การปรากฏตัวของหญิงผู้นี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างพากันวิพากษ์วิจารณ์
“เมื่อครู่ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าจะเป็นบุตรสาวของหวังเซิ่งหรือไม่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ…”
“นั่นน่ะสิ ตั้งแต่เมื่อสองปีก่อนบุตรสาวของหวังเซิ่งก็หายตัวไป สองสามีภรรยาร้องห่มร้องไห้ ช่างน่าสงสารเหลือเกิน”
“ไหนว่าบุตรสาวของหวังเซิ่งหนีตามชายหนุ่มไปแล้วเล่า เหตุใดนางจึงมาอยู่ในบ่อที่แห่งนี้ได้”
“ใครจะไปรู้เล่า บางทีอาจจะเป็นเพราะถูกปลิดชีพเพื่อชิงทรัพย์ เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งแล้วก็ไปแต่งงานกับสตรีอีกคน…”
“ตอนนั้นข้าก็คิดอยู่ บุตรสาวตระกูลหวังรูปลักษณ์ภายนอกดูธรรมดาเหลือเกิน จะหนีตามผู้ใดไปได้ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกคนหลอก…”
เจินซื่อเฉิงแอบฟังเรื่องการวิจารณ์และข้อสนทนาเหล่านี้ของคนรอบข้าง แล้วเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนผู้นั้นว่า “ช่วยเล่าเรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของอาไฉ่ได้หรือไม่”
สตรีนางนั้นจับจ้องไปที่โครงกระดูกซึ่งอยู่บนพื้นแล้วร่ำไห้ ราวกับไม่ได้ยินคำถามของเจินซื่อเฉิงอย่างไรอย่างนั้น
ชายที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงหันมาทำความเคารพเจินซื่อเฉิงกล่าวว่า “ใต้เท้าขอรับ ข้าน้อยคือบิดาของอาไฉ่ ให้ข้าน้อยเป็นคนเอ่ยตอบแทนเถิด”
เจินซื่อเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย
ชายผู้นั้นยกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วเริ่มกล่าวว่า “ข้าน้อยจำได้ดีเมื่อสองปีก่อนเทศกาลฮวาเฉา ที่จวนได้ให้วันหยุดแก่บรรดาบ่าวรับใช้ อาไฉ่ดีใจยิ่งนัก กล่าวว่าจะออกไปเที่ยว ทั้งข้าน้อยและภรรยาจึงใจอ่อนและปล่อยให้นางไป แต่ท้ายที่สุดแล้วอาไฉ่จากไปครั้งนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีก…”
เจินซื่อเฉิงรอจนกระทั่งชายผู้นั้นเช็ดน้ำตาเสร็จสิ้นจึงเอ่ยถามว่า “เจ้ามีคนที่รู้สึกสงสัยหรือไม่”
“มีขอรับ!” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงกว่าปกติ นสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “อาไฉ่ชื่นชอบชายคนหนึ่งนามว่าอากวง ในวันนั้นอาไฉ่ออกไปข้างนอกคงจะต้องนัดหมายกับเจ้าหมอนั่นเอาไว้อย่างแน่นอน…อากวงคือผู้ร้ายที่เป็นคนฆ่าอาไฉ่อย่างแน่นอน ท่านใต้เท้าโปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกเราด้วย!”
สตรีที่อยู่ด้านข้างก็ร่ำไห้พร้อมกับด่าทอออกมา “อากวงเป็นคนที่ทำร้ายอาไฉ่ของเราอย่างแน่นอน!”
เจินซื่อเฉิงนิ่งเงียบฟังดูด้วยท่าทางอันไร้อารมณ์ รอจนกระทั่งทั้งสองคนกลับคืนสู่ความสงบแล้วจึงได้เอ่ยถามว่า “ในเมื่ออาไฉ่และอากวงมีความรู้สึกที่ดีต่อกันแล้วเหตุใดอากวงจึงต้องคิดฆ่าอาไฉ่เล่า”
“นั่นเป็นเพราะพวกเราไม่เห็นด้วยที่พวกเขาจะคบหากัน” ชายผู้นั้นกล่าวขึ้นด้วยความโมโห “บิดาของอากวงจากไปตั้งนานแล้ว มีเพียงปู่ของเขาที่พิการซึ่งอาศัยอยู่ด้านข้างจวนอ๋อง หากว่าอาไฉ่แต่งงานกับเขาล่ะก็ แต่ละวันคงต้องพบแต่ความยากลำบาก ข้าและมารดาของนางจึงไม่ยินยอม ส่วนเจ้าหมอนั่นคาดว่าคงจะรู้สึกคับแค้นใจเมื่อพบว่าไม่อาจแต่งงานกับอาไฉ่ได้ จึงคิดแค้นเสียจนฆ่านางทิ้ง จากนั้นขโมยทรัพย์สินของอาไฉ่หนีหายไป…”
“ถ้าเช่นนั้นหมายความว่า บัดนี้อากวงไม่ได้อยู่ในจวนอ๋องหรือ” เจินซื่อเฉิงยกมือขึ้นลูบเคราของตนเองแล้วเอ่ยถาม
พ่อบ้านแห่งจวนอ๋องจึงได้รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านใต้เท้า นับตั้งแต่เทศกาลฮวาเฉาเมื่อสองปีก่อน อากวงก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย”
“การที่บ่าวหลบหนีหายไปเช่นนี้ พวกเจ้าได้ไปลงบันทึกการแจ้งคดีไว้หรือไม่”
พ่อบ้านจวนอ๋องหันกลับไปมองดูเซียงอ๋อง
เซียงอ๋องคิดไม่ถึงว่าพ่อบ้านจะฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้ เขาไปหาสองสามีภรรยาที่มีความเหมาะสมกับสถานการณ์มาร้องทุกข์ว่าเป็นผู้เสียหาย บัดนี้จึงรู้สึกวางใจยิ่งนัก เขากล่าวขึ้นว่า “ใต้เท้าถามสิ่งใดกับเจ้าก็จงตอบไปตามความจริง”
พ่อบ้านจวนอ๋องจึงได้โค้งกายคำนับ “ในครานั้นได้ทำการแจ้งไปแล้วขอรับ คาดว่าที่ศาลาว่าการคงจะมีบันทึกนี้อยู่”
เจินซื่อเฉิงพยักหน้าเล็กน้อย
เรื่องราวเหล่านี้เพียงแค่ไปตรวจสอบดูก็รู้เรื่อง หากไม่โง่เง่าเสียจนเกินไปก็คงจะมิคิดโกหกในเรื่องเช่นนี้
“แล้วปู่ของอากวงเล่า”
“เรื่องนี้ข้าน้อยจำได้ดี ในคืนนั้นที่อาไฉ่ไม่ได้เดินทางกลับมา บิดาของอาไฉ่จึงเดินทางมาขอลางานเพื่อเดินทางไปหาอาไฉ่ที่บ้านอากวง แต่พบว่าปู่ของอากวงได้สิ้นลมหายใจไปเสียแล้ว…” พ่อบ้านจวนอ๋องตอบกลับ
หญิงผู้นั้นก็พูดขึ้นด้วยอารมณ์ร้อนอีกครั้งว่า “ท่านใต้เท้า คาดว่าอากวงคงจะรู้ดีเรื่องอาการเจ็บป่วยปู่ของตนว่าค่อนข้างหนักและไม่มีเงินไปรักษาหาหมอ ดังนั้นจึงได้ทำร้ายอาไฉ่เพื่อทรัพย์สินเงินทอง แต่กลับพบว่าปู่ของเขาได้สิ้นใจไปก่อนแล้ว ดังนั้นจึงตัดสินใจหลบหนีไปอย่างแน่นอน”
“แล้วอากวงไม่พอใจที่พวกเจ้าคัดค้านการคบหาระหว่างเขากับอาไฉ่จึงเกิดความคับแค้น หรือเป็นเพราะต้องการช่วยปู่ของเขากัน”
หญิงผู้นั้นชะงักลง
สามีของนางมองไปที่ภรรยาของตนจากนั้นอธิบายขึ้นว่า “ใต้เท้าขอรับ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เราคาดเดาไปเอง อากวงทำร้ายอาไฉ่เพราะเหตุใดนั้นคงมีเพียงเขาที่รู้ แต่ความตายของอาไฉ่คงจะต้องเกี่ยวข้องกับอากวงเจ้าหมอนั่นอย่างแน่นอน”
“ทั้งสองท่านแน่ใจได้หรือว่าโครงกระดูกที่อยู่ตรงหน้านี้คือโครงกระดูกของบุตรสาวพวกท่านอาไฉ่” เจินซื่อเฉิงชี้ไปที่โครงกระดูกนั้นแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
โครงกระดูกบนพื้นนั้นไม่เหลือเลือดเนื้อแม้แต่น้อย มีเพียงเสื้อชั้นในบางๆ ที่มองไม่ออกว่าเป็นสีใดปกปิดเอาไว้ แต่ผมดำยาวที่ไร้ซึ่งความแวววาวกลับดูหนามาก
อย่างไรก็ตามจะบอกว่าดูจากผมยาวนี้เพื่อแยกแยะเพศหญิงและชายก็คงเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าจำได้เรื่องโครงกระดูกนี้เป็นบุตรสาวของตน
แต่ทั้งสองสามีภรรยากลับพยักหน้ายืนกราน
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน ท่านพ่อบ้านได้ตรวจสอบออกมาแล้ว สามปีมานี้หญิงสาวที่หายตัวไปมีเพียงอาไฉ่บุตรสาวของเราเท่านั้น หากไม่ใช่อาไฉ่แล้วจะเป็นผู้ใดกันเล่า”
เซียงอ๋องที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนักรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม
ตอนแรกเขาคิดว่าเรื่องนี้จะมาเกี่ยวโยงกับตน บัดนี้มองดูแล้วชายหนุ่มที่นามว่าอากวงจะเข้ามาเป็นแพะรับบาปแบกรับความผิดนี้เอาไว้แทน ช่างโล่งใจเหลือเกิน
“ไม่ทราบว่าทั้งสองทำงานใดอยู่ในจวนอ๋องหรือ” เจินซื่อเฉิงเอ่ยถาม
หญิงผู้นั้นตอบว่า “ข้าน้อยทำงานอยู่ในครัวเจ้าค่ะ”
เจินซื่อเฉิงมองไปทางชายคนนั้น
เขาจึงตอบต่อท้ายว่า “ส่วนข้าน้อยติดตามพ่อบ้านจัดหาซื้อของต่างๆ ขอรับ”
เจินซื่อเฉิงจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างผิวเผินว่า “เช่นนั้นทั้งสองคนคงจะอยู่ในจวนออกมาเป็นเวลาหนึ่งแล้วสินะ”
สองสามีภรรยามองหน้าสบตากันแล้วพยักหน้าพร้อมกัน “ท่านอ๋องช่างมีความกรุณายิ่งนัก ชีวิตของพวกเราจึงผ่านมาได้ด้วยดี…”
เจินซื่อเฉิงหยิบผ้าเช็ดหน้าเปิดออก เผยให้เห็นไข่มุกต่างหูเม็ดเล็กที่อยู่ข้างใน “พวกเจ้าลองดูว่านี่คือต่างหูไข่มุกของบุตรสาวของพวกเจ้าหรือไม่”
ชายผู้นั้นชะโงกหน้าเข้าไปมองดูสายตาส่องประกาย เหลือบไปทางหัวหน้าพ่อบ้านเล็กน้อย
พ่อบ้านพยักหน้าเบาๆ
ชายผู้นั้นจึงรีบกล่าวขึ้นว่า “เป็นของอาไฉ่ ข้าน้อยเคยเห็นนางใส่มัน”
“หืม เป็นของอาไฉ่จริงงั้นหรือ”
ในครั้งนี้หญิงวัยกลางคนก็ได้รีบเช็ดน้ำตาแล้วเข้ามากล่าวสมทบว่า “เป็นของอาไฉ่จริงๆ เจ้าค่ะ นี่คือต่างหูมุกคู่โปรดของนาง”
เจินซื่อเฉิงยิ้มเยาะแล้วกล่าวออกมาทีละคำว่า “ไร้สาระสิ้นดี ต่างหูมุกคู่นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถซื้อหาได้”
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมาก็เกิดความโกลาหลขึ้น ผู้คนรอบข้างพากันกระซิบกระซาบว่า “ไม่มีเงินซื้อต่างหูมุกงั้นหรือ คงไม่เป็นถึงเช่นนั้นกระมัง…”
ในสายตาของคนที่อยู่ในจวนอ๋อง สองสามีภรรยาคู่นี้ทำงานรับใช้อยู่ในจวนอ๋องค่อนข้างดี อย่าว่าแต่ต่างหูมุกสักคู่หนึ่งเลย พวกเขาสามารถซื้อปิ่นทองคำให้แก่บุตรสาวได้ด้วยซ้ำ
แล้วนับภาษาอะไรกับต่างหูมุกเม็ดเล็กๆ ที่ดูไม่มีค่าคู่นี้
เซียงอ๋องกล่าวขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า “ใต้เท้าเจินกำลังกล่าวหาว่าข้าปฏิบัติไม่ดีต่อบ่าวรับใช้อย่างงั้นหรือ”
เจินซื่อเฉิงยิ้มขึ้น “ท่านอ๋องปฏิบัติเช่นไรกับคนในเรือนของท่าน กระหม่อมไม่สนใจที่จะสืบหา กระหม่อมเพียงกล่าวไปตามความเป็นจริงเท่านั้น”
“อย่างงั้นหรือ แล้วเหตุใดใต้เท้าเจินจึงกล่าวว่าสองสามีภรรยาคู่นี้ไม่อาจมีเงินซื้อต่างหูมุกให้แก่ลูกสาวของเขาได้”
เซียงอ๋องเคยเห็นเครื่องประดับต่างๆ อันมีค่ามากมายมาก่อน เพียงแค่ไข่มุกขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวไม่ใช่สิ่งของล้ำค่าใด
เจินซื่อเฉิงหยิบต่างหูมุกข้างนั้นขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “เนื่องจากต่างหูมุกคู่นี้ ไม่ได้เป็นเพียงไข่มุกธรรมดาน่ะสิ”
“ว่าอย่างไรนะ ไม่ใช่มุกธรรมดางั้นหรือ” หลายคนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองสิ่งนี้ แม้แต่บรรดาอ๋องทั้งหลายก็เช่นกัน
เจินซื่อเฉิงหยิบต่างหูไข่มุกข้างนั้นขึ้นด้วยความระมัดระวังและหันมันเข้าสู่ดวงอาทิตย์
“ทุกท่านเห็นหรือไม่ว่าไข่มุกนี้มีอะไรแตกต่างกันกับไข่มุกทั่วไป”
เดิมทีไข่มุกอันแสนธรรมดาจะเปล่งประกายแสงเมื่อถูกแสงแดดส่อง แต่ไข่มุกที่อยู่ในมือของเจินซื่อเฉิงยามที่เขาหมุนมันไปรอบๆ กลับปรากฏแสงสีที่แตกต่างกันออกมา
หลู่อ๋องเห็นดังนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วโพล่งขึ้นว่า “นี่คือเจียวจู!”
เจ้าสิ่งนี้ราคาสูงยิ่งนัก แม่เสือใหญ่ในเรือนเขาก็มีอยู่คู่หนึ่ง ทำเอาเขาเสียเงินไปมากโข