“หากเจ้าก็ชอบเขาเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไม่รับรักเขาเพราะพี่สาวเจ้าหรอก ถึงอย่างไรเรื่องความรู้สึกก็มีผลไปทั้งชีวิต หากไตร่ตรองดูแล้ว ฉินชิงไม่เคยได้คบหากับพี่สาวเจ้าอย่างจริงจัง หากพวกเจ้ารู้สึกตรงกัน พี่สาวเจ้าก็โทษเจ้ามิได้เช่นกัน ไม่มีใครว่าอันใดเจ้าได้” เซี่ยฟางหวากล่าวอีก
เซี่ยอีส่ายหน้า กล่าวเสียงเบาว่า “พี่ฟางหวา ข้ามิได้ทำเพื่อท่านพี่ แต่ข้าไม่ได้ชอบเขาจริงๆ”
เซี่ยฟางหวาได้ยินเช่นนั้นก็เงียบลง พินิจมองสีหน้าอีกฝ่าย ฉุกคิดขึ้นได้ พลันเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้ามีคนที่ชอบแล้วใช่หรือไม่”
ใบหน้าเซี่ยอีเดิมทีเขียวคล้ำและซีดขาวก็พลันฝาดเลือดขึ้นมาทันใด มิกล้ามองเซี่ยฟางหวา
เซี่ยฟางหวามองนาง ยิ้มถามว่า “เช่นนั้นเจ้าชอบใคร”
เซี่ยอีส่ายหน้า
“ไม่มีหรือว่าบอกมิได้” เซี่ยฟางหวามองนาง
เซี่ยอียังคงไม่ตอบ
เซี่ยฟางหวามองนางที่กำแขนเสื้อตนแน่นขึ้นด้วยความเอ็นดู กล่าวอย่างจนใจว่า “แขนเสื้อข้าใกล้จะถูกเจ้าดึงจนขาดแล้วกระมัง”
เซี่ยอีคลายสองนิ้วออกทันที ก้มหน้าจนแทบจะติดกับพื้น
เซี่ยฟางหวากำลังจะกล่าวต่อ ซื่อฮว่าก็กุลีกุจอเข้ามา ตะโกนเสียงเบาเรียก “คุณหนู”
เซี่ยฟางหวาหันไปมองซื่อฮว่า ถามว่า “มีเรื่องใด”
ซื่อฮว่ามองเซี่ยอีแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “หลังจากท่านกับคุณหนูเซี่ยอีออกมา องค์ชายแปดก็ได้สู่ขอคุณหนูเซี่ยอีต่อหน้าฮูหยินหมิงแล้ว บ่าวทบทวนดู คิดว่าควรมาบอกท่านทั้งสองให้ทราบ”
เซี่ยอีเงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าเปลี่ยนไป มองซื่อฮว่า “เจ้าว่าอะไรนะ”
ซื่อฮว่ากล่าวซ้ำอีกครั้ง
เซี่ยอีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ฉินชิงเจ้าปีศาจน่าเกลียดนี่ ข้าปฏิเสธเขาไปแล้วแท้ๆ” พูดจบ นางก็ปล่อยแขนเสื้อเซี่ยฟางหวา หันไปจับแขนซื่อฮว่าแทน รีบถามว่า “รีบบอกข้า ท่านแม่ว่าอย่างไรบ้าง นางตกลงหรือไม่”
“ฮูหยินหมิงมิได้ตกลงเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าส่ายหน้า
เซี่ยอีถอนหายใจโล่งอก
“แต่ฮูหยินหมิงก็มิได้คัดค้าน” ซื่อฮว่ากล่าวอีก
สีหน้าของเซี่ยอีเปลี่ยนไปอีกหน
ซื่อฮว่าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังคร่าวๆ ทันใด สุดท้ายเล่าว่า พระชายาแก้หน้าให้อย่างเป็นกลาง องค์ชายแปดกลับจวนไปเชิญไท่เฟยแล้ว
เซี่ยอีได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยแขนซื่อฮว่า หันไปจับแขนเสื้อเซี่ยฟางหวาอีกหน กล่าวด้วยใบหน้าซีดขาว “พี่ฟางหวา ข้าไม่ชอบฉินชิงจริงๆ ข้าไม่อยากออกเรือนกับเขา”
เซี่ยฟางหวาคิดในใจว่าความรู้สึกของฉินชิงเกรงว่าจะสูญเปล่าแล้ว แต่การสมรสหรือความชอบนั้นฝืนใจกันไม่ได้ และมิอาจบังคับให้ได้มาเช่นกัน นางเอ่ยขึ้น “ฉินชิงไปเชิญหลินไท่เฟยแล้ว หลินไท่เฟยแม้จัดงานสมรสระหว่างเขากับเซี่ยซีไม่สำเร็จ คงมิกล้ามาสู่ขอเจ้าอีกเช่นกัน ทว่านางรักองค์ชายแปดมาก เกรงว่าจะยอมบากหน้ามาสู่ขอให้ หากเจ้าชอบ อาสะใภ้หกเกรงว่าคงไม่คัดค้าน ท่านย่าสะใภ้หกก็คงตกลงเช่นกัน หากเจ้าไม่ชอบ ก็ต้องปฏิเสธแต่เนิ่นๆ”
“ข้าไม่ชอบเขา แต่ขึ้นอยู่กับข้าหรือไม่ หากท่านแม่กับท่านย่าตกลงจะทำเช่นไร” เซี่ยอีกล่าวขึ้นทันที
“อาสะใภ้หกฉลาด ท่านย่าหกก็มิได้เลอะเลือน หากเจ้าไม่ยินยอมก็คงไม่บังคับเจ้า” เซี่ยฟางหวาตอบ
“ฉินชิงนี่น่ารังเกียจนัก ข้าบอกเขาไปตรงๆ แล้วว่าข้าไม่ชอบเขา แต่นึกไม่ถึงว่าเขายังหน้าด้านไปหาท่านแม่อีก แถมยังต่อหน้าคนมากมายในวันนี้ ยามนี้เกรงว่าคงเผยแพร่ออกไปแล้ว” เซี่ยอีพูดพลางก็กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ข้าควรทำเช่นไรถึงจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้”
เซี่ยฟางหวามองนาง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเห็นเซี่ยอีเป็นแบบนี้มาก่อน นางเอ่ยถามเสียงทุ้ม “เจ้าบอกข้า คนที่เจ้าชอบเป็นใครกันแน่ บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้ หากเจ้าไม่บอก หากสถานการณ์เปลี่ยนไปจะยิ่งจัดการมิได้ สายเกินแก้แล้ว”
เซี่ยอีกัดริมฝีปาก ขัดขืนพักหนึ่ง ก็ตอบเสียงเบา “พี่ฟางหวา ข้าชอบ…”
เซี่ยฟางหวารอให้นางพูดออกมาเอง
เซี่ยอีสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น “ข้าชอบฝ่าบาท”
เซี่ยฟางหวาชะงัก ค่อนข้างไม่อยากเชื่อ
ใบหน้าเซี่ยอีแดงจัด หลังพูดออกมาแล้วก็มองเซี่ยฟางหวาแวบหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง กล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้าชอบฝ่าบาท”
“ฉินอวี้?” เซี่ยฟางหวาอย่างไรก็ไม่คาดคิดว่าคนที่เซี่ยอีชอบคือฉินอวี้
“เป็นเขา” เซี่ยอีพยักหน้า
“เจ้า…ไฉนถึงชอบฉินอวี้ได้” เซี่ยฟางหวามองเซี่ยอี ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าเซี่ยอีกับฉินอวี้เคยติดต่อกันมาก่อน
เซี่ยอีตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “สี่ปีก่อน เทศกาลซ่างหยวน ที่ภูเขาหลังวัดฝ่าฝอซื่อ ท่านแม่ไปจุดธูปไหว้พระ แต่ข้าเห็นแก่เล่น จึงวิ่งไปบนภูเขาด้านหลัง ไม่ทันระวังก็ถูกงูกัดเข้า และบังเอิญได้พบเขา เขาช่วยข้าแล้วแบกข้าขึ้นหลังกลับลงมา ต่อมาข้าถึงทราบว่าเขาคือองค์ชายสี่ฉินอวี้ นับแต่นั้นมาก็เผลอนึกถึงแต่เขาโดยไม่รู้ตัว” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวเสียงเบา “เมื่อก่อนข้าไม่รู้จักความรัก กระทั่งเดือนก่อน เขาจะสมรสกับท่าน ข้าถึงรู้สึกเสียใจ ไม่อยากให้เขาสมรสกับท่าน พี่ฟางหวา ข้าคิดว่านี่คือความชอบกระมัง ใช่หรือไม่”
เซี่ยฟางหวาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ พักใหญ่ต่อมาก็พยักหน้าตอบ ถามนางอีกครั้ง “สี่ปีก่อนเจ้าไม่เคยพบเขามาก่อนหรือ”
เซี่ยอีส่ายหน้า “ท่านแม่กลัวว่าข้าเอาแต่เล่นจนก่อความวุ่นวาย เมื่อก่อนข้ายังเด็ก และไม่เคยพาข้าเข้าวังมาก่อน ส่วนเขาเป็นองค์ชายสี่ ข้าย่อมไม่เคยพบ ไหนเลยจะรู้ว่าเขาเป็นองค์ชายสี่”
“หากเจ้าชอบคนอื่นก็ยังดี แต่เจ้ากลับชอบฉินอวี้ เกรงว่าจะยิ่งยากแล้ว” เซี่ยฟางหวาถอนหายใจ
เซี่ยอีกำแขนเสื้อนาง กล่าวเสียงเบาว่า “พี่ฟางหวา ข้ารู้ว่าฝ่าบาทชอบท่าน หากท่านออกเรือนกับเขาจริง แม้ในใจข้าจะรู้สึกเสียใจ แต่ก็จะปล่อยให้ความรู้สึกนั้นดับสลายไปเอง ไม่เอ่ยถึงอีกตลอดกาล ทว่าตอนนี้ท่านคืนดีกับพี่เขยแล้ว อีกอย่างฉินชิงก็ยังมาสู่ขอข้าอีก ตอนนี้ข้า…คงทำได้แค่ขอร้องท่านแล้ว”
เซี่ยฟางหวาเม้มปาก “เจ้าก็รู้ว่าจินเยี่ยนชอบฉินอวี้มาตั้งแต่เด็ก ชอบมานานหลายปี แต่ฉินอวี้ก็ไม่เคยชอบนางตอบเลย” หยุดชั่วครู่แล้วลดเสียงต่ำลง “เรื่องที่ข้ากับแม่เจ้ากำลังทำอยู่นั้น เจ้าเองก็ควรรู้ไว้สักหน่อย เพื่อเขา จินเยี่ยนจะออกเรือนไปสิงหยาง แต่ถึงแม้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ชอบนาง”
เซี่ยอีกัดริมฝีปาก
เซี่ยฟางหวากล่าวอีก “ชอบฉินอวี้เสมือนหนทางอันยากลำบาก และนับว่าเป็นกำแพงหนาด้านหนึ่ง ถ้าเจ้าบุกเข้าไป หากศีรษะไม่แตกจนเลือดไหลออกมา ก็เกรงว่าจะหันหลังกลับออกมามิได้” หยุดเว้นช่วง นางกุมมือเซี่ยอี “เขาชอบข้า ข้าก็ได้แต่หวังว่าเขาจะปล่อยวางลงได้ แล้วไปหาสตรีที่ถูกใจคนอื่นแทน แต่ข้าจะยอมให้สตรีคนนั้นเป็นเจ้าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้แผ่นดินหนานฉินอยู่ในระหว่างภายในปั่นป่วนภายนอกถูกรุกราน เขาไหนเลยยังมีกระจิตกระใจมาเอ่ยถึงการสมรส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฉินชิงยังชอบเจ้า เขากับฉินชิงมีความสัมพันธ์ต่อกันไม่เลว แม้มิใช่มารดาเดียวกัน แต่ตลอดมาองค์ชายในราชวงศ์จะไม่ถือเป็นครอบครัวเดียวกันเท่าไรนัก แต่กับพวกเขานั้นไม่ใช่”
เซี่ยอีมองเซี่ยฟางหวา กล่าวเสียงเบาว่า “พี่ฟางหวา ข้าชอบเขามาสี่ปีแล้ว หากปล่อยไปทั้งแบบนี้ ข้าก็ไม่เต็มใจ” หยุดชั่วครู่แล้วกล่าวต่อ “เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะเกลี้ยกล่อมท่านแม่ให้รอวันคัดเลือกนางใน แต่ตอนนี้
ฉินชิงมาสู่ขอข้า ข้าก็ไม่มีทางเลือกแล้ว”
เซี่ยฟางหวามองดวงตาที่ชุ่มไปด้วยน้ำของนาง นี่เป็นด้านหนึ่งที่เชื่อมถึงทะเลสาบแห่งจิตใจ เซี่ยอีมีนิสัยร่าเริง มีศีลธรรมอันดีงาม ฉลาดและมีความเข้มแข็ง อีกทั้งยังมีจิตใจงดงาม หากฉินอวี้มีนาง ต่อไปวังหลวงอันเยือกเย็นก็คงไม่อ้างว้างอีกต่อไปแล้ว ทว่าฉินอวี้จะชอบนางหรือไม่ จะยอมตกลงหรือไม่ นางลอบถอนหายใจออกมา มองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าอยากลองดูหรือ”
“อืม” เซี่ยอีพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
เซี่ยฟางหวาไตร่ตรองหาวิธีการ
“พี่ฟางหวา ข้ามิใช่แค่อยากลองดู แต่ข้าไม่อยากยอมแพ้ ต่อให้ต้องเดี่ยวดายไปจนแก่เฒ่าก็ตาม”
เซี่ยอีกล่าวเพิ่มเติมอีกครั้ง
เซี่ยฟางหวาได้ยินเช่นนั้น ความคิดทั้งหมดก็สะดุดลงทันที มองนางที่แสดงความมั่นคง และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย นางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนอ้าปากเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ดี แบบนี้แล้วกัน เจ้าไปหาฝ่าบาทเสียตอนนี้ ถือโอกาสก่อนหลินไท่เฟยจะมาถึง เจ้าเลียนแบบอย่างฉินชิง ไปสู่ขอกับฝ่าบาทโดยตรง”
เซี่ยอีเบิกตากว้าง
“ชอบคนผู้หนึ่งต้องมีความกล้า หากเจ้าไม่กล้าก็ยอมแพ้เสียตอนนี้ ถึงอย่างไรหากเจ้าชอบฉินอวี้จริง อยากแต่งกับเขาเท่านั้น เช่นนั้น วันข้างหน้าเจ้าจะยังพบกับอุปสรรคอีกนับไม่ถ้วน ทว่าอุปสรรคใดล้วนไม่ยากเท่าการที่เจ้าไปสู่ขอต่อหน้า” เซี่ยฟางหวามองนาง
เซี่ยอีนิ่งชะงักไปพักหนึ่ง พึมพำขึ้น “นับแต่โบราณมาไหนเลยจะมีสตรีเป็นฝ่ายไปสู่ขอต่อหน้า อีกทั้งยังเป็นฝ่าบาทอีก นี่…นี่ต่างจากการถวายตัวตรงไหน ข้า…ข้าทำไม่ได้หรอก”
เซี่ยฟางหวายิ้มขำมองนาง “เจ้าพูดถูก ดังนั้นนี่จึงเป็นเรื่องที่หายากไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าฉินอวี้ตกลงหรือไม่ตกลง ชื่อของเจ้าก็จะถูกเอ่ยถึงในบันทึกของอนุชนรุ่นหลัง ถือเป็นเรื่องประโลมโลกอันล้ำเลิศของจักรพรรดิ ความกล้าหาญครั้งนี้ หากเขาไม่แต่งกับเจ้า แต่ชื่อเสียงของเจ้าก็จะกระจายไปไกลด้วยเหตุนี้ อนาคตคงออกเรือนมิได้จริงๆ แล้ว” หยุดชั่วครู่แล้วถอนหายใจออกมา “เรื่องในวันนี้ ข้าคิดออกแค่วิธีนี้เท่านั้น ในเมื่อยุ่งเหยิงแล้ว เช่นนั้นมิสู้ยุ่งเหยิงไปมากกว่านี้ บางทีอาจจะสำเร็จหนึ่งส่วน มิฉะนั้นกับฉินอวี้แล้วที่แม้แต่จินเยี่ยนยังยอมแพ้ หากเจ้าไม่หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมือง ยอมเทชื่อเสียงหมดหน้าตัก ทุ่มเทอย่างไร้ยางอาย กล้าทำเรื่องสะเทือนเลื่อนลั่น เกรงว่าชีวิตนี้แม้เจ้าจะแอบชอบต่อไปอีกหลายปีก็ล้วนไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงเดียวดายไปจนแก่เฒ่าดังที่คิดไว้”