จอมนางข้ามพิภพ บทที่858 ได้แต่งเจ้ามาเป็นภรรยาเป็นความโชคดีของข้า
“ถิงเอ๋อร์ หยุนห้ากับผู้หญิงคนนั้นต่างก็รักกัน ทำไมเจ้าถึงไม่อยากให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน?” จวินหย่วนโยวอุ้มจวินเสี่ยวเทียนไว้เดินเข้ามาแล้วถาม
หยุนถิงถอนหายใจ “พี่ห้าเป็นคุณชายห้าของจวนตระกูลหยุน ตั้งแต่เด็กก็มีฐานะสูงศักดิ์ ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเครื่องนุ่งห่ม ชอบธรรมเนียมนักปราชญ์ เรื่องอ่านหนังสือ เขียนและวาดรูป
แต่แม่นางนั้นกลับเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ข้าแค่รู้สึกว่าฐานะของพวกเขาแตกต่างกันเกินไป หากอยู่ด้วยกันจริงกลัวว่าหลังแต่งงานไปคงจะไม่เหมาะสมกัน
ยิ่งไปกว่านั้น พี่ห้าเป็นเพราะรู้สึกสงสาร และเห็นใจนางจึงได้ค่อยๆชอบนาง ข้ากลัวว่าพี่ห้าจะแยกไม่ออกว่าเป็นการเห็นอกเห็นใจหรือเป็นการชอบ
ชอบง่ายแต่เข้ากันยากหากแต่งงานจริง เรื่องพวกสิ่งจุกจิก แต่จำเป็นสำหรับชีวิต ทุกคนต่างก็มีความเคยชินในการใช้ชีวิตของตัวเอง สภาพแวดล้อมเดิมเป็นตัวกำหนดวิสัยทัศน์และจิตใจของคนคนหนึ่ง
ข้าแค่กลัวว่าหลังแต่งงานแล้วพวกเขาจะไม่มีทัศนะเดียวกัน หากผ่านไปนานทั้งสองก็จะเกิดการขัดแย้งต่างๆ บางทีอาจเป็นข้าที่คิดมากไป”
จวินหย่วนโยวยื่นมืออีกข้างมาจับมือของหยุนถิง “เรื่องของความรักให้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็ได้แล้ว นี่คือชีวิตทั้งชีวิตของพี่ห้าเจ้า เหมือนดั่งคนดื่มน้ำ จะเย็นจะอุ่นก็ย่อมรู้เอง พวกข้าอย่ายุ่งเยอะเกินไปเลย”
หยุนถิงพยักหน้าเบาๆ มองดูจวินหย่วนโยวที่เย็นชาและหล่อเหลา ทันใดนั้นหยุนถิงก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดียิ่งนัก
“ท่านพี่ ได้แต่งให้เจ้าดียิ่งนัก!”
เขาให้อภัยต่อข้อบกพร่องทั้งหมดของตัวเอง กันลมและบังฝนให้กับตัวเอง ต่อให้จะก่อเรื่องใหญ่โตเพียงใด เขาก็จะช่วยตัวเองแบกรับไว้ สามีเช่นนี้เป็นหนึ่งในล้านจริงๆเลย
“ไอ้โง่ ได้เจ้ามาเป็นภรรยาเป็นโชคของข้าต่างหาก” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเอาใจ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าโชคดี!” จวินเสี่ยวเทียนพูดตาม
หยุนถิงและจวินหย่วนโยวก็รู้สึกขบขัน “เจ้าหนูตัวแสบ เจ้าพูดถูก มีเจ้ากับเสี่ยวเหยียนเป็นความโชคดีของพวกข้า”
จวินเสี่ยวเทียนหัวเราะคิคิ จวินหย่วนโยวกุมมือของหยุนถิงแล้วเดินออกไป
พ่อบ้านได้เตรียมเนื้อย่างไว้แล้ว ทุกคนต่างก็จัดวางกับข้าวเสร็จ จวินเสี่ยวเทียน หยุนห้าก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้หยุนเฉิงเซี่ยงฟัง
บนโต๊ะอาหาร หยุนเฉิงเซี่ยงหันมองหยุนถิง “ถิงเอ๋อร์ เจ้าไปเจอหงหลิงแล้ว รู้สึกเป็นอย่างไร?”
“ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจริง” หยุนถิงตอบ
หยุนเฉิงเซี่ยงเลิกคิ้วและมองดูหยุนถิง เมื่อเห็นว่านางไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน “กินข้าวก่อน เรื่องนี้ข้าจะพิจารณาเอง เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หลังกินอาหารเย็นเสร็จก็กลับจวนไปดูหน่อย พี่ใหญ่เจ้าไม่อยู่บ้าน จะยังไงในบ้านก็ต้องมีผู้ชายหนึ่งคนค่อยดูแลอยู่แล้ว”
“ได้ พ่อ!” หยุนห้ากล่าวด้วยความเคารพ
เนื้อย่างมื้อหนึ่ง เด็กๆกินกันอย่างมีความสุข และผู้ใหญ่ก็มีความสุขมากเช่นกัน หลังกินข้าวเสร็จหยุนถิงก็ให้คนไปส่งหยุนห้ากลับไป
หยุนเฉิงเซี่ยงตั้งใจเรียกหยุนถิงไปที่อื่น “ถิงเอ๋อร์ ผู้หญิงที่เจ้าห้าชอบนั้น เจ้าบอกความจริงกับข้า เป็นยังไงกันแน่?”
“พ่อ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ได้ใสซื่อเหมือนภายนอก ข้ากลัวพี่ห้าถูกหลอก จึงให้หลงเอ้อไปสืบ” หยุนถิงตอบจริง
สีหน้าของหยุนเฉิงเซี่ยงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ในเมื่อเจ้าก็พูดเช่นนี้แล้ว งั้นก็แสดงว่านางต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน เจ้าห้าเป็นหนอนหนังสือ ไม่มีกุศโลบาย เจ้าต้องช่วยเขาเลือกดูดีๆนะ!”
“ไว้ใจเถอะพ่อ ข้าเองก็ย่อมหวังว่าพี่ห้าจะมีความสุขอยู่แล้ว”
คืนนี้ หยุนถิงหลับไม่ค่อยดี จนเกือบเช้าแล้วหลงเอ้อจึงค่อยกลับมา
“ซื่อจื่อเฟย ข้าสืบได้แล้ว หงหลิงอยู่ในตระกูลเก๋อนั้นมักถูกรังแก เพราะฮูหยินเจ้าบ้านคิดแค้นแม่ของนาง และหลังจากที่แม่นางเสียไป ฮูหยินเจ้าบ้านกับเก๋อฉีก็ทรมานและเหยียดหยามหงหลิงด้วยทุกวิถีทาง
ตอนนางไปป่าดอกท้อ เป็นเพราะเก๋อฉีทำปิ่นทองอันหนึ่งหายแต่หล่อนกลับบอกว่าหงหลิงเป็นคนขมวยไป จึงทุบตีนาง และเกือบตีนางตาย
ต่อมาหงหลิงหลบหนีออกไปในขณะที่ผู้เฝ้าพิทักษ์เปลี่ยนเวรกัน ป่าพลัมแห่งนั้นอยู่ในหลังเขาของตระกูลเก๋อซึ่งอยู่ออกไปไม่ไกล คงเป็นเพราะนางบาดเจ็บสาหัสเกินไป ดังนั้นจึงหนีไปได้ไม่ไกลนัก
เช่นนี้แล้ว การพบกันของนางกับคุณชายห้าเป็นเรื่องบังเอิญ หลังจากนั้นคุณชายห้าก็ไปที่ป่าดอกท้อเป็นระยะ ๆ เพื่อไปเจอหงหลิง ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ลึกมากขึ้น” หลงเอ้อพูดเรื่องทั้งหมดที่สืบได้ออกมา
หยุนถิงขมวดคิ้ว “หรือว่าเป็นข้าที่คิดมากเกินไปจริง?”
ปกตินางเห็นคนน่าสงสารเช่นนี้ ก็มักเห็นอกเห็นใจช่วยเหลืออยู่เสมอ แต่ทำไมวินาทีที่นางเห็นหงหลิงกลับให้ความรู้สึกที่พูดไม่ถูกกับนาง โดยรวมแล้วไม่ค่อยดี
“ถิงเอ๋อร์ เจ้ากำลังคิดอยู่ว่าคนตระกูลเก๋อปฏิบัติกับแม่ของนางไม่ดีเช่นนั้น ในเมื่อแม่นางตายไปแล้ว นางอยู่ตัวคนเดียวทำไมไม่จากไป?” จวินหย่วนโยวพูดขึ้นทันที
หยุนถิงพยักหน้า “ท่านพี่พูดถูก นี่คือสิ่งที่ข้าไม่เข้าใจที่สุด”
หากเป็นคนอื่น คงจากไปนานแล้ว
“เว้นแต่ว่าตระกูลเก๋อจะมีอะไรที่ทำให้นางละทิ้งไม่ได้ หรืออาจกล่าวได้ว่านางมีจุดประสงค์บางอย่าง” สีหน้าของจวินหย่วนโยวจริงจังขึ้นทันที
“สามารถทำให้นางยอมทนต่อการทรมานและความอัปยศได้ จะต้องมีบางอย่างที่นางยึดมั่น หลงเอ้อเจ้าส่งคนไปจับตามองหงหลิงไว้อย่างลับๆ หากนางเจออันตรายก็ออกมือช่วย จะยังไงก็เป็นคนที่พี่ห้าชอบ แต่อย่าให้นางรู้” หยุนถิงกำชับ
“ได้เลยขอรับ!” หลงเอ้อไปดำเนินการทันที
“ท่านพี่ ข้าคิดมากเกินไปหรือเปล่า?” หยุนถิงถาม
“ว่ากันว่าสัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นแม่นยำที่สุด ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนั้น ก็แสดงว่านางมีบางอย่างที่ทำให้เจ้าไม่ไว้ใจ กาลเวลาทำให้รู้ใจคน ไม่รีบ” จวินหย่วนโยวพูดปลอบโยน
“อืมท่านพูดถูก”
เช้าวันรุ่งขึ้น หลู่อ๋องกับหลู่หวางเฟยพาหยวนเป่ามาที่จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นึกว่าผ่านเรื่องในครั้งก่อนแล้ว ครอบครัวหลู่อ๋องก็คงเคารพรักอยู่ห่างๆจากพวกเขาแล้ว
“จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยขอโทษยิ่งนัก ตั้งแต่เช้าก็มารบกวนพวกเจ้า ครั้งที่แล้วตั้งแต่กลับไปหยวนเป่าก็เอะอะโวยวายไปวันๆว่าจะเล่นกับจวิ้นจู่น้อย พวกข้าจึงทำได้เพียงพาเขามา” หลู่หวางเฟยกล่าว
“หลู่หวางเฟยพูดอะไรกัน ยากนักที่หยวนเป่าจะชอบเสี่ยวเหยียน วันหลังมาบ่อยๆนะ” หยุนถิงให้คนไปเรียกจวินเสี่ยวเหยียนกับจวินเสี่ยวเทียนมา
หยวนเป่าเห็นเสี่ยวเหยียน ก็ดีใจมากและรีบวิ่งไปทันที “น้องสาว ข้ามาเล่นกับเจ้า นี่คือถังหูหลูที่ข้าเอามาให้เจ้า หวานยิ่งนัก เจ้ารีบกินดู!”
ปกติจวินเสี่ยวเหยียนชอบกินถังหูหลูที่สุด เมื่อเห็นของอร่อย นางก็ยิ้ม “ขอบคุณพี่หยวนเป่า”
“ไม่ต้องเกรงใจ เสี่ยวเทียนให้เจ้า พวกข้ากินด้วยกัน” หยวนเป่ายื่นมาให้
“ขอบคุณ” จวินเสี่ยวเทียนรับมา และเด็กทั้งสามก็กิน พูดคุย และยิ้มอย่างมีความสุข อบอุ่นยิ่งนัก
หลู่หวางเฟยขอบตาแดงเลย “นี่เป็นครั้งแรกที่หยวนเป่าแบ่งปันของกินให้คนอื่น ซื่อจื่อเฟยสอนลูกทั้งสองให้ดีเช่นนี้ แม้แต่หยวนเป่าของข้าก็เรียนแบบทำดีตามเลย
ซื่อจื่อเฟย หลังจากที่ข้ากลับไปปรึกษากับหลู่อ๋อง เจ้าว่าให้หยวนเป่าไปเรียนหนังสือกับจวิ้นจู่น้อยและซื่อจื่อน้อยได้หรือไม่
พวกข้าก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต อย่างน้อยก็สามารถแยกแยะผิดถูกได้ ความดีและความชั่ว และความสามารถในการป้องกันตนสักหน่อยก็จะดีที่สุดแล้ว”
“จวินซื่อจื่อ ซื่อจื่อเฟยเป็นข้ากับหวางเฟยที่ละเมิดเกินไปแล้ว แต่ในฐานะผู้เป็นพ่อเป็นแม่ พวกข้าเองจำใจทำไม่ลง จึงทำได้เพียงมาขอจวินซื่อจื่อทำให้พวกข้าสมหวังด้วย” เสียงของหลู่อ๋องมีความอ้อนวอนเล็กน้อย
แม้จะรักเอ็นดูลูกที่ได้มาในยามอายุเยอะนี้ แต่หลังพวกเขาตายไป ก็จะปล่อยให้เขาไร้ประโยชน์ไม่เป็นอะไรไม่ได้
“พวกเจ้าถามความคิดเห็นของหยวนเป่าหรือยัง เขาเต็มใจหรือไม่?” หยุนถิงกล่าว
“ซื่อจื่อเฟยข้าเต็มใจ ขอแค่ได้เห็นน้องสาวทุกวัน ข้าจะไม่กลัวความลำบากหรือความเหน็ดเหนื่อยเลย!” หยวนเป่ากินถังหูหลูและพูดอย่างคลุมเครือ
สีหน้าของจวินหย่วนโยวมืดครึ้มลงทันที รู้สึกว่าเจ้าเด็กอ้วนนี้คิดอยากได้ลูกสาวตัวเองหรือ ไม่ได้แน่นอน!