[ภายในป่าลึก]
ป๊อก~ ป๊อก~
เสียงกำลังกระทบกันของก้อนหินดังเป็นจังหวะ เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังกระทบหินสองก้อนนั้นเข้าด้วยกันเพื่อจุดไฟสำหรับย่างปลาที่อยู่ข้างๆ ตัวของเธอ
เด็กน้อยคนนี้เธอสวมใส่เสื้อตัวยาวเก่าๆ มีร่องรอยฉีกขาดนับสิบไปทั่วชุดของเธอ บนหัวของเธอมีหูสองหูที่เหมือนกับสัตว์และด้านหลังของเธอนั้นเองก็มีหางเล็กๆ โผล่พ้นออกมาจากใต้ชุดที่เธอสวมใส่อยู่
เด็กน้อยคนนั้นกระทบก้อนหินอยู่นานทว่าแม้จะพยายามแค่ไหนเธอก็จุดไฟไม่ได้เลยสักนิด
“อือ~”
เด็กคนวางก้อนหินในมือลงและเหม่อมองมือของเธอที่ตอนนี้กำลังบวมแดงจากแรงกระแทกของก้อนหินทั้งสอง
จ๊อก~
เสียงท้องเล็กๆ ร้องขึ้นมา เด็กน้อยเลยกุมหน้าท้องของตัวเองไว้พร้อมกับสีหน้าเศร้าๆ
เด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้กินอะไรเลยมาหลายวันแล้วนั่นทำให้ร่างกายของเด็กน้อยคนนี้ซูบผอมมาก
เธอค่อยๆ ลุกขึ้น เธอยอมแพ้ที่จะพยายามก่อไฟทว่าเธอก็ต้องสะดุ้งเฮือกใหญ่
แตร~
เสียงเครื่องเป่าที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนนั้นดังมาก
ใบหูของเธอตกลง หางของเธอที่เคยกวัดแกว่งไปมา มันย้ายมาอยู่ตรงหน้าท้องของเธอ
เธอรีบวิ่งเข้าไปยังต้นไม้ต้นหนึ่ง ตรงใต้ต้นของมันนั้นมีช่องแคบเล็กๆ อยู่เด็กน้อยคนนี้รีบหลบเข้าไปข้างในซอกไม้ทันทีที่เธอได้ยินเสียงแตรจากความหวาดกลัว
เธอคอยสอดส่องภายนอกต้นไม้อย่างหวาดระแวงจากรูที่เธอมุดเข้ามา
ไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าสองเสียงที่กำลังวิ่งตรงมายังที่เธออยู่
หูของเด็กน้อยตั้งตรง เธอปิดปากด้วยมือน้อยๆ ของเธอ
เสียงฝีเท้าสองเสียงนั้นหยุดลงห่างออกไปจากเธอไม่ไกลมากนักนั่นทำให้เธอกลั้นหายใจโดยสัญชาญตญาณ
เจ้าของเสียงฝีเท้านั้นดูเหมือนจะหยุดและพูดคุยอะไรกันอยู่เล็กน้อยทว่าเธอที่อยู่ไกลออกไปได้ยินไม่ชัดก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปอีกครั้งทว่ากลับเป็นเพียงแค่เสียงเท้าคู่เดียว
เธอขดตัวอยู่ในที่ซ่อนของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอจะโผล่ออกมา
ทันทีที่เธอโผล่หน้าออกมา เธอก็ได้กลิ่นคาวที่เธอคุ้นเคยดี
มันคือกลิ่นของ ‘เลือด’
เธอรีบกวาดสายตาของเธอไปตามทิศทางที่กลิ่นคาวเลือดลอยมาและเธอก็เห็นร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังนอนผิงต้นไม้อยู่
เธอรีบวิ่งไปยังผู้หญิงคนนั้น
เธอรู้ดีว่ามันอันตรายเพราะเธอต้องเจอกับคนแปลกหน้าซึ่งร้ายหรือดีเธอก็ไม่รู้เลยสักนิด
ทว่าเธอรู้ดีถึงความเจ็บปวดและทรมาณจากบาดแผล เธอรับรู้ถึงมันมาหลายครั้งและนับไม่ถ้วน
เมื่อเธอวิ่งมาถึงร่างของหญิงสาวคนนี้เธอก็ถึงกลับหยุดชะงัก นั่นเป็นเพราะว่าเลือดที่ไหลออกมาจากช่วงเอวของเธอนั้นเยอะมาก
เธอเคยรับรู้ความทรมาณแบบนี้มาก่อนเพราะเธอเอาชีวิตรอดอยู่ตัวคนเดียวในป่ามักจะเจอกับสัตว์ป่าอยู่หลายครั้งหนึ่งในนั้นคือ หมูป่า
เธอเคยโดนมันขวิดและเป็นแผลลึกจากเขี้ยวของมันแทงและเกือบเอาตัวเองไม่รอดจากบาดแผลแบบนั้นเหมือนกับหญิงสาวตรงหน้านี้
แคว๊ก~
เสียงเสื้อฉีกขาดดังขึ้นเมื่อเด็กน้อยฉีกผ้าสีขาวที่ประดับไว้บนชุดเกราะไหล่ของหญิงสาวออกมา
หญิงสาวในชุดเกราะส่งเสียงร้องออกมาจากความเจ็บปวดที่บาดแผลของเธอ สายตาของเธอดูเลื่อนลอยทว่าเด็กน้อยไม่สนใจสายตาที่พยายามมองมาที่ตัวเธอและตั้งใจใช้ผ้าสีขาวที่เธอฉีกออกมาพันรอบเอวของหญิงสาวและมัดไว้แน่นหนา
เมื่อเธอพันรอบบาดแผลของหญิงสาวแล้ว เด็กน้อยลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ เผื่อว่าบริเวณนั้นจะมีสมุนไพรที่รักษาบาดแผลได้แต่ว่ารอบๆ นั้นกลับมีเพียงต้นไม้และหญ้า
ไม่มีสมุนไพรที่รักษาบาดแผลได้เลยในบริเวณรอบๆ
หูของเด็กน้อยกระดิกอยู่หลายครั้งก่อนที่เธอจะหันมาพยายามดึงร่างของหญิงสาวไปยังที่ที่เธอพยายามก่อไฟทว่าด้วยร่างกายของเธอที่เล็กกว่าหญิงสาวตรงหน้ามากๆ นั้นเธอไม่มีพละกำลังที่จะลากร่างของหญิงสาวไหว
เธอจึงล้มเลิกความพยายามก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นดึงร่างของเธอไปหลบไว้ในที่ซ่อนตัวของเธอแทน
สาเหตุที่เธอต้องรีบพาหญิงสาวไปยังที่ที่ปลอดภัยนั่นก็เป็นเพราะว่าเลือดนั้นดึงดูดสัตว์ป่าได้ดีมาก
โดยเฉพาะสัตว์กินเนื้อซึ่งอันตรายมากๆ เธอจึงวิตกกังวลมากเป็นพิเศษ
เด็กน้อยทั้งดึงทั้งกระชากพยายามลากร่างของหญิงสาวไปยังหลุมหลบภัยของเธอและหลังจากที่พยายามอยู่นานในที่สุดก็สำเร็จ
หลังจากนั้นเธอก็จัดท่าทางของหญิงสาวก่อนที่จะออกจากหลุมหลบภัยเพื่อหาหักกิ่งใบไม้อยู่หลายกิ่ง
ค่อยๆ นำพวกมันมาปิดปากทางที่ซ่อนตัวของเธอซึ่งเป็นโพรงใต้ต้นไม้อย่างมิดชิด
วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดกลิ่นคาวเลือดที่เล็ดรอดออกไปแล้วยังช่วยทำให้ทางเข้าที่หลบภัยของเธอถูกปิดกั้นและกลมกลืนไปกับป่าด้วย
นี่เป็นประสบการณ์ที่เธอได้มาจากการใช้ชีวิตภายในป่าด้วยตัวคนเดียวของเธอด้วยความภาคภูมิใจกับผลงานตัวเองหางของเธอค่อยๆ กวัดแกว่งไปมา
ทว่าหลังจากที่เธอซ่อนที่หลบภัยเรียบร้อยแล้วและหันมาสนใจกับหญิงสาวด้านข้างที่กำลังส่งเสียงในลำคอจากพิษบาดแผล
เด็กน้อยไม่รู้จะทำยังไงเพื่อที่จะช่วยหญิงสาวไปได้มากกว่านี้แล้ว
จะรอดไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับพลังใจของหญิงสาวคนนี้แล้วนั่นทำให้หูและหางของเด็กน้อยตกลงและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ หญิงสาว
‘อึ่ก.. ฉันหมดสติไปงั้นหรอ?’
ฉันส่งเสียงในลำคอออกมาจากความเจ็บปวดที่เอว สายตาของฉันค่อยๆ เริ่มปรับตัวและมองเห็นได้ชัดขึ้น ฉันมองไปที่บาดแผลของฉันซึ่งถูกแทงจากดาบของศัตรูแต่กลับพบว่าแผลนั้นถูกพันไว้ด้วยผ้าสีขาวถึงแม้ว่าสีผ้าของมันตอนนี้จะแดงฉานแล้วก็ตาม
และเมื่อนั้นเองฉันถึงได้รับรู้ได้ว่าตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยด้วยความตื่นตระหนก ฉันรีบหันมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาของฉันจะนิ่งค้างอยู่ที่ร่างเล็กๆ ด้านข้างของฉัน
เด็กน้อยคนหนึ่งที่กำลังหลับอยู่ทว่าสิ่งที่แปลกไป คือ หน้าตาของเด็กน้อยเหมือนมนุษย์ทุกอย่างทว่าเธอกลับมีใบหูบนหัวและหางราวกับแมวที่ตอนนี้เธอกำลังนอนขดกอดหางของตัวเองอยู่ด้านหน้าของเธอ
ฉันตกใจมากเพราะว่าฉันไม่เคยเจอมนุษย์คนไหนที่มีร่างกายแบบนี้มาก่อนและในทันใดนั้นเองฉันก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
‘หรือว่า?’
‘คนผลัดหลงจากเกทงั้นหรอ?’
‘เกท’ คือ ประตูทางเชื่อมหนึ่งที่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรและไม่มีใครรู้ว่ามันจะโผล่มาตอนไหน มีเพียงสิ่งเดียวที่รับรู้ได้นั่นก็คือ มันเป็นทางเชื่อมระหว่างพื้นที่อื่นมายังพื้นที่แห่งนี้และพวกมันมักจะใช้เวลาระยะหนึ่งในการสลายหายไป
หน้าที่ของเธอในฐานะอัศวินเองก็มีภารกิจที่ต้องจัดการเรื่องเกทพอสมควรนั่นก็เพราะว่า ‘เกท’ มันคือทางเชื่อมระหว่างพื้นที่อื่นมายังที่แห่งนี้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่โผล่ออกมาจากทางเกทเหล่านี้ พวกมันนั้นจะดุร้ายเป็นพิเศษ
“เด็กคนนี้เป็นเด็กจากเกทจริงๆ หรอ?”
เธอพึมพำออกมา เมื่อเธอตั้งสติได้เธอจึงมีโอกาสได้มองเด็กน้อยคนนี้ชัดๆ
ร่างกายของเด็กน้อยจากเกทนั้นซูบผอมมากแถมบนร่างกายของเธอก็มีแต่รอยแผลเต็มไปหมด รอยแผลส่วนมากดูเหมือนจะเป็นรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ทว่าสิ่งที่ทำให้เธอถึงกับหยุดหายใจก็คือ เด็กน้อยคนนี้ตัวเล็กมากหากอิงอายุตามร่างกายของเธอเด็กน้อยคนนี้อายุอาจจะไม่ถึงแปดปีด้วยซ้ำ
‘อือ~’
เด็กน้อยคนนั้นส่งเสียงในลำคอก่อนที่เธอจะลุกขึ้นพร้อมด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
ฉันมองใบหน้าของเด็กน้อยที่กำลังตื่นตระหนก
เด็กน้อยที่เห็นว่าฉันกำลังมองเธออยู่นั้นเธอก็ถอยหลังไปสุดขอบพื้นที่เล็กๆ
“ขะ.. ขอโทษค่ะ..”
เด็กน้อยคนนั้นหูของเธอตกลง เธอกอดหางของเธอไว้แน่นราวกับว่าทำอะไรผิด
“ไม่..”
ฉันพูดขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับยกมือ ฉันกะว่าจะลูบหัวปลอบเด็กน้อยสักหน่อยเพราะว่าเด็กน้อยคนนี้คงเป็นคนทำแผลให้กับฉันและลากร่างของฉันมายังที่ที่ปลอดภัย
ทว่าก่อนที่มือของฉันจะถึงตัวเธอนั้นเด็กน้อยคนนี้ก็หลับตาลงและร่างกายของเธอก็สั่นเทาไม่หยุด
“ยะ.. อย่าตีหนูเลยนะ”