ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก 9

ตอนที่ 9

 

คุณน้ำมาถึงห้องพยาบาลพร้อมกับกล่องข้าวที่จัดมาอย่างดี ผมที่นอนพักอยู่บนเตียงยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกใจกับการมาของคุณน้ำที่ดูเหมือนจะเตรียมการมาอย่างเต็มที่

“คุณฟ้าคะ เราเอาอาหารมาฝากค่ะ”

คุณน้ำพูดด้วยรอยยิ้มสดใส สะท้อนแสงราวกับเทพธิดาที่ลงมาโปรด แต่ผมสิ แอบเริ่มใจคอไม่ดี เพราะความเงียบสงบที่ผมหวังไว้มันดูจะไม่เกิดขึ้นในวันนี้แล้ว

สวรรค์….ใจคอจะไม่ให้พักกันเลยใช่ไหมเนี่ย

“เอ่อ ขอบคุณนะ แต่ว่า… ไม่เห็นต้องลำบากเลย”

ผมพยายามปฏิเสธอย่างเก้อเขิน แต่เธอก็ยิ้มอย่างมั่นใจและเดินเข้ามานั่งลงข้างเตียงอย่างไม่รีรอ

“ไม่ลำบากเลยค่ะ คุณฟ้าต้องกินอะไรที่ดี ๆ เพื่อจะได้ฟื้นตัวเร็ว ๆ”

“ว่าแต่ที่จริงเหมือนเราจะฝากคุณบีมซื้อข้าวมา….”

“พอดีบีมติดธุระนิดหน่อย…. เราเลยมาแทนค่ะ”

ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าภายใต้รอยยิ้มที่ดูใจดีดุจเทพธิดามันราวกับมีความดำมืดอันน่าหวาดหวั่นที่ซ่อนอยู่ และสัญชาตญาณมันบอกว่าผมอย่าถามมากไปกว่านี้จะดีกว่า

“ว่าแต่อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ”

น้ำเสียงของคุณน้ำบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอนั้นเป็นห่วงจากใจจริง

“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ… เริ่มไม่รู้สึกเจ็บเท่าไหร่แล้ว”

“งั้นเหรอคะ ถ้างั้นก็ดีแล้วค่ะ”

คุณน้ำถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างยินดีประดุจนางฟ้าที่ยิ้มให้โลกใบนี้จากนั้น..

“ถ้างั้นมาทานข้าวกันดีกว่านะคะ”

เธอเริ่มเปิดกล่องข้าวที่ดูหรูหราออกมา แล้วก็หยิบช้อนขึ้นมาเตรียมพร้อมที่จะป้อนผมทันที!

“เดี๋ยว ๆ คุณน้ำ ไม่ต้องป้อนก็ได้ เรากินเองได้นะ!”

ผมรีบพูดแทรกทันที แต่เธอกลับทำหน้าตาจริงจังเหมือนจะไม่ยอมแพ้

“ไม่ได้ค่ะ คุณฟ้าเพิ่งโดนลูกบอลอัดมานะคะ ต้องพักผ่อน เดี๋ยวเราอาสาป้อนให้เองค่ะ”

ช้อนของคุณน้ำได้ยกขึ้นมาก่อนที่จะตักข้าวผัดสุดหรูที่ข้างในน่าจะมีแต่ของแพง ๆ อยู่เต็มไปหมด ยิ่งกระตุ้นต่อมเกรงใจของผมได้เป็นอย่างดี

“ไม่ต้อง ๆ เราบอกแล้วว่าเราหายแล้ว เพราะฉะนั้น…”

“คุณฟ้าคะ… เราไม่ควรประมาทค่ะ คุณฟ้าอาจจะเจ็บมากกว่าที่คิดก็ได้ เพราะฉะนั้นขอให้เราดูแลนะคะ”

น้ำเสียงของเธอไม่เปิดช่องให้ผมปฏิเสธเลย จนผมได้แต่นั่งนิ่งยอมรับชะตากรรมรับการดูแลจากคุณเจ้าหญิงประจำห้องไปโดยปริยาย

“โอเค… กินก็ได้…ค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบรับของผม คุณน้ำยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะยื่นช้อนข้าวคำแรกมาใกล้ผม

“อ้าปากสิคะ คุณฟ้า~”

ผมที่ตอนนี้รู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูกก็เลยต้องยอมอ้าปากกินข้าวที่เธอป้อน

“เอ่อ… ขอบคุณนะ… อร่อยดี”

“ดีใจจังค่ะ ถ้าคุณฟ้าชอบเดี๋ยวเราจะซื้อมาฝากบ่อย ๆ นะคะ”

“ไม่ต้องก็ได้…” ผมพยายามปฏิเสธเบา ๆ แต่เธอกลับป้อนคำต่อไปทันที

“คุณฟ้าต้องดูแลตัวเองให้ดีนะคะ ถ้าคุณฟ้าเป็นอะไรไป… เราจะเป็นห่วงมากเลยค่ะ”

น้ำยิ้มอย่างอ่อนโยน แต่ความรู้สึกห่วงใยนั้นกลับทำให้ผมรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ น้ำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและยิ้มหวานเหมือนเดิม ทำเอาผมได้แต่รับชะตากรรมอย่างไม่มีทางเลือก

ให้ตายสิ ทั้งคุณเจ้าชายและเจ้าหญิง ไม่ว่าคนไหนก็พลังทำลายล้างสูงกันทั้งนั้น แบบนี้หัวใจชายหนุ่มอันแสนบอบบางของผมมันจะไปรอดไหมนะ….

หลังจากที่เธอป้อนข้าวผมไปสักพักจู่ ๆ คุณน้ำก็เอียงคอพลางมองผมด้วยสายตาสงสัยเล็กน้อย

“ช่วงนี้….คุณฟ้าเหม่อบ่อยจังเลยนะคะ… มีอะไรให้กังวลหรือเปล่าคะ?”

ดูเหมือนว่าผมจะทำตัวผิดสังเกตจริง ๆ ด้วยสินะ ทั้งคุณน้ำและคุณฟ้าถึงได้ทักมาแบบนี้น่ะ ให้ตายสิ…สงสัยหลังจากนี้ต้องพยายามคุมสติตัวเองดี ๆ แล้วล่ะ

“ก็… นิดหน่อย…..เรื่องที่บ้านน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก”

ผมตอบด้วยคำตอบเดียวกันกับที่ให้คุณบีมไป เพราะพอเป็นแบบนี้ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครคิดที่จะถามต่อเท่าไหร่

“ถ้าเป็นเรื่องทางบ้าน หรือเรื่องเพื่อน ๆ ก็บอกเราได้นะคะ”

น้ำพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แถมมือบางนั่นยังยื่นเข้ามาจับมือผมเบา ๆ คล้ายเธออยากจะให้กำลังใจผม

“ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก”

ขืนบอกไปว่าเรื่องใหญ่ พวกเธอคงกังวลมากกว่าเดิม และหากเป็นแบบนั้นไม่วายปัญหาที่วุ่นวายอยู่แล้วอาจจะได้วุ่นกว่าเดิมก็ได้

“แต่อาการที่คุณฟ้าแสดงออกมา มันดูไม่ใช่แบบนั้นนี่คะ”

เด็กสาวผมทองพยายามจ้องตาผมคล้ายราวกับอยากสืบหาความจริง ส่วนผมที่เจอแบบนั้นก็ทำได้เพียงแค่หลบตาซึ่งมันเป็นวิธีในการเอาตัวรอดที่ห่วยเอาเสียมาก ๆ เลย ดังนั้นผมก็เลยได้แต่เฉไฉไปเรื่องอื่นเอา

“คุณน้ำ… เราว่าคุณไปเรียนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวจะขาดเรียนเอา”

“ไม่เป็นไรค่ะ เราขออนุญาตครูแล้วว่าจะดูแลคุณฟ้า ในฐานะหัวหน้าห้องและเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เราไม่อยากให้คุณฟ้าอยู่คนเดียว เดี๋ยวถ้าเป็นอะไรขึ้นมาใครจะดูแลล่ะคะ?”

คำพูดนั้นทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เธอทำทุกอย่างเตรียมพร้อมมากจนผมไม่รู้จะหาทางหนีอย่างไรได้เลยแม้แต่ทางเดียว

“เอ่อ… แต่ว่าเราก็ยังมีครูพยาบาลดูแลอยู่….”

“เอ้อ ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วมั้ง ครูขอตัวก่อนดีกว่า”

ไม่ทันที่จะพูดจบผมก็เห็นครูพยาบาลลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับมองมีที่ตาผมคล้ายกับอาจารย์ท่านอยากจะสื่อว่า

อย่าเอาฉันมาอยู่ในปัญหาความสัมพันธ์ของพวกเธอจะได้ไหม ฉันกลัว

ใช่ ในจังหวะนั้นผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ถึงดวงตาของคุณน้ำที่แอบเหลือบมองไปที่คุณครูพยาบาล…..

ครูก็กลัวอ่าวไทยเหมือนกันสินะครับ….

“ดูท่าครูน่าจะไปนาน เพราะฉะนั้น… อย่างที่บอก เราจะอยู่เป็นเพื่อนคุณฟ้าเองนะ”

“ค่ะ”

ปฏิเสธมากกว่านี้ไป อ่าวไทยคงได้ถามหา เพราะฉะนั้นผมก็ได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมการดูแลอันแสนอบอุ่นของนางฟ้าสุดสวยที่ปนไปกับความเย็นยะเยือกเสียวสันหลังที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนอยู่ตลอดเวลา

คุณเจ้าหญิงได้คว้าน้ำแข็งมาประคบหน้าที่ร้อนฉ่าของผมอีกครั้งหนึ่งก่อนที่มืออีกข้างก็กุมมือของผมไว้อย่างหลวม ๆ

“ได้ดูแลคุณฟ้าแบบนี้ เหมือนกับได้ดูแลน้องสาวที่น่ารักสักคนเลยนะคะ”

“นี่แซวกันเพราะเราตัวเล็กเหรอเปล่าเนี่ย”

“อย่าคิดแบบนั้นสิคะ เพราะฟ้าทั้งน่ารักและน่าปกป้องจนให้ความรู้สึกเหมือนกับน้องสาวต่างหากล่ะคะ”

นี่คือมุมมองของเธอที่มองผมอย่างงั้นเหรอเนี่ย พอรู้แบบนี้ก็ทำเอาเขินไม่ใช่เล่นแฮะว่าแต่น่าปกป้องงั้นเหรอ นี่ตัวผมมันดูอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย..

“เพราะฉะนั้นให้พี่สาวคนนี้ได้ดูแลหน่อยได้ไหมคะ ฟ้าที่น่ารัก”

“แต่เราอายุเท่ากันนะ”

“จากวันเกิดแล้ว เราเกิดก่อนคุณฟ้านะคะ นับเป็นพี่สาวได้แล้วล่ะ”

นี่ไปรู้วันเกิดของผมมาได้ไงเนี่ย!!!

“รู้วันเกิดเราด้วยเหรอ?” ผมถามไปแบบพยายามทำตัวปกติ

“แน่นอนสิคะ~ เราสนิทกันนี่นา การรู้วันเกิดของคุณฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”

คุณน้ำตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส แต่ในความสดใสนั้นกลับทำให้ผมรู้สึก….กริ่งเกรงในตัวเธอคนนี้พอสมควร

น่ากลัว น่ากลัวไปแล้วคุณน้ำ นี่ไปหาข้อมูลนี้มาได้ไงเนี่ย

เธอเหมือนจะอ่านความคิดผมออก เลยยื่นหน้ามาใกล้ๆ แล้วกระซิบด้วยน้ำเสียงเบาๆ ที่ทำให้ผมยิ่งหนาวสันหลัง

“สำหรับน้องสาวที่น่ารัก ไม่มีอะไรที่พี่คนนี้ไม่รู้หรอกนะคะ”

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

น่ากลัว!!

แต่นั่นสินะ.. ใช่แล้ว มันก็เป็นไปได้อยู่แล้วนี่นา ผมลืมไปได้อย่างไรกันว่าเธอคนนี้น่ะคือทายาทของตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของประเทศ กับแค่วันเกิดน่ะ มันหาไม่ยากหรอก ยิ่งเป็นข้อมูลที่บริษัทยานั่นพยายามปล่อยออกมาเพื่อความเนียนยิ่งแล้วใหญ่

แต่คุณน้ำ ทำไมถึงต้องยิ้มด้วยรอยยิ้มอันแสนน่ากลัวด้วยนะ มันราวกับว่าถ้าผมปฏิเสธเรื่องพี่สาวนี่ไป ผมจะโดนจับไปถ่วงอ่าวไทยจริง ๆ แบบไม่มโนแน่นอน

“งะ..งั้นเหรอคะ ดีจังเลยนะคะ แหะ ๆ”

“เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกได้เสมอนะคะ พี่สาวคนนี้ยินดีดูแลค่ะ”

……..

นี่ถ้ารู้ว่าน้องสาวที่น่ารักเป็นผู้ชายมันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ ผมล่ะสงสัยจริง ๆ แต่ว่าความสงสัยนั่นก็ขอเก็บไว้ในใจก็แล้วกันนะ พอดีไม่อยากได้ตั๋วทัวร์ก้นอ่าวไทยฟรี ๆ น่ะ

เดี๋ยวก่อน… ไม่สิฟ้า ลองนึกดูดี ๆ สิ ถ้าคนข้างหน้ามีอำนาจมากพอที่จะตามหาข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายดายขนาดนี้ แล้วกับแค่ตามหาตัวคนหายมันจะยากอะไรจริงไหม….

ใช่ ใช่แล้ว แค่ไม่ต้องพูดเรื่องการที่เราเป็นผู้ชายก็พอ แล้วก็แค่พูดเรื่องตามหาด็อคเตอร์เฟรย์ไปมันก็จบแล้วนี่นา… อัจฉริยะ ผมนี่มันอัจฉริยะจริง ๆ!!!!

“ที่จริงแล้ว…เรากำลังตามหาคน ๆ หนึ่งอยู่น่ะค่ะ”

“คะ? ตามหาคน”

ไม่แปลกที่เธอจะทำหน้าสงสัยขึ้นมาเพราะจู่ ๆ ผมก็พูดเรื่องอะไรไม่รู้ขึ้นมาแต่ว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอขัดอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วตั้งใจฟังผมเท่านั้น

“ค่ะ เป็นเพื่อนของพี่สาวน่ะค่ะ..พอดีเธอ…”

“คุณฟ้ามีพี่สาวด้วยงั้นเหรอคะ?”

จู่ ๆ ตาของนางฟ้าตรงหน้าก็ดูไร้แววไปชั่วขณะ มันราวกับร่างของผมถูกโยนไปที่ขั้วโลกเหนือจนผมหนาวไปทั่วทั้งสันหลัง

“เอ่อมีค่ะ”

“เป็นพี่สาวที่โชคดีมาก ๆ เลยนะคะ”

ไม่รู้ว่าคุณอีฟจะรู้สึกโชคดีไหมที่ได้น้องสาวอุปโลกน์ แบบผมน่ะนะ แต่ทำไมเหมือนผมเผลอไปเหยียบกับดักอะไรสักอย่างละเนี่ย…ต้องระวังตัวดี ๆ แล้วสิ

“คะ…ค่ะ แต่ก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ค่ะ”

“งั้นเหรอคะ น่าเสียดายจังเลยนะคะ อุตส่าห์มีน้องสาวที่น่ารักขนาดนี้”

จู่ ๆ แววตาของคุณฟ้าก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมจนผมเริ่มชักสงสัยว่ากับคำอย่างพี่สาวดูจะมีผลกับเธอมากเสียเหลือเกิน แต่เอาเถอะ อย่าไปเหยียบมันเลย เลี่ยงไว้ได้เลี่ยงนะฟ้า ไม่งั้นคุณอีฟได้ตั๋วไปอ่าวไทยฟรีแน่ ๆ

“ขอบคุณสำหรับคำชมนะ..คะ มาเข้าเรื่องดีกว่าเนอะคุณน้ำ”

“นั่นสินะคะ ต้องขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะคุณฟ้า เหมือนเมื่อครู่บอกว่าเพื่อนพี่สาวเป็นอย่างไรนะคะ”

“เธอหายตัวไปค่ะ”

“หายตัวไป?”

ได้เวลาเล่นละครฉากใหญ่แล้วสินะ ฟ้าเอ๋ย…… มันจะรอดไหมเนี่ย

ผมพยายามตีหน้าจริงจังเข้าไว้ โดยในใจก็พยายามรีดเค้นสกิลการโกหกขั้นสูงที่สุดที่พอจะรีดได้ออกมา เพราะสัญชาตญาณมันบอกอย่างชัดเจน ว่าพลาดแม้แต่ก้าวเดียว ได้ตั๋วฟรีไปอ่าวไทยแน่นอน

“ค่ะ… เพื่อนของคุณพี่สาว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนที่จะค่อย ๆ เริ่มก้มหน้าลงให้ต่ำดูเหมือนเด็กน้อยที่ซึมลงยามพูดถึงเรื่องแสนเศร้า

“ดูเหมือนเธอจะเป็นเพื่อนที่สนิทของคุณพี่สาวน่ะค่ะ… ไม่มั่นใจว่าเป็นเพื่อนร่วมงานหรืออะไร แต่ว่าตั้งแต่นั้น คุณพี่สาวก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ… ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เห็นแบบนี้แล้วเราก็…เราก็…”

ผมเริ่มทำเสียงสะอื้นไห้ คุณน้ำที่เห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาลูบหลังเบา ๆ เป็นเชิงปลอบอันเป็นสัญญาณบอกว่าแผนขั้นแรกนั้นสำเร็จไปได้ดี

“ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะคุณฟ้า…. ไม่เป็นไรนะคะ ไม่เป็นไร….แล้วพอมีเบาะแสอะไรบ้างไหมคะ เผื่อเราจะช่วยตามหาด้วยอีกแรง”

เป็นไปตามแผน…..

คิดแล้วอยากแสยะยิ้มออกมาอย่างมีชัย แต่มันก็ทำได้แค่ในใจเพราะไม่งั้นแผนมันจะแตกหมด

“ล่าสุดที่เรารู้คือ… เธอถูกพบครั้งสุดท้ายที่โรงเรียนนี้ค่ะ พี่สาวของเราพยายามหาข้อมูลทั้งวันทั้งคืนแต่ก็ได้มาแค่ภาพของกล้องวงจรปิดของตำรวจที่พบว่าคุณเพื่อนได้เข้ามาที่โรงเรียนนี้ก่อนที่จะหายตัวไปค่ะ”

ผมเริ่มเล่าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ทำตัวให้ดูเหมือนว่าผมรู้ข้อมูลมาจากพี่สาวที่แสนจะห่วงเพื่อนของเธอ พร้อมกันก็ยื่นภาพของดอคเตอร์เฟรย์ที่ทางคุณประธานบริษัทเอามาให้

“โรงเรียนนี้งั้นเหรอคะ?”

คุณน้ำขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเริ่มมีความจริงจังมากขึ้น ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สงสัยในเรื่องที่ผมเล่าเลยแม้แต่น้อย

“แล้วเพื่อนของคุณพี่สาวชื่ออะไรคะ?บางทีเราอาจจะช่วยคุณฟ้าได้บ้าง”

“เธอชื่อ…เฟรย์ค่ะ”

คุณน้ำหยุดชะงักไปชั่วครู่ ดูเหมือนเธอกำลังคำนวณอะไรบางอย่างในหัว

“เฟรย์… ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยค่ะ แต่ก็คงเป็นคนสำคัญของคุณพี่สาวสินะคะ”

“ใช่ค่ะ ตอนนี้พี่สาวเราเป็นห่วงเธอมากเลยค่ะ พอเห็นแบบนั้นก็ทำเอาเราคิดไม่ตกเลยล่ะค่ะ…”

“ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้เองสินะคะ”

ผมพยายามใส่อารมณ์เศร้าให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ การแสดงของผมนั้นมันไร้ที่ติระดับที่นักแสดงออสการ์ยังต้องก้มกราบ ก่อนจะพยักหน้าให้เธออย่างช้า ๆ เป็นการรับคำถัดมาของคุณเจ้าหญิง

“ฟ้าไม่ต้องกังวลนะคะ เราจะช่วยหาข้อมูลเองค่ะ”

“จะช่วยเราจริง ๆ งั้นเหรอ”

“แน่นอนสิคะ จะนักสืบมือหนึ่งหรือว่าเครือข่ายข้อมูลลับต่าง ๆ เรามั่นใจว่าจะต้องตามหาเพื่อนของคุณพี่สาวได้อย่างแน่นอนค่ะ”

ไม่รู้ทำไมยิ่งฟังเธอพูดว่าจะช่วยอย่างเต็มที่แบบนี้ ในใจผมกลับกังวลว่าดร.เฟรย์จะกลับมาครบสามสิบสองไหมนะ

แต่บางทีผมอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ คุณเจ้าหญิงถึงจะเอาแต่ใจบ้างไปหน่อยแต่ก็คงไม่ทำอะไรน่ากลัวแบบนั้นหรอก

“เพราะฉะนั้นแล้ว…..”

มือบางได้ยกขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ เช็ดน้ำใส ๆ ที่อยู่ตรงขอบตาของผมออกไป ก่อนจะตามมาด้วยรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนและดวงตาสีฟ้าที่เต็มไปด้วยความห่วงใย

“ได้โปรดอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยนะคะ”

สำเร็จ…. สุดยอดจริง ๆ ฟ้า เธอมันสุดยอดจริง ๆ!!!ไม่นึกไม่ฝันว่าการใช้โศกาสาไถย บีบน้ำตาเรียกความสงสารมันจะได้ผลขนาดนี้… ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ ไม่ต้องออกแรงอะไรเองเดี๋ยวข้อมูลของดร.เฟรย์จะต้องลอยมาหาผมอย่างแน่นอน

“เข้าใจแล้วค่ะ”

และด้วยความคิดแบบนั้นมันก็เลยทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างร่าเริงซึ่งแน่นอนว่าคุณน้ำคงเข้าใจไปอีกแบบแต่ไม่เป็นไรหรอก สุดท้ายผลลัพธ์มันก็เหมือนกัน

“ดีแล้วค่ะ ฟ้าต้องพักผ่อนนะคะ เดี๋ยวที่เหลือเราจะจัดการให้เอง ถ้ามีอะไรคืบหน้า เราจะแจ้งให้ฟ้าทราบทันทีเลยนะคะ”

คุณน้ำพูดก่อนจะยิ้มกว้างและหยิบกล่องข้าวที่เหลือเก็บไปอย่างเรียบร้อย ดูเหมือนภารกิจดูแลผมของเธอจะเสร็จสิ้นไปอีกขั้นแล้ว

“อ้อ และถ้ามีอะไรด่วน คุณฟ้าก็โทรหาเราได้ทุกเมื่อเลยนะคะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม เราจะรีบมาทันที….อ๊ะ เรายังไม่มีเบอร์กันเลยนี่นะ นี่คะเบอร์เรา”

“อ่า ขอบคุณมากค่ะ”

“ว่าแต่ขอเบอร์ของคุณฟ้าได้ไหมคะ เพราะถ้าเรื่องคืบหน้าอะไรแล้วเราจะได้โทรติดต่อหรือไลน์ไปบอกได้ทันทีเลยไงคะ”

“เอ่อ…นี่ค่ะ ยิงเบอร์ไปนะ”

เนื่องจากผมเพิ่งได้ทั้งเบอร์และมือถือมาใหม่เลยยังจำเบอร์ของตัวเองไม่ค่อยได้ ก็เลยโทรเข้ามือถือตามเบอร์ที่คุณเจ้าหญิงให้มาซึ่งนั่นมันทำให้คุณเจ้าหญิงยิ้มกว้างออกมาอย่างยินดีจนผมได้แต่สงสัยว่ามันขนาดนั้นเลยเหรอ และในใจมันก็คิดได้บางอย่าง..

ติ๊ง…

ภาพของกระต่ายน้อยถูกยิงมาจากไลน์ของคุณน้ำ ซึ่งผมก็ตอบรับการเป็นเพื่อนไปทว่าตอนนั้นเองในหัวมันก็สงสัยบางอย่าง

“ไว้จะติดต่อไปนะคะ”

ให้เบอร์ไปแบบนี้ ผมคิดถูกเหรอเปล่านะ?

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก

ซวยจริง กลายเป็นสาวน้อยไม่พอยังเจอเหล่าเจ้าหญิงของโรงเรียนมาจีบอีก

Score 10
Status: Completed
แย่แล้ววว เจออุบัติเหตุกลายเป็นสาวน้อยไม่พอดีดันเจอคุณเจ้าหญิงและคุณเจ้าชายประจำโรงเรียนหญิงล้วนมาตามจีบอีก ไอ้คนกลัวสังคมแบบผมมันจะรับไม่ไหวเอานะครับบบบ หนทางกลับร่างเดิมก็ต้องหา ความลับก็ต้องเก็บ มันจะรอดไหมเนี่ย

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset