แย่แล้วไง แย่แล้ว แย่แล้ว
ตอนนี้สถานการณ์แย่สุด ๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอไง
ผมเดินตามน้ำไปยังห้องเรียนอย่างเงียบ ๆ พลางมองรอบ ๆ ด้วยความรู้สึกเขินอายสุด ๆ ส่วนสาเหตุว่าทำไมก็เพราะ รอบตัวผมตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าเด็กสาวที่ดูมีความสุขประดุจทุ่งดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
มันช่างเป็นบรรยากาศที่สุดแสนจะไม่คุ้นเคยเสียเหลือเกินกับเด็กหนุ่มอดีตโรงเรียนชายล้วนแบบแทบจะไม่เคยคุยกับเหล่าสตรีที่ไหนมาก่อน หากถามว่าทำไมถึงไม่ไปที่โรงเรียนสห ซะก็สิ้นเรื่อง
ทั้งหมดนั้นต้องบอกว่าเป็นความผิดของเจ้าบริษัทยานั่นคนเดียวเลย คิดแล้วยังรู้สึกอยากเอาไม้หน้าสามฟาดหัวคนไม่หาย
“เอาล่ะโรงเรียนที่เราจะให้คุณไปคือที่นี่ครับ””
“โรงเรียนวราพิทย์วิทยา….เดี๋ยวนะ นี่มันโรงเรียนเอกชนหญิงล้วนอันดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ มันออกจะ..”
“อย่าเกรงใจไปเลยครับ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการชดเชยของทางเรา กับค่าเรียนเล็กน้อยเท่านี้มันคงไม่เท่ากับสิ่งที่คุณสูญเสียไปหรอกครับ”
“ไม่สิ แต่ทำไมถึงต้องเป็นโรงเรียนหญิงล้วนล่ะ คือแบบว่าผม.. เอ่อ….”
ชายในชุดสูทถอนหายใจเบา ๆ แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น
“เรื่องนี้มีเหตุผลสำคัญอยู่ครับ คุณต้องเข้าใจว่าหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางบริษัทจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการดูแลและความปลอดภัยที่สูงที่สุด เราเลือกโรงเรียนหญิงล้วนนี้เพราะที่นี่เป็นสถาบันที่มีการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวสูงมาก อีกทั้งยังเป็นที่ที่นักวิจัยของเราที่ทำงานเกี่ยวกับยานี้มีความเกี่ยวข้องด้วย เรามีเหตุผลที่เชื่อว่าข้อมูลที่จะช่วยให้เราหาทางแก้ไขสำหรับคุณอาจอยู่ที่นี่”
“นักวิจัย…? ข้อมูลอะไรเหรอครับ?”
ผมถามอย่างสับสนเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินอะไรแบบนี้นับตั้งแต่ที่อยู่ในบริษัทมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม ๆ แต่พอถามแบบนั้นไป ชายคนนั้นก็ชะงักไปอยู่ชั่วครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มตอบกลับมาอย่างกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นั่นคือข้อมูลที่ผมไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมดครับ แต่เรามั่นใจว่าการที่คุณอยู่ในสภาพแวดล้อมนี้จะทำให้เรามีโอกาสมากขึ้นในการหาทางแก้ไข….ปัญหานี้ อีกอย่าง โรงเรียนแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคุณแล้วครับ”
“แต่มันก็มีเอกชนอื่นที่เป็นแบบสหไม่ใช่เหรอ มีผู้ชายอยู่ด้วยมันจะทำใจได้ดีกว่านะครับ”
“พูดอะไรของคุณกันน่ะครับ คุณฟ้า!!!”
จู่ ๆ ชายในชุดดำคนนั้นก็โผล่งขึ้นก่อนจะให้ผู้ช่วยหญิงของเขาลากกระจกบานใหญ่มาอยู่ตรงหน้าพวกเราละตรงนั้นเองที่มีหน้าตาของเด็กสาวที่น่ารักประดุจตุ๊กตาราคาแพงสะท้อนกลับมา
“คุณดูตัวเองก่อนนะครับ ดูตัวเองให้ดี… เด็กสาวที่น่ารักปานนางฟ้าจุติมาจากสวรรค์นี้จะให้ไปอยู่ท่ามกลางดงของเหล่าสัตว์หื่นกระหายที่เรียกว่าผู้ชายนั้น มันมีแต่อันตรายกับอันตรายเท่านั้นแหละครับ ใช่แล้ว เกิดพวกนั้นหน้ามืดตามัวลักพาตัวคุณไปมันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ครับ!!”
“เวอร์กันไปไหมน่ะ”
“ไม่เวอร์เกินไปเลย ในฐานะคุณเป็นสุดยอดผลสำเร็จของ….อั๊ก”
จู่ ๆ ผู้ช่วยสาวก็กระแทกชายในชุดสูทจนร่างกระเด็นไปติดกับผนังก่อนจะกระแอมออกมาเบา ๆ แล้วหันมาตอบผมด้วยใบหน้านิ่งเฉยประดุจว่าเมื่อครู่นั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ตามที่ท่านประธานพูดนั่นล่ะค่ะ ทั้งหมดก็เพื่อความปลอดภัยของคุณทั้งนั้นไม่มีอะไรแอบแฝงค่ะ”
แบบนี้มันยิ่งดูมีอะไรแอบแฝงสุด ๆ เลยไม่ใช่เหรอไง! แถมเมื่อครู่นี้ประธานคนนั้นยัง… เดี๋ยวนะ ประธานเหรอ คนเพี้ยน ๆ ที่คุยกับผมมาตลอดคือประธานบริษัทงั้นเหรอ!!
“แล้วอีกอย่างหนึ่งตอนนี้คุณไม่ได้ชื่อณัฐแต่เป็นณัฐชาค่ะ ส่วนชื่อเล่นคือฟ้านะคะ”
“ตั้งชื่อกันเสร็จเรียบร้อยแล้วด้วย!!”
ผมจะดีใจมากถ้าความพร้อมทั้งหมดนี้มันไปอยู่กับการหาทางให้ผมกลับร่างเดิม แต่ก็ตามนั้นล่ะ ในเมื่อทางนั้นบอกว่ากำลังหาทางตามคนรับผิดชอบเรื่องนี้และสูตรยามาให้ ผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากก้มหน้ารับชะตากรรมไป
.
.
.
“ฟ้า… คะ…คุณฟ้าคะ”
เสียงของน้ำทำให้ผมหลุดจากความคิดที่กำลังตีกันในหัว ผมเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงก็พบเด็กสาวผมสีทองกำลังยิ้มให้อย่างอ่อนโยนอยู่ ด้วยความที่ยังไม่ค่อยชินในการคุยกับผู้หญิง มันก็เลยทำให้ผมตอบกลับไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“คะ…คะ คือ…. เอ่อ มีอะไรเหรอครั…คะ?”
เกือบหลุดคำลงท้ายแบบสภุภาพบุรุษไปแล้วสิตัวเรา เห้อ จะให้ปรับตัวมาพูดเลยทันทีแบบนี้เหนื่อยจริง ๆ
ทว่าแม้ผมจะเผลอทำตัวแปลก ๆ ไปแต่เจ้าของรอยยิ้มเทพธิดาตรงหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนสีหน้าเลยแม้แต่น้อย ยังคงยิ้มมาให้อย่างอบอุ่นและเป็นกันเองเหมือนเดิม
“เห็นเหม่อ ๆ ไปเลยกังวลว่าจะเป็นอะไรเหรอเปล่าน่ะค่ะ”
“เรื่องนั้นไม่มีอะไรหรอกค่ะ…เอ่อแค่ ตื่นเต้นนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“นั่นสินะคะ ย้ายโรงเรียนมาใหม่แบบนี้จะรู้สึกไม่ชินก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ว่าแต่อยู่ห้องไหนงั้นเหรอคะ เดี๋ยวเราพาไปส่งให้”
“ห้อง…เอ่อ ห้อง สามค่ะ”
“ม.5/3 สินะคะ บังเอิญจังเลยนะคะ เราก็อยู่ห้องสามเหมือนกัน”
“งะ..งั้นเหรอคะ ดีจริง ๆ ค่ะ”
เอาแล้วไง ได้อยู่ห้องเดียวกับคุณนางฟ้าแบบนี้ตามหลักการแล้วมันก็เหมือนกับคนถูกหวยสามตัวซ้อน แต่ว่ามันไม่ใช่เลยกับผมในตอนนี้
“งั้นไปกันค่ะ”
มือนุ่ม ๆ ของเธอจู่ ๆ ก็จับมาที่มือของผมทำเอาผมสะดุ้งเล็กน้อยจากนั้นร่างของผมก็ถูกลากไปอย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามเดินตามนะ แต่ขามันแข็งไปหมดและหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะออกมานอกอก
น้ำหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องเรียนซึ่งมันก็สมแล้วที่เป็นโรงเรียนเอกชนอันดับต้น ๆ ของประเทศ ทั้งตึกติดแอร์ไม่พอห้องเรียนต่าง ๆ ยังใหญ่โตและสะอาดสะอ้าน ไม่เหมือนห้องเรียนเก่าของพวกผมที่เต็มไปด้วยลอยเขียนรูปแปลก ๆ มากมายตามผนังห้อง
“ถึงแล้วค่ะ นี่คือห้องสามของพวกเรานะ”
“อ่า… ขอบคุณนะคะ”
ผมตอบกลับไปอย่างเงอะงะ และก็พยายามที่จะดึงมือออกจากเธอเพราะขืนปล่อยแบบนี้ต่อไปหัวใจผมได้พุ่งทะลุอกออกมาแน่ แต่ก็ไม่รู้ทำไม มือของเจ้าหล่อนกลับกำแน่นซะจนยากจะดึงออก
แม่คุณเอาแรงมาจากไหนเนี่ย!!z
เธอเปิดประตูห้องเรียนออก ทุกสายตาหันมามองพวกเราทันที ความรู้สึกเหมือนถูกจับจ้องแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกเขินจนแทบจะยืนไม่ไหว ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมไม่ชินเลยกับการเป็นจุดสนใจแบบนี้ แค่คุยกับคนหลาย ๆ คนก็ว่าแย่แล้วแต่นี่เล่นทั้งห้องหันมาแบบนี้ก็เหมือนเอาผมไปขึ้นลานเชือดชัด ๆ และด้วยความอายนั่นมันไม่แปลกเลยที่ตอนนี้ผมจะตัวสั่นกลัวประดุจลูกนกเจอฝูงแมว
“ทุกคน นี่…ฟ้า นักเรียนใหม่ของเราค่ะ”
น้ำพูดเสียงดังอย่างสดใส ไม่ลังเลหรือรู้สึกอึดอัดเหมือนผมแม้แต่น้อย และนั่นมันก็ยิ่งทำให้พวกเราทั้งสองคนเป็นจุดสนใจมากกว่าเดิมอีก
“นั่นเด็กใหม่เหรอ”
“ใช่ ๆ…. น่ารักจังเนอะ”
“เหมือนตุ๊กตาแนะ”
“อยากไปบีบแก้มจัง”
เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบห้อง เด็กสาวบางคนหัวเราะเบา ๆ บางคนก็ส่งยิ้มให้ แต่สิ่งที่ผมทำได้คือการก้มหน้าก้มตาหลบเท่านั้น
“ยิน..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
เอาล่ะ ใจเย็นก่อนณัฐเอ๋ย นายเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อยของแบบนี้จะต้องผ่านไปให้ได้ ต่อให้มันเป็นลานเชือด นายก็ต้องก้าวเข้าไปแบบมีแผนและทางหนีทีไล่
แผนแรก… เพื่อความไม่ให้เป็นจุดสนใจเกินไปและป้องกันไม่ให้หัวใจของผมระเบิดออกมา จะต้องไม่ใกล้คุณเทพธิดาผมทองคนนี้เป็นอันขาด
และจากนั้นเราจะเข้าสู่แผนที่สองนั่นคือ…..
“ฟ้า มานั่งข้างเรานะ”
จะพังตั้งแต่แผนแรกเลยเหรอ!!!
น้ำพาผมเดินไปยังโต๊ะที่อยู่ติดกับของเธอซึ่งแน่นอนว่าผมพยายามออกแรงต้านแล้วรีบกวาดตามองหาที่นั่งที่น่าจะว่างอยู่แต่แล้วร่างของผมก็ถูกแรงอันมหาศาลผิดกับร่างกายของเธอดึงไปประดุจใบไม้ที่ปลิวตามลมพายุโหม
“เอ่อ…คะ คือ…ไม่ต้องก็ได้นะคะ เดี๋ยวฟ้า…ฟ้าหาที่นั่งเองได้ค่ะ… พอดีเกรงใจน่ะค่ะ”
การอ้างมารยาทนั้นน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด นั่นล่ะ ถ้าปฏิเสธไปแล้วตามหลักการของคนเรามันก็ต้องยอม…. ทว่าสิ่งที่ผมเห็นนั้นคือ น้ำที่หันมายิ้มให้ผม รอยยิ้มที่เปล่งประกายอย่างไม่ลดละ
“ไม่เป็นไรค่ะ นั่งตรงนี้แหละสะดวกสุดแล้ว เราจะได้ช่วยฟ้าได้ด้วยไงถ้ามีอะไรสงสัย”
ผมพยายามคิดข้ออ้างต่อ แต่หัวใจที่เต้นรัวและเสียงรอบข้างที่ยังคงจับจ้องทำให้มันยากยิ่งขึ้น ผมหลบสายตาเธอและพยายามดึงมือออกจากมือของน้ำ แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะน้ำยังคงจับมือผมไว้แน่น
“คือ…แต่ว่าเราว่าจะไปนั่งหลังน่ะ.ตรงนู้นยังว่างอยู่ด้วย”
“หลังห้องมันมองไม่ชัดหรอกค่ะ นั่งข้างเราดีกว่าเห็นกระดานชัดที่สุดเลยนะคะ”
แน่นอนว่าหลังห้องนั้นมันเป็นที่ทำเลแสนดีที่จะแอบหลับหรือแอบทำอะไรก็ได้โดยครูเห็นยากที่สุด ตรงข้ามกับที่นั่งของแม่นางที่เล่นอยู่มันซะกลางห้อง ขืนนั่งไปแค่ขยับ ครูก็จับได้แล้ว
งั้นสินะ… เป็นแบบนี้สินะ ดูเหมือนคุณเธอจะเป็นเด็กดีเด่นประจำห้องที่อยากจะดูแลเด็กใหม่อย่างเต็มที่ ดังนั้นการจะบอกปฏิเสธไปว่าอยากนั่งหลังเพราะอยากอู้มันคงจะเป็นอะไรที่ย้ำแย่ที่สุดที่ควรตอบสาวน้อยน่ารักเช่นนี้… เอาไงดีณัฐ เอาไงดี
ใช่แล้ว ลองคิดมุมกลับดูสิ ตอนนี้เธอกำลังอยากให้ผมนั่งข้างเธอเพราะความเป็นนักเรียนดีเด่น ดังนั้นเราต้องหาข้ออ้างสักอย่างที่เธอจะไม่อยากนั่งข้างเรา…. เอาล่ะ ลุย
“แต่ว่าเราชอบกดปากกาเล่นตลอด เดี๋ยวเสียงมันจะรบกวนเอานะคะ”
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรค่ะ เราไม่ถือหรอกค่ะ ฟ้ากดเล่นตามสบายเลย เราไม่รำคาญแน่นอน”
มารยาททรามก็ทนได้งั้นเหรอ…. แข็งแกร่งจริง ๆ
“คือ…คือจริง ๆ แล้วเรา…เราเป็นคนที่เอ่อ…ตื่นสายบ่อยค่ะ! ใช่แล้ว บางทีเราอาจจะมาช้า หรือเผลอหลับกลางคาบ มันจะเป็นภาระให้น้ำไม่ใช่เหรอคะ?”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ ถ้าฟ้าตื่นสายหรือหลับกลางคาบ เราจะปลุกให้เองค่ะ ถือว่าเป็นหน้าที่ของเพื่อนที่ดีค่ะ”
สมกับเป็นนางฟ้า ไม่มีการปฏิเสธลูกแกะน้อยผู้น่าสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว ขนาดหาเรื่องทำตัวเป็นเพื่อนข้าง ๆ ชั้นแย่แล้วยังจะทนได้อีกเหรอ
ผมจ้องมองหน้าเธอที่ยังคงยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น แต่ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มนั้นผมถึงสัมผัสมันได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ส่งมาประดุจว่าผมห้ามปฏิเสธ
“แต่เรา… เราอาจจะเผลอทำอะไรเปิ่น ๆ หรือทำให้น้ำรำคาญได้นะคะ”
“ยินดีดูแลค่ะ”
ตัดจบแบบนี้เลยเหรอ!!!
“แต่อาจจะมีคนอื่นอยากนั่งตรงนี้ก็ได้ เราก็ไม่อยากจะแย่งที่ของใคร…”
เอาสิ อ้างคนอื่นมันเลยแล้วกัน ตามหลักการแล้วขึ้นชื่อว่าคุณนางฟ้าของห้อง มันจะต้องมีคนอยากนั่งข้าง ๆ เป็นธรรมดาอยู่แล้ว และนั่นเองที่จะทำให้ผม…..
“คุณฟ้าไม่ต้องกังวลค่ะ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก เรารับรองเลยค่ะ”
น้ำยิ้มตอบ รอยยิ้มนั่นมันช่างสดใสดุจแสงสว่างทว่าทำไมกันนะ ทำไมกัน ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันช่างน่ากลัวยิ่งกว่าสิ่งใดที่ผมเคยเห็นมา และตอนนี้แม่นางก็กำลังเพิ่มแรงจับมือให้แน่นขึ้นอีก ผมไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี
ตอนนี้รู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบให้ต้องยอมโดยสมบูรณ์เลยอะ……
ปฏิเสธไม่ได้แล้วใช่ไหมนะ…..
“งั้น…ก็ได้ค่ะ”
ผมตอบแบบจำยอม โดยในใจก็ยกธงขาวยอมแพ้เป็นที่เรียบร้อย หมดกันเลยแผนที่วางมา ระเบิดไปตั้งแต่แผนแรกแบบนี้ โถ่ถัง ชีวิตหนอชีวิต
แค่เดินด้วยกันก็เขินจนหัวใจจะหลุดออกมา ถ้าได้งนั่งข้างระยะประชิดกันแบบนี้ตัวของผมมันไม่ระเบิดตายไปเลยเหรอ…. โอ้ยยยยยย
ผมนั่งลงข้าง ๆ น้ำอย่างเก้ ๆ กัง ๆ พยายามจะไม่สบตากับเธอ และนั่นทำให้ผมมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาที่จับจ้องมา
“ดีใจจังค่ะ”
น้ำยิ้มพอใจแล้วค่อย ๆ ปล่อยมือผม ในที่สุด จากนั้นเธอก็ไปนั่งโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะหันมาพูดคุย
“ฟ้าไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจในห้องเรียน เราจะช่วยฟ้าเองค่ะ”
“คะ…ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ขณะที่ผมพยายามสงบสติอารมณ์ เสียงกระซิบกระซาบรอบห้องก็ยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นทำให้ความเขินอายของผมยิ่งทวีคูณมากขึ้น
“นั่งข้างเจ้าหญิงเลยนะ โชคดีมากเลย”
“เด็กใหม่ก็น่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยนะ อยากไปทักบ้างจัง”
คำพูดทั้งหลายที่พูดมานั้นดูเหมือนจะพูดถึงผมและน้ำในเวลาเดียวกัน และดูเหมือนเด็กสาวผมทองคนนี้จะมีฉายาประจำห้องหรือโรงเรียนอยู่แล้ว นั่นคือเจ้าหญิง … อืม สวยขนาดนี้ก็ไม่แปลกหรอกมั้ง
“ฟ้าคะ หยิบหนังสือเรียนได้เลยค่ะ เดี๋ยวเราจะเริ่มคาบแรกแล้วนะคะ”
“อ่า… คะ ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ผมรีบหยิบกระเป๋าและเอาหนังสือออกมา พยายามไม่ให้มือสั่นมากนัก แต่มันก็ยากจริง ๆ ที่จะสามารถคุมตัวเองได้ในสถานการณ์แบบนี้ ส่วนต้นเหตุก็ยังคงยิ้มและมองมาที่ผมอย่างเอ็นดูประดุจเธอกำลังมองสัตว์โลกน่ารักอยู่ก็ไม่ปาน
“ฟ้าคะ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ก็ถามเราได้เสมอเลยนะคะ เรายินดีช่วยเสมอค่ะ”
“คะ…ค่ะ”
และแล้วการเริ่มต้นวันอันสุดโหดวันแรกในโรงเรียนสตรีแห่งนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่รู้ว่านี่เป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผม แต่ดูเหมือนว่าผมจะได้คุณเจ้าหญิงของโรงเรียนเป็นเพื่อนคนแรกเป็นที่เรียบร้อย
หวังว่ามันจะไม่มีอะไรให้ชีวิตผมมันตื่นเต้นไปกว่านี้อีกนะ แค่นี้มันก็มากเกินไปแล้วเห้ออออ