การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทุกคนยิ่งนัก
หวางซืออวี่ตั้งตัวไม่ทัน ข้อมือลั่นเสียงดังกร๊อบ กระดูกหักทันที ผลทารกนั่นก็กระโดดมายังต้นผลทารกน้อย ปราดเปรียวว่องไวเป็นอย่างยิ่ง
“เกิดอะไรขึ้น?”
คนที่ตั้งสติกลับมาได้ก่อนคือหยวนโห่ว มันมาคุ้มกันข้างกายหวางซืออวี่ในทันที
ทำไมคนอื่นๆ สามคนที่เหลือกินผลทารกน้อยนี้ได้อย่างราบรื่นเรียบร้อยไม่มีเรื่องใดๆ แต่พอถึงตาหวางซืออวี่ ผลทารกน้อยนั่นราวบรรลุเซียนปีศาจ หนีเองได้แบบนี้?
หวางซืออวี่หน้าตาซีดขาว ความเจ็บปวดของข้อมือที่กระดูกหักทำให้นางเกือบจะเป็นล้มหมดสติ
“เร็วเข้า รีบตามไป รีบไปตามกลับมา…” นางสะกดความเจ็บปวดมหาศาลพลางตะโกนเสียงดัง
ความหวังที่จะแก้ไขคุณสมบัติกายที่ไร้ทางรักษาจะหายไปแบบนี้ไม่ได้
หมิงเยวี่ยมาถึงยังต้นไม้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ยื่นมือคว้าเอาผลทารกน้อยมาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย…พูดแล้วก็ประหลาด เมื่อเผชิญหน้ากับหมิงเยวี่ยกลับไม่ต่อต้านใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้นางถือไว้ในมือตามสบาย
หวางซืออวี่โล่งใจ
ทว่า เรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นแล้ว
พอหมิงเยวี่ยยื่นผลทารกน้อยไปให้หวางซืออวี่ มันกลับดิ้นรนขึ้นอีก ไม่กี่ทีก็ดิ้นหลุดจากมือของหมิงเยวี่ยกลับไปยังบนต้นอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น?
คราวนี้ทั้งสี่คนรู้แล้วว่าจะต้องมีปัญหาที่ไหนแน่นอน
“ข้าไม่เชื่อหรอก” ความบ้าเลือดของหมิงเยวี่ยปะทุขึ้นแล้ว
นางจะต้องจับผลทารกมาไว้กับมือ มอบให้หวางซืออวี่ จากนั้นก็กระตุ้นพลังฝึกฝน กางนิมิตมหัศจรรย์ ‘บัวขาวกลางฟ้าคราม’ พันธนาการผลทารกน้อยป้องกันไม่ให้มันหนี
“จี๊ดๆๆ…” ผลทารกกรีดร้องขึ้นมาเหมือนมนุษย์จริงๆ ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
หมิงเยวี่ยร้องบอก “พี่สาว ข้าจับมันแล้ว ท่านรีบกิน อ้าปากเร็วเข้า..” ว่าแล้วก็ส่งผลทารกน้อยไปที่ปากหวางซืออวี่
หวางซืออวี่อ้าปากกัดลงไป
กลับเป็นในตอนนี้เอง บนต้นผลทารกจู่ๆ มีกิ่งๆ หนึ่ง แค่ขยับก็กลายเป็นแส้เทพหวดมา ไม่ทันรอให้ทั้งสี่ตั้งตัว ก็ซัดโดนหมิงเยวี่ย หวด ‘บัวขาวกลางฟ้าคราม’ กระจุย หวดไปบนร่างที่บอบบางของนางจนเกิดเป็นรอยเลือดลึกถึงกระดูก...
“อั้ก…” หมิงเยวี่ยถูกหวดกระเด็น กระอักเลือดกลางอากาศ
ผลทารกน้อยฉวยโอกาสหนีกลับไปยังต้นไม้ ยืนเหมือนกับคนตัวเล็ก ใบหน้าโกรธโมโห ชี้มายังหวางซืออวี่ที่ยืนอยู่ที่เดิม จี๊ดๆ จ๊าดๆ เหมือนกำลังก่นด่าสาปแช่งอะไร
หวางซืออวี่ตอนนี้อึ้งตะลึงโดยสิ้นเชิง
หยวนโห่วพยุงหมิงเยวี่ยที่ล้มอยู่บนพื้นขึ้น ตรวจดูบาดแผล เมื่อพบว่าเป็นเพียงบาดแผลภายนอกก็โล่งใจ ก่อนจะพยุงนางกลับมายังข้างรถเข็นชิงเฟิง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้?
คนอื่นๆ กินผลทารกน้อยได้อย่างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ แต่ผลทารกน้อยผลนี้กลับมีชีวิต ไม่ยอมโดนกิน…หรือว่าในผลทารกทั้งสี่ หวางซืออวี่กลับเลือกผลที่บรรลุเซียนปีศาจเข้า?
หวางซืออวี่หน้าซีดเผือด
หวางซืออวี่มองไปบนยอดไม้ ผลทารกน้อยนั่นชี้มายังตน ใบหน้าโกรธแค้น ทั้งยังแฝงด้วยรอยเหยียดหยาม รังเกียจ และขยะแขยง ความเจ็บปวดที่ข้อมือจู่ๆ เหมือนไม่รู้สึกแล้ว แต่หัวใจกลับเจ็บปวดนัก
“พี่สาว ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?” หมิงเยวี่ยเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก
ตลอดการเดินทางนี้ ความสัมพันธ์ของนางกับหวางซืออวี่ดีที่สุด คุยกันมากที่สุด เข้าใจอารมณ์ของหวางซืออวี่ดีที่สุด ครั้งนี้เสี่ยงภัยเข้ามาในสุสานเทพก็เพื่อหาโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่จนปัญญา ผลทารกอยู่ตรงหน้าแต่กลับกินไม่ได้ นางจินตนาการได้ว่า ณ เวลานี้ ในใจของหวางซืออวี่จะสิ้นหวังและสับสนเพียงใด
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร” หวางซืออวี่หน้าขาวซีด สายตาผละจากผลทารกนั่น เดินมาพยุงหมิงเยวี่ย เช็ดคราบเลือดที่มุมปากนาง “ขอโทษ เป็นพี่สาวที่ทำให้เจ้าลำบากแล้ว เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร ไม่ตายหรอก” หมิงเยวี่ยจับข้อมือหวางซืออวี่ ถ่ายทอดพลังปราณแท้กลุ่มหนึ่งเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง ในดวงตายิ่งฉายประกายราวเปลวไฟร้อนระอุพลางกัดฟันกรอด “พี่สาววางใจ วันนี้ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย บุกน้ำลุยไฟ ข้าก็จะต้องนำผลทารกน้อยมาให้ท่านให้ได้ ข้าไม่เชื่อหรอก…”
ว่าแล้วนางก็โคจรเคล็ดวิชา ฝืนหลอมนิมิตประหลาด ‘บัวขาวกลางฟ้าคราม’ พลังฝึกตนกระตุ้นจนถึงขีดสูงสุด จะลงมือฝืนเด็ดผลทารกน้อยบนยอดไม้อีกครั้ง
และเหมือนกับรับรู้คำพูดของหมิงเยวี่ย ท่ามกลางท้องฟ้าพลันมีเสียงลั่นเปรี๊ยะปร๊ะของสายอัสนีแต่ละสายๆ สายฟ้าสีเงินหลอมรวมฟาดผ่านกลางท้องฟ้าสีดำ แฝงด้วยพลังทำลายทุกสรรพสิ่ง
ราวกับว่ามีผู้สูงส่งสุดยอดคนใด โกรธเพราะคำพูดของหมิงเยวี่ย
ชิงเฟิงหน้าเปลี่ยนสีทันที
หยวนโห่วก็รู้สึกว่าเรื่องราวไม่สู้ดีเช่นกัน
ทำไมรู้สึกเหมือนสวรรค์พิโรธ
ทำไมเป็นเช่นนี้ สวรรค์พิโรธเช่นนั้นน่าจะเกิดเรื่องผิดกฎสวรรค์เหี้ยมโหด มรรคาปั่นป่วนทำลายล้าง โหดร้ายเกินมนุษย์อะไรพวกนี้ถึงจะเกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นนี่นา
สวรรค์พิโรธเกิดอัสนีบาต
อัสนีบาตคือทัณฑ์สวรรค์
ชิงเฟิงเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด แต่กำลังวิเคราะห์ ขบคิด ดูถึงตอนนี้ เขาก็หน้าเปลี่ยนสีทันที ประโยคนั้นของหมิงเยวี่ยไม่ใช่ประเด็นหลักของสวรรค์พิโรธแน่นอน ประเด็นหลักคือ…
“ถุย ฟ้าผ่าแล้วจะอย่างไร?” หมิงเยวี่ยโมโหเดือดดาล ร่างของนางเหยียดตรง ยกนิ้วชี้ไปที่ท้องฟ้าพลางเอ่ย “พี่สาวข้ากินผลทารกแค่ผลเดียวแล้วจะทำไม? คนอื่นกินได้ ทำไมพี่สาวข้ากลับกินไม่ได้?”
ครืน!
เปรี๊ยะ!
ท่ามกลางท้องฟ้า อัสนีรวมตัวราวมหาสมุทรสีเงิน
พลังน่าหวาดกลัวปกคลุมมา เสียงประดุจเสียงอัสนีเหมือนสวรรค์กำลังตำหนิตักเตือนอะไร
“ข้าไม่สนใจ วันนี้ต่อให้ข้าต้องร่างแหลกละเอียดเป็นผุยผง ก็จะต้องเอามาให้พี่สาวข้า…” หมิงเยวี่ยคำรามประหนึ่งสัตว์ตัวเมียที่กำลังโกรธจัด
ยังพูดไม่ทันจบ
เปรี้ยง
อัสนีสายหนึ่งฟาดมาข้างเท้าหมิงเยวี่ย พลังน่ากลัวที่แฝงอยู่ในนั้น ไม่ต้องพูดถึงเทวะ หรือขั้นทะลวงสวรรค์ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งเก่าแก่ของสำนักนอกพิภพ เมื่ออยู่ภายใต้การโจมตีนี้ก็คงสลายกลายเป็นควัน
นี่คือคำเตือนสุดท้าย
“ข้า…” หมิงเยวี่ยตกใจ ยิ่งโมโหหนักขึ้นไปอีก อ้าปากจะพูดอะไรก็มีมือหนึ่งยื่นมาอุดปากนางจากด้านข้าง
หวางซืออวี่สีหน้าราบเรียบผิดปกติ “ไม่ต้องพูดแล้ว”
“พี่สาว ท่าน…” หมิงเยวี่ยมองหวางซืออวี่แล้วเอ่ย “ท่านวางใจ วันนี้ต่อให้ข้าสู้ตายโดนฟ้าผ่า ก็ต้อง…”
หวางซืออวี่ยิ้มส่ายหน้า “ไม่ ไม่ต้อง ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าไม่กินผลทารกน้อยแล้ว”
“ทำไม? พี่สาว ท่านไม่อยากอยู่กับคุณชายหรือ…” หมิงเยวี่ยเอ่ย “พี่สาววางใจ ข้าไม่กลัว อาจารย์บอกว่าข้ามีชะตาแห่งวิถีสวรรค์คุ้มกาย ไม่มีชะตาอายุสั่น ไม่ตายหรอก ข้า…”
หวางซืออวี่ส่ายหน้า “ยังมีวิธีอื่นอีก”
“ไม่ โอกาสแบบนี้อาศัยอะไรว่าพวกเราได้ ท่านกลับไม่ได้? เป็นท่านที่พาพวกเราเข้ามาที่นี่ เป็นท่านที่บอกที่มาที่ไปของผลนี่ ท่าน…” นางพูดๆ แล้วขอบตาก็แดงรื้น
แรกเริ่ม นางไม่สนใจหวางซืออวี่ รู้สึกว่าสาวงามอันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือผู้นี้ไม่เป็นวรยุทธ์ เวลาอยู่ต่อหน้าคุณชายก็ทำตัวสบายๆ ไม่เคารพ ไม่เหมือนกับฮวาเสี่ยงหรงแบบนั้นที่คล้อยตามคุณชายเสียทุกอย่าง
แต่ว่าภายหลังค่อยๆ ได้สัมผัสมากขึ้น เข้าใจแล้วจึงดูออกว่า ความรู้ใจกันระหว่างพี่สาวคนนี้กับคุณชาย จิตสื่อถึงกันแบบนั้นเหมือนจะยิ่งเข้าอกเข้าใจ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะเทียบได้ อีกทั้ง ยามข่าวลือออกมาว่าคุณชายบาดเจ็บสาหัส สำนักเก่าแก่และตระกูลที่ปลีกวิเวกใหญ่ต่างๆ ในใต้หล้าทั้งหลายปิดล้อมโจมตี หวางซืออวี่ระหกระเหินหลายหมื่นลี้โดยไม่เป็นห่วงตัวเอง…ในใจของหมิงเยวี่ยมีเพียงแค่ความยึดมั่นเดียว ใครดีกับคุณชาย นางก็จะดีกับคนคนนั้น เพราะชีวิตของนางชีวิตนี้ เป็นคุณชายที่ช่วยนางเอาไว้
ปมในใจของหวางซืออวี่ นางรู้ดี
อีกทั้งนางยิ่งรู้ดีว่าคุณชายเสี่ยงภัยเข้ามาในสุสานเทพเหตุผลสำคัญส่วนมากก็เพื่อหาวิธีการทำลายโรคที่ไม่อาจบำเพ็ญฝึกฝนของหวางซืออวี่
แต่ตอนนี้ โอกาสอยู่ข้างหน้ากลับเอามาไม่ได้
หมิงเยวี่ยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร นางทนไม่ได้
นางไม่สนใจไปขบคิดเหตุการณ์ประหลาดสวรรค์พิโรธอะไร สำหรับนางแล้วนั่นเป็นแค่เรื่องไร้สาระ นางเป็นแค่เด็กรับใช้บัณฑิตหน้ามึน ปกติแล้วช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากกินแล้วก็กิน ตอนนี้กว่าจะได้โอกาสทำเรื่องที่ช่วยได้จริงๆ เรื่องหนึ่ง นางไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
หวางซืออวี่กลับปลอบหมิงเยวี่ย “โอกาสหนอโอกาส ของที่เจ้าฝืนยื้อเอามาไม่ได้ ถึงแม้ต้องแย่งชิงแต่ก็ต้องเป็นไปตามครรลอง ไม่ใช่ว่าจะฝืนชะตาชิงมา ไม่ใช่ของของข้าอย่างไรก็ชิงมาไม่ได้”
“แต่ว่าพี่สาว ท่าน...” หมิงเยวี่ยก็ยังทำใจไม่ได้ ขอบตาแดงก่ำ
แต่หวางซืออวี่กลับหมุนตัว คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าต้นผลทารก ประนมมือ หลับตาอธิษฐาน “ศิษย์หวางซืออวี่จะไม่ชิงผลทารกน้อย น้องสาวศิษย์หมิงเยวี่ยอายุน้อยไม่รู้ประสา พูดผิดไป นั่นเป็นเพราะข้าเป็นเหตุ ขอสวรรค์โปรดหยุดความพิโรธแห่งสายอัสนี ศิษย์จะขอออกจากสวนผลไม้ ณ บัดนี้”
พูดจบก็คำนับหัวจรดพื้น แขนขาหมอบติดดิน
ครืน เปรี้ยง!
กลางท้องฟ้า สายฟ้าลั่นครืน เหมือนจะเตือนมนุษย์น่าสงสารที่คุกเข่าภาวนาผู้นี้ แต่สุดท้าย สายฟ้าทั่วผืนนภาก็สลายไปช้าๆ
ท้องฟ้ากลบคืนเป็นสีดำอีกครั้งราวราตรีอันยาวนาน
บนต้นผลทารก ผลทารกผลนั้นกระโดดโลดเต้น ท่าทางรังเกียจหวางซืออวี่เป็นที่สุด สุดท้ายก็มุดหัวลงไปในดิน แล้วหายไปโดยสมบูรณ์
หวางซืออวี่คุกเข่าหน้าต้นไม้ ที่หน้าผากมีเม็ดดินร่วงลงมา
นางเงยหน้าอย่างช้าเนิบ ใบหน้าฉายรอยยิ้มขื่น
“พี่สาว…” หมิงเยวี่ยรีบไปประคองนาง แต่กลับไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนอย่างไร
สีหน้าชิงเฟิงครุ่นคิดอยู่ตลอด
เขาเดาไม่ผิด ไม่ใช่ผลทารกน้อยลูกที่สี่บรรลุเซียนปีศาจ ปัญหาอยู่ที่ตัวหวางซืออวี่ ผลทารกน้อยต่อต้านนาง
นี่ยิ่งแปลกไปใหญ่
ต้นผลทารกน้อยเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งฟ้าดิน เติบโตมาก็มีอิทธิฤทธิ์ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขา หมิงเยวี่ยและหยวนโห่วได้มัน กินลงไปอย่างราบรื่น อธิบายว่าของศักดิ์สิทธิ์ระดับนี้ไม่ต่อต้านสิ่งมีชีวิต แต่ทำไมกลับต่อต้านหวางซืออวี่?
อีกทั้งหมิงเยวี่ยฝืนไล่จับผลทารกน้อยให้ท่านหญิงหวนจูยังนำมาซึ่งสวรรค์พิโรธ
นี่หมายความว่าแม้แต่ฟ้าดินและกฎแห่งธรรมชาติยังต่อต้านสาวงามแห่งซ่งเหนือผู้นี้?