เพื่อความสุขในการใช้ชีวิตวัยเรียนเช่นนั้นแล้วผมต้องทำตามคำสั่งของพี่ทิพย์โดยแอบสืบเรื่องอาจารย์ชวิน ครูชีววิทยาหน้าใหม่ซึ่งดูแล้วก็ไม่เห็นน่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องดร.เฟรย์ตรงไหน โดยจุดเริ่มต้นปฏิบัติการณ์นั้นก็คือห้องเรียนวิชาชีววิทยา
พูดน่ะมันง่าย แต่ทำนี่มันคงยากกว่า เพราะขืนทำอะไรประเจิดประเจ้อรับรองไก่ตื่นแล้วมีหวังโดนเรียกขึ้นห้องปกครองแบบไม่ต้องสืบแน่นอน
“แค่จดทุกอย่างให้ได้มากที่สุดงั้นเหรอ… เห้อ แล้วสรุปมันควรจดข้อมูลอะไรบ้างเนี่ย” คำพูดของพี่ทิพย์ดังก้องในหัว แต่พอเอาเข้าจริง…มันไม่ได้ง่ายเลย!
เอาไงเอากันฟะ!!!
เมื่อถึงคาบวิชาชีวะวิทยา ผมเลือกที่นั่งแถวหลังสุดใกล้หน้าต่าง เพื่อให้มองเห็นอาจารย์ชวินชัด ๆ ทุกมุม แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำตัวให้แนบเนียนที่สุดเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุ
อาจารย์ชวินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกองเอกสารในมือ โดยเขานั้นเป็นชายหนุ่มวัยไม่ถึงสามสิบ ใบหน้านั้นเรียกว่าธรรมดา ๆ ผมก็หวีแบบไม่ค่อยเรียบร้อยต่างจากอาจารย์ชายในโรงเรียนคนอื่น ไหนจะยังใส่แว่นหนาเตอะเหมือนทุกครั้งที่ทำให้เหมือนเด็กเนิร์ดขึ้นอีก
“นักเรียนทุกคน วันนี้เราจะเรียนเรื่องโครงสร้างเซลล์นะครับ…”
โครงสร้างเซลล์เหรอ?….หวา.. บทนี้ยากเสียด้วยสิ… ไม่สิ! เราต้องโฟกัสที่อาจารย์ชวินต่างหาก! ใช่ เราต้องเอาตัวรอด….
ผมหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาแสร้งทำเป็นจดบทเรียน แต่ในความจริง ผมกำลังจดรายละเอียดเกี่ยวกับตัวอาจารย์แทน โดยข้อมูลที่จะเอามานั้นก็เรียกได้ว่าเอาหมดตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเลยทีเดียว แบบนี้พี่ทิพย์จะได้ไม่กริ้ว
เริ่มต้นนั้นอาจารย์คนนี้ใส่ชุดเชิร์ตสีขาวธรรมดา ๆ คลุมด้วยเสื้อแลปขนาดพอดีตัว เมื่อมันเป็นแบบนั้นมันก็ยิ่งส่งเสริมให้ตัวเขาคนนี้ดูธรรมดาเข้าไปใหญ่ ราวกับตัวประกอบฉากไร้บทที่หลุดมาจากละครหรือนิยายไม่มีผิด ไม่สิ ตัวประกอบบางตัวอาจยังเด่นกว่าด้วยซ้ำ…… ธรรมดาจริง ๆ ธรรมดามาก ๆ แบบที่พี่ทิพย์บอกเลย
“นักเรียนทุกคน ดูตรงนี้นะครับ”
อาจารย์ชวินหันไปเขียนกระดาน แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเขาผมมองเห็นชัดเจน ใช่แล้วไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวมือเพียงเล็กน้อย ใช้มือไหนจับช็อคหรือว่าเริ่มต้นเขียนกระดานที่ตำแหน่งไหนบ่อย ๆ ทั้งหมดไม่รอดสายตาจากฟ้าผู้นี้ไปได้อย่างแน่นอน
ตลอดคาบที่ผ่าน ต้องเรียกไว้ตัวผมนั้นไร้สมาธิกับการเรียนแบบถึงที่สุดเพราะใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการจดจ่อกับอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย ได้อะไรมาก็ถล่มจดลงสมุดแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น
“ณัฐชา?”
เสียงอาจารย์เรียกชื่อผมทำเอาผมสะดุ้งเฮือก จนขาชนกับโต๊ะเกิดเสียงดังปั้ง… เรียกความสนใจของทั้งห้องให้หันมาเป็นทางเดียว
“คะ..คะ?”
“เห็นจ้องมาทางผมตลอดเวลา มีอะไรจะถามไหมครับ?” อาจารย์ถามมาด้วยเสียงเนิบ ๆ
“เอ่อ…ไม่มีค่ะ! ไม่มีเลยค่ะ! อาจารย์สอนชัดเจนดีมากค่ะ!”
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นจากเพื่อนในห้อง ผมรีบก้มหน้าลงแกล้งทำเป็นจดบทเรียน แต่ในใจนี่แทบอยากวิ่งหนีออกจากห้องด้วยความเขินอายเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นก็เลยก้มหน้างุด ๆ หลบสายตาคนอื่นไปซะอย่างงั้น และตลอดวิชาก็วนเวียนอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงพักระหว่างคาบ
ผมเดินตามอาจารย์ชวินที่ออกจากห้องไปแบบห่าง ๆ คอยจดบันทึกทุกอย่างที่เห็นไม่ว่าจะเป็นตอนที่อาจารย์แวะกดน้ำจากตู้กดน้ำอัตโนมัติ ตอนทักทายกับคนอื่น หรือคุยกับใคร เนื้อหาสาระเป็นอย่างไร ทั้งหมดถูกจดลงไปในสมุดอย่างชัดเจนไร้จุดบกพร่อง
อ๊ะ ต้องถ่ายรูปนี่นา….
เมื่อนึกได้ว่าพี่ทิพย์ต้องการพวกรูปของเจ้าตัวด้วยในช่วงทำอะไรสำคัญ ๆ ซึ่งนี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสำคัญที่ว่ามันคืออะไร แต่อย่างน้อยก็ถ่าย ๆ ไปให้มีหลักฐานว่าทำงานไปก่อนแล้วกันนะ
ไม่รอช้า ผมได้หยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ แอบยื่นมือออกไปจากมุมลับที่ตัวเองหลบอยู่ จากนั้นก็ค่อย ๆ เล็งตำแหน่งให้เหมาะสมแล้วก็….
แชะ
โอเคได้สิ่งที่ต้องการแล้ว
หากอยู่นานไปคงไม่ดี อาจารย์จับได้ขึ้นมา โดนจับส่งห้องปกครองแบบไม่ต้องสืบ เพราะฉะนั้นได้เวลาค่อย ๆ ย่องกลับห้องแล้วล่ะ…..
“อ้าวนั่น ณัฐชานี่”
เวรกรรม
ในตอนที่กำลังเดินกลับไปที่ห้องนั้นเอง เสียงร้องทักของอาจารย์ก็ดังขึ้นทำให้ผมถึงกับชะงักก่อนจะค่อย ๆ หันไปอย่างช้า ๆ จากนั้นก็พบว่าตอนนี้ครูหนุ่มสุดธรรมดาได้เข้ามาประชิดตัวเป็นที่เรียบร้อย
“อะ…เอ่อ สวัสดีค่ะ อาจารย์ มีอะไรเหรอเปล่าคะ”
“เปล่าหรอก แต่เห็นเธอเดินตามครูมาตั้งแต่ออกห้องเรียนมาแล้วน่ะ เลยสงสัยว่ามีอะไรไหม”
อูยยย.. งานหยาบแล้วไงฟ้า…
พอเป็นแบบนี้ก็เลยทำให้ผมต้องรีบหาทางหนีทีไล่ คิดเหตุผลอะไรก็ได้มาตอบอาจารย์ก่อนที่จะกลายเป็นนักเรียนโรคจิตแอบตามคุณครูผู้ชาย
“อะ…เอ่อคือ…คือว่า….”
ด้วยความที่เรื่องมันเกิดขึ้นไวมาก ดูเหมือนสมองน้อย ๆ ของผมมันจะแปลผลไม่ทัน ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรมันก็มั่วซั่วไปหมด แม้แต่คำพูดก็ไม่สามารถเรียบเรียงออกมาได้ จนสุดท้ายก็เลยพูดแบบตะกุกตะกักไม่ได้ศัพย์
“สรุปว่ามีอะไรเหรอเปล่าครับ”
“คะ…คือว่า”
เอาไงดี ๆ เอาไงดีเนี่ย
“คุณฟ้าคะ”
ในตอนที่กำลังอับจนหนทางนั้นเอง เสียงของนางฟ้าก็ดังขึ้นมาจากข้างหลัง ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากคุณน้ำที่แสนดีของผมนั้นเอง
“อ่า….ธารินทร์สินะ… เอ่อ มิทราบว่ามีธุระอะไรกับครูไหมนะ”
“เปล่าค่ะ พอดีเหมือนว่ามีอาจารย์เรียกณัฐชาแล้วฝากหนูมาตามน่ะค่ะ”
หือ… อาจารย์ท่านไหนตามผมกัน ปกติไม่เคยมีอาจารย์มาตามให้ไปทำอะไรมาก่อน หรือว่าเรื่องที่ผมทำไปตลอดคาบนี้หลุดไปถึงหูอาจารย์บางท่านเลยคิดจะเรียกไปหาที่ฝ่ายปกครอง…. งานงอกแล้วไง
“อ๋อแบบนั้นนี่เอง ถ้างั้นก็รีบไปเถอะ ปล่อยผู้ใหญ่รอนานไม่ดีหรอก”
ก็ยังโชคดีในโชคร้าย เหมือนว่าอาจารย์จะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ทำให้พอบอกว่าผมมีธุระอาจารย์ก็ปล่อยไปเลยแบบไม่คิดจะซักไซ้อะไรอีก ทำให้ผมเดินจากมาโดยมีคุณน้ำจูงมือเดินนำไป
พวกเราสองคนเดินกันมาเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณสวนของโรงเรียนซึ่งเวลานี้ไร้ผู้คนใด ๆ มีเพียงต้นไม้ที่ให้ร่มเงาต้นใหญ่ประจำโรงเรียน โดยตอนนี้เราทั้งสองก็ยืนอยู่ใต้มัน
“เอ่อ…อาจารย์ท่านไหนเรียกเราเหรอ”
“เรื่องนั้น…โกหกน่ะค่ะ”
“เอ๋ โกหก…”
พอมาพูดแบบนี้ก็เลยทำให้ผมงงว่าคุณน้ำจะโกหกแล้วเรียกตัวผมมาทำไม แต่ยังไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น
“คุณฟ้าคะ…” เสียงเรียกของเธอเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ดวงตาสีฟ้าสดใสนั่นกลับดูมืดมนจนทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมันดูน่ากลัวมากจนเพียงแค่มองก็เสียววาบไปทั่วทั้งสันหลัง ก่อนที่มือเรียวของคุณน้ำจะจับข้อมือผมไว้ มันไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเคย แต่กลับเป็นแรงจับที่แน่นจนผมแทบดึงมือออกไม่ได้
“คุณน้ำ… มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
อาการแบบนี้ชักแปลก ๆ รู้สึกเหมือน…กำลังจะมีเรื่องซวย ๆ เกิดขึ้นเลย
“มีสิคะ” คุณน้ำยังคงยิ้มหวาน “มีเรื่องที่เราสงสัยมากๆ เลยค่ะ…”
เจ้าหญิงแห่งโรงเรียนพูดออกมาด้วยเสียงที่ดูหวานทว่ากลับมากไปด้วยความมืดหม่นจนผมยังสัมผัสได้
“คุณฟ้าชอบอาจารย์ชวินเหรอคะ”
เอาแล้วไง…..ถามแบบนี้ ซวยแน่นอน