เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมได้คุยกับรุ่นพี่คาบูรากิเป็นครั้งแรก…
ผมยังคงจมอยู่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ผมได้ยินเรื่องราวเหลือเชื่อมากมาย จนผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกลับบ้านยังไง
ก็… คนที่อยู่สูงเกินเอื้อมแบบนั้น มาพูดเรื่องเจ้าสาว เรื่องแต่งงาน เรื่องชีวิต 2 รอบ กับผมเนี่ยนะ
ผมไม่รู้ว่ามันคือเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก… ยิ่งเวลาผ่านไป ผมก็ยิ่งไม่แน่ใจว่ามันคือเรื่องจริง หรือแค่ฝันไปเอง… ผมนอนไม่หลับเลย
[เฮ้อ…]
ผมหาวเป็นรอบที่ร้อยแล้วมั้ง
ผมคิดว่าถ้าได้ล้างหน้า กินข้าวเช้า แล้วไปโรงเรียน ผมคงจะลืมเรื่องนี้ได้บ้าง… แต่ความกังวลกลับมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วตอนนี้ผมก็มาถึงโรงเรียนแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะตั้งใจเรียนได้เลย
(ทำไงดี ยังพอมีเวลาก่อนโฮมรูม ไปงีบสักหน่อยดีไหมนะ…)
ผมกำลังจะเอาแขนหนุนหัว เตรียมตัวงีบหลับ ก็มีมือมาตบไหล่ผมแรงๆ
[ไง ยูกิ!]
[…อรุณสวัสดิ์ อากิระ]
ผมทักทายเพื่อนที่โผล่มาแบบพอดิบพอดี ด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยๆ
เขาชื่ออากิระ ย้ายมาตอน ป.3 บังเอิญได้นั่งใกล้กัน เลยสนิทกันมาตั้งแต่ ม.ต้น จนถึง ม.ปลาย
อากิระตัวสูงเกือบ 180 ร่างกายกำยำ เป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียน แถมยังหน้าตาดี เลยเป็นที่สนใจของสาวๆ ตั้งแต่ประถม มัธยม ยันตอนนี้
ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ “เหนือชั้น” กว่าผม แต่เขาก็เป็นคนนิสัยดี พวกเราเลยเข้ากันได้ดี
[ซ้อมเช้าเสร็จแล้วเหรอ]
[อืม… แต่ตอนนี้ไม่ต้องสนใจฉันหรอก]
อากิระพูดพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูผม
[เมื่อวานนายไปแถวตึกชมรมไม่ใช่เหรอ?]
[หา!]
[ฉันเห็นจากสนาม เห็นนายเดินอยู่ที่ระเบียง]
[เห็นจากสนามเนี่ยนะ… ตอนนั้นนายกำลังซ้อมอยู่ไม่ใช่เหรอ?]
[ต่อให้กำลังซ้อม หรือเล่นเกมอยู่ ถ้าเห็นคนรู้จักในที่ที่ไม่คาดคิด ก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา]
อากิระพูดอย่างมั่นใจ
ถ้าเป็นคนทั่วไป คงไม่ทันสังเกตหรอกมั้ง ในขณะที่กำลังตั้งใจซ้อม… แต่… คนอย่างผม
คนธรรมดาอย่างผม คงเดาความคิดของอัจฉริยะไม่ออกหรอก
ผมไปตึกชมรมจริงๆ นั่นแหละ ต่อให้เขาสงสัยก็ไม่แปลก
[ไปดูชมรมไหนรึเปล่า? นายบอกว่าไม่สนใจชมรม เพราะมีธุระที่บ้านไม่ใช่เหรอ?]
[อืม… ก็… มีคนชวนน่ะ]
[หืมมม มีคนชวน]
อากิระพูดพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ผมคุ้นเคยกับรอยยิ้มแบบนี้ดี
อย่างที่บอก อากิระเป็นหนุ่มฮอต แต่เขาก็ทุ่มเทให้กับชมรม ไม่สนใจเรื่องความรัก
แต่ในทางกลับกัน เขากลับสนใจเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรือนินทาชาวบ้าน เป็นพิเศษ
“ฉันไม่มีเวลาหาแฟนหรอก แต่เสพเรื่องชาวบ้านน่ะ ฟรี!”
เขาชอบพูดอะไรแบบนี้… เอ๊ะ?
(แล้วทำไมเขาต้องทำหน้าแบบนั้น แค่ผมไปเดินที่ตึกชมรม… เขาเห็นผมเดินอยู่?)
ผมไม่ได้ใส่ใจตอนที่เขาพูด ไม่ได้คิดอะไรเลย
ถ้างั้น แสดงว่าตอนที่อากิระเห็นผม มีคนอื่นอยู่กับผมด้วย!
[นาย… ยอมรับมาเถอะ!]
[เปล่าๆ ฉันแค่ลองถามอ้อมๆ]
เขาคงคิดว่าถ้าถามตรงๆ ผมคงไม่ยอมบอก ซึ่งก็จริง ผมตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว
[ดีจ้าาา ทอมมี่ อัคกี้]
[โอ้ มาได้จังหวะพอดีเลย โคบายาชิ]
[ฉันไม่ใช่โคบายาชิ! ฉันโอบายาชิ!]
สาวสวยที่เข้ามาใหม่ คือเพื่อนของพวกเรา โคบายาชิ… ชื่อจริงคือ โอบายาชิ เรียวโกะ
พวกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ ม.ต้น ตอนนั้นก็คุยกันแบบเพื่อนธรรมดา แต่พอขึ้น ม.ปลาย พวกเราก็เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่เรียนโรงเรียนเดียวกัน เลยสนิทกันมากขึ้น ตัวติดกันสามคนตลอด
เธอเป็นคนเฟรนด์ลี่ คุยเก่ง เข้ากับคนง่าย จนผมรู้สึกเหมือนรู้จักกันมานาน
ส่วนชื่อ [โคบายาชิ] เป็นชื่อเล่น ที่ตั้งตามความสูงของเธอ ที่เตี้ยที่สุดในห้อง (ถึงจะฟังดูเว่อร์ไปหน่อยก็เถอะ)
[ว่าแต่ อัคกี้ มาได้จังหวะพอดี หมายความว่าไง?]
[ก็… ดูเหมือนว่า ฤดูใบไม้ผลิของยูกิจะมาถึงแล้วล่ะ!]
[หาาาาา? ทอมมี่ เจ้าแห่งฤดูหนาว ที่ไม่มีวี่แววของความรัก จะมีฤดูใบไม้ผลิ?]
[นี่ อย่ามาพูดเหมือนฉันเป็นคนไม่มีหัวใจสิ]
[ถ้าหมายถึงไม่มีแฟน โคบายาชิก็เหมือนกันนั่นแหละ]
[ถ้างั้นอัคกี้ก็ด้วย เฮ้อ พวกเราสามคน เป็นแก๊งค์คนเหงาแหละ]
[แต่ว่าาา? ในบรรดาพวกเราาาา?]
[ทอมมี่จะเป็นคนแรกที่หลุดพ้นนนน ต้องเค้นถามรายละเอียดแล้ววววว!]
อากิระกับโอบายาชิพูดพร้อมกัน พร้อมกับส่งสายตาเป็นประกาย
แค่เพิ่มมาอีกคน ก็เสียงดังขึ้นเป็นสามเท่า น่ารำคาญชะมัด
แต่ถ้าผมเป็นคนอื่น ผมก็คงตื่นเต้นเหมือนกัน
[ว่าแต่… คนที่นายว่า คือใครเหรอ?]
[ฟังแล้วจะตกใจ… ก็คือ…]
อากิระโน้มตัวเข้ามาใกล้ พวกเราสามคนยืนอออยู่ด้วยกัน คงดูแปลกๆ ในสายตาคนอื่น
[ก็คือ… คาบูรากิ มิฮารุน่ะสิ…]
[หาาาา?]
เขามองเห็นจริงๆ ด้วย!
ตอนที่ผมเดินไปตึกชมรม ผมโดนรุ่นพี่จูงมือไปด้วย
คงไม่มีใครอยู่ที่นั่น ในเวลาเดียวกันหรอก…
[…คาบูรากิ มิฮารุ ที่ว่าเนี่ย หมายถึง คาบูรากิ มิฮารุ คนนั้น…]
[ถ้าพูดถึงคาบูรากิ มิฮารุ ก็มีแค่คนเดียวนั่นแหละ ไม่มีทางจำผิดหรอก ออร่าเธอคนละระดับเลย]
[แล้ว… กับทอมมี่?]
[ถึงจะเห็นกับตา ฉันก็ยังไม่ค่อยเชื่อ เลยลองถามดู เขาก็บอกว่าโดนชวนเข้าชมรม]
[จริงดิ! คาบูรากิ รุ่นพี่ในตำนาน ตกอับเหรอเนี่ย!]
[อย่ามาพูดเหมือนฉันเป็นคนยากจนข้นแค้นจะได้ไหม…]
น่าจะพูดว่า “ฉันจะรวยขึ้น” มากกว่านะ แต่ก็ ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีเท่าไหร่อยู่ดี
[แต่… ทำไมคาบูรากิถึงชวนทอมมี่เข้าชมรมล่ะ?]
[นั่นแหละ ที่ฉันกำลังจะถาม]
[งั้นเชิญเลย คุณทอมมี่]
[คืออออ…]
ผมไม่อยากเล่าเลย ถ้าเล่าให้พวกนี้ฟัง พวกเขาต้องโวยวาย แล้วก็เอาไปล้อผมแน่ๆ
เรื่องมันเหลือเชื่อมาก ขนาดผมยังตั้งสติไม่ได้เลย!
[หืมมม คุณทอมมี่จะใช้สิทธิ์ในการนิ่งเฉยสินะ?]
[ทำแบบนั้นไม่ดีหรอกมั้ง พวกเราจะจินตนาการกันไปเอง แล้วก็ยิ่งคาดหวังมากขึ้นนะ การที่นายมีแฟน มันก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายคือคาบูรากิ มันก็ยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นไปอีก]
[ฉันนึกว่าเธอเป็นมนุษย์ดาวอังคารซะอีก]
[แบบเจ้าหญิงคางุยะ?]
[นั่นมันดวงจันทร์ ฮ่าๆๆๆๆ] (หัวเราะแบบไม่รู้สึกอะไร)
ก็จริง เธอดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว หรือสิ่งมีชีวิตจากต่างโลก
พอได้คุยด้วยแล้ว… ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอแปลก ไม่เหมือนคนทั่วไป
แต่ดูเหมือนพวกเขาจะเริ่มสนุกกับเรื่องนี้แล้ว
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ พวกเขาคงยิ่งพูดไปเรื่อย พรุ่งนี้อาจจะพูดว่า [คบกันแล้วเหรอ] อาทิตย์หน้าอาจจะพูดว่า [ใกล้แต่งแล้วเหรอ] แล้วก็พูดอะไรมั่วๆ ไปเรื่อย…
“รุ่นพี่ จริงจังกับการแต่งงานกับผมเหรอครับ?”
“อืม จริงจังสิ”
อึก…
ผมเผลอนึกถึงบทสนทนาเมื่อวาน
[เป็นอะไรรึเปล่า ยูกิ!]
[หืมมม กำลังนึกถึงอะไรอยู่แน่ๆ!]
[อะไรนะ! นึกถึงอะไร บอกมา! บอกมาเดี๋ยวนี้!]
[กินข้าว… กินข้าวหน้าหมูทอด…]
พวกเขาเห็นผมทำหน้าลำบากใจ เลยยิ่งซักไซ้ น่ารำคาญ น่าอึดอัดชะมัด
[…ก็ได้ ฉันจะบอก]
ผมยอมแพ้
อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าโฮมรูมแล้ว ผมอาจจะหนีไปได้
แต่อากิระนั่งข้างหน้าผม ผมหนีไม่ได้หรอก ส่วนโอบายาชิที่นั่งอยู่ข้างหลัง ต่อให้เป็นเวลาโฮมรูม หรือคาบเรียน เธอก็สามารถปาเศษยางลบ หรือกระดาษ มาโดนผมได้ อย่างกับคนบ้า
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ผมคงตั้งใจเรียนไม่ได้ แถมอาจจะโดนอาจารย์ดุอีก
แล้วพอถึงพักเที่ยง พวกเขาก็คงยิ่งอยากรู้อยากเห็น แล้วก็มาซักไซ้ผมหนักกว่าเดิม ทางที่ดีที่สุด คือบอกความจริงไปซะตอนนี้
ผมเชื่อแบบนั้น
[ไม่มีอะไรอย่างที่พวกนายคิดหรอก แค่โดนชวนเข้าชมรม]
[เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว แต่มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นสิ]
[…ไม่มี]
ผมไม่กล้าเล่าเรื่องใบทะเบียนสมรส หรือเรื่องชีวิต 2 รอบ
มันคงทำให้เรื่องวุ่นวายขึ้น แล้วผมก็ยังไม่พร้อมจะอธิบายเรื่องนี้กับใคร
[คาบูรากิเข้าชมรมด้วยเหรอ?]
[ฉันเคยได้ยินว่าเธออยู่ชมรมวรรณกรรม รุ่นพี่ฉันบอกว่า ชมรมนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อเธอคนเดียวเลย]
ผมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็พอเข้าใจได้
รุ่นพี่บอกว่ามีเหตุผล ที่ชมรมวรรณกรรมมีแค่เธอคนเดียว แต่ถ้าชมรมนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อเธอ มันก็สมเหตุสมผลดี
[แต่… ทำไมเธอถึงชวนทอมมี่เข้าชมรมที่เธอเป็นสมาชิกคนเดียวล่ะ? รู้จักกันมาก่อนรึเปล่า?]
[ไม่รู้จัก]
[งั้นก็ยิ่งแปลก เธอมีแผนอะไรหรือเปล่านะ?]
โอบายาชิเอียงคอ ส่วนอากิระก็เงียบ
ทำไมรุ่นพี่ถึงชวนผมเข้าชมรม? ถ้าเชื่อที่เธอพูด…
“ในเมื่อเป็นชมรมทั้งที ฉันก็อยากมีรุ่นน้อง อยากลองเป็นรุ่นพี่ดูบ้าง”
รุ่นพี่พูดแบบนั้น
ชมรมที่มีสมาชิกแค่คนเดียว มันจะเรียกว่าชมรมได้เหรอ? ผมไม่ได้สงสัยอะไร แต่โอบายาชิดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เธอทำหน้าครุ่นคิด
[คนที่ดูหยิ่งๆ แบบ ‘ฉันเก่งที่สุดในโลก’ แบบนั้น จะคิดอะไรธรรมดาๆ แบบนี้เหรอ? แล้วทำไมต้องเป็นทอมมี่ด้วยล่ะ? เธอยังไม่ได้ตอบคำถามนี้เลย]
[พวกเราก็แค่คิดกันไปเอง จริงๆ แล้วเธออาจจะเป็นคนธรรมดาก็ได้]
[เหรอออ?]
[อีกอย่าง ถ้าเธออยากมีรุ่นน้องจริงๆ การที่เธอเลือกยูกิ ก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้]
ถ้าปาหินไปเรื่อยๆ มันก็ต้องโดนใครสักคน คนที่โดนอาจจะเป็นผมก็ได้
ถ้ามองจากมุมมองของผม มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ถ้ามองในภาพรวม มันก็มีความเป็นไปได้อยู่
(แต่… รุ่นพี่บอกว่า เธอตั้งใจเลือกผม…)
ถ้าเอาผมไปเทียบกับรุ่นพี่คาบูรากิ มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ผมก็คิดแบบนั้น
แต่เรื่องที่ผมไม่ได้บอกอากิระกับโอบายาชิ…
[อย่าเพิ่งท้อสิ!]
[โอ๊ย!]
อากิระคงคิดว่าผมเสียใจ ที่โดนรุ่นพี่เลือกแบบสุ่ม
เขาเลยตบไหล่ผม เพื่อให้กำลังใจ
[ต่อให้เป็นเรื่องบังเอิญก็ไม่เห็นเป็นไร นี่เป็นโอกาสที่นายจะได้ใกล้ชิดกับคาบูรากิ คนที่สวย เก่ง เป็นนักเขียน ดังระดับซุปเปอร์สตาร์เลยนะ!]
[นั่นสินะ]
โอบายาชิดูเหมือนจะยังไม่หายสงสัย แต่เธอก็เห็นด้วยกับอากิระ
[นักเขียนน่ะ พวกเราคนธรรมดา ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ ทอมมี่ ระวังโดนหลอกล่ะ]
[อืม ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ โคบายาชิ]
[เป็นห่วง… คือ… ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ว่าฉันชื่อโอบายาชิ!]
หลังจากจบประโยคที่คุ้นเคยนี้ เสียงกริ่งเข้าโฮมรูมก็ดังขึ้น พวกเราเลยแยกย้ายกันไป
ผมมองโอบายาชิเดินกลับไปที่โต๊ะ ด้วยสีหน้าบึ้งตึง แล้วก็ถอนหายใจ
ผมเคลียร์ข้อสงสัยของอากิระกับโอบายาชิได้แล้ว
แต่ผมรู้ว่า รุ่นพี่คาบูรากิไม่ได้เลือกผมแบบสุ่ม… เธอบอกผมแบบนั้น
และเหตุผลนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ผมกังวลใจ…
“ฉัน คาบูรากิ มิฮารุ เจ้าสาวในอนาคตของเธอ!”
“อีก 2 ปี ตอนที่ฉันอายุ 20 ส่วนเธออายุ 18 เราจะได้เจอกันในงานดูตัว คบกันประมาณครึ่งปี แล้วก็แต่งงานกัน”
ผมจำคำพูดของเธอได้ทุกคำ ทุกประโยค…
คำพูดของเธอ มันรุนแรง และน่าตกใจ จนผมไม่มีวันลืม
ก่อนที่โอบายาชิจะสงสัย ผมก็รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าผมเป็นแค่คนธรรมดา
ผมไม่คิดว่ารุ่นพี่คาบูรากิจะสนใจผม ไม่มีทาง
แต่เธอกลับรู้จักผม และเลือกผม
[ยูกิคุง ฉัน… มีชีวิตมาแล้ว 2 รอบ]
ด้วยเหตุผลที่เหลือเชื่อ…
(ระวังอย่าให้โดนหลอกล่ะ…)
ชีวิต 2 รอบ… New Game+…
ถ้าผมยังเป็นเด็กประถม ผมคงเชื่อเรื่องแบบนี้ เหมือนกับเรื่องเล่าในเมือง ที่ว่าจะมีชายแก่ชุดแดง มาวางของขวัญไว้ในถุงเท้า ข้างหมอน ในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์
แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ผมโตเกินกว่าจะเชื่อเรื่องแบบนั้นแล้ว
แต่…
“ก็มันคือเรื่องจริงนี่นา”
แววตาของรุ่นพี่ มันจริงจังเกินกว่าจะปฏิเสธ
ผมไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้
ผมทำได้แค่… เก็บคำถามไว้ในใจ
[ขอโทษที่ให้รอนะ ประชุมยาวเลย มาเริ่มโฮมรูมกันเร็ว เวรประจำวัน!]
อาจารย์ประจำชั้นรีบวิ่งเข้ามาในห้อง
แล้วตอนที่เวรประจำวันสั่งให้ [ลุกขึ้น] โทรศัพท์ในกระเป๋าผมก็สั่นพอดี
ผมยืนขึ้น โค้งคำนับ ทักทาย แล้วก็นั่งลง พร้อมกับแอบเปิดโทรศัพท์ใต้โต๊ะ โดยไม่ให้อาจารย์เห็น
ปกติผมจะไม่ดูโทรศัพท์ตอนโฮมรูม แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกอยากรู้มากๆ
ข้อความแจ้งเตือนขึ้นมาจากแอพส่งข้อความ ที่ผมไม่ค่อยได้ใช้
[พักเที่ยงนี้ มาเจอฉันที่ห้องชมรมได้ไหม?]
ข้อความจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก…
แต่ผมรู้ทันทีว่าใครเป็นคนส่งมา
ความรู้สึกต่างๆ วนเวียนอยู่ในหัวผม
แต่ผมก็รีบตอบกลับไปทันที โดยไม่ทันได้คิด
[ได้ครับ]
ผมอาจจะโดนหลอก ผมอาจจะเป็นแค่ของเล่นสำหรับเธอ
แต่ผมก็อยากเจอเธออีกครั้ง… คงเป็นเพราะคำว่า [โอกาส] ที่อากิระพูด มันโดนใจผม
(ว่าแต่… ผมไปแลกเบอร์กับเธอตอนไหนนะ…?)
ผมสงสัย แต่ก็รู้สึกว่าไม่ควรถาม เลยตัดสินใจลืมๆ มันไป