ตอนที่ 585 จัดการให้สิ้นซาก
เจ้าใหญ่เสียแรงไปไม่เท่าไรก็หาโรงเตี๊ยมที่เผยชิงหานพักอยู่พบแล้ว เผยชิงหานกำลังจะเดินออกไปข้างนอก เขาจึงพบกับเจ้าใหญ่เข้าพอดี ครั้นเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ทั้งยังบอกว่าต้องการยืมเงินซื้อยาอีก ในใจเผยชิงหานก็ราวกับได้ส่องกระจก เพราะท่าทางพวกเขาจะตัดสินใจแล้ว
ในสายตาของเผยชิงหาน เรื่องนี้ธรรมดาสามัญยิ่งนัก ยิ่งเป็นในเมืองหลวง แม้กระทั่งในเรือนหลังของจวนโหว การปกปิดเรื่องฉาวพรรค์นี้เขาเคยเห็นมาแล้วไม่น้อย อยากจะไปสู่ที่ที่ดีขึ้น อยากไปถึงเป้าหมายบางอย่าง วิธีการนี้จึงปกติเป็นอย่างยิ่ง
เขาไม่ได้ถามมากความ ให้ผู้ติดตามมอบเงินให้เจ้าใหญ่ไปสิบตำลึงเงินทันที
เจ้าใหญ่เห็นเผยชิงหานมอบเงินให้แล้วก็หมุนกายจะจากไป ทว่ารีบกล่าวอีกคำ “ใต้เท้าเผย ข้าน้อยยังมีเรื่องหนึ่งอยากร้องขอ”
เผยชิงหานหยุดฝีเท้า แล้วหันหน้าไปมองใบหน้าจนตรอกของเจ้าใหญ่ “ลองพูดมาสิ”
เจ้าใหญ่รวบรวมความกล้า เอ่ยว่า “ใต้เท้า ครอบครัวของข้าน้อยอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ ในเมื่อใต้เท้าต้องการพาเจินจูกลับไป มิสู้รับพวกข้าไปด้วยดีหรือไม่ พวกข้าทำงานเป็นทุกอย่าง ขอเพียงได้มีงาน มีข้าวกินอยู่ในเมืองหลวงก็เพียงพอแล้วขอรับ”
ขอเพียงมีงานและข้าวกินอยู่ในเมืองหลวง? เขาจะฆ่าแกงแม้กระทั่งน้องชายแท้ๆ ของตนเอง เพื่อให้มีข้าวกินเท่านั้นหรือ
เผยชิงหานรังเกียจคนเช่นนี้เสียจริง แต่เมื่อตรองดูให้ดีแล้ว คนเหล่านี้รู้เส้นสนกลใจ อยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเป็นหายนะสำหรับเขา เก็บพวกเขาไว้ใกล้หูใกล้ตาน่าจะดีกว่า หากควบคุมได้ก็ควบคุม หากควบคุมไม่ได้ก็ลงมือจัดการเสีย เช่นนั้นก็ถือว่าสิ้นเรื่องแล้ว
“ขอเพียงพวกเจ้าจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย พาพวกเจ้าไปด้วยก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
เจ้าใหญ่ดีใจมาก เขากล่าวขอบคุณเผยชิงหานอยู่หลายครั้ง เมื่อเผยชิงหานไปแล้ว เขาถึงจะหมุนกายไปที่ร้านยาเบื่อหนู
เขาถือเงินสิบตำลึงเงิน ในใจวาดฝันไว้สวยงาม หลังจากซื้อยาเบื่อหนูแล้วก็ซื้อข้าวสารอีกจำนวนหนึ่ง อีกทั้งซื้อหมูสามชั้นอีกสามชั่งด้วย คราวนี้ถึงจะกลับหมู่บ้านไปด้วยความอิ่มเอมใจ
หลิวซื่อต้มหมูสามชั้นจานใหญ่ แล้วใช้เศษเนื้อหมูที่เหลือทำเป็นไส้ นึ่งเป็นซาลาปาไส้หมูสับ ครั้นทั้งครอบครัวกินอิ่มแปล้แล้ว หลิวซื่อถึงจะขยิบตาให้เจ้าใหญ่
เจ้าใหญ่เองก็รู้กัน เขาไปนำซาลาเปาไส้เนื้อกล่องหนึ่งที่วางอยู่ในครัวออกมา ถือมันไปวางไว้ในห้องของเจ้ารอง ตอนนี้พวกเจ้ารองกำลังกินโจ๊กขาว ส่วนไป๋เจินจูนั่งกินอย่างเชื่องช้าอยู่ในมุมห้อง ไม่ยอมพูดจา
เขากล่าวกับเจินจูว่า “เจินจู ป้าสะใภ้เรียกเจ้าแน่ะ บอกว่าต้องปักลายอะไรบางอย่าง ทว่ามองเข็มไม่ชัดเจนแล้ว ให้เจ้าไปช่วยสนเข็มที”
ไป๋เจินจูเงยหน้าขึ้นมองเขา เห็นเจ้าใหญ่กำลังขยิบตาให้ตน แม้จะไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร ทว่านางก็ยังคงลุกขึ้นเดินออกไปแต่โดยดี
เจ้าใหญ่วางซาลาเปาไส้หมูสับลงบนโต๊ะขนาดเล็กหนึ่งเดียวในห้อง ยิ้มว่า “วันนี้พวกข้าทำซาลาเปาไส้หมูสับจำนวนหนึ่ง จึงนำมาให้พวกเจ้าชิมด้วย ช่วงก่อนพวกข้าก็ทำให้พวกเจ้าลำบากไม่น้อย แต่ต่อไปจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว”
เจ้ารองและจางซื่อสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ว่าคนตรงหน้าใช่พี่ใหญ่ของพวกเขาหรือไม่ เพราะเขาไม่เหมือนเดิมโดยสิ้นเชิง คำพูดคำจาเช่นนี้ เขาพูดออกมาได้ด้วยหรือนี่
เจ้าใหญ่วางซาลาเปาลงแล้วก็จากไป เขารู้ว่าพวกเขาจะต้องกินมันแน่ๆ คนยากจนเช่นพวกเขา ซาลาเปาไส้หมูสับเช่นนี้เป็นสิ่งที่จะได้กินต่อเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน หรือไม่ก็ได้เงินมาเท่านั้น
“วันนี้พระอาทิตย์คงไม่ขึ้นทางตะวันตกหรอกกระมัง ข้าหูฝาดไปใช่หรือไม่” จางซื่อถามเจ้ารอง
เจ้ารองยิ้มว่า “ช่างเขาเถอะ กินดีกว่า” เขาคว้าซาลาเปาขึ้นมาสองลูก ลูกหนึ่งส่งให้ฟู่กุ้ย ส่วนตนเองก็กัดซาลาเปาไปคำหนึ่ง
“อืม หอม หอมยิ่งนัก พวกเราไม่ได้กินซาลาเปาไส้หมูสับเช่นนี้มานานเท่าไรแล้วนะ“ เจ้ารองพูดทั้งๆ ที่มีของกินอยู่เต็มปาก
จางซื่อเองก็หยิบซาลาเปาขึ้นมากัดคำหนึ่ง “มีแต่สวรรค์เท่านั้นแหละที่รู้ว่านานเท่าไรแล้ว แต่ข้ารู้สึกว่าผ่านมานานแล้วจริงๆ”
……….
ตอนที่ 586 ยาเบื่อหนู
เจ้าใหญ่อยู่ข้างนอกประตูห้อง ได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขา มุมปากพลันยกยิ้มอำมหิต
เขาเดินเข้าไปในห้องโถง แล้วขยิบตาให้หลิวซื่อครั้งหนึ่ง จากนั้นหลิวซื่อก็จูงไป๋เจินจูเข้ามาในเรือน
“ป้าสะใภ้ ท่านอยากให้ข้าสนเข็มให้ไม่ใช่หรือ เข็มอยู่ที่ไหนเล่า” ไป๋เจินจูถาม
หลิวซื่อจูงมือไป๋เจินจู ดวงตาจ้องเขม็งไปที่เด็กสาวท่าเดียว ถามว่า “เจินจู ป้าสะใภ้รู้ว่าเจ้าอยากไปเมืองหลวง ไปเป็นคุณหนูในตระกูลใหญ่”
ไป๋เจินจูยิ้มขื่น “อยากไปแล้วอย่างไร เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นนี้ ท่านจะพูดขึ้นมาให้ได้อะไรอีก”
ทว่าหลิวซื่อกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียหน่อย ตรงหน้ายังมีอีกหนทางหนึ่ง ไม่ใช่สิ ควรจะเรียกว่าเป็นหนทางเดียว”
ไป๋เจินจูไม่เข้าใจ นางเบิกตาโพลงมองหลิวซื่อ “ท่านพูดให้ชัดเจนหน่อยได้หรือไม่”
“เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน ขอเพียงเจ้าบอกข้าเท่านั้น ว่าเจ้ายังอยากไปเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่เมืองหลวงอยู่หรือไม่” หลิวซื่อถาม
“แน่นอน แน่นอนว่าข้าอยากไป” ไป๋เจินจูตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
หลิวซื่อยิ้มพอใจ “ตอนนี้เจ้าไปเก็บของที่เรือนเถอะ ไม่สิ ไม่ต้องเก็บอะไรทั้งนั้น ข้าวของในอดีตเหล่านั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะหลังจากนี้พวกเราจะมีสิ่งที่ดีกว่าแล้ว”
ไป๋เจินจูก็ยังคงไม่เข้าใจ “แต่แม่ของข้าบอกแล้ว นางไม่ให้ข้าไป ป้าสะใภ้ใหญ่ ตอนนี้ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ขาอยู่ที่ตัวเจ้า แม่เจ้าไม่ให้เจ้าไป เจ้าก็จะไม่ไปจริงๆ น่ะหรือ” หลิวซื่อเอ่ยถาม
“ข้าขอบอกเจ้าตามตรงนะ พวกข้าตกลงกับใต้เท้าเผยไว้แล้ว ว่าจะไปพบกันที่ประตูเมืองชิงหยวนเมื่อยามเซิน วันนี้เขาจะพาพวกเราไปเมืองหลวง”
ดวงหน้าของไป๋เจินจูพลันปรากฏความปีติ ก่อนที่นางจะคิดได้ว่าพวกเราที่ป้าสะใภ้ใหญ่กล่าวถึงนี้ รวมพ่อแม่ของนางแล้วใช่หรือไม่
“แล้วท่านพ่อ ท่านแม่ของข้าเล่า หากพวกเขาไม่ยินยอม…”
หลิวซื่อตัดบทเด็กสาวทันควัน “พวกเราที่ข้ากล่าวถึง ไม่มีพ่อแม่ของเจ้ารวมอยู่ด้วย พ่อแม่ของเจ้าไม่ไป มีเพียงแค่เจ้าและพวกข้าเท่านั้นที่ไป”
รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋เจินจูจางหายไปในทันใด “ป้าสะใภ้ แท้จริงแล้วท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่ เหตุใดท่านพ่อและท่านแม่ของข้าถึงไม่ไปด้วย”
หลิวซื่อยื่นนิ้วไปจิ้มหน้าผากของเด็กสาวอย่างแรง ก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เด็กโง่ พ่อกับแม่ของเจ้าไม่ยินดีจะไป หากให้พวกเขารู้ เจ้าจะยังไปได้อีกหรือ อีกเดี๋ยวพวกเราก็ไปด้วยกัน ไม่ต้องให้พวกเขารู้”
ไป๋เจินจูมุ่นคิ้ว “เป็นไปได้อย่างไร ข้าเป็นคนเป็นๆ ตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ หากจู่ๆ หายตัวไป ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าก็ต้องรู้สิ”
“เจ้าวางใจเถอะ ในซาลาเปาที่เพิ่งให้พ่อแม่ของเจ้าเมื่อครู่นี้ ข้าใส่ยาลงไปด้วยเล็กน้อย พวกเขากินเข้าไปแล้วจะหลับเป็นตาย เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราก็เดินทางไปไกลแล้ว ถึงพวกเขาจะอยากตามตัวเจ้า ก็ย่อมตามไม่ทันแล้วเช่นกัน เมื่อเจ้าไปถึงเมืองหลวง สิ่งที่เจ้าปรารถนาก็จะเป็นความจริง และถึงแม้ต่อไปพวกเขาจะไปที่เมืองหลวง พลิกแผ่นดินหาพวกเราอย่างไรก็ไม่มีทางได้เบาะแสแน่” หลิวซื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย
ความคิดนี้ฟังดูแล้วไม่เลว ทว่าไป๋เจินจูกลับรู้ว่ามีอะไรแปลกๆ รอยยิ้มของหลิวซื่อก็ประหลาดนัก คำพูดของนางมีช่องโหว่บางอย่างเช่นกัน ทว่านางก็ยังคงพยักหน้า เพราะนางไม่คิดสนใจเรื่องอื่นอีกต่อไป ตอนนี้นางเพียงต้องการสลัดคราบเด็กสาวชาวบ้าน หลีกลี้จากหมู่บ้านในเขาที่ซอมซ่อ และมีชีวิตที่เป็นของนางเองเสียที
หลิวซื่อให้เจินจูรออยู่ที่เรือนของนางก่อน ส่วนตัวนางเองเดินออกไป เจ้าใหญ่ยังคงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องของเจ้ารอง หลังจากได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวดังออกมาจากข้างใน เขาก็รีบจับลูกบิดประตูไว้ ไม่ให้คนข้างในออกมา ผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เสียงข้างในนั้นก็เงียบลง เขาถึงจะเปิดประตูเข้าไปตรวจสอบดู
ฝ่ายหลิวซื่อก็ตามเข้าไปเช่นกัน นางเห็นคนนอนอยู่บนพื้นในนั้นสามคน แม้จะยังไม่ตาย แต่ก็ลมหายใจรวยริน เลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากไม่ขาดสาย เหมือนกับหนูก่อนที่จะตายอย่างไรอย่างนั้น