ทันทีที่เข้าเรียนม.ปลาย ผมก็ได้ตระหนักถึงความ “ธรรมดา” ของตัวเอง
แม้เวลาจะผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว แต่ภาพนั้นก็ยังคงติดตา… ภาพของเธอที่ยืนอยู่บนเวที ในพิธีปฐมนิเทศ ณ เก้าอี้พลาสติกตัวหนึ่งที่ผมนั่งอยู่ท่ามกลางนักเรียนใหม่คนอื่นๆ
“นักเรียนใหม่ทุกคน ขอแสดงความยินดีกับการเข้าเรียนในครั้งนี้ด้วยนะคะ”
แม้เสียงของเธอจะผ่านไมโครโฟนและลำโพง แต่ก็ยังคงใสกังวานราวกับเสียงกระดิ่ง เสียงที่แม้จะพูดประโยคทักทายแบบพิธีการ แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเธอก็ดูสง่างามราวกับนางฟ้า เธอช่าง “พิเศษ” เหลือเกิน จนผมอดรู้สึกประหม่าไม่ได้
เธอแนะนำตัวว่า “คาบูรากิ มิฮารุ”
และดูเหมือนว่าความรู้สึก “พิเศษ” ที่ผมสัมผัสได้ในตอนนั้นจะไม่ใช่แค่ความคิดไปเอง เพราะหลังจากนั้น ผมก็ได้ยินเรื่องราวของเธอมากมาย ไม่ใช่แค่ในโรงเรียนม.ปลายเซ็นเมย์แห่งนี้ แต่เธอยังเป็นที่จับตามองจากคนทั่วไปอีกด้วย
เธอสวยราวกับนักแสดง แถมยังเรียนเก่งติดอันดับต้นๆ ของประเทศในการสอบระดับชาติทุกครั้ง ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังมีความสามารถทางด้านกีฬาแบบหาตัวจับยาก ถึงจะไม่ได้เล่นกีฬาอะไรเป็นพิเศษ แต่เธอก็ทำได้ดีไปหมดทุกอย่าง
ยังไม่หมดแค่นั้นนะ! เมื่อก่อนเธอเคยเป็นนางแบบเด็กด้วย พอเลิกเป็นนางแบบ เธอก็ผันตัวไปเป็นนักเขียนนิยายที่ขายดีติดอันดับเบสต์เซลเลอร์ แถมยังทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ ทั้งที่ยังเรียนอยู่ม.ปลาย แถมยังพักอยู่คนเดียวที่คอนโดหรูใจกลางเมืองอีกต่างหาก
เรียกได้ว่า เธอเพียบพร้อมทั้งบุ๋นและบู๊ ทั้งความสามารถและหน้าตา เธอคนเดียวก็แทบจะเทียบเท่าคนเป็นพัน! สุดยอดไปเลย!
ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะพูดคำชมพวกนี้ออกมาแบบตรงๆ ได้ขนาดนี้ ถ้าเมื่อก่อนมีใครมาเล่าเรื่องผู้หญิงที่ดูเพอร์เฟ็กต์เกินจริงแบบนี้ให้ฟัง ผมคงขำก๊าก ไม่ก็ฟังแบบผ่านๆ หูไปแล้ว
แต่พอได้เห็นรุ่นพี่คาบูรากิกับตาตัวเอง ผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมถึงมีคนพูดถึงเธอมากมายขนาดนี้ เธอมีออร่าบางอย่างที่ทำให้คนอื่นรู้สึกทึ่ง
ความสำเร็จของเธอ บวกกับความมั่นใจที่แสดงออกมาผ่านท่าทาง ทำให้แม้แต่คนธรรมดาๆ อย่างผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขาม
เอาล่ะ ถึงแม้ในหัวผมจะเรียกเธอแบบสนิทสนมว่า “รุ่นพี่คาบูรากิ” แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราไม่ได้สนิทกันเลยสักนิด ต่างคนต่างอยู่สุดๆ
ผมคิดว่าตลอด 3 ปีในชีวิตม.ปลายนี้ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเรามากไปกว่าการเป็น “นักเรียนโรงเรียนเดียวกัน” หรอก
ในอนาคต เธอต้องดังยิ่งกว่านี้แน่ๆ คงได้เห็นเธอออกทีวีบ่อยๆ แล้วผมก็คงจะเล่าให้เพื่อนๆ กับครอบครัวฟังว่า “เนี่ย! เคยเรียนโรงเรียนเดียวกับรุ่นพี่คาบูรากิคนนี้แหละ” หรือไม่ก็ “บางทีก็เดินสวนกันบ้างในโรงเรียน แต่แบบ… ออร่าเธอแรงมาก ผมนี่กลัวเลย” อะไรประมาณนี้ คิดแล้วก็ตลกดี
ชื่อของผมคงไม่มีทางหลุดออกมาจากปากเธอหรอก แม้ว่าสายตาเธออาจจะเหลือบมาเห็นผมบ้าง แต่มันก็คงเหมือนมองฉากหลังนั่นแหละ เธอคงไม่ทันสังเกตเห็นผมด้วยซ้ำ
โลกของผมกับโลกของรุ่นพี่คาบูรากิมันต่างกันเกินไป
ผมไม่ได้ดูถูกตัวเองนะ แต่มันคือเรื่องจริงที่ผมยอมรับได้
… ใช่ ผมคิดแบบนั้นจริงๆ
“ฮิมิยะ ยูกิคุง”
เธอเอ่ยชื่อของผมออกมาอย่างชัดเจน ท่ามกลางความเงียบสงัดของห้องชมรมเล็กๆ ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่งของโรงเรียน
ฮิมิยะ ยูกิ…
“สวัสดี ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ”
ปกติเธอเป็นคนที่ไม่ค่อยยิ้ม ดูเย็นชา เป็นผู้ใหญ่ แถมยังเท่ห์มาก จนผู้ชายด้วยกันยังมองว่าดูดี เธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่อยู่สูงเกินเอื้อม
แต่ตอนนี้ เธอกำลังยิ้มกว้างสดใส ราวกับจะปัดเป่าภาพลักษณ์ที่ผมเคยมีต่อเธอทั้งหมด
“จริงๆ ฉันว่าจะรออีกหน่อย แต่ในเมื่อโอกาสดีๆ แบบนี้ผ่านเข้ามา ก็คงปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้หรอก จริงไหม?”
เธอยังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ อย่างมั่นใจ ราวกับนักแสดงที่กำลังยืนอยู่บนเวที ส่วนผมได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง
พวกเราแทบจะไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แค่เคยเห็นเธอตอนขึ้นพูดบนเวทีในวันปฐมนิเทศเท่านั้น ยังไม่เคยเดินสวนกันในโรงเรียนเลย แต่เธอกลับเรียกชื่อผมได้อย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน เธอลากผมมาที่นี่ จ้องหน้าผมตรงๆ
“อ๊ะ จริงสิ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย”
แล้วเธอก็ยืดอกขึ้น ราวกับรอคอยเวลานี้มานาน
“ฉัน คาบูรากิ มิฮารุ เจ้าสาวในอนาคตของเธอ!”
เธอประกาศออกมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัด พร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ