ในเมื่อตัดสินใจแล้ว จิ่งหมิงฮ่องเต้ที่กำลังอารมณ์เสียจึงไม่อยากเห็นบรรดาโอรสอยู่ขวางหูขวางตา จึงแสดงใบหน้าเคร่งขรึมไล่พวกเขากลับไป “ไปกันเถิด หลังจากนี้หากผู้ใดสร้างเรื่องล่ะก็ ข้าจะไม่อภัยอีกเป็นแน่!”
“พ่ะย่ะค่ะ” ไม่ว่าภายในใจของบรรดาองค์ชายทั้งหลายคิดเช่นไร ภายนอกล้วนแต่น้อมรับคำบัญชา
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทอดพระเนตรไปยังภายนอก คิดไปคิดมาจึงตะโกนตรัสว่า “เจ้าเจ็ด”
อวี้จิ่นหยุดลงพร้อมกับโค้งคำนับทูลถามว่า “เสด็จพ่อมีอะไรจะกำชับพ่ะย่ะค่ะ”
“คดีของหมิงเย่ว์หายตัวไปไขความได้แล้ว เอ้อร์หนิวมีส่วนช่วยได้มาก หลังจากนี้ให้พามันเข้ามาในตำหนักบ่อยๆ” จิ่งหมิงฮ่องเต้คิดถึงการใกล้ชิดของจี๋เสียงเมื่อสักครู่ที่มีต่อเขา จึงทำให้รู้สึกว่าเอ้อร์หนิวช่วยได้เยอะทีเดียว จะทำเย็นชาต่อมันไม่ได้
อวี้จิ่นอมยิ้มตอบรับ “พ่ะย่ะค่ะ”
ฉีอ๋องมองด้วยแววเย็นชา ยิ่งรู้สึกหนักใจ
เจ้าเจ็ดช่างดวงดีเหลือเกิน ไม่นึกว่าการเลี้ยงสุนัขหนึ่งตัวกลับสามารถทำให้เป็นที่รักใคร่ได้
เมื่อครู่เขามุงดูสงครามระหว่างสุนัขกับแมว ยังนึกในใจว่าเสด็จพ่อรับรู้แล้วจะลงโทษเอ้อร์หนิวเสียอีก ที่ไหนได้…
ฉีอ๋องยิ่งคิดยิ่งไร้เรี่ยวแรง
จิตใจเสด็จพ่อนั้นซับซ้อนยากเกินจะคาดเดาเพียงนี้เชียว? แม้ว่าเขาจะพยายามอดทนในหลายปีมานี้ ไม่เพียงไม่สามารถได้รับความสำคัญจากเสด็จพ่อ ยังเทียบไม่ได้กับเจ้าเจ็ดที่ถูกส่งไปนอกวังตั้งแต่เด็ก
จิตใจมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง เขายิ่งต้องการนั่งในตำแหน่งนั้น จึงจะสามารถกำหนดชะตาของตนได้ ไม่ใช่ว่าคอยคาดเดาความคิดของฮ่องเต้เช่นนี้
ไม่นานห้องทรงพระอักษรก็ว่างเปล่า ด้วยพระราชโองการ พานไห่จึงได้เดินทางออกไป มีเพียงเสี่ยวเล่อจื่อที่ตะลึงจนไม่กล้าออกเสียงเก็บหนังสือและฎีกาที่ร่วงหล่นพื้นอย่างระมัดระวัง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ประทับอยู่เป็นเวลานาน เขาใช้นิ้วมือกดลงบนเปลือกตาคิดตรึกตรอง แต่ก่อนยามมีเรื่องไม่ดี เปลือกตามักจะกระตุก สองครั้งในช่วงนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ หรือเป็นเพราะว่าเปลือกตาเขาไม่มีความสามารถนี้แล้ว
คิดเช่นนี้จึงทำให้จิ่งหมิงฮ่องเต้นึกถึงเปลือกตาแต่ก่อน
เมื่อนำมาเปรียบเทียบ จึงรู้สึกกว่าดีกว่าการเกิดเรื่องขึ้นโดยกะทันหัน
ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือน ต้นหลิวตรงกำแพงของตำหนักเขียวขจี แต่เซียงอ๋องที่รออยู่ภายนอกหาได้มีอารมณ์ที่จะชื่นชม เขามีเพียงความกระวนกระวายใจ
ผ่านไปไม่นาน พานไห่ก็ปรากฏกายตรงหน้าเซียงอ๋อง ส่งมอบพระราชโองการของจิ่งหมิงฮ่องเต้
เซียงอ๋องเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ไม่มีปฏิกิริยายาตอบสนองไปชั่วขณะ พานไห่ถอนหายใจกล่าวว่า “ท่านทำใจเถิด”
สายตาเขาเห็นพานไห่เดินกลับไป เซียงอ๋องก็ตื่นขึ้นจากภวังค์ “พานกงกง ท่านเข้าใจสิ่งใดผิดไปหรือไม่”
พานไห่หยุดชะงักมองเซียงอ๋อง เห็นชัดว่าเซียงอ๋องไม่อาจที่จะยอมรับได้ เขาจึงคว้าแขนเสื้อของอีกฝ่ายพร้อมถามว่า “เสด็จพ่อ หมายความว่าเช่นนี้จริงหรือ”
“ข้าน้อยไม่กล้าส่งมอบพระราชโองการปลอมหรอก”
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ ถึงข้าจะทำร้ายชุยหมิงเย่ว์ แต่นั่นก็เป็นเพราะมีเหตุผล เสด็จพ่อจะลดตำแหน่งนี้ของข้าไปได้เยี่ยงไร”
องค์ชายกระทำความผิดเท่ากับความผิดของสามัญชนเป็นเพียงคำพูดเอาใจชาวบ้านก็เท่านั้น ในบรรดาราชวงศ์พวกนั้นจะมีกี่คนที่ถูกลงโทษ บทลงโทษส่วนใหญ่ล้วนมาจากสาเหตุที่ซับซ้อน
ชุยหมิงเย่ว์ดูถูกเขาเพียงนี้ ทั้งยังทำร้ายจูจื่ออวี้จนตายในคืนแต่งงาน หญิงสาวที่โหดเหี้ยมเช่นนั้นตายในนำมือของเขาแล้วอย่างไร
เขายอมรับการลงโทษได้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกยึดตำแหน่งไป
เขาไม่ได้อกตัญญู เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้
ความไม่เต็มใจ โมโห สับสน… อารมณ์เหล่านี้ผสมอยู่ในแววตาของเซียงอ๋อง ทำให้เขาดูวิกจริต
พานไห่ดึงแขนเสื้อจากมือเซียงอ๋องกลับ คิดไปคิดมาจึงได้เตือนเขาด้วยน้ำเสียงอันบางเบาว่า “ทรงคิดถึงไทเฮาบ้าง”
เซียงอ๋องตกตะลึงแล้วเข้าใจในทันที
ชุยหมิงเย่ว์ตายอย่างไร้ค่า ไม่มีผู้ใดสนใจ แต่มารดาของนางคือองค์หญิงใหญ่หรงหยาง บุตรบุญธรรมของไทเฮา
หากองค์หญิงใหญ่หรงหยางยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่เท่าไร แต่นางจากไปแล้ว ส่วนเขาเป็นคนฆ่าชุยหมิงเย่ว์ หากเสด็จพ่อลงโทษสถานเบาจะอธิบายกับไทเฮาได้อย่างไร…
จังหวะที่เซียงอ๋องฟื้นคืนสติก็ไม่เห็นเงาของพานไห่แล้ว เขาตระหนักและเข้าใจว่าเรื่องราวไม่สามารถกลับไปเป็นเช่นเดิมได้ ราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ แม้แต่รองเท้าข้างหนึ่งหลุดไปก็ไม่รับรู้
สู่อ๋อง หลู่อ๋องและฉีอ๋องต่างเดินผ่านเซียงอ๋องไป…เป็นอวี้จิ่นหยิบรองเท้าที่หล่นอยู่ของเซียงอ๋องยื่นไปให้เขา
เซียงอ๋องจ้องมองรองเท้านั้นแล้วตกตะลึงชั่วครู่ จึงมองตรงไปยังอวี้จิ่น
อวี้จิ่นนำรองเท้าใส่ไว้ในมือของเซียงอ๋อง ตบไหล่เขาเป็นการปลอบใจแล้วค่อยเดินจากไป
รองเท้าหล่นไปที่พื้นโดนหลังเท้า เซียงอ๋องจึงมีปฏิกิริยาวิ่งตามด้วยแววตาแดงก่ำ “เจ้าเจ็ด ไอ้คนชั่ว แกทำร้ายข้า… แกตั้งใจพาเอ้อร์หนิวเข้าไปจวนข้า!”
คำพูดนี้ทำให้ผู้คนที่ได้ยินถึงกับส่ายหัว ตอนนี้รู้แล้วว่าเจ้าห้าเป็นคนพาเอ้อร์หนิวไป เจ้าแปดยังกัดเจ้าเจ็ดไม่ปล่อย สำหรับเจ้าเจ็ดแล้วไม่มีผลใดๆ เขาทำหูทวนลมแล้วเดินจากไป
ส่วนที่ว่าเจ้าเจ็ดอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือไม่ ยังต้องบอกอีกหรือ!
เมื่อเห็นชัดว่าตามอวี้จิ่นไม่ทัน เซียงอ๋องจึงคว้าข้อมือฉีอ๋องเหมือนกับฟางเส้นสุดท้าย ร้องไห้กล่าวว่า “พี่สี่ พี่ไม่สนใจข้าไม่ได้นะ…”
ความรังเกียจปรากฏในแววตาฉีอ๋องอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่กล้าเอ่ยจี้จุดเซียงอ๋อง ทำได้เพียงปลอบใจ “น้องแปด เจ้าอย่าก่อกวนผู้ใดอีกเลย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะไม่มีตำแหน่งใด แต่ชีวิตย่อมมีความหวัง หากเจ้ายังก่อความวุ่นวายจนเสด็จพ่อโมโหจะแย่ลงได้”
เซียงอ๋องงุนงงจนพูดอะไรไม่ออก ฉีอ๋องแสร้งทำเป็นเห็นใจรีบเดินจากไป อวี้จิ่นกลับถึงจวนอ๋องจึงเล่าเรื่องราวที่พบเจอให้เจียงซื่อฟัง
เจียงซื่อแสดงสีหน้าอันเสียดายออกมา “น่าเสียดายนัก ข้าควรไปกับเจ้าด้วย”
อวี้จิ่นรู้สึกว่าความสนใจของภรรยาไม่ค่อยดีนัก จึงกระแอมเสียงเบาว่า “คนตายมีอะไรน่าดูกัน เจ้าไม่รู้หรอกว่าหลังจากที่หลู่อ๋องตกลงไปในบ่อแล้วมีปฏิกิริยาเช่นไร คาดว่าต่อจากนี้ไปเขาคงไม่สามารถทำภารกิจยิ่งใหญ่ใดได้อีกแล้ว”
เจียงซื่อนิ่งเงียบแล้วพูดว่า “หลู่อ๋องไม่ใช่เอ้อร์หนิวเสียหน่อย เขาอาจไม่ได้ชอบกระดูก”
“กล่าวคือไม่มีอะไรน่าดู”
“ไม่คิดว่าใต้เท้าเจินก็ไปด้วย” เจียงซื่อก็ยังรู้สึกเสียดายที่อยู่ในจวน
อวี้จิ่นมีสีหน้าเย็นชา “ตาแก่ย่ำแย่นั่นไม่เห็นมีอะไรน่าดู”
เจียงซื่อกลอกตาใส่เขาหนึ่งที “ฟังเรื่องราวที่เจ้าพบเจอมา เห็นชัดว่าใต้เท้าเจินให้โอกาสเจ้า ยังจะเอ่ยลับหลังเขาหยาบคายเช่นนี้”
“ปล่อยข้าไปก็เป็นเรื่องปกติ นี่ถือว่าข้าช่วยเขาสืบสวนคดีได้เสียด้วย” อวี้จิ่นคิดถึงเจินซื่อเฉิงจนยิ้มไม่รู้ตัว “ราวกับเจ้าไม่รู้ว่าคดีของผู้เฒ่าเจินก่อนหน้ายังไม่คลี่คลาย คาดว่าเขาคงหงุดหงิดไม่น้อย เจ้าดูสิว่าข้าแก้ไขเรื่องยุ่งยากแทนเขาตั้งเท่าไหร่”
จู่ๆ เจียงซื่อก็ร้อนตัวขึ้นมา
ในปีนั้นที่เรือสำราญไฟไหม้ จะว่าไปคดีก็ยังไม่คลี่คลาย ไม่รู้หนวดของใต้เท้าเจินร่วงไปมากเท่าไร
“อาจิ่น หลังจากเหตุการณ์นี้ เกรงว่าฉีอ๋องคงระวังเจ้ามากขึ้นแล้ว”
อวี้จิ่นไม่ได้เห็นด้วย เขากล่าวทั้งรอยยิ้มว่า “พวกเขาจะระวังสิ่งใดกันก็แล้วตามแต่ เจ้ากล่าวราวกับพวกเขาเพียงระวังแล้วจะได้ผล”
เจียงซื่อกุมหน้าผาก คนที่จะมั่นใจในตัวเองเช่นอาจิ่นพบเจอได้น้อยนัก แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของเขาแล้วนางก็มีความสุขดี
นายหญิงแสนอารมณ์ดีหันกลับมากำชับห้องครัวให้เพิ่มอาหารของเอ้อร์หนิว
อวี้จิ่น “…”
เรื่องราวทำความผิดของเซียงอ๋องเผยแพร่อย่างรวดเร็ว นายท่านรองเจียงได้ยินเรื่องราวถึงกับดีดนิ้วขึ้นนับ ฉีอ๋อง หลู่อ๋อง สู่อ๋อง เยี่ยนอ๋อง… เอ่อ หากเยี่ยนอ๋องพยายามมากกว่านี้หน่อย พี่ใหญ่อาจได้เป็นพ่อตาของจักรพรรดิ?