จารใจรัก 111-1 ขัดขวางบนถนน

ตอนที่ 111-1 ขัดขวางบนถนน

 

 

 

           ราชรถหยกเคลื่อนออกไป ขบวนเดินทางออกจากราชสุสานเพื่อกลับเมืองหลวง  

 

 

           ฉินอวี้ยังคงจูงมือเซี่ยฟางหวาไปนั่งบนราชรถหยกด้วยกัน นอกจากหย่งคังโหวที่อยู่จัดการเรื่ององค์ชายสามกับองค์ชายห้าที่ราชสุสาน ขุนนางบุ๋นบู๊ทั้งหมดก็ติดตามกลับเมืองหลวง  

 

 

           ขบวนเพิ่งมาถึงปากประตูเมืองก็ถูกเกี้ยวจากวังหลวงสองหลังล้อมไว้  

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยลงมาจากเกี้ยว ก่อนคุกเข่าลงกับพื้นบนถนน ร้องไห้โวยวายด้วยความน่าสังเวช “ฝ่าบาท อดีตฮ่องเต้เพิ่งสวรรคต ทรงมิอาจมิแยแสสายสัมพันธ์พี่น้องแล้วนำความตายมาสู่องค์ชายสามกับองค์ชายห้า อดีตฮ่องเต้คงมิอาจบรรทมอย่างสงบบนสรวงสวรรค์”  

 

 

           เสียงร้องไห้ของทั้งสองดังมาก น่าสังเวชอย่างยิ่ง และกำลังขวางหน้าราชรถหยก  

 

 

           ราษฎรบนท้องถนนเดิมทราบว่าฮ่องเต้จะเสด็จกลับเมืองหลวงในวันนี้หลังฝังพระบรมศพอดีตฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว ต่างพากันมาออริมถนน เมื่อเห็นสถานการณ์ตอนนี้แล้วก็เริ่มกระซิบกระซิบกัน  

 

 

           พระพักตร์ของฉินอวี้ในราชรถหยกเคร่งขรึมในทันที  

 

 

           เซี่ยฟางหวาลอบด่าหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยว่าฉลาดเกินไปก็โง่เขลาเช่นกัน การออกมาสกัดฉินอวี้บนถนนเช่นนี้ อ้างเรื่องเพิ่งฝังพระบรมศพอดีตฮ่องเต้เสร็จกล่าวหาว่าฉินอวี้ก็มิแยแสสายสัมพันธ์พี่น้องคิดจะสังหารองค์ชายสามกับองค์ชายห้า ทำให้ชื่อเสียงว่าใจกว้างมีเมตตาของฉินอวี้เสื่อมเสีย แม้ฉวยโอกาสเริ่มก่อนดูเป็นวิธีการยอดเยี่ยม แต่ไหนเลยจะรู้ว่า ขอเพียงฉินอวี้ประกาศเรื่องการกระทำขององค์ชายสามกับองค์ชายห้าที่ราชสุสานออกไป จะเป็นการผลักพวกนางกับองค์ชายสามและองค์ชายห้าให้มิเหลือหนทางกู้สถานการณ์กลับได้อีก  

 

 

           “ฝ่าบาท องค์ชายสามกับองค์ชายห้าเฝ้าราชสุสานตลอดเวลา แม้ระหว่างพวกท่านมิได้ปรองดองกัน แต่ก็มิควรมิแยแสสายสัมพันธ์พี่น้อง นึกจะสังหารก็สังหาร หากราษฎรใต้หล้าทราบว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกันเข่นฆ่าอย่างโหดเ**้ยม มีหรือยังจะบริหารบ้านเมืองได้อีก” หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยร้องกล่าวขึ้นอีก  

 

 

           ฉินอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็เกิดโทสะ เลิกม่านออกอย่างแรง  

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยเห็นพระพักตร์ฉินอวี้ก็ยิ่งร้องไห้จนหมดสิ้นเรี่ยวแรง  

 

 

           ฉินอวี้ปรายตามองแวบหนึ่ง พบว่าราษฎรในเมืองต่างกำลังมองตนด้วยสายตาหลากหลาย เขาละสายตากลับมา ก่อนหยุดสายลงบนกายหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยที่กำลังร้องไห้แทบใจสลายคล้ายหายใจไม่ทัน พระพักตร์เคร่งขรึมขึ้น “บ่าวไพร่คนใดปากสว่างกับไท่เฟยกันแน่ ทำให้ไท่เฟยมิทราบเหตุผล มิถามเรื่องราวให้ชัด ก็มาขวางบนถนนเพื่อซักถามเราต่อหน้าสาธารณชน”  

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยเงยหน้าขึ้น ร้องไห้กล่าวอย่างกับหารือกันมาดีแล้ว “ฝ่าบาท หรือว่าท่านยังจะปิดบังเราสองคนเพื่อแอบสังหารองค์ชายสามกับองค์ชายห้า หากไม่มีคนมาบอกพวกเรา องค์ชายสามกับองค์ชายห้ามิใช่ถูกท่านสังหารหลังฝังพระบรมศพอดีตฮ่องเต้แล้วหรือ”  

 

 

           “องค์ชายสามกับองค์ชายห้าสร้างเรื่องให้เราโกรธ ยิ่งไปกว่านั้นมิใช่แค่เราเท่านั้นที่โกรธ ยังมีอดีตฮ่องเต้กับบรรพบุรุษตระกูลฉินในราชสุสานด้วย” ใบหน้าฉินอวี้เยือกเย็นลง แต่ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน “ท่านลุง เสนาบดีฝ่ายซ้าย เสนาบดีฝ่ายขวา รวมไปถึงขุนนางทุกท่าน พวกท่านใครก็ได้ขึ้นมาอธิบายให้  

 

 

ไท่เฟยทั้งสองฟังหน่อยว่าเหตุใดเราถึงลงโทษพี่สามกับน้องห้า”  

 

 

           อิงชินอ๋องกับพวกเสนาบดีฝ่ายซ้ายและขวาติดตามหลังราชรถหยก ตอนที่เห็นหลิ่วไท่เฟยกับเฉิน  

 

 

ไท่เฟยคว้าโอกาสฉินอวี้เดินทางกลับมาก่อความวุ่นวายที่ประตูเมือง ทำให้ทุกคนส่ายหน้าเอือมระอาเช่นกัน  

 

 

           อิงชินอ๋องเป็นฝ่ายก้าวลงจากเกี้ยว เดินมาข้างหน้าแล้วมองสองไท่เฟย ตั้งใจไว้หน้าพวกนาง เอ่ยแนะขึ้น “ไท่เฟย ท่านสองคนมิถามเหตุผลให้แน่ชัดก็มาซักถามฝ่าบาทบนถนน เรื่องย่อมมีสาเหตุ บางอย่างเป็นองค์ชายสามกับองค์ชายห้าทำมิถูก ฝ่าบาททรงจัดการอย่างใจกว้างแล้ว…”  

 

 

           “สิ่งที่พวกเราได้ยินมาคือฝ่าบาททรงมีพระบัญชาให้ปิดตายปีกตำหนักภายในราชสุสาน งดน้ำงดอาหาร หมายจะทำให้องค์ชายสามกับองค์ชายห้าตาย หรือว่านี่คือการจัดการอย่างใจกว้างของฝ่าบาทแล้ว” หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยขัดคำพูดอิงชินอ๋องด้วยการซักถามกลับ  

 

 

           อิงชินอ๋องมองทั้งสองแล้วส่ายหน้า “ฝ่าบาททรงให้หย่งคังโหวจัดการเรื่องนี้ที่ราชสุสานแล้ว…”  

 

 

           “จัดการอย่างไร ฝ่าบาทเห็นอดีตฮ่องเต้สวรรคตแล้ว กลัวว่าพี่น้องจะช่วงชิงตำแหน่งจึงอยากกำจัดองค์ชายสามกับองค์ชายห้า อนาคตจะได้ไม่มีผู้ใดคุกคามอำนาจจักรพรรดิได้ เรื่องที่องค์ชายสามกับองค์ชายห้าทำมิถูกนั่นไม่มีอยู่จริง…” หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยตำหนิยกใหญ่   

 

 

           “ข้ากับใต้เท้าทุกท่านต่างเห็นเองกับตา ตอนที่เพิ่งฝังพระบรมศพ อดีตฮ่องเต้ยังมิทันได้บรรทมอย่างสงบดี องค์ชายสามกับองค์ชายห้าก็กระทำเรื่องอกตัญญู เพราะฝ่าบาททรงเห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้องจึงมิได้ตัดสินโทษหนักในทันที” อิงชินอ๋องได้ฟังเช่นนั้นก็มีสีหน้าเคร่งขรึมในทันที กล่าวด้วยโทสะ   

 

 

           สองไท่เฟยได้ยินเช่นนั้นก็ชี้นิ้วตำหนิอิงชินอ๋องอีกหน “ท่านอ๋อง ฝ่าบาทแม้เป็นหลานของท่าน แต่องค์ชายสามกับองค์ชายห้าก็เป็นหลานของท่านเหมือนกัน ท่านมิอาจเพราะฝ่าบาทได้สืบทอดตำแหน่ง องค์ชายสามกับองค์ชายห้ามิได้ให้ประโยชน์แก่ท่าน ท่านจึงช่วยฝ่าบาทหาที่ตายให้องค์ชายสามกับองค์ชายห้า…”  

 

 

           “บังอาจ!” ฉินอวี้ทุบราชรถหยกอย่างแรง ราชรถเกิดเสียง ‘ปึง’ พร้อมมีชิ้นส่วนหักลง เขาถือมุมที่หักชิ้นนั้นสะบัดไปยังเบื้องหน้าหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟย  

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยหยุดร้องไห้ทันทีด้วยความตกใจ  

 

 

           “อดีตฮ่องเต้สวรรคต เพิ่งฝังพระบรมศพในราชสุสาน ยังมิทันได้บรรทมอย่างสงบ คืนเดียวกันนั้นพี่สามกับน้องห้าก็จัดงานรื่นเริง ดื่มสุรามั่วนารีอย่างเต็มที่ในตำหนักปลีกวิเวกที่ราชสุสาน สร้างความแปดเปื้อนต่อราชสุสาน พวกท่านว่าการดูหมิ่นอดีตฮ่องเต้เช่นนี้ มิเคารพลูกหลานบรรพบุรุษในราชสำนัก ถึงแม้เราให้อภัยพวกเขา อดีตฮ่องเต้กับบรรพบุรุษที่อยู่บนสวรรค์จะอภัยได้หรือ” ฉินอวี้ตรัสอย่างมีโทสะด้วยความเคร่งขรึม   

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยรีบร้องไห้เสียงดัง “ต้องมีคนใส่ความแน่นอน มิใช่เจตนาเดิมขององค์ชายสามและองค์ชายห้า…”  

 

 

           “มิใช่เจตนาเดิมหรือ” ฉินอวี้ตรัสด้วยโทสะ “เราก็คิดว่ามิใช่เจตนาเดิมของพวกเขา จึงสั่งให้หย่งคังโหวอยู่ตรวจสอบเรื่องนี้ที่ราชสุสาน แต่พวกท่านมาขัดขวางหน้าราชรถเราเพื่อซักถาม มีเจตนาใดกันแน่ หรืออยากบีบให้เรามิต้องสืบสวนเรื่องนี้ เช่นนั้นเรากตัญญูต่อความรักของอดีตฮ่องเต้แล้วหรือ กตัญญูต่อบรรพบุรุษหรือไม่”  

 

 

           หลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยอึ้ง  

 

 

           “ใครก็ได้ นำหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยไปส่งที่ราชสุสาน ให้พวกนางได้ดูเองกับตาว่าองค์ชายสามกับองค์ชายห้าถูกใส่ความ หรือเดิมอกตัญญูและมิเคารพอดีตฮ่องเต้กับบรรพบุรุษกันแน่” ฉินอวี้ทรงกริ้ว  

 

 

           “พ่ะย่ะค่ะ” มีคนรีบก้าวขึ้นมา ดึงหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยที่คุกเข่าอยู่ขึ้น  

 

 

           “กลับวัง” ฉินอวี้สะบัดม่านลงอย่างแรง  

 

 

           เกี้ยววังหลวงสองหลังที่ขวางหน้าขบวนราชรถหยกถูกยกออกไปแล้ว ทหารกองเกียรติยศนำทาง มุ่งหน้ากลับไปยังวังหลวง  

 

 

           เหล่าประชาชนเห็นแบบนี้ก็กระจ่างแจ้ง ที่แท้องค์ชายสามกับองค์ชายห้ากระทำเรื่องมั่วสุรานารีในวันฝังพระบรมศพอดีตฮ่องเต้ คนโบราณถือเรื่องความกตัญญูเป็นที่สุด พวกเขาทำเช่นนี้ถือว่าเนรคุณ มีความผิดฐานอกตัญญู มิน่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่อ่อนโยนมีเมตตาต่อผู้อื่นถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้  

 

 

           ประชาชนกระซิบกระซาบกัน ก่อนถอนหายใจออกมา บ้างถึงขั้นพูดราวกับว่า คนอย่างองค์ชายสามกับองค์ชายห้าแม้สังหารไปก็มิคุ้มค่า ถึงตายก็ยังมิสาสมแก่บาปกรรม  

 

 

           ทั้งมีคนพูดว่าเรื่องเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวาน จนป่านนี้ยังไม่มีข่าวหลุดแพร่งพรายออกมา บ่งบอกว่าฝ่าบาททรงกังวลเรื่องเกียรติของราชวงศ์ เห็นแก่สายสัมพันธ์พี่น้อง ทว่าหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยทำเรื่องมิสมควร นึกไม่ถึงว่าจะมาขัดขวางบนถนนเพื่อบีบบังคับฮ่องเต้องค์ใหม่  

 

 

           ขบวนจากไปไกล แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังคงหนาหู  

 

 

           หลังฉินอวี้ปล่อยม่านลงก็นวดหว่างคิ้ว “บางข่าวฉาวปิดมิอยู่ก็มิต้องปิดบัง พวกนางดูถูกเราไปแล้ว”  

 

 

           เซี่ยฟางหวามองเขาแวบหนึ่ง เดิมก็ยับเยินพอตัวแล้ว ทว่าไม่นึกว่าจะเกิดเรื่ององค์ชายสามกับองค์ชายห้า และหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยขึ้นมาอีก เขาซึ่งเป็นฮ่องเต้ที่สืบทอดตำแหน่งใหม่นับว่าโชคร้ายอย่างพบได้น้อย ต้องเก็บกวาดเรื่องยุ่งยากที่อดีตฮ่องเต้เหลือทิ้งไว้ นางจึงพยักหน้า “จัดการเช่นนี้เหมาะสมแล้ว ไล่หลิ่ว  

 

 

ไท่เฟยกับเฉินไท่เฟยไปราชสุสาน ต่อไปก็มิต้องกลับวังหลวงแล้ว”  

 

 

           “เสด็จแม่แค้นพวกนางมาเกินครึ่งชีวิต พวกนางมิกลับวังย่อมเป็นเรื่องดี” ฉินอวี้บอก  

 

 

           เซี่ยฟางหวานึกถึงยุครุ่งเรืองของหลิ่วไท่เฟยกับเฉินไท่เฟย ฮองเฮาล้วนไม่สู้รบปรบมือด้วย ปล่อยให้พวกนางได้แสดงความสามารถเต็มที่ ยามนี้ลูกชายของพวกนางไม่เป็นโล้เป็นพาย ฮองเฮาคงมีวิธีการจัดการพวกนางมิใช่แค่วิธีการเดียว  

 

 

           ขบวนมาถึงหน้าประตูวัง ฉินอวี้บอกให้หยุดราชรถหยก เขาบอกกับเซี่ยฟางหวาว่า “ข้าจะให้ราชรถหยกส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ตำหนักก่อน ส่วนข้าจะไปจัดการงานราชสำนัก”  

 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า  

 

 

           ฉินอวี้ลงจากราชรถหยก กำชับเสียงหนึ่ง ก่อนที่ราชรถหยกจะตรงไปยังตำหนักของฉินอวี้  

 

 

           บรรดาขุนนางมองหน้ากันแวบหนึ่งก่อนก้มหน้าลง ติดตามฉินอวี้ไปยังโถงหารือ   

 

 

           หลังเซี่ยฟางหวากลับมาถึงที่พำนักก็สั่งงานซื่อฮว่ากับซื่อม่อ “เมื่อก่อนตอนที่ข้าสมรส หลิ่วเฟยกับเฉินเฟยมอบของขวัญให้ถือว่าเป็นน้ำใจเช่นกัน พวกเจ้าจัดคนไปส่งข้อความแก่พวกนางลับๆ บอกว่าเมื่อไปถึงราชสุสานแล้ว อย่าสร้างความเดือดร้อนให้หย่งคังโหว จงฟังการจัดการของหย่งคังโหวทุกสิ่ง นั่นเป็นทางเดียวที่จะปกป้องชีวิตขององค์ชายสามกับองค์ชายห้าได้ หลังจากนี้ให้พวกนางอยู่ที่ราชสุสานเถิด ไม่ต้องกลับมาแล้ว มิฉะนั้นพวกนางเคยขัดแย้งกับไทเฮา วันนี้ยังสร้างความลำบากใจให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ต่อหน้าประชาชน ด้วยความอาฆาตแค้นเดิม ถึงแม้ฝ่าบาทจะปล่อยพวกนางไป แต่ไทเฮามิแน่ว่าจะยอมปล่อยพวกนาง”  

 

 

           ซื่อฮว่ากับซื่อม่อพยักหน้า ก่อนรับคำแล้วออกไปจัดการ  

จารใจรัก

จารใจรัก

Score 10
Status: Completed

ภาคที่ 1-4 อ่านนิยาย

(อ่านตอนต่อไปด้านล่าง)


เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ เซี่ยฟางหวา บุตรสาวของจวนจงหย่งโหว ยอมสละตนเองไปเข้าร่วมการฝึกฝนกับองครักษ์เงาที่ภูเขาไร้นามตั้งแต่อายุเจ็ดขวบเพื่อค้ำจุนวงศ์ตระกูลในภายภาคหน้า ผ่านไปแปดปี นางทำลายภูเขาไร้นามจนสิ้น ปลอมตัวกลับเข้ามาที่เมืองหลวงอีกครั้ง แต่โชคชะตาเหมือนเล่นตลกให้นางต้องพบกับเขา อ๋องน้อยแห่งจวนอิงชินอ๋อง พบกันเพียงครั้งนางกลับสลัดเขาไม่หลุด ไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะดั้งเดิมของตนได้ ทั้งยังต้องไปเป็นหญิงใบ้คอยรับใช้ข้างกายเขาอีก กลยุทธ์ วิชาแพทย์ นางล้วนฝึกฝนจนแตกฉาน แต่กับ ฉินเจิง ผู้นี้ นางกลับจนปัญญาที่จะต่อกรด้วยจริงๆ

Options

not work with dark mode
Reset