ตอนที่ 577 เปลี่ยนเป็นคู่
ที่เฉินไท่เหรินพูดก็มีเหตุผล หากตอนนี้ไม่จัดการเรื่องนี้อย่างดี วันหน้านางเด็กน่าตายผู้นี้ต้องพูดอะไรต่อหน้าเมิ่งหนานแน่ ต่อไปเขาไปเมืองหลวงแล้ว จะยังผูกสัมพันธ์กับสกุลเมิ่งได้อย่างไร
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว กู้เฟิงคังก็ปั้นหน้าเคร่ง กล่าวกับผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังว่า “เด็กๆ จับตัวนายท่านเฉียนและฮูหยินเฉียนไว้ นำไปขังในคุกทั้งหมด”
กู้ผิงฮุ่ยพลันหน้าซีดเผือด ก่อนจะเอ่ยด้วยความตกใจ “เฟิงคัง เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าจะจับข้าหรือ ข้าเป็นพี่สาวของเจ้านะ!”
กู้เฟิงคังไม่มองนาง เขาเชิดหน้า “แม่นางไป๋พูดถูกต้อง องค์ชายทำผิดกฎหมายก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับประชาชน นี่เป็นกฎหมายของแคว้นฉู่ หากวันนี้ข้าปล่อยท่านไป ข้าจะมีหน้าไปพบชาวบ้านเมืองชิงหยวน มีหน้าไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ได้อย่างไร”
“ฮ่องเต้ฝากฝังชาวบ้านไว้ในกำมือข้า นั่นถือว่าพระองค์มั่นใจในตัวข้า ข้าไม่มีทางทำให้ฝ่าบาทผิดหวังเป็นอันขาด ยิ่งไม่อาจทำลายความหวังอันสูงส่งของพวกชาวบ้านด้วย”
คำพูดนี้ ไป๋จื่อได้ยินแล้วก็แทบจะร้องขึ้นมาว่าดีเยี่ยมอย่างอดไม่ได้ แต่น่าเสียดายที่นางเคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขาแล้ว จึงซาบซึ้งกับคำพูดของเขาไม่ลงจริงๆ
“พาตัวไป!”
กู้ผิงฮุ่ยและเฉียนจงหยวนถูกมัดสองมือและพาตัวไป เหมือนกับตอนที่ไป๋จื่อมาที่นี่ไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแค่เปลี่ยนเป็นคนคู่หนึ่งเท่านั้น
ไป๋จื่อยิ้มว่า “ใต้เท้ากู้ช่างเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้ของเมืองมนุษย์ มีศีลธรรมจรรยา ไป๋จื่อนับถือยิ่ง”
กู้เฟิงคังยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ในใจทั้งเกลียดทั้งชัง แต่กลับต้องยิ้มกลบเกลื่อนทำเป็นว่ายินดียิ่ง
ไป๋จื่อกล่าวอีกว่า “วันนี้ข้านับว่าผูกความแค้นกับเถ้าแก่เฉียนและฮูหยินเฉียนแล้ว ก่อนหน้านี้เถ้าแก่เฉียนจะเอาชีวิตข้าเพราะเรื่องเล็กน้อย วันนี้มีเรื่องนี้อีก ข้าก็ไม่รู้หมือนกันว่าเขาจะแก้แค้นข้าอย่างไร ข้าขอคิดในแง่ร้ายไว้ก่อน หากข้าพบเจอเรื่องลอบสังหารอีก ข้าคงต้องสงสัยเถ้าแก่เฉียนอย่างช่วยไม่ได้ ข้าพูดเช่นนี้ ใต้เท้ากู้เข้าใจหรือไม่”
สีหน้าของกู้เฟิงคังยิ่งไม่น่ามอง รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งค้าง แทบจะขยับไม่ได้อยู่แล้ว
“ข้าเข้าใจ แน่นอนว่าต้องเข้าใจได้!”
…
สกุลไป๋
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่เจ้ารองตัดสินใจไม่ยอมเสียเปรียบบ้านใหญ่อีก ก็ผ่านมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว บ้านใหญ่มีชีวิตอย่างยากลำบาก ทว่าก็ยังโชคดีอยู่บ้าง หนึ่งวันได้กินข้าวหนึ่งมื้อ แถมยังเป็นข้าวที่แย่งมาจากหม้อของเจ้ารองอีกต่างหาก ทว่าวันคืนเช่นนี้ลดน้อยลงเรื่อยๆ เพราะบ้านรองเองก็ขัดสน จึงแทบจะไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ทำเช่นนั้นแล้ว
แต่ถ้าหากว่ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็คงจะต้องอดตายกันทั้งสกุลไป๋แล้ว
ดังนั้น เจ้าใหญ่จึงนึกถึงข้าวที่ช่วงก่อนบ้านแม่ของหลิวซื่อมายืมไป บัดนี้ผ่านไปหลายวันมากแล้ว ทว่าก็ยังไม่เห็นนำมาคืน เขารู้ว่าบ้านแม่ของหลิวซื่อจะต้องบิดพลิ้วแน่ ถ้าหากเป็นเมื่อก่อนก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่มีข้าวกินแล้วเช่นกัน แล้วไยต้องให้คนสกุลหลิวมาเอาเปรียบด้วย
เจ้าใหญ่มาถึงสกุลหลิวด้วยความโกรธเกรี้ยว บังคับให้พวกเขาคืนข้าว
ทว่าไหนเลยพวกเขามีข้าวคืนเขา ที่กำลังต้มอยู่ในหม้อตอนนี้ก็เป็นเพียงเปลือกไม้ อาศัยกินเปลือกไม้ประทังชีวิต
เจ้าใหญ่ไม่ยอม เขาวิวาทกับสกุลหลิวอยู่พักหนึ่ง ต่อมาเห็นหญิงชราของสกุลหลิวประดับปิ่นทองเหลืองไว้บนศีรษะ ดูแล้วน่าจะเป็นเงินของดีมีราคา จึงคว้ามือไปหมายจะแย่ง ถือเป็นการชดเชยข้าวที่ยืมไป
หญิงชราสกุลหลิวล้มลงบนพื้นลุกไม่ขึ้น ทว่าเจ้าใหญ่ไม่สนใจนาง แย่งมาไว้ในมือได้แล้วก็จากไปทันที
เขานำปิ่นไปจำนำในเมืองทันที เป็นโรงจำนำเดียวกับที่นำพู่หยกมาจำนำครั้งก่อน ขณะนี้มีคนอยู่ที่นี่เยอะมาก ต่างก็เรียงแถวรอคอย เขาจึงไปยืนอยู่ในมุมที่ไม่เตะตา
หลังจากพนักงานร้านสองคนส่งลูกค้าคนหนึ่งออกไปแล้ว พวกเขาก็เข้ามาใกล้เจ้าใหญ่ แล้วเริ่มสนทนากันขึ้นมา
……….
ตอนที่ 578 ไต่เต้าไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้น
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าครั้งก่อนใต้เท้าเหอส่งคนมาถามเรื่องใด”
“รู้สิ ไม่ใช่เพราะพู่หยกชิ้นหนึ่งหรือ เจ้าของร้านตรวจสอบบัญชีต่อหน้าข้า พู่หยกชิ้นนั้นเป็นของพี่น้องสองคนจากหมู่บ้านหวงถัวนำมา ตอนนั้นจำนำไปได้ยี่สิบตำลึงเงิน เรื่องนี้ข้าจำได้ชัดแจ้ง”
“ได้ยินมาว่าที่มาของพู่หยกชิ้นนั้นไม่ธรรมดาเลยนี่!”
“ก็ใช่น่ะสิ แม้แต่ใต้เท้าเหอยังมาถามไถ่ด้วยตนเอง มันจะมีที่มาธรรมดาได้อย่างไร ข้าได้ยินมาว่าคนสูงศักดิ์ในเมืองหลวงกำลังสืบเรื่องนี้อยู่”
“หรือบ้านไหนทำลูกหาย และพู่หยกนี้ก็เป็นสิ่งของที่จะช่วยตามเด็กคนนั้นกลับมาได้พอดี”
“เฮ้อ…เจ้าเดาถูกต้องแล้ว พู่หยกชิ้นนี้เป็นของแทนตัว แม้ใต้เท้าเหอจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่ดูจากท่าทีร้อนใจของเขาแล้ว แปดเก้าส่วนต้องเป็นเช่นนั้นแน่”
“แล้วสรุปว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร”
“สรุปอะไรกัน วันนี้ข้าได้ยินข่ายแต่เช้า สองวันนี้จะมีคนจากเมืองหลวงมา เพราะต้องการตรวจสอบทุกอย่างให้ละเอียดที่สุด”
“นี่ เหตุใดข้าไม่มีโอกาสดีเช่นนี้บ้าง หากพู่หยกนี้อยู่ในมือข้า ข้าจะนำไปใช้สำหรับแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ไต่เต้าไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้น ช่างน่าเสียดายนัก!”
“เจ้าคิดอะไรเพ้อเจ้อ อย่างเจ้าจะไต่เต้าไปยังตำแหน่งที่สูงกว่านี้ได้อีกหรือ ฝันไปเถอะ!”
แม้เสียงสนทนาของทั้งสองคนจะเบาทีเดียว ทว่าเจ้าใหญ่ที่หลบมุมอยู่กลับได้ยินชัดแจ้ง เขาตกใจจนอ้าปากค้างอยู่นาน เมื่อพนักงานสองคนนั้นไปแล้ว เขาก็หมุนกายวิ่งออกจากโรงรับจำนำ กลับไปยังสกุลไป๋ทันที
ครั้นเพิ่งกลับถึงสกุลไป๋ เขาเห็นว่ามีคนยืนอยู่ในลานบ้านสองคน เป็นพี่น้องของสกุลหลิว พวกเขากำลังพูดอะไรบางอย่างกับหลิวซื่อ ฝ่ายหลิวซื่อก้มหน้าลง ไม่พูดไม่จา ทันทีที่นางเห็นเจ้าใหญ่ปรี่เข้ามา นางก็รีบถามเขาว่า “สามีข้า เจ้าไปแย่งปิ่นจากแม่ข้าที่สกุลหลิวจริงหรือ”
ตอนนี้เจ้าใหญ่ไม่มีกะใจจะถกเถียงกับพวกเขาเรื่องนี้ เขารีบหยิบปิ่นออกมาจากในอกเสื้อ โยนลงตรงหน้าพี่สองสกุลหลิว “นำไปเถอะ แล้วรีบไปเสีย ต่อไปอย่าได้มาที่นี่อีก พวกข้าสกุลไป๋ไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติกับพวกเจ้าแล้ว”
พี่น้องสกุลหลิวพลันมีสีหน้าปีติ ที่จริงพวกเขาหมดหวังกับปิ่นชิ้นนี้แล้ว ทว่าเป็นตายอย่างไรมารดาของพวกเขาก็ไม่ยอม ดีเหมือนกัน ในที่สุดก็ได้กลับคืนมาแล้ว
หลังจากสองพี่น้องสกุลหลิวจากไป หลิวซื่อก็ยังคงมีสีหน้าลำบากใจทีเดียว มีบ้านแม่เช่นนี้ทำให้นางจนใจยิ่งนัก สามีของนางยังทำกับพวกเขาเช่นนี้ต่อหน้านางอีก ทว่าต่อให้นางไม่ชอบใจมากเพียงใด แล้วนางยังจะพูดอะไรได้อีก
ใครใช้ให้บ้านแม่ของนางไม่ให้เกียรตินางกันเล่า
เจ้าใหญ่พาตัวหลิวซื่อเข้าไปในเรือน ตรงเข้าไปในห้องของพวกเขาเอง แล้วปิดประตูลงกลอนจากข้างใน
“เจ้าจะทำอะไร” หลิวซื่อถาม
เขาดึงหลิวซื่อให้นั่งลง ก่อนจะถามเสียงเบาว่า “พู่หยกในครั้งนั้น เจ้ายังจำได้หรือไม่”
“พู่หยกอะไร” หลิวซื่อถามกลับ
“ก็พู่หยกที่จำนำมาได้ยี่สิบตำลึงอย่างไรเล่า บนพู่หยกสลักพระสังกัจจายน์เอาไว้ด้วย เจ้ายังบอกเลยว่ามันเป็นสินเดิมจากบ้านแม่เจ้า”
หลิวซื่อนึกออกแล้ว นางรีบพยักหน้า “ข้าจำได้แล้ว มันทำไมหรือ”
เจ้าใหญ่เล่าเรื่องที่วันนี้ตนได้ยินมาจากโรงรับจำนำ ทำเอานางตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี “น่ะ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร พู่หยกนั่นเจอที่มุมโต๊ะ และโต๊ะนั่นก็เป็นสิ่งที่เจ้าสามนำกลับมา ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราเลยสักนิด”
ฝ่ายสามีมองตาขวางใส่นาง “เจ้าช่างโง่เขลานัก ไม่เข้าใจหรือไร”
แน่นอนว่าหลิวซื่อไม่เข้าใจ จึงมองเจ้าใหญ่ด้วยความงุนงง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้าไม่เข้าใจ”
“ข้าได้ยินมาอย่างชัดเจน พู่หยกนั่นเป็นของหมั้น ของสิ่งนี้มาจากพวกเรา พวกเขาจะต้องตามพวกเรามาที่นี่แน่ แม้แต่ใต้เท้าเหออะไรนั่นยังมาถามไถ่ด้วยตนเอง นั่นจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป เจ้าลองคิดดูสิ หากคนที่พวกเขาทำหายเป็นบุตรชาย พวกเราก็มีบุตรชายไม่ใช่หรือ”