หลังจากท่านประธานบริษัทบอกเรื่องสำคัญ เรื่องนี้มันก็ยังวนเวียนอยู่ในหัวของผมไปหลายวันหลายคืน… หนทางในการกลับสู่ร่างเดิมอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ หนทางที่ผมจะได้กลับเป็นผู้ชายอีกครั้งหนึ่ง…
“ฟ้า… ฟ้า!!”
แต่ถึงจะรู้แบบนั้น ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้ตามหาคนที่หลบหนีเหมือนในหนังสายลับแบบนี้ เด็กมัธยมธรรมดาอย่างผมมันจะทำได้ยังไงล่ะเนี่ย…
“คุณฟ้า!!!”
หือ?
เสียงตะโกนเรียกของคุณน้ำและคุณบีมดังขึ้นมา ทำเอาผมหลุดออกจากโลกของความคิด ตอนแรกก็สงสัยว่าทั้งสองคนจะเรียกผมไปเพื่ออะไร แต่พอหันไปก็พบกับสีหน้าของทั้งสองคนที่มองมาอย่างตกใจ
อ๊ะ…. เราอยู่ในคาบวอลเลย์นี่นา
ตุ๊บ
ความรู้สึกถูกของแข็งพุ่งเข้ากระทบที่หน้าจนแก้มของผมรู้สึกชาด้านไปหมด พร้อมกันนั้นเองแรงของลูกบอลที่แม้จะไม่ได้รุนแรงมากเพราะเป็นแค่บอลที่ถูกโยนมา แต่ก็มากพอที่จะทำให้ผมเซจนล้มลงไปที่พื้นพร้อมกับดาวที่วิ่งรอบบนหัว
“กรี๊ดดดด ฟ้า!~!!!”
เสียงกรี๊ดของเหล่าเด็กสาวทั้งหองสามดังขึ้นก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของฝีเท้าจำนวนมากที่กรูกันเข้ามาทางผมกันหมด แต่ละคนมองมาด้วยสีหน้ากังวลประดุจเหมือนผมถูกรถชนก็ไม่ปาน
“เป็นอะไรมากไหมฟ้า หน้าแดงหมดเลย”
“แย่แล้ว ๆ ไม่นะตุ๊กตัวน้อยของพวกเรา”
“ดูสิหน้าแดงช้ำเลย กระดูกจะแตกไหมเนี่ย”
เดี๋ยว ๆ ผมไม่ได้บอบบางขนาดนั้น… ลูกผู้ชายอกสามศอกน่ะ แค่นี้ไม่มีปัญหาหรอกนะ!!
“เราขอโทษ สงสัยเราจะโยนบอลให้ฟ้าเร็วไป อย่าเป็นอะไรไปเลยนะฟ้า”
ใจเย็น ๆ ก่อนทุกคน นี่โดนลูกบอลอัดหน้าไม่ได้โดนรถชน ทำไมถึงต้องทำอะไรให้มันเวอร์ขนาดนี้ด้วย
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือเด็กสาวที่เป็นคนโยนลูกบอลมาให้ผม ถ้าจะไม่ผิดเธอนั้นจะชื่อว่าพลอย เป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักแม้จะไม่ได้เด่นเท่ากับคุณเจ้าชายหรือเจ้าหญิง แต่ก็เรียกได้ว่าหากไปอยู่ที่โรงเรียนอื่นคงได้เป็นคนดังแน่นอน
และตอนนี้พลอยก็กำลังทำสีหน้าที่รู้สึกผิดประดุจเธอเผลอเอาปืนมายิงผมตาย ซึ่งผมก็อยากตะโกนพูดไปว่าไม่ใช่ความผิดของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว ผมดันยืนเหม่อไม่ดูที่ดูทางเองต่างหาก
“เรื่องนั้น…”
“คุณฟ้าไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้นค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวรถโรงพยาบาลก็มีแล้ว”
หา?! เดี๋ยว ๆ ล้อเล่นใช่ไหม
เสียงของคุณน้ำที่พูดพร้อมกับมือถือรุ่นใหม่สุดแพงในมือเธอ มันโชว์ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ล้อเล่น เพราะข้อความบอกว่าเธอเรียกรถโรงพยาบาลจริง!
“เรื่องนั้นเกินไปแล้วค่ะ แค่มึน ๆ นิดหน่อยพักแปปเดียวเดี๋ยวก็….”
“ไม่ค่ะ คุณฟ้าห้ามประมาทเด็ดขาดค่ะ กระดูกอาจแตกได้เลยนะคะ ไปให้หมอดีก่อนดีกว่าค่ะ”
กระดูกนะไม่ใช่ปีโป้ อะไรมันจะหักง่ายขนาดนั้น!!เวอร์เกินไปแล้วคุณน้ำ
“เธอน่ะก็เวอร์ไปยัยน้ำ”
อ๊ะ คุณบีม.. นั่นสินะ แม้จะเป็นลูกสาวมาเฟียแต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นถึงนักกีฬา กับเรื่องแค่นี้น่ะน่าจะเข้าใจอยู่แล้วว่าไม่ได้รุนแรงอะไร
“เดี๋ยวฉันแบกฟ้าไปเอง”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงจู่ ๆ คุณบีมก็เดินมาช้อนร่างของผมที่นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้นขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดทุกอย่างมันก็เหมาะสม คนเจ็บก็ควรไปห้องพยาบาลแต่ที่มันแปลกก็คือ…
ทำไมต้องอุ้มท่าอุ้มเจ้าสาวด้วย!!!
“คุ…คุณบีม..คะ..คือว่า.”
ตอนนี้ผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ถึงความร้อนที่อยู่บนหน้าผม ความร้อนจากเลือดที่สูบฉีดไปที่หน้าจนแทบทำเอาความรู้สึกเจ็บเมื่อครู่นี้หายไปราวกับมันไม่มีเคยมีมาก่อน
พอเป็นแบบนั้นก็ทำให้ผมพูดเสียงตะกุกตะกักไปหมด และมันยิ่งพูดไม่เป็นภาษามากกว่าเดิมเมื่อคุณเจ้าชายได้หันมาตามเสียงก่อนจะยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ออกมา
“ไม่เป็นไรนะฟ้า ฉันจะดูแลเธอเอง”
หล่อมาก หล่อวัวตายควายล้มมากครับ!!!หล่อขนาดผมที่เป็นผู้ชายยังรู้สึกเขินเลย… อะไรมันจะบทพูดพระเอกได้ขนาดนั้น!!!
และด้วยพลังทำลายล้างแรงสูงที่คุณบีมปล่อยออกมา มันก็ทำเอาผมหน้าแดงพูดอะไรไม่ออกได้แต่อ้าปากค้างนิ่งเป็นรูปปั้นซะอย่างงั้น
“เคลื่อนย้ายคนเจ็บแบบไม่ระวัง เดี๋ยวคุณฟ้าก็ได้บาดเจ็บเพิ่มหรอกค่ะ รอรถโรงพยาบาลดีกว่าค่ะ”
คุณน้ำพูดแทรกขึ้นมาก็ทำให้คุณบีมหันกลับไปหลังจากเอาแต่จ้องหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง
“คุณบีม! คุณจะพาฟ้าไปห้องพยาบาลแค่นั้นไม่ได้นะคะ! เรื่องนี้ต้องให้มืออาชีพจัดการค่ะ ฉันเรียกรถพยาบาลแล้ว จะถึงใน 10 นาทีนี้”
คุณน้ำพูดเสียงจริงจังสุด ๆ ส่วนคุณบีมมองน้ำพร้อมกับยกคิ้วขึ้น
“หา?เวอร์ไปแล้วน้ำ เธอจะเรียกรถพยาบาลมาทำไม! ก็แค่บอลโดนหน้านะไม่ใช่โดนสิบล้อชน”
“ก็รู้อยู่ว่าฟ้าบอบบางแค่ไหนไม่ใช่เหรอคะ! เราต้องทำให้แน่ใจว่าไม่มีอาการอะไรแทรกซ้อน ฉันไม่เสี่ยงกับอะไรแบบนี้หรอก”
เดี๋ยวก่อนสิ ถึงร่างนี้มันจะตัวเล็กบอบบางแต่ก็ไม่ได้บอบบางขนาดนั้นซะหน่อยนะคุณน้ำ!!!
ไม่ได้การแล้ว ขืนปล่อยสองคนนี้ต่อไปผมคงไม่ได้รักษาอะไรกันพอดี เพราะฉะนั้น
“เอ่อ… เราว่าจริง ๆ แล้วไม่ต้องถึงขั้นเรียกรถพยาบาล… แค่ไปห้องพยาบาลในโรงเรียนก็พอแล้วล่ะ…”
ขืนไปโรงพยาบาลผมคงได้ขาดคาบเรียนบ่ายแน่ ๆ
“เห็นไหม อย่างที่ฟ้าบอก ฉันจะพาเธอไปห้องพยาบาลเอง”
“คุณฟ้าคะ…ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา กระดูกจมูกแตกหรืออย่างอื่นจะแย่เอานะคะ เรายังไม่อยากให้ฟ้าต้องเสียโฉมเพราะอุบัติเหตุนะคะ”
เดี๋ยว ๆ คุณน้ำเวอร์ไปแล้ว มันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นซะหน่อย ถึงหน้ามันจะช้ำนิดหน่อยแต่แค่ประคบเย็นหน่อยเดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ….มั้ง
“ฉันน่ะนักกีฬารู้ดีอยู่แล้วว่าควรดูแลแบบไหน เพราะฉะนั้นไปกันเถอะ”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อนค่ะ!!”
ไม่รอแม้แต่จะให้คุณน้ำพูดอะไรต่อ คุณบีมเล่นยกร่างของผมด้วยท่าอุ้มเจ้าหญิงแล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องพยาบาล ซึ่งตอนนี้ผมบอกได้เลยว่าหน้าของผมมันแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศซะอีก
รู้สึกได้เลยว่าตอนนี้ทุกสายตาในโรงเรียนกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาประดุจพวกเธอกำลังดูละครหลังข่าวก็ไม่ปาน บางคนหนักหน่อยถึงขั้นหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายแล้วทำหน้าเคลิ้มกันซะอย่างงั้น ยิ่งทำเอาผมเริ่มเขินหนักกว่าเก่า
แต่ถึงจะเขินขนาดไหน ผมก็พูดอะไรไม่ออกเพราะหัวสมองมันตีกันวุ่นไปหมด ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าของผมแดงเพราะโดนลูกบอลหรือเพราะการถูกอุ้มกันแน่…
“ฟ้า… ใจเย็น ๆ นะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” คุณบีมพูดเสียงนุ่มพร้อมกับยิ้มออกมาราวกับพระเอกละครช่องเจ็ด ท่าทางใจเย็นแบบนั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกเกร็งมากกว่าเดิม
“ระ…เราเดินเองก็ได้ค่ะ…แบบนี้มันออกจะ…มากเกินไปหน่อย” ผมพยายามพูดออกมา แต่เสียงกลับสั่นไหวจนฟังดูอ่อนแอไปหมด
“ไม่ต้องห่วง ยินดีดูแลฟ้านะ”
คุณบีมพูดพลางกระชับตัวผมแน่นขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผมยิ่งต้องเอามือไปจับเสื้อนักเรียนของเธอไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว
ผมสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงเสียงหัวใจของตัวเองที่มันเต้นรุนแรงจนราวกับจะหลุดทะลุหน้าอกออกมา ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไรก็เลยเกาะเสื้อของคุณเจ้าชายไว้อยู่แบบนั้น
และสุดท้ายหลังผ่านจากการเดินทางอันแสนสุดเร่าร้อนของคุณเจ้าชาย พวกเราก็มาถึงห้องพยาบาลจนได้ โดยอาจารย์ห้องพยาบาลตอนแรกก็มองมาที่พวกเราแปลก ๆ แต่พอคุณบีมบอกว่าผมเจอบอลอัดหน้ามาอาจารย์ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากจะพยักหน้าแล้วก่อนจะชี้ไปที่เตียงนอน
คุณบีมวางผมลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ทำเอาผมที่นอนแผ่อยู่บนเตียงรู้สึกประหลาดใจ… และหัวใจเต้นเร็วขึ้นอีก!
“ฟ้า นอนพักไปก่อนนะ ฉันจะเอาน้ำแข็งมาให้ประคบหน้าให้”
คุณเจ้าชายพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและห่วงใย แถมยังยิ้มให้แบบที่ดูดีเหมือนพระเอกในละครอีกต่างหาก! นี่มันจะพลังทำลายล้างมากเกินไปแล้ว
“เอ่อ… จริงๆ เราไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ…”
ผมตอบกลับไปแบบเก้อเขิน แต่คุณบีมกลับส่ายหัวเบาๆ แล้วส่งยิ้มให้อีกครั้ง ทำให้ผมยิ่งทำอะไรไม่ถูกเข้าไปใหญ่
“อย่าดื้อสิฟ้า… ถึงจะไม่เป็นอะไรมาก แต่การประคบเย็นก็ช่วยลดอาการบวมได้นะ เดี๋ยวถ้าหน้าเธอช้ำขึ้นมาจะไม่สวยล่ะทำยังไง?”
ผมเป็นผู้ชายนะ ทำไมจะต้องกลัวไม่สวยด้วยล่ะเนี่ย แต่จะพูดแบบนั้นไปก็ไม่ได้ดังนั้นก็เลยได้แต่ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตาที่แดงของตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ… คือว่า เราคงไม่…”
ผมพยายามจะปฏิเสธ แต่บีมก็เดินเข้ามาใกล้แล้วนั่งลงข้างเตียงของผมพร้อมยื่นมือมาจับมือผมไว้เบาๆ
“ฟ้า… เธอต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ไม่งั้นฉันจะเป็นห่วงมากเลย”
คุณบีมพูดออกมาเสียงนุ่ม ทำให้ผมได้แต่เบิกตากว้างและไม่สามารถหาคำพูดอะไรออกมาได้ทันทีที่เธอมองผมด้วยสายตาแบบนั้น
หัวใจของผมเต้นรัวเหมือนกลองชุดในงานคอนเสิร์ต ความร้อนที่หน้าผมมันยิ่งทวีขึ้นจนเหมือนจะลุกเป็นไฟ ขณะที่คุณบีมยังคงนั่งมองผมด้วยสายตาห่วงใย
ในขณะที่ผมกำลังจะพูดอะไรออกไป อาจารย์พยาบาลก็กลับมาพร้อมถุงน้ำแข็งในมือ ยื่นมาให้คุณบีมก่อนที่เธอจะประคบมันลงที่หน้าผมเบาๆ พร้อมกับยิ้มอีกครั้ง
“รู้สึกดีขึ้นไหม?”
“อ่า…คะ…ค่ะ”
ผมพยายามตอบ แต่คำพูดของผมกลับสั่นจนฟังดูไม่เป็นประโยคไปเสียหมด คุณบีมก็ยังคงทำหน้าใจดีเหมือนเดิม ทำเอาผมยิ่งเขินหนักกว่าเดิม
“ฟ้า ช่วงนี้ดูเหม่อ ๆ นะ ไม่สบายอะไรเหรอเปล่า”
“เรื่องนั้น….”
ที่จริงมันก็ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งได้แล้วที่ผมได้รู้เรื่องของการกลับร่างเดิม แต่เพราะไม่มีอะไรที่คืบหน้า มันก็เลยทำให้ผมกังวลและเก็บเอามาคิดมาก แต่สงสัยจะคิดมากไปจนทำให้ผิดสังเกตขนาดนี้
“มีเรื่องที่กังวลนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรบอกฉันได้ไหม ถ้าเป็นเรื่องกังวลใจไม่ว่าอะไรก็ยินดีรับฟังนะ”
“คือมันออกจะ…..”
มันพูดได้ที่ไหนกันเล่า ใครจะไปบอกได้ว่ากังวลเรื่องอยากจะเปลี่ยนร่างตัวเองกลับเป็นชาย ขืนพูดออกไปได้มีเรื่องยาวเป็นหางว่าวพร้อมกับความเสี่ยงโดนจับโยนไปชายฝั่งอันดามันอีกต่างหาก
และเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไรผมก็เลยได้แต่ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองไว้แบบนั้น
“หรือว่าโดนแกล้ง?ถ้ามีก็บอกมาเลยเดี๋ยวฉัน….”
“มะ….ไม่มี ๆ ไม่มีใครแกล้งเราทั้งนั้น”
ผมรีบตอบปฏิเสธทันควันก่อนที่จะมีคนโดนลูกหลงไปลอยทะเลอันดามันเป็นเพื่อนผมอีกคน
“ทุกคนในโรงเรียนดูแลเราดีมากเลยแต่พอดี… มีเรื่องทางบ้านให้คิดมากนิดหน่อยน่ะ”
คุณบีมเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ พร้อมพูดว่า
“อืม ถ้าเป็นเรื่องทางบ้าน…ฉันก็เข้าใจแหละ แต่ไม่ต้องห่วงนะฟ้า ถึงเธอจะไม่บอกตอนนี้ แต่ฉันจะอยู่ตรงนี้เสมอ ถ้าเธออยากเล่าเมื่อไหร่ บอกฉันได้ทุกเมื่อเลยนะ”
น้ำเสียงของเธอฟังดูอบอุ่นมากจนทำเอาผมใจอ่อนยวบไปหมด ยิ่งเธอจับมือผมไว้อย่างเบาๆ แบบนี้ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึก…..เริ่มคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยอยู่
“ขอบคุณนะ”
ผมตอบกลับเบาๆ พลางหันหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เธอเห็นว่าหน้าของผมตอนนี้มันคงแดงอย่างกับมะเขือเทศ และเมื่อไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีกดีก็เลยทำได้อยู่แค่นั้น
ทันใดนั้นเอง คุณบีมก็หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะก้มลงมาใกล้ ๆ แล้วกระซิบข้างหูผมว่า
“ฟ้า…ถ้าหน้าแดงขนาดนี้ เดี๋ยวจะคิดว่าเธอกำลังเขินฉันนะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย!!!”
ผมรีบตะโกนตอบไปอย่างอายสุด ๆ แล้วก็รีบยกผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเองให้มิดจนไม่เหลืออะไรให้เธอเห็น
คุณบีมหัวเราะอีกครั้ง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“ไม่ต้องเขินขนาดนั้นก็ได้ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เอาล่ะ นอนพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ข้าง ๆ เอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ… เดี๋ยวเรานอนเองได้… ไม่ต้องอยู่เฝ้าก็ได้นะ…คาบเรียนจะเริ่มแล้วไม่ใช่เหรอ ขาดเรียนแบบนั้นเรารู้สึกผิดนะ”
“ฮะ ๆ ก็ได้ ๆ ดี๋ยวถึงคาบเที่ยงแล้วเอาอาหารมาฝากนะ อยากกินอะไรล่ะ”
“แค่ข้าวต้มก็ได้”
“อืมข้าวต้มสินะ ก็สมเป็นคนป่วยดี งั้นเดี๋ยวตอนเที่ยงเจอกันนะ”
คุณบีมยิ้มให้อยู่พักหนึ่งก่อนจะคลายมือของผมออก นั่นทำให้จิตใจของผมที่ปั่นป่วนเริ่มกลับมาสงบบ้างเล็กน้อย และจากนั้นแธอก็ลุกขึ้นยืนแล้วค่อย ๆ เดินออกไป
“อืม…เอ่อคุณบีม”
เมื่อได้ยินเสียงผมเรียก เธอก็หันกลับมา
“หือ?”
“เอ่อคือ….ขอบคุณนะ”
“ยินดีเสมอ”
คุณเจ้าชายทิ้งไว้เพียงแค่รอยยิ้มสุดแสนเท่ก่อนที่จะเดินจากไปส่วนผมก็ได้แต่พยายามให้จิตใจที่มันว้าวุ่นนี้สงบลงจนเวลามันล่วงเลยไปถึงตอนเที่ยงและตอนนั้นเองที่ร่าง ๆ หนึ่งก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
“คุณฟ้าคะ….คิดว่าคุณฟ้าคงหิว เราเลยเอาอาหารมาฝากค่ะ”
เด็กสาวผมสีทองปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกล่องข้าวใบใหญ่ เธอเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนเจิดจ้าเมื่อเห็นว่าผมยังนอนปลอดภัยดี แต่ว่ามันช่างสวนทางกับจิตใจของผมตอนนี้เหลือเกินที่มันเริ่มชักจะกังวลขึ้นมาเรื่อย ๆ
มาทรงนี้…พระเจ้าไม่คิดจะให้ผมได้พักอย่างสงบเลยใช่ไหม