“ถึงแล้วค่ะ”
พวกเรานั่งรถสุดหรูของคุณน้ำซึ่งต้องบอกว่าการันตีความสบายระดับเหมือนนอนโรงแรมห้าดาวแบบเคลื่อนที่ ตลอดทางคุณน้ำก็ชวนผมคุยเรื่องจิปาถะจนราวกับวันก่อนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อยและปลายทางของพวกเรามันก็คือห้างสุดหรูที่เพิ่งเปิดใหม่ใจกลางเมือง
รถวิ่งไปจอดที่ลานจอดรถชั้นพิเศษที่มองไปมองมามีแต่รถแพงระดับที่ทำขีดข่วนทีนึงคงได้ใช้หนี้เขาไปทั้งชาติ…..
คนขับรถรีบลงมาเปิดประตูให้เราทั้งคู่ ผมก้าวลงจากรถอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้กระโปรงลูกไม้ปลิวมากเกินไป แต่ก็ต้องทำใจตรงที่มันช่างเคลื่อนไหวลำบากต่างจากกางเกงเสียเหลือเกิน
“คุณฟ้าเคยมาที่นี่ไหมคะ?” น้ำถามพลางจับมือผมไว้เพื่อประคองไม่ให้เสียสมดุลตอนที่จะลงรถประดุจรู้ใจว่าผมไม่ค่อยสะดวกในการทรงตัวเท่าไหร่
“ไม่เคยค่ะ…”
ผมตอบเสียงเบา มองตึกสูงตระหง่านตรงหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“งั้นวันนี้ต้องพาฟ้าไปลองทุกอย่างที่พิเศษที่สุดเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินนะคะ เราเลี้ยงเอง” น้ำยิ้มหวาน ก่อนจะพาผมเดินเข้าลิฟต์วีไอพีที่เป็นลิฟแก้วซึ่งสามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้อย่างชัดเจน
“เอ่อ… มันออกจะรบกวนไปหน่อยไหมนะ คือจะให้คุณน้ำจ่ายหมดนี่ก็….”
แน่นอนว่าผลลัพธ์มันรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร คุณน้ำค่อย ๆ จับมือทั้งสองของผมขึ้นมาก่อนยกขึ้นแล้วยิ้มหวานจนพาใจละลาย
“เราเป็นควรชวนคุณฟ้ามา เราก็ต้องดูแลคุณฟ้าให้ถึงที่สุดสิคะ แล้วอีกอย่างที่นี่น่ะ เป็นห้างของบ้านเราเอง เพราะฉะนั้นอย่างเกรงใจเลยค่ะ แต่ถ้ากังวลใจ…”
คุณน้ำทำหน้าครุ่นคิดสักครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยื่นนิ้วชี้ของเธอมาสัมผัสที่บริเวณหน้าของผมและเอียงคอยิ้มอย่างน่ารัก
“ค่าตอบแทนเอาเป็นความสุขของคุณฟ้าก็แล้วกันนะคะ”
โอ้….น่ารักเกินไปแล้ว!!! คุณเจ้าหญิงจะน่ารักอะไรขนาดนี้
ตอนนี้ภาพรอยยิ้มของเธอกำลังค่อย ๆ บันทึกเข้าไปในทุกเซลสมองของผม พร้อมกันหัวใจก็เต้นแรงเป็นการตอบสนองต่อพลังทำลายล้างแรงสูงนี้ ดังนั้นผมก็เลยได้แต่ก้มหน้าแล้วพยักหน้าหงึก ๆ ยอมแต่โดยดี
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะ”
“อันดับแรกเลย เราจะพาฟ้าไปที่คาเฟ่โปรดของเราค่ะ”
ลิฟต์พาเราขึ้นไปชั้นบนเกือบสุดของตึก เมื่อประตูเปิดออก ภาพตรงหน้าก็ทำเอาผมอ้าปากค้าง… คาเฟ่สุดหรูที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สดทั่วทั้งร้าน ผนังกระจกใสรอบด้านเผยให้เห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ แบบ 360 องศา ของประดับอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยข้าวของนำเข้าราคาแพงจนประเมิณราคาไม่ได้
“ทางนี้ค่ะ” คุณน้ำพาผมไปนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่าง ซึ่งดูเหมือนโต๊ะจะถูกจัดรอเอาไว้แล้ว “เราชอบโต๊ะนี้ที่สุดเลยค่ะ วิวสวยดีใช่ไหมคะ?”
“สวยมากเลยค่ะ…” ผมตอบพลางมองวิวตึกระฟ้าที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตาซึ่งประดับประดาบไปด้วยดอกไม้จนราวกับหลุดมาอยู่ในโลกของเทพนิยาย
พนักงานในชุดสูทเดินเข้ามาพร้อมเมนูที่ดูหรูหราไม่แพ้บรรยากาศ คุณน้ำรับเมนูมาเปิดดูอย่างคล่องแคล่ว ส่วนผมเหรอ….
นั่งอ้าปากค้างกับราคามหาโหดของทั้งขนมและเครื่องดื่มของที่นี่… ไล่ราคาไปแล้วนี่มีแต่หลักพันขึ้นทั้งนั้น พอจะเกรงใจไปสั่งน้ำเปล่า น้ำเปล่าก็ราคาครึ่งพันอีก…. น้ำเปล่าจะหิมาลัยเหรอคุณพี่ แพงขนาดนี้เนี่ย
“คุณฟ้าชอบช็อกโกแลตไหมคะ?ที่นี่มีช็อกโกแลตซูเฟล่ที่อร่อยที่สุดในกรุงเทพฯ เลยนะคะ”
“เอ่อ… ชอบค่ะ” ผมตอบเสียงแผ่ว พยายามไม่มองราคาในเมนูที่แพงจนจะเผลอรู้สึกผิดไปเสียก่อน
“งั้นสั่งชุดช็อกโกแลตพรีเมี่ยมนะคะ” น้ำหันไปสั่งกับพนักงาน “แล้วก็ชุดชาสำหรับสองที่ค่ะ”
ระหว่างรอขนม คุณน้ำก็คอยชวนผมคุย ถามเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ทำให้ความประหม่าของผมค่อยๆ จางหายไป แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงทุกครั้งที่สบตากับเธอ
“อ๊ะ! มาแล้วค่ะ”
ขนมถูกเสิร์ฟมาพร้อมการจัดแต่งที่สวยงามราวกับงานศิลปะ ช็อกโกแลตซูเฟล่ร้อนๆ หอมกรุ่น ราดด้วยซอสช็อกโกแลตเข้มข้น โรยด้วยผงทองคำเปลวระยิบระยับ มันช่างควรเรียกว่าเป็นงานศิลปะมากกว่าขนมซะด้วยซ้ำ ใช่ มันสวยซะจนไม่กล้าตักเลย
พอเห็นผมทำท่าเงอะ ๆ งัก ๆ คุณน้ำก็ไม่รอช้า หยิบช้อนขึ้นมาก่อนจะบรรจงตักลงไปที่เจ้าขนมสุดแพงตรงหน้า
“ลองชิมสิคะ” คุณน้ำตักช็อกโกแลตคำแรกส่งให้ผมโดยยื่นมันมาใกล้กับปากของผม แน่นอนนั่นคือการ…ป้อน
แบบนี้มันออกจะ….
“เอ่อ… เดี๋ยวเราทานเองก็…”
“นะคะ อ้ามมม” คุณน้ำทำหน้าตาร้องขอ ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายนั่งจ้องมาที่ผมจนซะรู้สึกไม่กล้าที่จะปฏิเสธ
“ขะ..เข้าใจแล้วค่ะ อ้ามมม งับ”
ผมได้แต่อ้าปากรับอย่างเขินอาย รสชาติหวานละมุนของช็อกโกแลตแผ่ซ่านไปทั่วปาก แต่มันไม่หวานเท่าสภาพของพวกเราในตอนนี้หรอก ใช่… สองคนป้อนอาหารให้กัน อย่างไรนี่มันก็เดตแบบที่พี่อีฟบอกจริง ๆ ด้วย
“อร่อยไหมคะ?”
“อร่อยค่ะ…” ผมตอบเสียงเบา หน้าแดงจัด ไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนดี เพราะพอมองขึ้นมาแล้วเจอกับดวงตาสีฟ้าประกายนั่นก็ทำเอาหัวใจเต้นแรงจนมิอาจควบคุมได้
“ดีจังเลยค่ะ” คุณน้ำยิ้มกว้างขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือมาเช็ดมุมปากให้ผมเบาๆ แค่นั้นไม่พอยังคว้าเอาก้อนช็อกโกแลตนั่นเข้าปากตัวเองอีก “มีช็อกโกแลตติดนิดหน่อยค่ะ น่ารักจัง”
โอ๊ยยย จะเป็นลมตาย!!! มีทุกคอมโบคู่รักเลยคุณน้ำ สงสารหัวใจดวงน้อย ๆ ดวงนี้ของฟ้าบ้างเถอะ มันจะรับไม่ไหวแล้วววว
“เอ่อ… ว่าแต่คุณน้ำไม่ทานบ้างเหรอคะ?” ผมถามเบาๆ เมื่อเห็นว่าคุณเจ้าหญิงคอยแต่จะป้อนผมอย่างเดียว
“อ๋อ จริงด้วยค่ะ” คุณน้ำยิ้มหวาน ก่อนตักช็อกโกแลตคำหนึ่งเข้าปาก “อร่อยจริงๆ ด้วย แต่…” เธอหยุดไปนิดหนึ่ง แก้มแดงระเรื่อ “…ดูคุณฟ้าทานน่ารักๆ แบบนี้ มันหวานอร่อยกว่าขนมนี้อีกค่ะ”
“แคก ๆ คะ…คุณน้ำ!!”
ผมเกือบจะสำลักชาที่กำลังจิบอยู่ หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ตาก็รีบหันไปมองคุณเจ้าหญิงที่ตอนนี้กำลังนั่งเอียงคอจ้องมาที่ผมอย่างน่ารักน่าชัง พร้อมหัวเราะคิกคักไปมาอย่างน่าเอ็นดู
“คุณน้ำชอบแกล้งแบบนี้ตลอดเลยอะ” ผมบ่นงึมงำ
“ไม่ได้แกล้งนะคะ เราพูดจริง” น้ำวางช้อนลง มือเอื้อมมาจับมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะเบาๆ “เพียงแค่มองคุณฟ้า ไม่ว่าจะทำอะไรมันก็รู้สึกราวกับเติมเต็มหัวใจของเรา…จนเราอยากจะ…”
เธอเงียบไปอีกครั้ง กำมือผมแน่นขึ้นเล็กน้อย สายตาที่มองมาอ่อนโยนจนผมแทบจะละลาย
“อยากจะ…?” ผมถามเสียงแผ่วทวนคำพูดของเธอ
“อยากจะ… เก็บไว้ดูแลตลอดไปเลยค่ะ” คุณน้ำตอบเบาๆ แต่คำพูดนั้นทำเอาผมสะดุ้งเฮือกเพราะมันทำให้คิดถึงภาพของเธอเมื่อวันก่อน และดูเหมือนเธอจะสัมผัสได้จึงรีบปล่อยมือผม “เอ่อ… ไปเดินดูข้างล่างกันไหมคะ?”
ผมพยักหน้ารับ ใจยังเต้นรัวไม่หยุด… น้ำลุกขึ้นยืน ยื่นมือมาหาผม
“ไปกันเถอะค่ะ”
มือของเธอที่ยื่นมาช่างดูสง่างาม… ผมเอื้อมมือไปจับมือบางนั้นอย่างเขินอาย ปล่อยให้เธอพาไปไหนก็ได้… เพราะตอนนี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าหัวใจที่เต้นรัวนี้เป็นเพราะความกลัวหรือความตื่นเต้นกันแน่
ลงลิฟต์แก้วมาจากคาเฟ่สุดหรู ก็มาถึงชั้นของห้างสรรพสินค้า ตัวห้างนั้นตกแต่งอย่างหรูหราประดุจราชวังที่ไหนสักที่ มองไปทางไหนก็มีแต่ร้านแพง ๆ จนผมเริ่มตาลายกับโลกแห่งทุนนิยมนี่ขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณฟ้าอยากซื้ออะไรเป็นพิเศษไหมคะ อย่างพวกเสื้อผ้าอะไรแบบนี้?”
“เสื้อผ้าเหรอ.. มะ ไม่หรอก เพิ่งไปซื้อกับพี่อีฟมาเอง”
“งั้นเหรอคะ”
ไม่รู้ทำไม คุณน้ำถึงได้ทำหน้าเสียดายนัก แต่สัญชาตญาณของผมมันเริ่มบอกว่า หากปล่อยให้เธอพาไปร้านเสื้อ รับรองได้ว่าชีวิตของผมคงจบแบบเดียวกับวันก่อน คือกลายเป็นตุ๊กตาลองชุดสุดน่ารักให้สาว ๆ อย่างแน่นอน
ส่วนถามว่าของที่ผมอยากได้คืออะไร ตามจริงมันก็เป็นพวกเครื่องเกมหรือคอมแพง ๆ ล่ะมั้ง แต่ว่านะ อุตส่าห์มาเที่ยวแบบนี้แล้วไปซื้อคอมแบบนั้นมันออกจะขัดอารมณ์ไปหน่อย แถมไม่แน่ว่าอาจเจอเล่นใหญ่ได้เคสเคลือบทองกลับบ้านไปเป็นของแถม… แบบนั้นไม่เอาแล้วกัน
ในระหว่างที่เดินกันชมร้านต่าง ๆ มือของเธอยังคงกุมมือผมไว้แน่น ราวกับกลัวว่าผมจะหายไปในฝูงชน ความอบอุ่นที่มือนั้นส่งมาพลางทำเอาผมมองแล้วเผลอยิ้มโดยไม่รู้ตัว
“คุณฟ้าชอบอ่านหนังสือไหมคะ?” คุณน้ำถามพลางพาผมเดินเข้าร้านหนังสือขนาดใหญ่ของห้าง
หนังสืองั้นเหรอ อืม…. ก็มีอ่านพวกไลท์โนเวลหรือนิยายแฟนตาซีอยู่บ้างนะ แต่ไม่ได้ติดขนาดนั้น
“ก็ชอบอยู่ค่ะ” ผมตอบพลางมองชั้นหนังสือมากมายตรงหน้าที่ยาวเหยียดประดุจห้องสมุดขนาดย่อม
“เหรอคะ?ชอบแนวไหนเป็นพิเศษล่ะคะ?”
“เอ่อ… พวกนิยายน่ะค่ะ”
“งั้นไปดูด้วยกันนะคะ” คุณน้ำยิ้มหวาน ก่อนจะพาผมไปที่มุมนิยายซึ่งมีรวบรวมไว้ทุกหมวดหมู่และทุกชนิดที่พอจะหาได้
“เราก็ชอบอ่านนิยายเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะแนวโรแมนซ์”
ผมเผลอสะดุ้งเล็กน้อย… โรแมนซ์เหรอ?ก็สมกับเป็นคุณเจ้าหญิงล่ะนะ! แต่ทำไมถึงต้องจ้องมองมาด้วยแววตาหวานเยิ้มด้วยล่ะ
“อ๊ะ! เล่มนี้เราชอบมากเลยค่ะ” น้ำหยิบนิยายเล่มหนึ่งลงมา “เรื่องราวความรักที่น่ารักมากของเด็กสาวทั้งสองคน…. เหมือนพวกเราดีเนอะคะ”
“งะ..งั้นเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ มีเด็กสาวขี้อายเป็นตัวเอกคู่กับเด็กสาวผู้เก่งกาจและน่ารัก…. มองอย่างไรก็เหมือนกับเราสองคน…”
ขณะที่น้ำกำลังเล่าเรื่องย่อให้ฟัง จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ๆ เราและพูดขัดขึ้นมาอย่างไร้มารยาท
“ขอโทษนะครับ…” เขาพูดพลางมองมาที่ผม ดวงตานั้นจ้องมองกวาดขึ้นลงไปทั่วจนทำเอาผมรู้สึกขนลุกไปชั่วขณะ จนเผลอเอามือกำชายกระโปรงอย่างไม่รู้ตัว
อะ..อะไรเนี่ย…. ตัวประกอบขัดขวางความรักแบบในนิยายเหรอ….พอดีไปมั้ง!!!
“พอดีเห็นน้องน่ารักมาก เลยอยากขอ…”
“ขอโทษนะคะ” คุณน้ำขัดขึ้นทันที เสียงหวานแต่แฝงความเย็นชา “แต่ตอนนี้เรากำลังคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ค่ะ และอีกอย่าง…”
น้ำดึงผมให้เข้ามาชิดตัวเธอมากขึ้น สายตาที่มองชายหนุ่มนั้นเย็นยะเยือกจนน่ากลัว
“ช่วยอย่าเอาสายตาเช่นนั้นมองมาที่เธอคนนี้ด้วยค่ะ”
“นี่เธออะไรกัน…เหวอ พวกนายเป็นใครเนี่ย”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะได้ทำอะไร จู่ ๆ ชายชุดดำที่เหมือนกับพวกบอดี้การ์ดก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ บังทั้งผมและคุณน้ำเอาไว้ทำเอาเจ้าหนุ่มตัวประกอบรีบเผ่นโดยวัย
ว่าแต่มาจีบสาวที่ร้านหนังสือเนี่ยนะ…. มุกเก่าไปแล้วมั้ง
“ไม่ต้องกลัวนะคะ” คุณน้ำหันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน “เราจะไม่ปล่อยให้ใครมายุ่งย่ามกับคุณฟ้าแน่นอนค่ะ”
ความห่วงใยนี้ที่เธอสื่อมา ทำหัวใจผมเต้นแรงขึ้นอีกระลอก… ความรู้สึกอุ่นๆ แผ่ซ่านในอก
“เอ่อ… ขอบคุณนะคะ” ผมตอบเสียงแผ่ว หน้าแดงจัดมือก็กำชายกระโปรงแน่นจนมันแทบจะยับจนไม่รู้จะยับอย่างไรแล้ว
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ นี่เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว… ที่จะคอยดูแลและปกป้องคุณฟ้า”
หืออ นี่คุณเจ้าหญิงหรือเจ้าชายกันแน่เนี่ย ทำไมคุณน้ำเริ่มดูหล่อขึ้นเรื่อย ๆ กัน….. ไม่ไหว พลังทำลายมันมากเกินไปแล้วว
สักพักหนึ่ง คุณน้ำก็หยิบนิยายรักของเด็กสาวในมือยื่นให้ผม “เอาไว้อ่านนะคะ เป็นหนังสือที่สนุกมาก ๆ เลยค่ะ”
“แต่ว่า…”
“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ” คุณน้ำยิ้มก่อนจะเว้นจังหวะไปชั่วครู่หนึ่ง “เราอยากให้ฟ้าได้อ่านเรื่องราวความรักที่สวยงามบ้าง… เผื่อสักวัน…”
เธอไม่ได้พูดจบประโยค แต่แก้มที่แดงระเรื่อของเธอและรอยยิ้มอันหวานซึ้งนั่นทำให้ผมรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นไปอีก
“งั้น… ไปดูร้านอื่นกันต่อนะคะ” น้ำจับมือผมแน่นขึ้น พาเดินออกจากร้านหนังสือจนสุดท้ายก็ได้ของมามากมายไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสุดหรู เครื่องประดับ และเครื่องสำอางราคาแพง จนเวลามันผ่านล่วงเลยไปช่วงเย็น
“อ๊ะ เย็นแล้วเหรอเนี่ย… ต้องขอบคุณคุณน้ำมากเลยนะ ไม่นึกเลยว่าเดินห้างจะสนุกแบบนี้”
“ได้ยินแบบนั้นเราก็ดีใจค่ะ แต่ว่านะคะคุณฟ้า… วันนี้ของเราสองคนมันยังไม่จบนะคะ”
“เอ๋… มีไปต่อที่ไหนเหรอคะ”
ผมเอียงคอถามอย่างสงสัย ในขณะที่ส่งของให้พนักงานขนไปที่รถของพวกเรา คุณฟ้าที่ได้ยินผมถามมาแบบนั้นก็ยิ้มกว้างออกมา
“ดินเนอร์ที่ดาดฟ้าไงคะ” น้ำยิ้มหวาน มือบางเอื้อมมาจับมือผมไว้
“เราจองโต๊ะพิเศษไว้แล้วค่ะ… ตรงที่ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุด”
“ดะ…ดินเนอร์!!!”
ผมอ้าปากค้าง ในขณะที่หัวใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ… แค่คิดว่าจะได้ทานข้าวสองต่อสองกับคุณเจ้าหญิง ภาพสุดโรเมนติกของสองเรามันก็ลอยเข้ามาในหัว…..เอาจริงดิ!