เหตุผลที่พระชายาฉีอ๋องยกมาแลดูเอาแต่ใจเกินไปหน่อย เนื่องจากเดิมทีนางมิได้มีนิสัยเช่นนั้น
ฉีอ๋องมีหรือจะตอบรับคำขอ เขากล่าวเสียดเย้ย “หลี่ซื่อ นี่เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ หรือ ย่วนเจี่ยเอ๋อร์คือบุตรสาวคนโตซึ่งเป็นทายาทสายตรงของจวนฉีอ๋อง เจ้าจะให้นางไปนั่งสวดมนต์ปฏิบัติธรรมเป็นเพื่อนเจ้าที่นั่นรึ”
พระชายาฉีอ๋องจ้องตรงไปที่สามีก่อนจะหัวเราะขึ้นมาดื้อๆ น้ำเสียงของนางเจือไปด้วยความเย้ยหยัน “ที่แท้ท่านอ๋องก็ยอมรับแล้วว่าข้ามิได้เสียสติ”
ฉีอ๋องชะงักไปชั่วครู่และกล่าวด้วยความแค้นเคือง “เจ้าจะพูดเรื่องนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา ต่อให้เจ้ามิได้บ้า เจ้าก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าเจ้าทำร้ายพระชายาเยี่ยนอ๋องมิใช่หรือ”
“เจ้า…” พระชายาฉีอ๋องเกือบจะหลุดออกไปว่านั่นเป็นคำสั่งของเสียนเฟย แต่เมื่อคำนั้นจ่อที่ปาก นางกลับกลืนลงคอไปเสียอย่างนั้น
บุรุษผู้นี้กล่าวถูกแล้ว นางจะพูดเช่นนั้นให้ได้อะไรขึ้นมา
คนที่คอยบงการอยู่เบื้องหลังคือผู้ใด ฟ้ารู้ ดินรู้ นางรู้ และชายผู้นี้จะไม่รู้ได้อย่างไร
แต่การที่โยนความผิดนี้ให้นางก็เพื่อจะปิดบังสิ่งที่นางทำ
“เอาเถอะ หากเจ้าไม่มีของใดต้องเก็บ เจ้าก็รีบไปเสีย อย่าให้พานกงกงต้องคอยนาน”
พระชายาฉีอ๋องยืนนิ่งอยู่ที่เก่า
ฉีอ๋องพยายามระงับความโกรธเอาไว้ “เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
ท่าทีของพระชายาฉีอ๋องสงบนิ่ง “ข้าบอกไปแล้วว่าข้าต้องการให้ย่วนเจี่ยเอ๋อร์ไปกับข้า”
“หลี่ซื่อ แต่ก่อนเจ้ามิใช่คนไร้หัวคิดเช่นนี้ เจ้าคิดบ้างหรือไม่ว่าหากย่วนเจี่ยเอ๋อร์ไปอยู่กับเจ้า อนาคตของนางจะเป็นเช่นไร” ฉีอ๋องจับข้อมือของพระชายาพลางถามเสียงลอดไรฟัน
พระชายาฉีอ๋องหัวเราะเยาะกับตนเอง “ข้ามาถึงจุดนี้แล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องไตร่ตรองเรื่องใดอีกแล้ว ข้าแค่ต้องการให้บุตรสาวอยู่ข้างๆ ข้าเท่านั้น”
“แล้วถ้าข้าไม่ตกลงล่ะ” ฉีอ๋องถามเสียงเย็น
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์คือธิดาคนโตซึ่งเป็นทายาทสายตรงของจวนฉีอ๋อง หากนางตามหลี่ซื่อไปอยู่ที่อารามบรรพชน เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
พระชายาฉีอ๋องเขม้นมองไปที่บุรุษตรงหน้า ใบหน้าราบเรียบมิอาจซ่อนเร้นความแน่วแน่ในแววตา “งั้นข้าก็จะไม่ตามพานกงกงไปที่อารามบรรพชน ข้ายอมตายที่นี่!”
“เจ้า…”
พระชายาฉีอ๋องเมินเฉยท่าทีเดือดดาลของฉีอ๋อง นางยังคงหัวเราะเยาะ “ก็ไม่รู้ว่าหากข้าวิ่งชนเสาที่จวนอ๋องและเสียชีวิตไปตอนนี้ คนอื่นจะคิดอย่างไร”
สีหน้าของฉีอ๋องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หากหลี่ซื่อจากไปตอนนี้ คนอื่นไม่มีทางเชื่อว่านางฆ่าตัวตาย และต่อให้เขาจะกระโดดแม่น้ำก็หนีความผิดนี้ไม่พ้น
และเสด็จพ่อคงจะ… ฉีอ๋องไม่กล้าคิดต่อ
แม้ว่าเสด็จพ่อจะไม่ถือสาหาความกับเหตุการณ์ในวันนี้ แต่ท่านก็แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน หากหลี่ซื่อตายไป เสด็จพ่อคงจะชิงชังเขาโดยสมบูรณ์…
ในมุมของฉีอ๋อง ศักดิ์ศรีของเขาสำคัญน้อยกว่าความโปรดปรานจากจิ่งหมิงฮ่องเต้
เขาจ้องตรงไปที่พระชายาฉีอ๋องและพยายามโน้มน้าว “หลี่ซื่อ เจ้าคิดให้ดี หากย่วนเจี่ยเอ๋อร์ไปอยู่กับมารดาที่คนเห็นว่าสติฟั่นเฟือนเช่นเจ้า อนาคตของนางจะดีได้อย่างไร”
พระชายาฉีอ๋องเบือนหน้าหนี นางไม่ต้องการเห็นหน้าฉีอ๋องอีก
“เอาเถอะ เจ้าไปเก็บของเถอะ ข้าจะสั่งให้คนไปพาย่วนเจี่ยเอ๋อร์กลับมา”
พระชายาฉีอ๋องแอบโล่งใจ นางยกมือขึ้นลูบปอยผมแผ่วเบา “ข้าไม่มีข้าวของใดต้องเก็บ ย่วนเจี่ยเอ๋อร์มาเมื่อไหร่ ข้าก็พร้อมไปทันที”
ฉีอ๋องเองก็ไม่อาจทนเห็นหน้าพระชายาฉีอ๋องได้อีกแล้ว เขาเอามือไขว้หลังและเดินออกไป แต่แล้วจู่ๆ เสียงของพระชายาฉีอ๋องก็ดังลอยมาจากทางด้านหลัง
“ข้าจะทิ้งสินเดิมของข้าไว้ที่นี่ อนาคตข้าจะให้ย่วนเจี่ยเอ๋อร์กลับมารับไป”
ฉีอ๋องหันกลับมาโดยพลันพร้อมใบหน้าคล้ำหม่น “หลี่ซื่อ นี่เจ้าพูดเกินไปแล้ว เจ้ากลัวว่าข้าจะฮุบสินเดิมของเจ้าหรืออย่างไร”
พระชายาฉีอ๋องหัวเราะเสียงเย็น “ท่านอ๋องพูดราวกับว่าเมื่อก่อนไม่เคยใช้ประโยชน์จากเงินนี้อย่างนั้นแหละ…”
“หุบปาก!” ฉีอ๋องแผดเสียงตะคอกก่อนจะเดินดุ่มๆ ออกไป
แม้จวนอ๋องจะเจริญรุ่งเรือง แต่เนื่องจากต้องดึงคนจำนวนมากมาเป็นพวก และค่าใช้จ่ายสำหรับเลี้ยงคนก็เป็นเหมือนถ้ำลึกที่ไม่มีที่จุดสิ้นสุด เขาไม่เคยปริปากร้องขอสินเดิมของหลี่ซื่อ แต่เขารู้อยู่แก่ใจว่า ยามที่จวนติดขัด หลี่ซื่อก็จะนำเงินส่วนนี้มาเติม
ด้วยเหตุนี้ การที่พระชายาฉีอ๋องรู้ไส้รู้พุงยิ่งทำให้ฉีอ๋องชิงชังและอยากอยู่ให้ห่างจากนางเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉีอ๋องไม่เพียงแต่อยากหนีห่างจากพระชายาฉีอ๋องเท่านั้น แต่เขาอยากสลัดชื่อเสียงอันน่าอดสูนี้ไปด้วย
พานไห่คอยอยู่นาน แม้เขามิได้แสดงสีหน้าใดๆ แต่ในใจก่นด่าฉีอ๋องไปไม่น้อย
ไม่แปลกใจที่คนเช่นเขาไม่เข้าตาฝ่าบาท ทำสิ่งใดก็ไม่สำเร็จสักเรื่อง
ฉีอ๋องรีบกล่าวขอโทษพานไห่ “ให้พานกงกงต้องคอยนาน พอดีในจวนมีเรื่องนิดหน่อย”
พานไห่ทำทีใคร่รู้
ฉีอ๋องส่งยิ้มขมขื่น “นางอยากจะพาบุตรสาวไปด้วย หากข้าไม่ยอม นางก็จะไม่ไป ข้าโน้มน้าวอยู่นานแต่ไม่เป็นผล จึงทำได้เพียงส่งคนไปตามย่วนเจี่ยเอ๋อร์กลับมา…”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์เป็นธิดาของฉีอ๋อง การที่ฉีอ๋องอนุญาตให้พระชายาฉีอ๋องพานางไปด้วย ขันทีอย่างเขาคงพูดอะไรมากไม่ได้
รออีกครู่ใหญ่ พระชายาฉีอ๋องก็ออกมา
ข้างๆ พระชายาฉีอ๋องคือเด็กสาวอายุราวๆ แปดเก้าปี อาการของนางแลดูสับสน คาดว่าอาจยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
พระชายาฉีอ๋องภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนบางค้อมตัวเคารพพานไห่ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนสุภาพ “ปล่อยให้พานกงกงคอยนานทีเดียว เราออกเดินทางกันเถอะ”
ไม่นานพระชายาฉีอ๋องก็จูงมือย่วนเจี่ยเอ๋อร์ขึ้นรถม้าไป รถม้าแล่นห่างจากจวนอ๋องออกไปเรื่อยๆ
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์เลิกม่านขึ้นมองภาพเบื้องหลัง และพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของผู้เป็นบิดา
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์วางม่านลงด้วยความผิดหวัง และหันไปถามพระชายาฉีอ๋องด้วยสีหน้าไม่สบายใจ “ท่านแม่ พวกเรากำลังจะไปไหนกันหรือ”
พระชายาฉีอ๋องลูบแก้มเนียนนุ่มของบุตรสาวพลางเอ่ยอ่อนโยน “พวกเรากำลังจะไปที่ที่เงียบสงบ”
“ที่ที่เงียบสงบงั้นหรือ ที่นั่นมีท่านพ่ออยู่ด้วยหรือเปล่า”
“ไม่มี”
“แล้วมีเพื่อนเล่นด้วยหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก”
“แล้วมีอาจารย์สอนดีดฉินด้วยหรือเปล่า”
“ไม่มีอีกเหมือนกัน”
ย่วนเจี่ยเอ๋อร์เงียบไป
พระชายาฉีอ๋องมองบุตรสาวด้วยแววตาอ่อนโยน “แต่มีแม่ แม่จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าเอง”
เจ้าต้องอยู่กับแม่ตลอดไปเท่านั้น อย่าไปอยู่กับพ่อใจดำอำมหิตเช่นนั้นเลย เพราะไม่รู้ว่าเขาจะนำพาหายนะมาให้เจ้าอีกเมื่อไหร่ เลิกคิดถึงเรื่องชื่อเสียงของการเป็นจวิ้นจู่เสียเถิด เพราะเกรงว่าสิ่งเหล่านี้อาจต้องแลกมาด้วยชีวิต
คงเป็นเพราะนางเคยเฉียดใกล้ความตายถึงได้เข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วว่า เรื่องที่ฉีอ๋องหมายมั่นจะได้ครองตำแหน่งนั้นเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ
เสด็จพ่อเป็นผู้มีจิตใจเมตตากรุณา จะเลือกคนที่ปฏิบัติกับภรรยาอย่างเลือดเย็นอย่างฉีอ๋องได้อย่างไร
นางจะดูแลบุตรสาว และจะรอดูบุรุษผู้นั้นพังพินาศจากตรงนี้
นางถูกหลอกใช้ ถูกย่ำยี ต่อให้แค้นนี้นางจะไม่ได้ล้างมันด้วยมือของนางเอง แต่มีคนทำแทนนางแล้ว
เมื่อจิตใจของนางสงบลง นางถึงได้ฉุกคิดถึงตอนที่นางหนีบ่าวรับใช้และวิ่งออกไปที่ถนนใหญ่
ในตอนนั้นนางไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้ หากมิใช่เพราะสวรรค์คุ้มครอง ก็ต้องมีใครแอบช่วยนางอยู่เป็นแน่
แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด นางก็มั่นใจได้ว่าบุรุษไร้หัวใจผู้นั้นคงถึงคราวอวสานในอีกไม่นาน
สาแก่ใจนางจริงๆ
แสงอาทิตย์อัสดงทำให้เงาของรถม้าเหยียดยาวไปตามถนน และไม่นานรถม้าที่ถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายก็ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับแสงสีทองที่ปลายฟ้า
จวนฉีอ๋องเปล่าเปลี่ยวกว่าเดิมหลายเท่า หลังจากสอบถามจากบ่าวรับใช้แล้ว ฉีอ๋องก็ใช้เวลาครุ่นคิดเพียงลำพัง
ดูแล้ว การที่หลี่ซื่อวิ่งออกไปถึงถนนใหญ่ได้ต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นเป็นแน่
ในจวนฉีอ๋องต้องมีหนอนบ่อนไส้!
หลังจากตรวจสอบ เขาพบเบาะแสบางอย่างคือ มีคนดูแลสวนคนหนึ่งหายตัวไป ซึ่งคนดูแลสวนคนนี้เพิ่งรับเข้ามาทำงานที่จวนได้ไม่นาน
ฉีอ๋องขว้างม้วนรายชื่อลงพื้นก่อนจะเค้นถามความจากพ่อบ้าน “เจ้าดูแลจวนอย่างไร”
เมื่อก่อนหลี่ซื่อเป็นคนดูแลจวน ก่อนที่จะรับคนงานใหม่เข้ามา นางจะส่งคนไปสืบประวัติสามปีย้อนหลังของคนงานทุกคน…
ฉีอ๋องถอนหายใจยาว
เขาต้องเลิกคิดถึงสตรีนางนั้นเสียที เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
การมีหนอนอยู่ในจวนฉีอ๋อง สรุปแล้วเป็นฝีมือของสารเลวตัวไหนกัน