ความวุ่นวายของการเลือกชมรมได้จบลงไปเมื่อผมได้ตกลงปลงใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชมรมข่าวสารบ้านเมืองซึ่งตอนนี้มีผมกับพี่ทิพย์ซึ่งเป็นประธานชมรมนั่งอยู่โดยขณะเดียวกันทั้งสองข้างของผมก็ถูกประกบด้วยสาวสวยทั้งสองของโรงเรียน
“เอ่อนี่…. พวกเธอไม่คิดจะกลับไปทำกิจกรรมชมรมเหรอ”
พี่ทิพย์เกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะมองไปที่เจ้าชายและเจ้าหญิงที่ตอนนี้ใช้มือของพวกเธอเข้ามาโอบร่างของผมราวกับเป็นกำบังอันตรายที่จะเข้ามา นั่นมันทำให้ผมรู้สึกเขินหนักจนใบหน้าร้อนผ่าวได้แต่ก้มหน้างุด ๆ และพยายามทำให้ใจสงบ
“ไม่ได้ค่ะ ใครจะรู้ว่ารุ่นพี่จะทำอะไรแปลก ๆ กับคุณฟ้าที่ใสซื่อเหรอเปล่า”
“ใช่ ถ้าเกิดฟ้าเสียคนขึ้นมาเพราะพี่ทิพย์จะทำไง”
“เดี๋ยว ๆ นี่ชมรมนะ ไม่ใช่ซ่องโจร เพ้ออะไรของพวกเธอกันเนี่ย”
“เอ่อทั้งสองคนกลับก่อนก็ได้นะ เราไม่เป็นไรหรอก”
ผมพยายามโน้มน้าวให้ทั้งสองกลับไป เพราะไม่งั้นเรื่องมันคงไม่ไปไหนสักทีด้วยความห่วงในของทั้งสองคนที่มีมากจนเกินไป
“ฟ้าไม่รู้หรอกว่าคนตรงหน้าอันตรายขนาดไหนน่ะ”
“ไม่น่าจะขนาดนั้นหรอกมั้ง”
“เคยมีข่าวลือว่าเธอเก็บข้อมูลทั้งโรงเรียนเอาไว้และเอาไปขายในตลาดมืดด้วยนะ”
“ใช่ค่ะ แล้วก็มีข่มขู่นักเรียนให้ทำตามที่ตัวเองต้องการ.. คุณฟ้าอาจจะถูกข่มขู่ให้ทำอะไรไม่ดี ๆ ก็ได้นะคะ”
“นี่พวกหล่อนพูดนินทากันต่อหน้าเจ้าตัวแบบไม่คิดเกรงใจเลยนะ”
รุ่นพี่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะมองสลับไปมาระหว่างเจ้าหญิงและเจ้าชายของโรงเรียน
“ข่าวบอกว่าเป็นเอามาก แต่ไม่นึกว่าจะเป็นมากขนาดนี้นะเนี่ย”
“อะไรนะรุ่นพี่/อะไรเหรอคะพี่ทิพย์”
“เปล่า ไม่มีอะไรหูแว่วกันไปเองมั้ง”
ผมสัมผัสได้ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปผมได้สืบทอดตำแหน่งประธานชมรมตั้งแต่วันแรกอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น….
“เอ่อ ทั้งสองคนกลับไปก่อนก็ได้นะ เราไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ค่ะ/ไม่มีทาง”
แทบจะเป็นเสียงเดียวกันเลย ก็กะไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ถ้างั้นเห็นทีคงต้องใช้ไม้ตายก้นหีบดูแล้ว วิชาการเป็นสาวน้อยลำดับที่สิบ…. บีบน้ำตา
“กระซิก ๆ”
“ฟ้า!! เป็นอะไรไป ทำไมถึงร้องไห้”
“คุณฟ้าคะ!!”
“เพราะเรา… เป็นเพราะเราทำให้ทั้งสองคนต้องโดดชมรมแบบนี้… กระซิก เป็นความผิดเราเอง”
ที่จริงก็ไม่อยากใช้วิธีนี้เท่าไหร่ นอกจากมันน่าอับอายแล้วยังจะไปเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นอีก นี่ถ้าชีวิตของพี่ทิพย์ไม่ได้แขวนอยู่บนเส้นด้ายล่ะก็ ไม่มีทางที่ผมจะใช้วิธีนี้เป็นอันขาด
“เราเป็นตัวปัญหาสินะคะ… กระซิก… เป็นตัวปัญหาทำให้ทั้งสองคนต้องทำผิดแบบนี้”
“ไม่เลยฟ้า ฟ้าน่ะไม่ใช่คนผิดซะหน่อย พวกเราโดดมาเองต่างหาก”
“ไม่ร้องนะคะคนดี คุณฟ้าน่ะเป็นเด็กดีค่ะ เป็นเด็กดีเสมอมา”
ทั้งสองคนพยายามทั้งลูบทั้งปลอบผมที่ตอนนี้กำลังบีบน้ำตาประดุจยอดนักแสดง
“แต่เราก็เป็นต้นเหตุอยู่ดี….กระซิก”
….
เมื่อเสียงร้องสะอื้นของผมเริ่มกดดันทั้งสองคนมากขึ้น คุณน้ำกับคุณบีมที่ปลอบผมแทบตายก็มองหน้ากันสักพักก่อนพยักหน้าให้กัน
“นี่ไง ฉันจะกลับไปชมรมแล้ว ฟ้าไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
“ใช่ค่ะ เราเองก็กลับแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะคะ”
“ขะ…เข้าใจแล้ว”
ทั้งสองคนลุกออกจากที่นั่งแต่ก็ไม่วายพยายามลูบหัว ลูบหลังส่งท้ายเป็นการพยายามปลอบก่อนที่จะค่อย ๆ ถอยออกไปอย่างช้า ๆ
“ฝากฟ้าไว้ก่อนนะรุ่นพี่ อย่าทำฟ้าร้องไห้นะ”
“ขอตัวก่อนนะคะพี่ทิพย์ แต่ว่าถ้าเกิดมีข่าวว่าพี่ทิพย์ทำอะไรไม่ดีกับฟ้า… เราคงต้องกลับมา “คุย” กันนิดหน่อยแน่ ๆ ค่ะ”
คำทิ้งท้ายของทั้งสองคนทำเอาพี่ทิพย์มองไปก่อนจะมีมุมปากกระตุก แต่พี่แกก็ดูไร้ซึ่งแม้แต่ความกลัว ต่างจากเหล่าคนของชมรมอื่น ๆ ที่เจอทั้งสองคนเมื่อก่อนหน้านี้
ปัง
ประตูได้ปิดลงทิ้งไว้เพียงผมและพี่ทิพย์กับเสียงสะอื้นไห้ที่ยังคงร้องไม่หยุด
“กระซิก ๆ”
“พอได้แล้วมั้งแม่ยอดนางเอก”
พี่ทิพย์ถอนหายใจออกมาก่อนจะหรี่ตามองพร้อมทั้งเบ้ปากใส่ผม
“กระซิก ๆ …..”
“บีบน้ำตาเร็วขนาดนี้มีแต่พวกหน้ามืดตามัวในความรักเท่านั้นล่ะที่เชื่อ พอได้แล้วไม่ต้องร้องแล้ว ไปกันหมดแล้วนั่น”
“ไปแล้วใช่ไหม?”
“เออ ไปแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็ปาดน้ำตาของตัวเองออกก่อนจะเริ่มสะบัดหน้าไปมาและตั้งท่าของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติที่สุด
“ใครจะไปคิดว่าแม่ตุ๊กตาแสนใสซื่อจะเล่นมารยาหญิงเป็นกับเขาด้วย”
รุ่นพี่ร่างเล็กแซวมาทำเอาผมเบ้ปากกากลับไป
“ก็ไม่ได้อยากทำหรอกค่ะ แต่ว่าถ้าเราไม่ทำรุ่นพี่ได้ลอยไปอ่าวไทยแน่นอน”
“อ่าวไทย?อะไรล่ะนั่น”
“อ๊ะ..อุ๊บ”
ผมรีบปิดปากของตัวเองทันทีทว่าเพียงแค่ชั่วครู่เดียวพี่ทิพย์ก็หัวเราะลั่นออกมาจนน้ำตาไหลที่ขอบตา
“ฮ่า ๆ นี่เชื่อจริง ๆ เหรอว่าสองคนนั้นจะจับเอาฉันไปถ่วงอ่าวน่ะ”
“ก็แบบว่า….”
“ถึงบ้านยัยพวกนั้นจะดูน่ากลัวก็เถอะ แต่กับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ไม่มีทางที่จะเกิดอะไรขึ้นหรอก อย่างมากก็แค่ล้มบริษัทหรือส่งชายชุดดำไปเคาะประตูหน้าบ้านเพื่อเตือนเท่านั้นเอง”
“นั่นมันก็น่ากลัวเหมือนกันนั่นล่ะ!!”
“ล้อเล่น ๆ ไม่เคยมีเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นหรอกน่า”
“จริงเหรอ”
“ก็จริงสิ…มั้งนะ”
พอเป็นแบบนี้ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่เมื่อรู้แบบนั้นก็ทำเอามันเจ็บอกแปล๊บ ๆ ขึ้นมาเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำไปเมื่อครู่
“ทำไม่ดีกับสองคนนั้นไปแล้วสิเรา”
“เอาน่า อย่างน้อยก็เจตนาดีไม่ใช่เหรอ.. แต่เมื่อกี้สุดยอดมากเลยนะ พวกชมรมการแสดงคงอยากได้ตัวเธอกันแน่ ๆ”
“เลิกแซวจะได้ไหมคะเนี่ย”
“ก็ได้ ๆ”
ผมทำแก้มป่องใส่รุ่นพี่เป็นเชิงโกรธ แต่ใช่ว่าพี่แกจะสนใจที่ไหน ยังคงมองแล้วยิ้มร่าใส่อยู่เหมือนเดิม ทว่ามันก็มีบางอย่างที่ผมรู้สึกได้ นั่นคือเวลาที่คุยกับรุ่นพี่คนนี้รู้สึกว่ามันช่างสบายใจและให้บรรยากาศเป็นกันเองอย่างเหลือเชื่อ
“แล้วไปทำอีท่าไหนให้สองคนนั้นหลงได้ขนาดนี้เนี่ยแม่ตุ๊กตา”
“ก็อยากรู้เหมือนกันนั่นล่ะค่ะ… พอรู้ตัวก็โดนตามติดแล้วล่ะ”
“โห นี่ถ้าไม่บอกนึกว่าพล๊อตละคร มันมีอะไรแบบนั้นจริง ๆ สินะ อย่างพวกรักแรกพบน่ะ”
พี่ทิพย์ผิวปากออกมาโดยยังคงแซวผมไปเรื่อย ๆ อย่างสนุกปาก ทว่าเรื่องที่พี่เขาพูดมานั้นมันก็จริง มันคือสิ่งที่ผมสงสัยพอสมควรว่าทำไมทั้งสองคนถึงได้ยึดติดกับผมขนาดนี้ ทั้งที่ผมเองก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย
“ของแบบนี้ไม่ถามไม่รู้หรอกนะฟ้า”
“เอ๋…?”
“เรื่องของความรู้สึกน่ะ ลองถามออกไปตรง ๆ มันก็ดีกว่าคิดไปเองหรือปล่อยให้อีกฝ่ายคิดไปไม่ใช่เหรอไง”
“เรื่องนั้น… มันก็จริงอยู่ค่ะ”
ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ รุ่นพี่ที่เพิ่งเจอกันก็สามารถทำตัวเป็นไลฟ์โค๊ชสอนวิธีการใช้ชีวิตไปอย่างงั้น แต่ก็นั่นล่ะ เพียงแค่คุยกันก็รู้สึกสนิทใจกันได้ นี่คงเป็นความสามารถพิเศษของรุ่นพี่ร่างจิ๋วคนนี้ล่ะมั้ง
“เอาเถอะ เรื่องส่วนตัวเดี๋ยวถามต่อทีหลัง… ถ้าได้ความอะไรก็เอามาเล่าแบ่งปันแล้วกัน”
“เอาจริง ๆ มันต้องบอกว่า “ไม่ยุ่ง” ไม่ใช่เหรอคะ”
“แบบนั้นก็ไม่ใช่ชมรมยอดนึกสอใส่เกือกน่ะสิ เสียชื่อแย่”
“กับคนในชมรมก็เอาเหรอ”
“แน่นอน แต่รับประกันว่าปิดไว้สนิทไม่เผยแพร่แน่นอน”
ผมขมวดคิ้วพลางคิดในใจว่าสิ่งที่คนตรงหน้าพูดนั้น มันจะเชื่อใจได้สักแค่ไหนกันเชียว
“เรื่องสำคัญกว่านั้นก็คือ….. อะไรกันที่ทำให้สาวน้อยน่ารักตรงหน้าฉันอยากเข้าชมรมนี้ต่างหาก”
ดูเหมือนจะกลับมาเข้าประเด็นหลักอีกครั้งหนึ่งผมจึงกลับมาทำหน้าจริงจังอีกครั้ง
“แน่นอน อย่างที่บอกไปว่าชมรมของเรานั้นเน้นนินทาและเมาท์มอยเรื่องชาวบ้าน พร้อมกันก็สืบความลับของคนอื่นเพื่อเอามาเมาท์มอยอีกที แต่ว่าบางทีก็มีเรื่องที่สมาชิกอยากได้ความช่วยเหลือซึ่งแน่นอนว่าพวกเราก็ยินดีช่วย”
“พวกเรา… เอ่อ มีคนอื่นนอกจากรุ่นพี่อยู่สินะคะ”
“ชมรมมันต้องมีหลายคนถึงจะตั้งได้นะฟ้า นี่คิดว่าชมรมฉันเป็นแบบพวกชมรมตกอับในอนิเมะงั้นเหรอ ไม่มีทาง พลังขี้เม้าของคนไทยน่ะมันเป็นหนึ่งอยู่แล้ว”
อา… มีคนแบบรุ่นพี่อีกหลายคนเลยอย่างงั้นเหรอเนี่ย จบสิ้นแล้วสังคมไทย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยเลยขอลากันทั้งขบวนน่ะ”
“มีเรื่องงั้นเหรอคะ?”
“อ่า.. ก่อนเธอเข้ามาเพิ่งโทรมาบอกกันว่ากำลังหนีอาจารย์อภิชนาถ ครูปกครองสุดโหดกันน่ะ”
หนีครูปกครอง.. นี่ชมรมนี้ไปทำอะไรกันแน่เนี่ย
“ไปทำอะไรให้ครูปกครองไล่กันล่ะคะนั่น”
ใช่ ขึ้นชื่อว่าครูห้องปกครองแม้จะเป็นเหล่าผู้ใหญ่เจ้าระเบียบแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผล ถ้าไม่ไปทำอะไรกระตุกต่อมของอาจารย์ก็ไม่มีทางที่จะโดนไล่หรอก
“เปิดคอมอาจารย์เพื่อสืบดูว่าอาจารย์คณิตแอบคุยกับสาวที่ไหนอยู่น่ะ”
อาชญากร!!แบบนี้มันอาชญากรรมชัด ๆ เลยไม่ใช่เหรอไง นี่มันหนักยิ่งกว่าแหกกฎโรงเรียนอีกนะคุณพี่ เดี๋ยวก็โดนจับไปวิ่งรอบเสาธงร้อยรอบหรอก
ชักจะเริ่มเข้าใจแล้วสิว่าทำไมคุณน้ำกับคุณบีมถึงได้กลัวขนาดนั้นตอนที่ผมเข้าชมรมนี่ไป
“เอ่อ…เราไม่อยากทำผิดกฎนะคะ”
“ไม่หรอก ๆ กิจกรรมนี้เราไม่บังคับกัน แค่หาเรื่องมาเมาท์ได้ก็พอแล้ว เห็นไหมว่าสบาย ๆ”
“สบาย ๆ สินะคะ…. แบบนี้ครูไม่ว่ากันเหรอคะ”
นี่มันเฉียดเส้นเข้าคุกเข้าตารางกันชัด ๆ …. อาจารย์ที่ไหนมันอนุญาตให้ชมรมนี้ถูกก่อตั้งขึ้นมากันเนี่ย
“มีกิจกรรมชมรมบังหน้าอย่างการสรุปและอภิปรายข่าวสารบ้านเมืองให้เป็นผลงานอยู่แล้ว เพราะงั้นสบายมาก”
“เอ๋ สรุปว่ามีงานด้วยงั้นเหรอ”
“ไม่อะ ทั้งหมดก็โยนข่าวไปให้เอไอทำแล้วก็เอาไปส่งครูก็เท่านั้น”
“สุดจัดจริง ๆ ค่ะ…ในทุก ๆ ด้าน”
นี่ควรจะชมหรือควรจะว่าอย่างไรดีนะกับชมรมที่ทำอะไรแบบนี้เนี่ย….
“บอกแล้วว่าสบาย ๆ แล้วว่าแต่สรุปว่าที่เข้ามานี่เพราะอยากได้ข่าวอะไรงั้นเหรอ”
“อ๋อเรื่องนั้น….”
ผมเปิดโทรศัพท์ของตัวเอง ก่อนที่จะเปิดรูปของด็อกเตอร์เฟรย์ขึ้นมาให้รุ่นพี่ดู ซึ่งพอรุ่นพี่เห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วหน่อย ๆ
“คนนี้คือ…?”
“เพื่อนของพี่สาวน่ะค่ะ พอดีหายตัวไปแล้วตามหายังไม่เจอ แต่ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือโผล่อยู่ในโรงเรียนนี้”
“อา… ชักน่าสนขึ้นมาแล้วสิ”
รุ่นพี่หรี่ตามองภาพก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจราวกับว่าตัวเองกำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ก็ไม่ปาน
“คนหายสินะ…เดี๋ยวจะบอกพวกคนในชมรมให้ ถ้าได้อะไรแล้วจะมาบอกก็แล้วกันนะ”
หลังจากที่พี่ทิพย์รับปากจะช่วยตามหาข้อมูลเกี่ยวกับด็อกเตอร์เฟรย์ให้ ผมก็รู้สึกโล่งใจขึ้นนิดหน่อย แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชมรมนี้จะสามารถหาอะไรเจอได้จริงหรือเปล่า เพราะดูจากวิธีการทำงานแล้ว มันก็ค่อนข้างจะ…อืม…ป้าข้างบ้านชัด ๆ
“ขอบคุณนะคะ รุ่นพี่ ถ้าได้เรื่องอะไรแล้วบอกด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า เจ้าแม่ข่าวสารอย่างฉันน่ะมีวิธีการหาข้อมูลที่เด็กน้อยอย่างเธอคาดไม่ถึงแน่นอน ว่าแต่…”
“ว่าแต่….?”
“แล้วสรุปว่าจะเลือกเจ้าหญิงหรือเจ้าชายงั้นเหรอ”
“นี่วนกลับมาเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกแล้วงั้นเหรอคะ”
“ช่วยไม่ได้นี่ ของแบบนี้มันคุยสนุกกว่าเรื่องคนหายเป็นไหน ๆ”
ให้ตายสิ บทจะจริงจังให้คำแนะนำก็ดูน่าเชื่อถือ แต่พอเป็นเรื่องชาวบ้านก็ดันทำตัวเป็นป้าข้างบ้านซะนี่ ทำเอาผมไม่รู้ว่าจะนับถือหรืออะไรกับรุ่นพี่คนนี้ดี แต่ก็เป็นอันว่าผมได้ตัวช่วยในการหาด็อกเตอร์เฟรย์มาอีกหนึ่ง
“แล้วสรุปจะเลือกคนไหนล่ะ”
“ไม่ลงไม่เลือกอะไรทั้งนั้นล่ะค่ะ”
“โหกะควบสองแบบนี้ ร้ายจริงเชียว”
“ใช่ที่ไหนกันล่ะ รุ่นพี่อย่าล้อเล่นแบบนี้จะได้ไหมคะ!!!”
รู้สึกเหมือนเราไปทำสัญญากับปีศาจเข้าแล้วสิเนี่ย…. เห้ออออออ
และหลังจากนั้นรุ่นพี่ก็แนะนำเรื่องชมรมและกิจกรรมชมรมให้ผมฟังซึ่งมันเป็นอะไรที่ช่างน่าประทับใจจริง ๆ เพราะทั้งหมดที่ต้องทำก็แค่หาเรื่องของชาวบ้านชาวช่องมาเมาท์มอยในคาบว่างหรือไม่ก็ไปสืบเรื่องราวปริศนาที่น่าสนใจมาแบ่งปัน ที่เหลือก็แทบไม่ต้องทำอะไร ไม่เข้าชมรมบ้างบางวันก็ไม่ว่า
“ว่าแต่บ้านอยู่ที่ไหนเนี่ยเดินทางมายากไหม แต่ว่าเป็นเด็กสาวน่ารักแบบนี้ พ่อแม่ขับรถมาส่งแน่ ๆ เลย”
“เอ่อไม่หรอกพ่อแม่อยู่ต่างจัง…ต่างประเทศน่ะค่ะ”
เกือบหลุดข้อมูลตอนเป็นณัฐไปแล้วสิฟ้าเอ๋ย
“เห.. พ่อแม่ไปต่างประเทศและอยู่กับพี่สาวแค่สองคนเหรอเนี่ย ลำบากแย่เลยนะ”
“ก็ไม่ลำบากอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่พี่สาวออกจะ….เป็นคนซีเรียสไปหน่อยน่ะ”
“แล้วพี่สาวเป็นคนแบบไหนอย่างไร และชื่ออะไรงั้นเหรอ”
“เอ่อ ชื่อพี่อีฟค่ะ ออกจะเป็นพี่สาวที่จริงจังไปนิดหน่อย….”
จนถึงช่วงหมดคาบชมรม สุดท้ายก็ยังไม่มีคนอื่นโผล่มา มันก็เลยมีแต่ผมที่นั่งกับพี่ทิพย์ไปยาว ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามีเหรอจะนั่งกันอย่างเงียบ ๆ พี่แกเล่นซักไซร้ไล่ถามประวัติส่วนตัวประดุจป้าข้างบ้านหลุดมาจากโลกของนิยาย ด้วยความที่เป็นกันเองจนน่าตกใจ มันก็มีหลายครั้งที่เกือบหลุดข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่เป็นของตัวเองในสมัยผู้ชายไปจนแทบเกือบวกกลับมาใช้ข้อมูลปลอมไม่ทัน
“วันนี้แยกย้ายแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ ไว้เจอกันใหม่นะยัยตุ๊กตา”
“เอ่อ โชคดีค่ะ”
และเมื่อคาบชมรมจบลง มันก็ถึงเวลาที่ผมจะเดินทางกลับบ้าน แน่นอนว่าตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาทั้งสองคนก็ยังพยายามจะไปส่งผมอยู่ดี จนผมต้องอ้างไปว่าพี่สาวจะมารับ ทั้งสองจึงยอมถอยไปซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ได้โกหกซะทีเดียว เพราะพี่อีฟบอกว่าเพื่อความปลอดภัยเลยจะมารับผมเองแต่ว่าอาจจะช้าหน่อยเพราะต้องเป็นหลังเธอเลิกงาน
พอเรื่องมันเป็นแบบนั้นผมก็เลยได้แต่นั่งหาอะไรทำในโรงเรียนเพื่อรอให้พี่อีฟมารับไปทั้งแบบนั้น และวันนี้ก็เป็นวันสำหรับการสำรวจโรงเรียนอีกรอบหนึ่งของผม
ตึก ๆ
ในขณะที่ผมกำลังเดินเล่นอยู่นั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังกระทบกับพื้น มันดังเป็นจังหวะเรื่อย ๆ พร้อมกันก็มีเสียงสะท้อนไปมา เมื่อผมหันไปมองก็พบกับโรงยิมขนาดใหญ่ของโรงเรียนที่ตั้งตระหง่านอยู่
เมื่อมองเข้าไปที่ข้างในก็พบกับคนที่คุ้นเคย นั่นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณบีมหรือคุณเจ้าชายสุดหล่อประจำโรงเรียนวราวิทย์แห่งนี้ ซึ่งตอนนี้นั้นเธอกำลังซ้อมบาสอยู่กับเพื่อน ๆ ร่วมทีมคนอื่น ท่าทีจริงจังในแบบที่ไม่เคยเห็นนั้นทำเอาผมประทับใจพอสมควร จนพอรู้ตัวอีกทีก็เดินมาอยู่ข้างในโรงยิมเพื่อดูเธอแล้ว
ภาพของเด็กสาวผู้มากความสามารถกำลังกระโดดชูตลูกบาสอยู่นั้น มันช่างดูเท่ราวกับตัวเอกหลดมาจากอนิเมะก็ไม่ปาน ภาพนั้นมันเป็นภาพที่ในอดีตผมเคยอยากให้มันเกิดขึ้นกับตัวเอง แต่สุดท้ายด้วยสาเหตุบางอย่างก็เลยไม่มีวันจะได้ทำแบบนั้นและสุดท้ายก็กลายมาเป็นคนเข้าสังคมไม่เป็น
“อ๊ะ..นั่น…..ฟ้า!!!”
เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากในสนามพร้อมกับสายตาทั้งหมดที่มองกันมาเป็นทางเดียว ไม่ใช่แค่นั้น คุณเจ้าชายก็เดินตรงปรี่เข้ามาหาผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและโบกมือไปมาอย่างยินดีเป็นกันเอง
“นั่นเหรอคนที่ว่า”
“ใช่ ๆ เด็กคนนั้นไงที่บีมบอกอยากเอามาเป็นผู้จัดการอะ”
“เหย น่ารักเวอร์”
“กอดไปเจ้าชายจะว่าไหมเนี่ย”
“จะบ้าเหรอ ขืนทำแบบนั้นได้โดนคุณเจ้าชายโกรธกันพอดีน่า”
ตอนนี้ตัวของผมได้กลายมาเป็นจุดสนใจของทั้งยิมเลยก็ว่าได้ และเมื่อถูกมองเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ แค่นั่นล่ะตัวของผมก็สั่นไปหมดพลางในใจก็คิดได้แต่ว่า….
หนีออกไปตอนนี้จะทันไหมเนี่ย
***************************************************************************************
และแล้วเราก็เปิดตัวรุ่นพี่สุดประเสิรฐในเรื่องผู้เป็นดั่งป้าข้างบ้านของโรงเรียนแล้วนะครับ เอาล่ะ ชมรมนี้จะมีผลอย่างไร จะช่วยอะไรฟ้าตัวน้อย ๆ ของเราได้ไหม แล้วฟ้าจะรอดจากเหล่าชมรมบาสอย่างไร มาติดตามชมกันนะครับ