นี่มันชักจะแย่แล้วไง
อย่างที่บอกไปว่าการตกเป็นจุดสนใจนั้น มันเป็นอะไรที่รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ว่าจะความตื่นเต้น ความกังวลหรือความกลัวต่างก็พุ่งสูงขึ้นจนผมได้แต่ก้มหน้าขาสั่นทำตัวไม่ถูก หัวใจมันเต้นสั่นระรัวไปหมด คำพูดต่าง ๆ แทบจะเรียบเรียงเป็นประโยคในหัวไม่ได้สุดท้ายก็ได้ตอบสนองคุณบีมไปด้วยการยกมือโบกไปมาแบบสั่น ๆ
“งะ…ไง”
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เด็กสาวผมสีดำสุดเท่ก็เดินพุ่งตรงเข้ามาหาก่อนที่ทั้งสองมือจะจับไหล่ทั้งสองข้างของผมอย่างทะนุถนอม พร้อมกันดวงตาสีน้ำตาลก็กวาดขึ้นลงมองไปมาทั่วร่างกาย ยิ่งทำเอาตัวผมสั่นไปหมด
“ปลอดภัยดีใช่ไหม พี่ทิพย์ไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ กับฟ้าใช่เหรอเปล่า”
“อะ….เอ่อ ก็ไม่นะ”
“แน่ใจนะ ข่าวลือรุ่นพี่แกก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ด้วย ถ้าเกิดไม่สบายใจก็บอก ยินดีเคลียร์ให้เสมอ”
จะเคลียร์ให้แบบไหนกันนะ…. ผมได้แต่ตั้งคำถามในใจ พลางภาพก็คิดถึงอ่าวไทยขึ้นมา
“มะ…ไม่มีอะไรหรอก ปลอดภัยดี รุ่นพี่นิสัยดีมาก!!”
“งั้นเหรอ…. แล้วล่ะนะ ว่าแต่มาที่โรงยิมมีธุระอะไรเหรอเปล่า”
“เอ่อ..เรื่องนั้น…”
“มาหาเจ้าชายแน่เลยล่ะ”
“อยากเห็นภาพเท่ ๆ ของบีมก็เลยมาหาแน่ ๆ”
“น่ารักจังเลยนะ อยากมีเด็กน่ารัก ๆ แบบนี้มาให้กำลังใจบ้างจัง”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร เสียงจากกองเชียร์ด้านหลังก็ดังขึ้นมาทำเอาผมยิ่งหน้าแดงกว่าเดิมขึ้นไปอีก
“เห มาหาฉันงั้นเหรอ ดีใจนะเนี่ย”
จู่ ๆ ทั้งสนามก็หาข้อสรุปกันเองทำเอาคุณบีมคิดว่าเป็นแบบนั้น และยิ่งอาการของผมที่ไม่ตอบและมัวแต่ก้มหน้าแบบไม่ปฏิเสธมันก็เลยยิ่งทำให้คำพูดของเหล่าแม่ยกยิ่งดูจริงขึ้นไปอีก
ไม่ใช่แค่นั้น พอเข้าใจผิดไปว่าผมมาหาก็ทำเอาคุณเจ้าชายยิ้มออกมาอย่างยินดี รอยยิ้มนั่นเป็นรอยยิ้มที่ช่างเจิดจรัสและเป็นธรรมชาติมากซะจนไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็ต้องรู้สึกถึงความเท่นี้อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง
“กรี๊ด ๆ ยิ้มให้กันด้วยล่ะ”
“ดูท่าคนนี้นี่ตัวจริงแน่ ๆ”
“แบบนี้บีมเราก็คะแนนนำคุณเจ้าหญิงแล้วไหมเนี่ย”
นี่มีตั้งกลุ่มกองอวยกันด้วยงั้นเหรอ!!ทีมดูมีแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจนแบบนี้ โถ่ถัง ไอ้แผนทำตัวไม่เด่นที่คิดเอาไว้คงไม่เหลือแม้แต่ซาก…. ความลับแตกขึ้นมาสงสัยได้โดนรุมประชาทัณฑ์ทั้งโรงเรียนแน่เลยเรา…….
“ป…ประมาณนั้นล่ะ”
“เห.. หรือว่าสนใจจะมาเข้าชมรมบาสเหรอเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเลยนะ เดี๋ยวจะไปบอกอาจารย์กับคนอื่น ๆ ให้”
“มะ. ไม่ใช่แบบนั้น คือว่าชมรมข่าวสารก็ดีอยู่แล้วล่ะ”
“….!”
ใบหน้าของคุณบีมดูตกใจขึ้นมาพลางมองซ้ายมองขวาและยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมเรื่อย ๆ ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้โดนแบล็คเมลใช่ไหมฟ้า”
“ไม่…ไม่มีทางหรอก ถึงพี่ทิพย์ออกจะเพี้ยนนิด ๆ แต่พี่เขาไม่ทำอะไรแบบนั้นแน่ ๆ”
“งั้นเหรอ… อืม แต่เอาจริง ๆ ช่วงสองอาทิตย์แรกยังเปลี่ยนชมรมได้อยู่นะรู้ไหม”
“นี่หมายถึง….”
เกริ่นมาขนาดนี้ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณเจ้าชายยังคงไม่คิดจะล้มเลิกในการพาผมเข้าชมรมเดียวกัน
“เพราะยัยน้ำเลยไม่ได้พาฟ้ามาที่ชมรมเลย แต่ฟ้ามาหาแบบนี้ก็ดีแล้ว”
มือข้างนุ่ม ๆ ของเด็กสาวผมสั้นตรงหน้าได้เคลื่อนมาจับมือขวาของผมก่อนที่จะค่อย ๆ ดึงตัวของผมไปอย่างระมัดระวัง โดยทิศทางที่เธอนำผมไปนั้นก็คือสนามบาสนั่นเอง
“คุณบีม.. เดี๋ยวก่อน อย่าบอกนะว่า….”
“ใช่ มาลองเล่นเลยจะได้รู้ว่าบาสมันสนุกขนาดไหนไง”
“ตะ…แต่เราเล่นไม่เป็นหรอกนะ”
ใช่ บาสเดียวที่ผมเล่นเป็นนั่นคือเกมบาสในคอม นอกจากนั้นในคาบพละที่ต้องเล่นพวกกีฬานั้น มันเป็นชั่วโมงอันแสนสาหัสของผมเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะบอลกระแทกหน้า หรือตัวปลิวเพราะวิ่งชนกับเพื่อน ผมก็เคยสัมผัสพวกนั้นมาหมด
“เดี๋ยวฉันสอนเอง… นี่ ขอลูกหน่อยสิ”
คุณบีมตะโกนไปที่ทางข้าง ๆ ที่มีเพื่อนร่วมทีมยืนอยู่ ซึ่งพวกเธอนั้นก็คือเหล่าแม่ยกที่ตะโกนมาตลอดการพูดคุยนั่นเอง
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่กำลังซ้อมอยู่งั้นเหรอ… ใช่ ถ้าจำไม่ผิดตอนก่อนที่ผมจะเข้ามา ผมได้ยินลูกบาสกระทบพื้นรัว ๆ แสดงว่าก่อนหน้านี้ฝึกกันอยู่แน่นอน แต่ทั้งหมดก็เงียบไปทันทีตอนที่ผมเดินเข้ามา
“เอ่อ..คุณบีม คือว่า…. แบบนี้จะรบกวนการฝึกของทุกคนเอานะ”
“เรื่องนั้นฟ้าไม่ต้องกังวลหรอก”
ไม่กังวลอะไรกันล่ะ คนเป็นสิบต้องมาหยุดเพราะคน ๆ เดียวแบบนี้ ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นการรบกวนชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้ทุกคนจะไม่มองผมแย่เอาเหรอ ใช่แล้ว อาจจะมีคนหมั่นขี้หน้าและแอบนินทาว่าผมทำตัวไม่ดีแน่ ๆ
“ไม่ต้องเกรงใจเลยฟ้า เพื่อฟ้าแล้วทุกคนยินดีช่วยเหลือนะ”
คุณบีมพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้เพื่อน ๆ ในสนาม ซึ่งพอผมลองมองไปรอบ ๆ ก็เห็นทุกคนยิ้มเล็กยิ้มน้อยกลับมา ราวกับว่ากำลังพักผ่อนเพื่อดูละครฉากเด็ด นั่นยิ่งทำเอาผมสงสัยไปเลยว่าพวกเธอเป็นแม่ยกกันทั้งชมรมเลยเหรอเปล่า
“เอาล่ะ ฟ้า เริ่มจากท่าจับลูกก่อนก็แล้วกัน”
คุณบีมยื่นลูกบาสให้ผมพร้อมทั้งจัดท่าให้ โดยเธอเลื่อนมือของผมไปวางตรงตำแหน่งที่เหมาะสม ปลายนิ้วเธอแตะมือผมเบา ๆ อย่างระมัดระวัง ทำเอาผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วครู่กับความใกล้ชิดที่ดูจะใกล้เกินไปนี่
“จับแบบนี้…แล้วก็ยืดตัวตรง ๆ นะ อย่าเกร็งมากไป”
เธออธิบายขณะที่เลื่อนมือของผมไปยังท่าที่เหมาะสม ใบหน้าของเธอใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอ ทุกจังหว่ะของลมหายใจเข้าออก มันราวกับหัวใจของผมปรับไปตามเสียงของจังหวะหายใจนั่น
“เอ่อ… แบบนี้เหรอ” ผมถามเสียงเบา โดยพยายามทำตามที่เธอสอนโดยมือนั้นได้ถูกถอนออกไปเพื่อให้ผมสามารถจับบอลได้อย่างถนัด ซึ่งมันก็ช่วยให้ผมสามารถมีเวลาสงบจิตสงบใจจากความว้าวุ่นที่เกิดขึ้นในหัวเมื่อครู่ได้พอควร
“ดีมาก ฟ้านี่มีแววนะเนี่ย ถ้างั้นลองเดาะบอลดูนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ฟ้าทำได้อยู่แล้ว”
ผมพยักหน้า แล้วลองเดาะบอลดูตามที่บอก แต่แล้วลูกบาสก็ปลิ้นจากมือหลุดออกจากแนวควบคุม พอจะพุ่งมือไปจับ มันก็กระเด้งไปกระแทกเท้าผมจนแทบเซล้ม คุณบีมรีบคว้าตัวผมไว้ก่อนที่ผมจะเสียหลัก แขนของเธอได้พุ่งเข้ามาประคองผมเอาไว้ในอ้อมแขน
“โห… เจ้าชายรุกไม่ยังเลยแก”
“แม่ตุ๊กตาทนได้ก็ให้มันรู้ไป… ว่าแต่นี่พวกเราดูคนซ้อมหรือดูคนจีบกันนี่”
“ถามทำไมก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ… ของเด็ดแบบนี้มันก็ต้องอย่างหลังสิ”
“งั้นก็ต่อเลยเจ้าชาย เอาชนะยัยเจ้าหญิงชมรมศิลป์ให้ได้นะ”
เสียงเชียร์ยังคงดังขึ้นมาไม่หยุด เหล่าแม่ยกทั้งหลายนั้นก็ยังคงแซวไม่หยุดหย่อน ทว่าคุณบีมแทบจะไม่มีทีท่าเขินอะไรเลย ตรงข้าม ตัวผมนี่เริ่มหน้าแดงอยากเอาหน้าไปหาที่ซุกหลบคนอื่นแล้ว
“ขอโทษ… เห็นไหมว่าเราไม่เหมาะกับกีฬาหรอก”
เอาผมออกไปจากที่นี่… บาสน่ะ ให้มันอยู่แค่ในเกมคอมก็พอ!!!
“ฟ้า อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ ฉันอยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะช่วยเธอเอง”
คำพูดที่อ่อนโยนและความมั่นใจในน้ำเสียงทำให้ผมใจเต้นแรงขึ้นไปอีก ความเท่ที่พุ่งมาไม่หยุดนี่ช่างเป็นอันตรายต่อจิตใจจริง ๆ
“ขะ…เข้าใจแล้ว”
ผมตอบกลับแบบเก้ ๆ กัง ๆ แล้วลองเดาะบอลใหม่อีกครั้ง คราวนี้เพื่อไม่ให้เกิดฉากแบบเมื่อครู่อีกผมก็เลยพยายามตั้งสมาธิ ทำตามที่เธอสอนและค่อย ๆ เดาะบอลอย่างช้า ๆ และระมัดระวังมากที่สุด
แน่นอนว่าครั้งแรก ๆ มันไม่มีทางสำเร็จ แต่ทุกครั้งที่ผมพลาด คุณบีมจะรีบตรงเข้ามาปรับท่าทางให้ และทุกครั้งที่ผมทำได้ดี เธอจะชื่นชมและยิ้มกว้างจนทำให้ผมเผลอรู้สึกภูมิใจไปด้วย
ถึงจะรู้ว่าทำแบบนั้นไปจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เหล่าแม่ยกยิ่งเชียร์หนักกว่าเดิม แต่ความปรารถนาดีของคุณเจ้าชายที่อยู่ตรงหน้านั้นมันก็ช่างทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจจริง ๆ
และเมื่อซ้อมไปได้สักพัก เหล่าแม่ยกก็เริ่มตระหนักได้ว่าดูละครหลังข่าวมากเกินไป พวกเธอจึงเริ่มลงสนามเพื่อซ้อมต่อ ตอนแรกพวกเธอก็จะให้ผมร่วมซ้อมด้วย แต่ด้วยความเกรงใจผสมกับความเหนื่อย นั่นทำให้ผมขอตัวออกมาพักก่อน
นี่ไม่ได้เหงื่อแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
ผมหอบแหก ๆ อยู่ข้างสนาม พร้อมกันก็เริ่มรู้สึกได้ถึงเหงื่อที่เริ่มไหล่ออกมา แต่ว่ามันมีบางอย่างที่ผมตระหนักได้… ผมยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ?
แค่นั้นล่ะ ทำเอาผมก้มลงไปมองชุดของตัวเองที่ตอนนี้เริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อจนชุดสีขาวเนียนนั่นจะเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นสีเนื้อของผิวหนังและสีขาวของชุดในที่ใส่เอาไว้
แต่ว่านี่มันโรงเรียนหญิงนี่นะ คงไม่เป็นอะไรหรอก…
ควับ
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงเงาร่างที่ทาบเข้ามาเหนือศีรษะ พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นคุณบีมยืนอยู่ตรงหน้า รอยยิ้มของเธออ่อนโยนกว่าปกติพร้อมดวงตาที่ฉายแววห่วงใยปนรู้สึกผิด มือข้างหนึ่งของเธอยกเสื้อคลุมกีฬาสีดำขึ้นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ โน้มตัวลงมาแล้วสวมมันคลุมไหล่ผมเบาๆ
“คะ…คุณบีม?”
“ชุดนักเรียนเปียกเหงื่อหมดแล้ว”
น้ำเสียงทุ้มเบาที่ออกมาทำเอาผมถึงกับใจเต้นแรงกว่าเดิม ราวกับเธอรู้ใจผมที่กังวลอยู่ลึกๆ
ผมรีบก้มหน้าพยักหน้าให้เบาๆ
“ขะ…ขอบคุณนะ”
“ความผิดฉันเอง ดีใจไปจนลืมเลยว่าเธอใส่ชุดนักเรียนอยู่ ขอโทษนะฟ้า”
“มะ..ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
ผมรีบส่ายหัวโบกมือรัว ๆ เป็นการบอกว่าไม่เป็นไร พร้อมกับถอยห่างออกมานิดหน่อยเพื่อไม่ให้หน้าของพวกเราทั้งสองคนใกล้กันจนเกินไป
แต่ให้ตายสิ ฉากเมื่อครู่มันอะไรกัน นี่มันอย่างกับพระเอกนิยายทำให้นางเอกเลยไม่ใช่เหรอไง แล้วไหงคนโดนทำมันถึงเป็นฝั่งผมล่ะ!!!ตามปกติอดีตผู้ชายอย่างผมมันต้องเป็นฝ่ายดูแลไม่ใช่เหรออออง
“เหนื่อยแย่เลยนะฟ้า นี่น้ำ”
ระหว่างที่กำลังอยู่ในความคิดของตัวเอง ขวดน้ำขวดหนึ่งก็ถูกยื่นมาให้ตรงหน้าแถมมาด้วยใบหน้าอันแสนอ่อนโยนของเจ้าชายแห่งโรงเรียน ซึ่งผมรับขวดน้ำนั่นมาแต่โดยดี
ผมสัมผัสได้ถึงความเย็นของขวดน้ำ ไม่ต้องสืบว่าคุณเจ้าชายนั้นคงรีบวิ่งไปหยิบมาจากตู้เย็นแน่นอน นี่ทำเอาให้ผมประทับใจขึ้นมานิด ๆ และในตอนนั้นเองที่กำลังจะเปิดขวดน้ำเพื่อดื่มมัน
อ๊ะ….
เดี๋ยวก่อนนะ… นี่มัน
เมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สิ่งที่ผมสมควรที่จะทำได้อย่างง่ายดายทว่าเมื่อครู่นั้นมันกลับล้มเหลว ทำให้ผมพยายามออกแรงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม แต่ดูเหมือนฟ้าจะไร้ตา ไม่ว่าจะทำเท่าไหร่ก็ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้น… ใช่แล้ว…
ผมเปิดขวดน้ำไม่ได้!!!!
บ้าน่า นี่มันเรื่องจริงอย่างงั้นเหรอ…
ผมพยายามแล้วพยายามเล่า แต่ไม่ว่าจะหมุนฝาขวดอย่างไรมันก็ทำได้แค่ทำให้ฝาหมุนไปตามมือแต่ไม่หมุนมันขึ้นมาได้ ทั้งที่ปกติไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน หรือไร้เรี่ยวแรงขนาดไหน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปัญหา ดังนั้นปัญหามันมีอย่างเดียว…… การกลายเป็นสาวน้อยนี่!!!
ใช่แล้ว มันมีตำนานว่าไว้ ตำนานที่บอกถึงเรื่องปริศนาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถเปิดขวดน้ำได้ มันเป็นปัญหาโลกแตกจนถึงขั้นมีคนทำวิจัยกันเลยทีเดียว และดูเหมือนว่าเป็นเพราะกล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรงเท่ากันนั้น ทำให้การเปิดขวดน้ำเป็นเรื่องยากสำหรับสาวน้อยทั้งหลาย
และปัญหาที่ว่านั่นมันกำลังเกิดขึ้นกับผม!!!
“ฟ้า เป็นอะไรไปเหรอ”
เมื่อเห็นผมจับเจ้าฝาขวดอยู่นานสองนานและทำได้เพียงแค่จ้องมองมัน ทำให้คุณบีมทักอย่างสงสัย แต่ว่าใครมันจะไปบอกได้ว่าเปิดฝาขวดไม่ออก รู้ถึงไหน อายถึงนั้น
“หรือว่าเปิดขวดน้ำไม่ได้?”
บีมจิตสัมผัสเหรออย่างไร ทำไมมันแม่นแบบนี้
“ฮ่า ๆ จริงเหรอเนี่ย งั้นเดี๋ยวฉันช่วยเอง”
“อ๊ะ ไม่ต้อง”
มือของคุณเจ้าชายได้เคลื่อนมาเพื่อจะเอาขวดน้ำไปจากมือของผมและพยายามหมุนเปิดขวดให้ ส่วนผมก็พยายามห้ามเพราะกลัวจะหน้าแตก แต่นั่นล่ะ แรงของสาวน้อยเก็บตัวเหรอจะสู้แรงของนักกีฬาได้
บีมเปิดฝาขวดด้วยท่าทีมาดมั่นแต่ว่าเพราะผมดันบีบมขวดเอาไว้อยู่ในตอนที่กำลังเยื้อแย้งกัน ส่งผลให้น้ำเย็น ๆ ที่อัดแน่นอยู่ภายในขวดก็พลันกระเด็นออกมาพร้อมแรงดัน หยดน้ำพุ่งกระจายเป็นละอองเล็ก ๆ บางส่วนกระเด็นไปโดนใบหน้าของบีมจนเป็นประกายระยิบระยับ
หยดน้ำเกาะอยู่บนผิวเนียนของเธอและเมื่อมันสะท้อนกับไฟที่ส่องมา หยดน้ำนั่นก็เปล่งประกายท่ามกลางแสงไฟอ่อนในโรงยิมจนราวกับเป็นเครื่องประดับราคาแพงซะจนใบหน้าของเธอนั้นมีเสน่ห์อย่างเหลือเชื่อ
จากนั้นเธอค่อย ๆ ใช้หลังมือเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน จังหวะที่แขนนั่นปาดน้ำออกไป มันราวกับผมเห็นภาพช้าที่ค่อย ๆ เกิดขึ้นเหมือนในหนัง มันช่างเป็นฉากที่เท่แบบพระเอกนักกีฬากำลังโชว์ความหล่อของตัวเองให้ผู้ชมเห็น
และหากว่านั่นว่าหนักแล้วแต่น้ำที่กระเซ็นออกมาไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น มันพุ่งกระทบเข้ากับเสื้อยืดบาง ๆ ของบีมจนแนบไปกับร่างอย่างชัดเจน เผยให้เห็นเค้าโครงสปอร์ตบราด้านในบางส่วน ซึ่งพอเห็นแบบนี้มันทำให้ความเป็นสาวแกร่งแต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกถึงความเซ็กซี่ในแบบที่ดูเท่อย่างน่าประหลาด และตอนนั้นเองที่รอยยิ้มมั่นใจที่มุมปากพร้อมแววตาอ่อนโยนของบีมมองมาที่ผม
“อย่างที่บอกไปนะฟ้า ไม่ว่าจะเรื่องไหนฉันก็พร้อมที่จะช่วยเธอ”
นี่แค่เปิดขวดน้ำเองนะคุณบีมมมมม!!! มันจะต้องหล่อถึงขนาดไหนถึงจะพอใจน่ะคุณเจ้าชาย!!!ไม่คิดเหรอว่าแบบนี้มันอันตรายต่อหัวใจของคนมองขนาดไหนน่ะ!!!
ผมคิดพลางควบคุมสติของตัวเองไม่ให้เตลิดไปพร้อมกับเสน่ห์อันเหลือล้นของผู้หญิงตรงหน้า แต่ตอนนั้นเองที่ข้อความของมือถือมันเด้งขึ้นมาซึ่งเป็นข้อความของพี่อีฟ
พอดีมีงานด่วนเข้าอาจจะไปรับช้ากว่าปกติค่ะ
ผมไม่พูดอะไรมากนอกจากรับทราบและกดส่งสติ๊กเกอร์หมีโค้งรับจบทุกงานไปเพราะอย่างไรเสียผมก็ไม่ได้รีบกลับหรือคิดจะไปทำอะไรอยู่แล้ว และอีกอย่างตอนนี้เองก็แอบสนุกไม่ใช่น้อย
ใช่…สนุก
มันนานขนาดไหนแล้วนะที่ตัวผมนั้นไม่ได้สนุกกับสิ่งที่เรียกว่ากีฬา อาจจะเป็นตั้งแต่ตอนหลังจากที่โดนลูกบอลอัดหน้า?เพื่อนไล่ไปเป็นตัวสำรอง?หรือว่าเป็นตอนที่โดนให้ไปเชียร์อยู่ข้างสนามเพราะเล่นได้ห่วยแตกเกินไป?
มันคงนานจนจำไม่ได้แล้ว และบางทีผมเองก็ไม่อยากจำวันวานที่ไม่น่าจดจำพวกนั้น แต่ว่าตอนนี้มันแตกต่างกันไป ไม่สนว่าจะเก่งหรือว่าเล่นเป็นขนาดไหน แต่แค่อยากให้ตัวผมได้สนุกกับสิ่งที่ตัวเธอชอบ มันก็แค่นั้น….
ความหวังดีนั่นมันส่งมาถึงตัวผมอย่างแท้จริง ความหวังดีที่อยากให้ผมมีความสุข แม้จะไม่ใช่การกระทำที่ยิ่งใหญ่อะไรแต่มันก็มากพอที่จะทำให้หัวใจมันรู้สึกพองโตขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ในระหว่างที่กำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ตาของผมก็ยังคงจดจ้องเด็กสาวผู้หล่อเหลาอย่างไม่วางตา
แสงสีส้มจากยามเย็นส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างโรงยิม อาบทาทุกสิ่งรอบตัวด้วยความอบอุ่นนุ่มนวล ตกกระทบเส้นผมสีดำของบีมจนเป็นประกาย ดวงตาสีน้ำตาลของเธอที่สะท้อนแสงส้มดูอ่อนโยนและสงบ จนราวกับมีรัศมีอันเจิดจรัสอยู่รอบตัวเธอคนนั้น
ยิ่งมองเท่าไหร่ก็ยิ่งราวกับถูกเสน่ห์และรัศมีอันเจิดจ้านั่นดึงดูดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่แปลกใจเลยที่เด็กสาวคนนี้จะถูกเรียกว่าเจ้าชายจากเหล่านักเรียนหญิงคนอื่น ๆ
ภาพลักษณ์ของเธอนั้นมันราวกับเป็นภาพลักษณ์ที่ตัวผมเองในอดีตอยากเคยเป็น เป็นคนที่ดูสมบูรณ์แบบ เป็นคนที่เท่ในสายตาของผู้อื่น แต่สุดท้ายนั่นก็เป็นเพียงแค่ฝันอันห่างไกลที่ไม่มีวันเป็นจริง
ทว่าตอนนั้นเอง ในจังหวะที่เด็กสาวผมสั้นได้กระโดดนำลูกยัดเข้าห่วงจนเกิดเป็นเสียงดังและเสียงชื่นชมของคนรอบข้าง ดวงตาของเธอได้สบเข้ากับผมก่อนที่นิ้วทั้งสองจะถูกชูขึ้นเป็นสัญญาณของความภูมิใจที่ยินดีมอบให้แก่ตัวผม
จู่ ๆ หัวใจมันเต้นรัว ๆ เต้นหนักมากจนเลือดทั้งหลายได้สูบฉีดขึ้นไปที่บนใบหน้าซะรู้สึกว่ามันร้อนขึ้นมาดุจมีใครเอาหินร้อนมาวางเอาไว้
ภาพของความสุขและความยินดีมากมายในช่วงเย็นที่มีกับเธอ และภาพของการดูแลที่เธอนั้นมอบให้มันค่อย ๆ ย้อนมา แม้จะเป็นเพียงอาทิตย์อันแสนสั้นแต่นั่นมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง
ความสงสัย…ความสงสัยที่ไม่รู้ว่าเป็นการถือดีในตัวเองหรือเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า แต่นั่นมันก็ยังข้างคาในใจ และยิ่งคำของรุ่นพี่ที่แนะนำมาก่อนหน้านี้ก็ดังขึ้นมาในหัว
“เรื่องของความรู้สึกน่ะ ลองถามออกไปตรง ๆ มันก็ดีกว่าคิดไปเองหรือปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไปไม่ใช่เหรอไง”
และไม่รู้ว่าเพราะสติของผมมันเริ่มสับสนหรือว่าอะไรมันก็เลยพลั่งปากออกไป
“ทำไม… ทำไมถึงได้ทำดีกับเราแบบนี้กันล่ะคุณบีม”
เพียงคำถามเดียวที่เผลอถามออกมา ไม่รู้ว่านี่เป็นการกระทำที่ถูกหรือผิดกันแน่ แต่นั่นก็ทำให้เจ้าชายผู้เป็นที่รักของเหล่าผู้คนยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นมันช่างเจิดจ้าและอบอุ่น เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงของดวงตะวันใด ๆ อบอุ่นยิ่งกว่าสิ่งไหน เพียงแค่มองก็ทำเอาให้ใจหลุดลอยออกไป
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว….ก็เพราะว่าฉันน่ะ…..”
กาลเวลามันเหมือนหยุดนิ่งลงไปสักพักหนึ่ง ราวกับชั่วลมหายใจที่แสนสั้นทว่ากลับยาวนานในช่วงเวลานี้ เวลาที่รอยยิ้มนั้นเจิดจ้ายิ่งกว่าสิ่งใด
“ชอบเธอไงล่ะ”
*********************************************
เอาแล้ว ๆ คุณเจ้าชายรุกหนักแบบไม่หยุดแบบนี้ นี่กะชิงทำแต้มก่อนคุณเจ้าหญิงชัด ๆ เลยนะเนี่ย…….
ชิ้งงง มีดจ่อคอจากด้านหลัง
“แหม ๆ ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้มีบทหรือเวลากับคุณฟ้าเท่าไหร่ แต่ทำไมแอร์ไทม์กับคุณบีมกลับมาเต็มตอนแบบนี้ล่ะคะ?”
เอ่อ….. เดี่ยวของเธอก็มีน่า ไม่มีทางตกหรอก เพราะงั้นอย่าทำอะไรเราเลยยยยยยยยย