จอมศาสตราพลิกดาราบทที่ 441 อารามอู่จวง

บทที่ 441 อารามอู่จวง

ใน​ช่วงเวลา​ยาวนาน​ต่อมา​ โชค​ของ​พวก​ห​ลี่​มู่ไม่ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​

ใจกลาง​เขต​สุสาน​มีตำหนัก​สุสาน​นับ​ร้อย​พัน​ ทว่า​ส่วนใหญ่​ล้วน​ปิด​อยู่​ จาก​ที่​ศิษย์​ทั้ง​สี่ของ​สำนัก​กำเนิด​ฟ้ากล่าว​ หมู่​ตำหนัก​สุสาน​ที่​ปิด​อยู่​นี้​ ต่อให้​เป็น​ราชา​สวรรค์​ก็​ไม่สามารถ​บุกเข้าไป​ได้​ ห​ลี่​มู่จึงไม่คิด​จะสร้าง​ความลำบาก​ให้​ตัวเอง​ ทำได้​เพียง​คลำหา​ต่อไป​

โชค​ของ​กัว​อวี่​ชิงกลับ​ไม่เลว​นัก​

เขา​พบ​สมบัติ​สอง​ชิ้น​อย่าง​รวดเร็ว​ใน​ตำหนัก​สุสาน​ชื่อว่า​ตำหนัก​เจ็ด​วิหค​

หนึ่ง​ใน​นั้น​เป็น​พัด​ห้า​สีเล่ม​หนึ่ง​ หลังจาก​ส่งปราณ​แท้​เข้าไป​ เพียง​โบก​เบา​ๆ ก็​มีเปลวไฟ​พวยพุ่ง​ออกมา​ พลานุภาพ​เทียบ​เท่ากับ​ไฟจักรพรรดิ​ของ​ห​ลี่​มู่ น่ากลัว​เป็นอย่างมาก​ ยิ่งกว่านั้น​ยัง​มองออก​ได้​ว่า​กัว​อวี่​ชิงยัง​ไม่เข้าใจ​พลัง​ทั้งหมด​ของ​พัด​เล่ม​นี้​ หาก​สามารถ​ฝึก​ได้​สมบูรณ์​ พลานุภาพ​ของ​เปลวไฟ​อาจจะ​สูงขึ้นไป​อีก​ขั้น​หนึ่ง​

อีก​ชิ้น​หนึ่ง​เป็น​หอก​ยาว​หนึ่ง​เล่ม​ ตัว​หอก​เรียบง่าย​และ​โบราณ​ เรืองแสง​สีม่วง​อ่อน​ ราวกับ​มีสายฟ้า​แฝงซ่อน​อยู่​ด้านใน​ ความ​ยาว​เจ็ด​ฉื่อ​โดยประมาณ​ ปลาย​หอก​แหลมคม​ มีแสงเย็นเยียบ​วาววับ​ ตัว​หอก​มีลวดลาย​หมุน​เป็นเกลียว​ สัมผัส​เย็นสบาย​ตั้งแต่​บน​จรด​ล่าง​ บน​ตัว​หอก​สลัก​อักษร​ไว้​ว่า​…หอก​อัสนี​ทะยาน​

กัว​อวี่​ชิงชอบ​หอก​ ไม่คิด​ว่า​จะพบ​หอก​อัสนี​ทะยาน​เล่ม​นี้​เข้า​

ฟังแค่​ชื่อ​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​หอก​นี้​ไม่ธรรมดา​ หลังจากที่​กัว​อวี่​ชิงปลุกเสก​แล้ว​ สามารถ​ซ่อน​มัน​ไว้​ใน​ร่างกาย​เพื่อ​บ่ม​เพาะ​ให้​ความอบอุ่น​ เพียง​คิดในใจ​หอก​ก็​จะปรากฏ​ใน​มือ​ ตัว​หอก​สร้าง​สายฟ้า​ได้​ด้วยตัวเอง​ ขณะ​ซ่อน​ไว้​ใน​ร่างกาย​สามารถ​บำรุง​ฝึกฝน​กาย​เนื้อ​ ผิดแผก​น่าอัศจรรย์​โดยแท้​

นอกจากนั้น​ สิ่งที่​ทำให้​คน​อิจฉา​มาก​ขึ้นไป​อีก​คือ​ ค่าย​กล​ที่อยู่​ด้านใน​หอก​อัสนี​ทะยาน​เล่ม​นี้​มีวิชา​ ‘อัสนี​ทะยาน​สามสิบ​หก​ท่า​’ แฝงอยู่​ กัว​อวี่​ชิงฝึก​ปุ๊บ​ก็​เป็น​ทันที​ เมื่อ​สำแดง​ออกมา​ หอก​ไร้​เงาดุจ​อัสนี​ ก่อกวน​สายฟ้า​วายุ​ ความเร็ว​อยู่​เหนือ​เสียง​ ยาม​กัว​อวี่​ชิงกุม​หอก​ไว้​ใน​มือ​ ความเร็ว​ของ​ท่า​ร่าง​จะเพิ่ม​เป็น​เท่าตัว​ รวดเร็ว​เหนือ​เสียง​ประหนึ่ง​ภาพมายา​ เร็ว​ไป​ถึงขีดสุด​

ชาย​จมูก​งุ้ม ชาย​คิ้ว​ติดกัน​ และ​พวก​ศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าอิจฉาตาร้อน​

สมบัติ​ใดๆ​ ที่​ค้น​เจอ​ใน​ตำหนัก​ตรง​ใจกลาง​เขต​สุสาน​แห่ง​นี้​ล้วน​เป็น​ยุทโธปกรณ์​ที่​ขุนพล​สวรรค์​ซึ่งสู้รบ​ตาย​ใน​วันวาน​เหลือ​ทิ้ง​ไว้​ อย่าง​น้อย​ก็​เป็น​สมบัติ​อาวุธ​ระดับ​สมบัติ​เต๋า​ หาก​หยิบ​ออก​ไป​ใน​เขต​ดารา​เทพ​วีรชน​ ไม่รู้​ว่า​จะมีขั้ว​อำนาจ​ใหญ่​ที่​อิจฉาริษยา​อยู่​เท่าใด​

ส่วน​พวกเขา​ทั้ง​สี่ ลำบาก​แทบตาย​กว่า​จะเข้ามา​ใน​เขต​ใจกลาง​นี้​ได้​ กลับ​ไม่ได้​อะไร​ติดมือ​มาเลย​ ซ้ำยัง​ถูก​คน​กดขี่​เป็น​ทาส​…มีความรู้สึก​โมโห​อัดอั้น​อย่าง​พวก​ที่​มาถึงกอง​สมบัติ​แต่กลับ​ไป​มือเปล่า​

“กลับ​ไป​ต้อง​คิดบัญชี​กับ​ผู้อาวุโส​ที่​ดู​ปฏิทิน​กำหนด​เวลา​ให้จงได้​ บอ​กว่า​ช่วง​ยาม​ที่​พวกเรา​ลงมา​เป็นเวลา​มงคล​ไม่ใช่หรือ​ แล้ว​ทำไม​ถึงย่ำแย่​แบบนี้​ได้​”

“ตา​เฒ่านั่น​ คง​ไม่ได้​รับสินบน​ใคร​แล้ว​ให้​เวลา​เคราะห์​กับ​พวกเรา​มาแทน​กระมัง​?”

“เป็นไปได้​”

“เวลา​มงคล​อะไร​จะมีคนตาย​เช่นนี้​? ศิษย์​น้อง​สวี่​ก็​ถูก​ทุบ​ตาย​ไป​แล้วด้วย​…”

ทั้ง​สี่คน​แอบ​ตำหนิ​อยู่​ใน​ใจ

แต่ว่า​ พวกเขา​ก็​ไม่กล้า​แสดง​ความเห็น​อะไร​กับ​ห​ลี่​มู่ทั้งสิ้น​

ถึงอย่างไร​พวกเขา​ก็ได้​ประจักษ์​ความโหดเหี้ยม​ของ​ห​ลี่​มู่แล้ว​ ผู้สืบทอด​จาก​สำนัก​แสงเงา คน​ที่​โหดเหี้ยม​ร้ายกาจ​คน​นั้น​ยัง​ถูกห​ลี่​มู่วางแผน​เล่นงาน​จนตาย​ นับประสาอะไร​กับ​พวกเขา​?

ผ่าน​ไป​อีก​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​ ก็​ไม่มีการ​ค้นพบ​อะไร​อีก​

“ผิดปกติ​แฮะ” ห​ลี่​มู่หยุด​ฝีเท้า​ลง​ พิจารณา​อย่าง​ละเอียด​

ผ่าน​ไป​เพียง​ชั่วครู่​ เขา​หัน​กลับมา​กะทันหัน​ ไม่พูดพร่ำทำเพลง​ก็​คว้า​ตัว​ศิษย์​ทั้ง​สี่เข้ามา​ แล้ว​รัว​กำปั้น​ลง​ไป​ไม่ยั้ง​

เสียง​หมัด​ปึก​ปัก​ดังสนั่น​ รัว​ลง​บน​ร่างกาย​ของ​ศิษย์​ทั้ง​สี่แห่ง​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าปาน​ลม​ฝน​พายุ​คลั่ง​ น่าเวทนา​ยิ่งนัก​

ศิษย์​ทั้ง​สี่ถูก​อัด​จน​มึน​ศีรษะ​

เกิด​อะไร​ขึ้น​ โดน​อัด​อีกแล้ว​หรือ​?

รอ​จน​ห​ลี่​มู่ชก​เสร็จ​ ศิษย์​สำนัก​กำเนิด​ฟ้าสี่คน​ก็​นอน​หมอบ​จมูก​เขียว​หน้า​บวม​ปูด​อยู่​บน​พื้น​ สายตา​เลื่อนลอย​ ข้า​เป็น​ใคร​? ข้า​อยู่​ที่ไหน​? ใคร​ตี​ข้า​? แล้ว​ข้า​จะไป​ที่ใด​?

“พูด​มา พวก​เจ้าทั้ง​สี่ยัง​ปิดบัง​เรื่อง​อะไร​ข้า​ไว้​” ห​ลี่​มู่กล่าว​อย่าง​เหี้ยมโหด​โฉด​ชั่ว​ “ถ้ายัง​คิด​จะโกหก​ข้า​ เชื่อ​ไหม​ว่า​ข้า​จะซัด​กระดูก​ของ​พวก​เจ้าให้​หัก​ แล้ว​ดูด​ไขกระดูก​ออกมา​ให้​หมด​เลย​?”

“ไม่ ไม่มีแล้ว​…” ชาย​จมูก​งุ้มตอบ​ด้วย​สีหน้า​ลนลาน​

ห​ลี่​มู่บีบ​นวด​หมัด​ตัวเอง​จน​ส่งเสียงดัง​กรอบแกรบ​ออกมา​ พูดว่า​ “ข้า​ว่า​พวก​เจ้าคง​ไม่รู้​จริงๆ​ ว่า​คำ​ว่า​ตาย​เขียน​อย่างไร​ ให้โอกาส​สุดท้าย​พวก​เจ้า ถ้ายัง​ไม่พูดความจริง​ออกมา​ ข้า​จะทุบ​พวก​เจ้าให้​ตาย​ แล้ว​เอา​ศพ​ไป​เรียง​เป็น​อักษร​คำ​ว่า​ตาย​เสีย​”

ชาย​จมูก​งุ้มหวาดกลัว​ลนลาน​ทันที​

ที่​เหลือ​อีก​สามคน​ก็​มีสีหน้า​ตื่นตระหนก​

ถูก​มองออก​แล้ว​หรือ​?

มองออก​ได้​อย่างไร​กัน​?

นี่​…จะทำ​อย่างไร​ดี​?

ทั้ง​สี่คน​สบตา​กัน​แวบ​หนึ่ง​ ปณิธาน​ที่จะ​ดิ้นรน​ต่อต้าน​แทบจะ​สลาย​ไป​ใน​พริบตา​ พวกเขา​เห็น​คน​ที่​ถูก​หลี่​มู่ลงมือ​อย่าง​อำมหิต​ด้วย​ตา​ตนเอง​มาแล้ว​ ศิษย์​น้อง​สวี่​ที่​ถูก​หมัด​ชก​จน​ระเบิด​ ตอนนี้​ก็​ยัง​ไม่พ้น​เจ็ด​วัน​เลย​ด้วยซ้ำ​

“ข้า​ยอม​ ข้า​ยอม​แล้ว​…” ชาย​จมูก​งุ้มขลาดกลัว​ก่อน​ใคร​เพื่อน​

……

“นี่​หรือ​ขุมทรัพย์​ของ​สุสาน​เทพ​?”

หมิง​เยวี่ย​ถือ​กระบอง​ทองแดง​ โบ​กวาด​จน​เกิด​ลมแรง​

“ที่นี่​ไม่น่าจะเป็น​เขต​ใจกลาง​ พวกเรา​อยู่​รอบนอก​ แต่ว่า​สิ่งของ​ใน​ซากปรักหักพัง​พวก​นี้​ หาก​หยิบ​ออก​ไป​ก็​ทำให้​จอม​ยุทธ์​สำนัก​ใหญ่​บน​แผ่นดิน​มารุม​แย่งชิง​กัน​ได้​” ชิงเฟิงนั่ง​อยู่​บน​รถเข็น​ พลาง​ใช้พลัง​จิตวิญญาณ​ควบคุม​ดาบ​บิน​เล่ม​หนึ่ง​ให้​ลอย​อยู่​ตรงหน้า​เขา​ สังเกต​อย่าง​ละเอียด​จนได้​ข้อสรุป​นี้​

หวา​งซืออวี่​ทำ​ปาก​มุ่ย​เหมือน​เป็น​ลูกติด​ภรรยา​ใหม่​

ไม่แปลกที่​เธอ​จะกลุ้มใจ​

หลังจาก​มาถึงที่นี่​ สิ่งของ​ทั้งหมด​ล้วน​แฝงท่วงทำนอง​เต๋า​ไว้​ หนักหน่วง​เกินไป​ แค่​เศษกระเบื้อง​ใน​ซากปรักหักพัง​นี้​เธอ​ก็​ยัง​ขยับ​ไม่ได้​ ไม่ต้อง​พูดถึง​อาวุธ​ชุด​เกราะ​หรือ​โล่​เหล่านี้​เลย​

หมิง​เยวี่ย​และ​ชิงเฟิงรวมไปถึง​หยวน​โห่​ว​ต่าง​เก็บ​ยุทโธปกรณ์​มาไม่น้อย​แล้ว​ แต่​เธอ​ต่อให้​มองเห็น​อาวุธ​ก็​ไม่สามารถ​หยิบ​มาได้​เอง​

“พี่สาว​ พี่สาว​ ท่าน​อย่า​เพิ่ง​กลุ้มใจ​ไป​ ว่า​กัน​ว่า​โบราณ​มียา​เซียน​ หลังจาก​กิน​ไป​ทำให้​คนธรรมดา​กลายเป็น​เซียน​ได้​ สามารถ​ผลัด​ขน​ชะล้าง​ไขกระดูก​ เปลี่ยนแปลง​สภาพร่างกาย​ ใน​เมื่อ​ที่นี่​เป็น​สุสาน​เทพ​ ไม่แน่​ว่า​อาจจะ​มียา​เซียน​อยู่​เช่นกัน​ พวกเรา​เดิน​ไป​ข้างหน้า​ต่อ​ ถ้าเกิด​พบ​ยา​เซียน​ขึ้น​มา ปัญหา​ของ​ท่าน​ก็​แก้ไข​ได้​แล้ว​”

หมิง​เยวี่ย​เอ่ย​ปลอบ​หวา​งซืออวี่​

หวา​งซืออวี่​ตา​เป็นประกาย​ ตอบ​ว่า​ “จริง​หรือ​? เช่นนั้น​ก็ดี​เลย​”

ตั้งแต่​ไป​สิบ​เมือง​เก้า​พื้นที่​ครั้ง​ที่แล้ว​ หลังจาก​กลับมา​ ใจของ​เธอ​ก็​เกิด​ความ​ยึดมั่น​ถือ​มั่น​และ​จิต​มาร​ลูก​หนึ่ง​ โดยเฉพาะ​ยาม​เห็น​ว่า​ตน​ไม่อาจ​ให้​ความช่วยเหลือ​ใดๆ​ กับ​ห​ลี่​มู่ เมื่อ​ตัวเอง​ได้​แต่​ต้อง​พึ่งพา​ห​ลี่​มู่อยู่​ตลอด​ ใน​ใจจึงเกิด​ความ​อัดอั้น​ที่​ไม่สามารถ​ระบาย​ออก​ไป​

ถึงอย่างไร​หวา​งซืออวี่​ก็​ไม่เหมือน​ฮวา​เสี่ยง​หรง​

เธอ​เหมือนกับ​ห​ลี่​มู่ ได้รับ​การศึกษา​จาก​ดาว​โลก​ ไล่ตาม​ความเสมอภาค​และ​อิสรภาพ​ เธอ​ชอบ​ห​ลี่​มู่ ไม่เหมือนกับ​ฮวา​เสี่ยง​หรง​ที่​หลับหูหลับตา​คล้อยตาม​และ​มอบ​ทุกสิ่ง​ให้​ แต่​เป็น​ความรัก​บน​ความสัมพันธ์​ที่​เสมอภาค​

ดังนั้น​เธอ​ถึงทน​ไม่ได้​ ตัวเอง​ตอนนี้​ไม่ต่าง​จาก​เถาวัลย์​เส้น​หนึ่ง​ ทำได้​เพียง​พัน​รัด​ห​ลี่​มู่เอาไว้​ ถ้าหาก​ไม่มีห​ลี่​มู่ที่​เป็น​ดั่ง​ต้นไม้​ใหญ่​ เถาวัลย์​เส้น​นี้​ก็​ไม่สามารถ​ยืน​ได้​ด้วย​ลำแข้ง​ตัวเอง​

ทั้ง​สี่คน​เดิน​มาถึงเขตเมือง​ ข้าม​สะพาน​ใหญ่​ ทะลุ​กำแพงเมือง​จน​มาถึงเขต​ใจกลาง​สุสาน​

“เดิน​ไป​ทาง​นี้​” ชิงเฟิงนั่ง​บน​รถเข็น​พลาง​หยัก​นิ้ว​ทำนาย​อะไร​บางอย่าง​ ท้ายสุด​จึงชี้ไป​ยัง​ทิศตะวันตกเฉียงใต้​

หยวน​โห่​ว​เข็น​รถเข็น​ หมิง​เยวี่ย​ดึง​แขน​ของ​หวา​งซืออวี่​

หลังจาก​มาถึงเขต​ใจกลาง​สุสาน​ หยวน​โห่​ว​ ชิงเฟิง และ​หมิง​เยวี่ย​ล้วน​สัมผัส​ได้​ถึงแรงกดดัน​ของ​ ‘ค่าย​กล​สยบ​มาร​สูงสุด​’ ขยับ​ไม้ขยับ​มือ​ลำบาก​ไม่เหมือน​ตอน​อยู่​ด้านนอก​

คนธรรมดา​ที่​ไม่มีพลัง​ฝึก​เลย​อย่าง​หวา​งซืออวี่​กลับ​สบาย​ยิ่ง​ และ​ไม่ได้รับ​ผลกระทบ​ใดๆ​

โชค​ของ​พวกเขา​ดี​ไม่เลว​ ระหว่างทาง​มาไม่ได้​พบ​กำลังคน​จาก​สำนัก​นอก​พิภพ​อื่นๆ​

อ้อม​ไป​อ้อม​มา เลี้ยวลดคดเคี้ยว​ ไม่รู้​ว่า​เดินผ่าน​ถนน​ไป​กี่​สาย​ จู่ๆ ก็​มาเจอ​หมอก​หนา​ทึบ​กลุ่ม​หนึ่ง​

ทั้ง​สี่คน​ยัง​ไม่ทัน​ตั้งตัว​ หมอก​หนา​ก็​ปกคลุม​พวกเขา​ไว้​แล้ว​

“ระวัง​” หยวน​โห่​วตะ​โกน​เตือน​ เวลา​เดียวกัน​ก็​สำแดง​วิชา​ เหนือศีรษะ​มีลูกไฟ​ลอย​ขึ้น​มาลูก​หนึ่ง​และ​ห่อหุ้ม​คน​ทั้ง​สี่ไว้​ด้านใน​ ด้วย​กลัว​ว่า​หาก​เกิดเรื่อง​ขึ้นกับ​ทั้ง​สามคน​จะไม่มีหน้า​ไป​อธิบาย​กับ​ห​ลี่​มู่

อาศัย​พลัง​ของ​ลูกไฟ​ดวง​นี้​ สี่คน​เดิน​อยู่​ใน​หมอก​หนา​อย่าง​ระมัดระวัง​

โดยรอบ​หมอก​หนา​ราวกับ​มีเสียงคำราม​แหลม​ดุร้าย​ลอย​มา คลับคล้าย​มีวิญญาณ​อาฆาต​นับ​พัน​นับ​หมื่น​จาก​ขุมนรก​จะพุ่ง​ทะลวง​หมอก​หนา​เข้ามา​ฉีก​ร่าง​ทั้ง​สี่คน​เป็น​ชิ้นๆ​ น่ากลัว​เกิน​บรรยาย​

โซซัดโซเซ​เช่นนี้​ไป​ไม่รู้​นาน​เท่าใด​ หมอก​หนา​สลาย​ไป​โดย​ไม่มีสัญญาณบอก​ล่วงหน้า​

ขณะที่​ทั้ง​สี่จ้องมอง​ ก็​พบ​ว่า​ที่นี่​เหมือน​ไม่ใช่ใน​สุสาน​เทพ​แล้ว​

รอบด้าน​เป็น​ทิวเขา​สีเขียว​เข้ม​สลับ​ขึ้น​ลง​ สูงตระหง่าน​เหมือน​หิน​ผา​ ดู​แวบ​แรก​ดุจ​ต้นไม้ใบหญ้า​งอกงาม​ แต่​พอ​มอง​อย่าง​ละเอียด​ ต้นไม้ใบหญ้า​เหล่านั้น​ก็​กลายเป็น​หิน​ไป​หมด​แล้ว​ ไม่มีลม​ ไม่ขยับเขยื้อน​ ประหนึ่ง​โลก​ที่​หยุดนิ่ง​ ไม่มีความมืด​ทึม​ลึกลับ​ของ​เขต​ใจกลาง​สุสาน​ก่อนหน้านี้​ มีเพียง​ความ​เงียบ​วังเวง​อย่าง​ประหลาด​

ทาง​บันได​หิน​เล็ก​ๆ สาย​หนึ่ง​ค่อยๆ​ ทอด​ยาว​จาก​ใต้เท้า​พวกเขา​เข้าสู่​ใน​ภูเขา​

สี่คน​ลังเล​อยู่​ชั่วครู่​ จากนั้น​จึงเดินตาม​ทางเดิน​เล็ก​ไป​

ราว​หนึ่ง​ถ้วย​ชาต่อมา​ ก็​เห็น​อุทยาน​ขนาด​ไม่ใหญ่​มาก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีสิ่งปลูกสร้าง​โบราณ​เรียง​ถี่ยิบ​ปรากฏ​ขึ้น​ตรง​ปลายทาง​ อุทยาน​นี้​สร้าง​ติด​ภูเขา​ ต้นไม้ใบหญ้า​ที่​กลายเป็น​หิน​ขึ้น​เป็น​กลุ่ม​อยู่​ตรงกลาง​ ชัยภูมิ​ยอดเยี่ยม​มาก​

“เป็น​สถานที่​ที่​ฮวงจุ้ย​ดี​เหลือเกิน​”

ชิงเฟิงอด​เอ่ยปาก​ชมไม่ได้​

เขา​ได้รับ​วิชา​หลากหลาย​มาจากห​ลี่​มู่ ใน​ด้าน​ฮวงจุ้ย​ก็​มีความชำนาญ​อยู่​ ไม่แน่​อาจจะ​เป็น​ศิษย์​ที่​เก่ง​กว่า​ครู​ไป​แล้ว​ ด้วยเหตุนี้​เพียงแค่​มอง​ผ่านๆ​ ก็​รู้สึก​ได้​ว่า​อุทยาน​แห่ง​นี้​มีพลัง​แห่ง​ฟ้าดิน​ถึงขีดสุด​ น่ากลัว​ว่า​ดวงชะตา​และ​ชีพจร​วิญญาณ​ใน​รัศมี​พัน​ลี้​จะถูก​อุทยาน​ครอบครอง​ไว้​หมด​แล้ว​

ทว่า​ เขา​ก็​ย่น​คิ้ว​อย่าง​รวดเร็ว​

พื้นที่​ฮวงจุ้ย​ดี​เช่นนี้​ ทำไม​ต้นไม้​รอบ​ๆ จึงล้วน​กลายเป็น​หิน​ ตาย​ไป​แล้ว​ทั้งหมด​ ราวกับ​เป็น​ดินแดน​รกร้าง​หายนะ​ที่​ทุก​สรรพ​ชีวิต​สูญสิ้น​

คน​ทั้ง​สี่มาถึงประตู​อุทยาน​

ประตู​ใหญ่​ปิด​สนิท​

บน​ป้าย​ของ​อุทยาน​สะอาด​เอี่ยม​ไร้​ฝุ่น​ ตัวอักษร​สีทอง​บน​พื้น​น้ำเงิน​เขียน​ไว้​ว่า​ ‘อาราม​อู่​จวง​’

“พี่​ชิงเฟิง ท่าน​รู้สึก​หรือไม่​ว่า​อาราม​แห่ง​นี้​มอง​แล้ว​รู้สึก​ผูกพัน​มาก​ เป็น​ความรู้สึก​ประหลาด​ เหมือนกับ​…มัน​เหมือนกับ​….” เด็กสาว​หมิง​เยวี่ย​เกา​หัว​ หา​คำ​เปรียบเทียบ​ที่​เหมาะสม​ไม่ได้​

ชิงเฟิงเอ่ย​ “เหมือนกับ​กลับบ้าน​”

“ใช่ๆๆ เหมือน​ได้​กลับบ้าน​เลย​ พี่​ชิงเฟิง พี่​ก็​รู้สึก​เช่นนี้​หรือ​?” หมิง​เยวี่ย​พลัน​รู้สึก​ราว​ถูก​พูด​สิ่งที่​ตน​คิด​ออกมา​

ชิงเฟิงพยักหน้า​รับ​

ส่วน​หวา​งซืออวี่​อีก​ด้าน​กลับ​มีสีหน้า​ตกตะลึง​ และ​เหมือน​จะตื่นเต้น​อยู่​เบา​ๆ

อาราม​อู่​จวง​?!

อาราม​อู่​จวง​ของ​เจิ้น​หยวน​จื่อ​ บรรพชน​แห่ง​เซียน​พิภพ​ที่​เคารพ​แต่​ ‘ฟ้าดิน​’ ใน​เรื่อง​ไซอิ๋วคน​นั้น​น่ะ​หรือ​?

หาก​เป็น​ก่อนหน้านี้​ หวา​งซืออวี่คง​คิด​ว่า​เป็นเรื่อง​บังเอิญ​ ถึงอย่างไร​ชื่อ​อาราม​อู่​จวง​ก็​ใช่ว่า​ไม่ค่อย​จะมี พบเห็น​ได้​บ่อยๆ​ ทว่า​ตั้งแต่​ได้​ฟังสิ่งที่​ห​ลี่​มู่พบเห็น​จาก​ใน​ฟ้านิจ​นิรันดร์​ ได้​รู้เรื่อง​การ​มีอยู่​ของ​ ‘ขี่​เมฆาเหิน​ฟ้า’ และ​ ‘วิชา​ปา​จิ่ว​เสวียน​’ หวา​งซืออวี่​ก็​ไม่อาจ​ไม่เชื่อมโยง​อาราม​อู่​จวง​ที่​เห็น​ตรงหน้า​นี้​กับ​อาราม​อู่​จวง​ของ​เจิ้น​หยวน​ต้า​เซียน​ใน​เรื่อง​ไซอิ๋ว​ได้​

ถ้าหาก​เป็น​อาราม​อู่​จวง​จริงๆ​ ละ​ก็​ ไม่ใช่ว่า​จะมีต้น​ผล​ทารก​อยู่​ด้วย​หรือ​

แล้ว​ถ้ากิน​ผล​ทารก​นี้​เข้าไป​ จะรักษา​อาการ​เรื้อรัง​ที่​ตน​ฝึก​บำเพ็ญ​ไม่ได้​ได้​ใช่หรือไม่​?

จอมศาสตราพลิกดารา

จอมศาสตราพลิกดารา

Score 10
Status: Completed

ตอนที่ 1 – 105 อ่านนิยาย

สำนักฝึกวิชายุทธ์ชั้นสูงบนกลุ่มดาวจื่อเวยได้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพื่อให้สะดวกต่อการบุกเบิกดาราจักรทางใต้ของทางช้างเผือก

ชีพจรพลังเซียนของค่ายกลต้องตัดผ่านโลกมนุษย์พอดี หลังจากนี้อีกราว 20 ปี…โลกจะถูกทำลาย

หลี่มู่ เด็กหนุ่มกำพร้าผู้ปราดเปรื่อง

อาศัยอยู่กับซินแสเฒ่าสติไม่ดีที่วันๆ พร่ำเพ้อแต่การฝึกวิชา ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับโลกปัจจุบันนี้สักนิด

แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับถูกส่งไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและยอดฝีมือ

กลายเป็นขุนนางเมืองบนดาวดวงนี้ ออกแรงแค่เล็กน้อยก็ส่งผลร้ายแรงมหาศาล

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด เขาจำต้องสวมบทบาทผู้นำ พร้อมหาวิถีทางกอบกู้โลกให้ทันกาล…

Options

not work with dark mode
Reset