SD:บทที่ 80 ชีวิตที่กล้าหาญ
ณ สนามแข่งม้าหลิวหยวน เป็นสนามแข่งม้าขนาดใหญ่ในแห่งเดียวของเมืองตงไห่ มันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองตงไห่แล้วยังเป็นสถานที่จัดการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย ดังนั้นจึงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากตลอดทั้งปี หากมีการแข่งขันเกิดขึ้นสถานที่แห่งนี้มักจะแออัดไปด้วยผู้คน และในวันนี้เป็นวันพิเศษเช่นกันมีคณะผู้แทนจากอังกฤษมาเยี่ยมชม ความจริงที่เขามาเยี่ยมชมนั้นจริงๆแล้วเขามาที่นี่เพื่อหาเงินนั่นเอง!
หลังจากที่มาตรฐานความเป็นอยู่และความสามารถในการบริโภคของชาวจีนในท้องถิ่นใดยกระดับขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชาวต่างชาติหลายประเทศตั้งใจเข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้ นั่นคือจุดประสงค์ที่แท้จริงของกลุ่มแลกเปลี่ยนที่ ซูฉิวไป่ พบตอนที่เป็นนักแปลให้กับโรงเรียนมัธยมหยูเฉิง
ก็ตามเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากลุ่มแลกเปลี่ยนชาวอังกฤษนั้นได้นำนักขี่ม้ามืออาชีพมา 2 -3 คนซึ่งมีความชำนาญในการขี่ม้าเป็นอย่างมาก ดังนั้นสนามแข่งม้าจึงมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเยี่ยมชมของกลุ่มแลกเปลี่ยนชาวอังกฤษนี้ เมื่อมีการโฆษณาการแข่งขันทำให้หลายคนต้องการเข้าชมและมายังสนามแข่งตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยทะเลของผู้คน
ภายในห้องนั่งเล่นฝั่งตะวันตกของสนามแข่ง ไมค์กับจิมมี่นั่งอยู่ข้างหน้าต่าง เขากำลังมองผู้ชมที่กำลังหลั่งไหลกันเข้ามา พวกเขาได้แต่หัวเราะอย่างดูถูก
“คนเหล่านี้เข้าใจเกี่ยวกับการแข่งม้าหรือเปล่า?ดูสิพวกเขาแทบจะแย่งกันเข้ามาที่นี่”
ไมค์ถือไวน์แดงไว้บนมือของเขา ร่องรอยของการดูถูกเหยียดหยามยังคงปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของเขา
“โอ้ เราไม่สามารถตำหนิคนจีนเหล่านี้ได้ อีกทั้งมาตรฐานของพวกเขายังแย่มาก พวกเขาได้ที่โหล่ในการแข่งขันแข่งม้าเสมอ” ในขณะที่จิมมี่พูดเขาป้องมือไว้ที่ดวงตาของเขาราวกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างที่ไกลออกไปพร้อมกับหัวเราะ
คนสองคนนี้ เป็นคนของชาวอังกฤษ ไมค์มีส่วนร่วมในการแข่งม้าด้านความเร็วในขณะที่จิมมี่เข้าร่วมในการแข่งขันขี่ม้าด้วยเช่นกัน แม้ว่าคำพูดของพวกเขาจะทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่สบายใจแต่ไม่มีใครปฏิเสธคำพูดของเขาได้
ในเวลานั้นความสำเร็จของประเทศจีนเกี่ยวกับกีฬาดังกล่าวแย่มาก ในหลายๆกรณีทำให้พวกเขาไม่มีคุณสมบัติในการแข่งขันระดับนานาชาติ มันเป็นเรื่องน่าอายมากเนื่องจากกีฬาการแข่งม้านั้นมีมาเนิ่นนานกว่า 5000 ปี
“บอกเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ฉันและจิมมี่จะไม่เข้าร่วมในวันนี้”
หลังจากดื่มไวน์แดงเสร็จไมค์หันไปหาคณะผู้แทนที่อยู่ด้านข้างและพูดขึ้น
“แต่ว่า…พวกเราได้ประกาศออกไปแล้วว่าคุณกับจิมมี่จะเข้าร่วมในการแข่งขันในครั้งนี้ หากว่าพวกคุณไม่ทำตามคำประกาศ…มันจะไม่ดี…”
แม้ว่าคณะผู้แทนเองก็รู้สึกว่าไร้ความหมายที่จะให้บุคคลทั้งสองคนลงแข่งแต่พวกเขาได้ประกาศออกไปแล้วดังนั้นจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะกลับคำพูดในตอนนี้
“ไม่ต้องสนใจ พวกเราอยู่ที่นี่เป็นความจริง ผู้ชมและนักขี่ม้าของประเทศจีนนั้นไม่คู่ควรที่จะแข่งกับพวกเรา”จิมมี่บ่นเขาเห็นด้วยกับไมค์
นั่นทำให้คณะผู้แทนรู้สึกลำบากเขาไม่มีทางเลือกนอกจากออกจากห้องไป
ผู้รับผิดชอบสนามแข่งรู้สึกโกรธมากเมื่อผู้แทนบอกเขาในสิ่งที่ไมค์กับจิมมี่ตัดสินใจ!
สนามแข่งของพวกเขาโฆษณาอย่างอลังการเกี่ยวกับการมาของนักขี่ม้า 2 คนจากต่างประเทศ อีกทั้งเขาตั้งใจที่จะใช้โอกาสนี้ฝึกฝนทักษะให้กับนักกีฬาประเทศจีนของเขาเอง เขาดีใจมากที่มีผู้ชมเข้าร่วมจำนวนมากกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าชาวต่างชาติทั้งสองคนจะทำตัวบัดซบแบบนี้
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงมีการโต้เถียงกันทันที ฝ่ายประเทศอังกฤษนั้นได้ลงนามในสัญญาก่อนหน้านี้ ดังนั้นคณะผู้แทนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากกลับไปยังห้องรับรองเพื่อบอกกับไมค์และจิมมี่พวกเขาจะต้องเข้าร่วมการแข่งขัน
ทั้งไมค์และจิมมี่รู้สึกโกรธมากเขาเต็มไปด้วยความดูถูก ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะทำลายคู่ต่อสู้ในการแข่งขันทั้ง 2 ครั้ง และเขาจะเยาะเย้ยมาตรฐานของชาวจีนต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด
การแข่งขันจะเริ่มเร็วๆนี้ ผู้ชมยังคงหลั่งไหลเข้าสู่สนามแข่ง ในความจริงเหตุผลหลักที่ผู้ชมจำนวนมากเข้ามาชมการแข่งขันในวันนี้พวกเขาต้องการเชียร์ชาวจีนท้องถิ่นของพวกเขาหลังจากพบว่าชาวจีนของพวกเขาเข้าแข่งขันกับชาวต่างชาติ
แต่ในไม่ช้าผู้ชมก็เหมือนถูกราดด้วยน้ำเย็น ความปรารถนาของพวกเขาจางหายไป เกมถูกควบคุมโดยฝั่งตรงข้ามอย่างสมบูรณ์ ผู้เข้าแข่งขันที่มีประสบการณ์น้อยไม่สามารถแสดงทักษะของตัวเองได้สำเร็จ ในความเป็นจริงพวกเขาพร้อมที่จะล้มม้าของตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่สังเกตก็คือม้าที่ใช้ในการแข่งขันคือม้ายุโรปทั้งหมดเพื่อเอาใจคณะจากอังกฤษดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้เล่นท้องถิ่นของพวกเขาจะไม่คุ้นเคยกับการขี่ม้าประเภทนี้
หลังจากจบการแข่งม้ารอบสุดท้ายไมค์ก็ถือไมโครโฟนและตะโกนใส่ผู้เล่นชาวจีน
“มีคนจำนวนมากในประเทศจีนแต่ไม่มีคู่แข่งขันที่เป็นมืออาชีพเลย คงเป็นเรื่องโกหกที่ประเทศจีนประกาศเกี่ยวกับตัวเองว่ามีประวัติศาสตร์ในการขี่ม้ามาเป็นพันๆปี” ไมค์และจิมมี่หัวเราะหลังจากจบประโยค
ความเย่อหยิ่งและการดูถูกของชาวอังกฤษนั้นมากเกินไปแม้ว่าคำพูดของพวกเขาจะส่งผลโดยตรงต่อผู้เล่นท้องถิ่น แต่เห็นได้ชัดว่าคณะชาวอังกฤษยังคงต้องการที่จะประจานโดยใช้ไมโครโฟน มันทำให้ผู้ชมหลายคนรู้สึกโกรธแค้น แต่ไม่มีใครสามารถพูดอะไรได้ นักกีฬาได้แต่กำหมัดและจ้องมองไมค์กับจิมมี่ ด้วยความโกรธเคืองเช่นกัน
แม้แต่ผู้จัดสถานที่ยังรู้สึกเกลียดชังชาวต่างชาติสองคนนี้!พวกเขานึกไม่ถึงปัญหาที่จะตามมาจากการกระทำของพวกเขา ถ้าผู้ชมทั้งหลายต่างวิ่งลงไปรุมสกัมพวกเขาจะทำยังไง!
ผู้จัดการพยายามส่งคนไปไกล่เกลี่ยให้ผู้ชมสงบลง อย่างไรก็ตามชาวต่างชาติ 2 คนยังคงสนุกสนานและรู้สึกเหนือกว่าคนทั้งปวง
ในนาทีต่อมาก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกะทันหัน!
อาจเป็นเพราะเสียงดังจากฝูงชนทำให้ม้ายุโรปตัวหนึ่งตื่นตระหนกและเริ่มพาม้าตัวอื่นๆวิ่งรอบสนามอย่างดุเดือด!
ไมค์และจิมมี่รู้สึกหวาดกลัวรีบหลบซ่อนอย่างรวดเร็ว
คนที่คุ้นเคยกับม้ามักรู้เป็นอย่างดีว่ามันอันตรายแค่ไหนเวลาที่ม้าคลั่ง!
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนเคยเสียชีวิตมาแล้ว ไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้พวกมันสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือรอให้มันสงบลงก่อนและพยายามทำให้มันกลับมาเชื่องอีกครั้ง
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่ามากับวิ่งตรงไปยังทางออก! เสียงอุทานของผู้ชมทำให้ทุกคนเห็นรถยนต์จำนวนมากกำลังแล่นเข้ามา ม้าที่แข็งแกร่งและทรงพลังเหล่านั้นต่างพยายามกระโดดข้ามรั้วออกไปหารถยนต์เหล่านั้น
บุคคลที่รับผิดชอบสนามแข่งม้ารู้สึกตื่นตระหนกอย่างยิ่งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่ารถที่เข้ามานั้นเป็นรถหรูหราทุกคันและรถคันแรกที่เข้ามาคือ เฟอรารี่ สีแดง ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว..หากมาได้ทำลายรถเหล่านั้นผลที่ตามมาคงคาดไม่ถึง!
ทุกคนต่างเงียบลงชั่วขณะดวงตาของทุกคู่ต่างมองไปทิศทางเดียวกันเพื่อรอดูปฏิหารจะเกิดขึ้นหรือไม่!
โดยไม่คาดคิดประตูรถหรูเรานั้นเปิดขึ้นพร้อมกัน!จากนั้นมีบางคนกระโดดออกมาจากรถ อันที่จริงมีมากกว่า 1 คนและดูเหมือนว่าพวกเขามีประมาณ 10 คน ในวินาทีต่อมาผู้คนเหล่านั้นกระโดดข้ามรั้วและวิ่งตรงไปยังม้า ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร ผู้ชายที่มีท่าทางเย็นชานั้นวิ่งด้วยความเร็วสูงอยู่แนวหน้า ผู้ชมหลายคนต่างรู้สึกถึงพละกำลังของเขา!
ผู้ชายร่างใหญ่หลายคนที่อยู่ด้านหลังรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น พวกเขาวิ่งราวกับสัตว์ป่า หากไม่ใช่เพราะมีหลายคนอยู่ที่นี่พวกเขาคงไม่มีใครเชื่อว่าฉากที่เขาเห็นในตอนนี้เป็นความจริง เพียงแค่เสี้ยววินาทีผู้ชายคนแรกก็สามารถปรากฏตัวต่อหน้าม้าตัวแรก ทุกคนรู้สึกทันทีว่าโศกนาฏกรรมกำลังจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาชายคนนั้นก้มตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงศีรษะของม้าและคว้าสายบังเหียนก่อนที่จะกระโดดสูงขึ้น ไม่มีใครเห็นชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่แต่ในขณะนี้เขาขึ้นไปขี่มาแล้ว
ชายคนนั้นจ้องมองด้วยแววตาเหมือนนกอินทรี ขาทั้งสองข้างของเขาเกาะด้านข้างของม้าและดึงบังเหียนทันที ม้าร้องเสียงดังและยกกีบเท้าทั้งสองข้างของมันขึ้นก่อนจะกระทืบลง เมื่อกีบเท้าของมันถึงพื้นมันก็สงบทันที!
——————————————