตกลงมาอยู่บนพื้น ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นแลดูเลอะเทอะไม่น่ามอง
พื้นที่ในอ่างใบหนึ่งถูกแทนที่ด้วยร่างของใครบางคน ศีรษะของร่างนั้นจมอยู่ในน้ำ ส่วนเท้าลอยชี้ขึ้น เอ้อร์หนิววิ่งเข้าไปเห่าร่างนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย