คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา 567 บาดเจ็บ / 568 ต้นตอของโรค

ตอนที่ 567 บาดเจ็บ / ตอนที่ 568 ต้นตอของโรค

ตอนที่ 567 บาดเจ็บ

อาอู่กำลังจะพูด ทว่าหูเฟิงมองตาขวางใส่เขาทันที ชายหนุ่มถลึงตามองเขาจนต้องปิดปากเงียบไปโดยพลัน

“เช่นนั้นก็ใส่ยาเถอะ ลำบากเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยเรียบๆ

หมอเฉินใส่ยาเสร็จ ฝากฝังอยู่หลายคำก็ออกไป

อาอู่อัดอั้นอยู่นาน เขาหาโอกาสพูดมาโดยตลอด ตอนนี้จึงรีบถามว่า “ท่านอ๋อง ข้าไปรับอาจื่อมาดีหรือไม่ ให้นางรักษาแผลให้ท่าน”

หูเฟิงโบกมือโดยพลัน “อย่าเด็ดขาด ไปหานางไม่ได้เด็ดขาด จะให้คนอื่นรู้ว่าจื่อเอ๋อร์รู้จักกับพวกเราไม่ได้”

“เพราะเหตุใดกัน ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แม้แต่จดหมายท่านก็ไม่ส่งกลับไปสักฉบับ ตอนนี้ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ยอมให้นางมารักษาอีก ตอนนี้พวกเราได้อำนาจมาอยู่ในมืออีกครั้ง ยังมีเรื่องอะไรน่ากังวลอีกเล่าขอรับ” อาอู่ไม่เข้าใจ

“เรื่องนี้ซับซ้อนมากกว่าที่เจ้าคิดนัก ตอนนี้แม้ข้าจะมีอำนาจ แต่ก็จำกัดอยู่แค่ในค่ายทหารแห่งนี้ คนมากมายเป็นเส้นสายของเซียวอ๋อง พวกเขาอยู่ในที่ลับ เจ้าไม่รู้ว่าใครบ้างที่เป็นสายของเขา หากให้เขารู้ว่าอาจื่ออยู่ที่ใด เขาจะไม่ลงมือหรือ” หูเฟิงกล่าวตอบยืดยาว

อาอู่เข้าใจในทันที “หรือว่าที่ท่านอดทนไม่ยอมส่งจดหมายกลับไป ที่แท้เป็นเพราะกลัวเซียวอ๋องจะพบอาจื่อ”

หูเฟิงพูดต่ออีก “ครั้งนี้มีมือมืดยิงธนูออกมาจากฝั่งเรากะทันหัน เพื่อหลบธนูดอกนี้ ข้าจึงได้รับบาดเจ็บจากคมกระบี่”

อาอู่ตกใจมาก ทีแรกเขาคิดไม่ตกเลยด้วยซ้ำ เพราะวรยุทธ์ของท่านอ๋องสูงส่ง เหตุใดถึงได้รับบาดเจ็บกลับมาได้ ที่แท้มีคนเป็นไส้ศึกนี่เอง

“น่ารังเกียจนัก ข้าจะต้องหาตัวคนพวกนั้นมาให้ได้ แล้วแบ่งร่างของพวกเขาออกเป็นห้าส่วน”

หูเฟิงโบกมือ “อย่าเพิ่งกระโตกกระตากดีกว่า ในเมื่อรู้ว่ามีไส้ศึก เช่นนั้นก็ตามหาตัวพวกเขาออกมาอย่างลับๆ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น”

หลังจากตงฟางมู่รับตงฟางหว่านเอ๋อร์ออกมาจากจวนชางหยวนโหว เขาก็ไม่ได้รีบร้อนกลับเขาฉีอวิ๋น แต่พักอยู่ในเรือนพักในเมืองหลวงก่อน เพื่อรอฟังข่าวของพู่หยก

เขาไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับหว่านเอ๋อร์ ด้วยกลัวว่าหากนางมีความหวังขึ้นมา แล้วจะต้องผิดหวังอีกครั้ง แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปจะเป็นการดีกว่า

ตงฟางหว่านเอ๋อร์นั่งอาบแดดอยู่ในลานบ้าน เห็นผู้เป็นบิดาสวมใส่เสื้อผ้าที่ใช้สำหรับเข้าวังมาร่วมกินข้าวเช้ากับนาง นางจึงถามว่า “ท่านพ่อ ท่านจะเข้าวังหรือเจ้าคะ”

ตงฟางมู่พยักหน้า “อืม ฮ่องเต้มีธุระอยากคุยกับข้า”

“ท่านพ่อ ก่อนหน้านี้ท่านไม่ชอบเข้าวัง ไยช่วงนี้เข้าวังไปบ่อยนัก มีเรื่องอะไรกันหรือเจ้าคะ” ตงฟางหว่านเอ๋อร์สงสัยมาก แต่ก่อนบิดาของนางบอกชัดเจนว่าจะพานางกลับเขาฉีอวิ๋น ทว่าหลังจากรับนางออกมาจากจวนโหวแล้ว นางก็ได้แต่อยู่ที่นี่ตลอดเวลา อีกทั้งเขายังไม่พูดเรื่องกลับเขาฉีอวิ๋นอีก ทุกครั้งที่ถามเขาล้วนบ่ายเบี่ยง เห็นเขาเป็นเช่นนี้แล้ว นางก็รู้ว่าเขาต้องมีเรื่องปิดบังนางอยู่แน่

ตงฟางมู่วางถ้วยโจ๊กในมือลง มองซ้ายมองขวาก่อนจะกล่าว “วันนี้ผักเคียงรสชาติไม่เลวเลย สดชื่นดีนัก ข้าอยากกินอีกพรุ่งนี้ เอาละ ข้าไปก่อนดีกว่า หากทันเวลา ข้าจะกลับมากินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนเจ้า หากไม่ทัน เจ้าก็กินไปก่อนเลยนะ แต่พ่อรับปากว่าจะกลับมาทันมื้อเย็นแน่นอน”

“ท่านพ่อ…” นางเรียกเขา แต่เขากลับทำเหมือนไม่ได้ยิน รีบร้อนออกไปทันที

บิดาของนางไม่เคยพูดปด ดังนั้นเมื่อถึงคราวที่ไม่อยากพูดหรือพูดไม่ได้ เขาจะหลบเลี่ยงตอบคำถาม และนั่นทำให้นางสงสัยมากยิ่งขึ้น

ตอนนี้เขาเกษียณราชการมาหลายปี จึงไม่ถามไถ่เรื่องในราชสำนักมานานแล้ว เหตุใดหลายวันนี้เขาเข้าวังบ่อยนัก ต่อให้เขามีความสัมพันธ์อันดีกับฮ่องเต้อย่างไร ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปสนทนากันทุกวันกระมัง

นางถามสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ “ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีข่าวคราวอะไรบ้างหรือ”

สาวใช้ไม่รู้ว่านางอยากฟังเรื่องอะไร จึงถามไปว่า “มีข่าวมากมายเลยเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าฮูหยินอยากรู้เรื่องใด”

……….

ตอนที่ 568 ต้นตอของโรค

ตงฟางหว่านเอ๋อร์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มขื่น “ข้าไม่ได้ออกไปข้างนอกมานาน โลกภายนอกคล้ายกับตัดขาดออกจากข้าโดยสิ้นเชิง ข้าแม้กระทั่งไม่รู้ว่าตนเองอยากรู้อะไรด้วยซ้ำ”

นางทิ้งร่างกายอันอ่อนแอลงในเก้าอี้ ก่อนจะเงยหน้ามองเมฆสีขาวเต็มท้องฟ้า เห็นมวลปักษาบินผ่านไป ในใจพลันเบิกบานขึ้นมาบ้าง แค่มีลมพัดผ่านยามที่นางมองท้องฟ้า มีความสุขกับอิสระในชีวิต เพียงเท่านี้ก็ดีเหลือเกินแล้ว

“ฮูหยิน ท่านยังอยากฟังอยู่หรือไม่” สาวใช้ถาม

ตงฟางหว่านเอ๋อร์ตื่นจากภวังค์ นางยิ้มจางๆ “พูดมาเถอะ เจ้าอยากเล่าเรื่องใดก็เล่ามา” ในเมื่อไม่รู้ว่าตนเองอยากฟังอะไร เช่นนั้นก็ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายอยากเล่าก็แล้วกัน

ชุ่ยเอ๋อร์ตอบรับเสียงหนึ่ง เรื่องแรกที่ผุดเข้ามาในหัวคืองานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนม์ของไทเฮา “ฮูหยิน ข่าวที่มีคนพูดถึงมากที่สุดช่วงนี้ ก็คืองานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนม์ของไทเฮาเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่างานในครั้งนี้ฮองเฮาเป็นคนจัดให้เองเลยนะเจ้าคะ”

“ฮองเฮา? ฮ่องเต้แต่งตั้งฮองเฮาหรือ” ตงฟางหว่านเอ๋อร์ถาม นางไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องใหญ่เช่นนี้

ชุ่ยเอ๋อร์พยักหน้า “เมื่อหลายเดือนก่อนเจ้าค่ะ”

“แล้วฝ่าบาทแต่งตั้งใครหรือ” ตงฟางหว่านเอ๋อร์ถาม

“เป็นพระสนมฉุนเฟยเจ้าค่ะ บัดนี้ควรเรียกว่าฉุยฮองเฮาแล้ว” ชุ่ยเอ๋อร์ตอบความ

ตงฟางหว่านเอ๋อร์เข้าใจโดยพลัน “มารดาผู้ให้กำเนิดเซียวอ๋อง ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เฮ้อ…หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องกับจิ้นอ๋อง อย่างไรตำแหน่งนี้ก็ไม่มีทางตกถึงพระสนมฉุยเฟยแน่”

คราวนี้ชุ่ยเอ๋อร์ถึงนึกเรื่องของจิ้นอ๋องขึ้นได้ จึงรีบกล่าวอีกว่า “ฮูหยินยังไม่รู้แน่ๆ ว่าจิ้นอ๋องกลับมาแล้ว ตอนนี้เขากำลังรบกับศัตรูอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ได้ยินว่ามาได้รับชัยชนะติดต่อกันหลายครั้งเชียวเจ้าค่ะ”

ตงฟางหว่านเอ๋อร์พลันมีสีหน้ายินดี “จริงหรือ”

ชุ่ยเอ๋อร์พยักหน้า “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ คนทั้งเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องนี้ พูดกันให้ทั่วว่าท่านอ๋องเทพสงครามกลับมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวพวกกักขฬะแคว้นซีเยี่ยอีกต่อไป”

“กลับมาก็ดีแล้ว น่าเสียดายยิ่งนัก เขาเป็นคนดีเหลือเกิน แต่เด็กคนนั้นกลับอายุสั้น หากนางยังมีชีวิตอยู่ ผ่านไปอีกสองปีก็คงแต่งงานได้…” ตงฟางหว่านเอ๋อร์ทอดถอนใจ

ยิ่งพูดนางก็ยิ่งโศกเศร้า พาให้นางเกิดอาการไอขึ้นมา ไอเสียจนกระอักเลือดออกมาด้วย นี่ทำให้ชุ่ยเอ๋อร์ตกใจไม่น้อย จึงรีบให้พ่อบ้านตามหมอมา

ตอนนี้พวกเขาย้ายเข้าไปในคฤหาสน์สกุลตงฟางแล้ว หมอหลวงไม่รู้เรื่องนี้ คราวนี้จึงทำได้แค่ไปตามหมอจากข้างนอกแล้ว

ชุ่ยเอ๋อร์และสาวใช้อีกสองคนนำหมอกลับมาที่เรือน เมื่อหมอมาถึง ตงฟางหว่านเอ๋อร์ก็หลับไปแล้ว

หมอจับชีพจรให้นาง ยิ่งตรวจโรคก็ยิ่งสงสัย

“ท่านหมอ ฮูหยินเพิ่งกระอักเลือดออกมา นางจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” ชุ่ยเอ๋อร์ถาม

ทว่าหมอกลับส่ายหน้า “กระอักเลือดแล้วจะยังไม่เป็นอะไรได้อย่างไร ชีพจรของนางอ่อนมาก แต่ข้าตรวจไม่พบอาการอะไรเลย มีเพียงความอ่อนแอเท่านั้น นี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย จะอ่อนแอโดยที่ไม่มีสาเหตุได้อย่างไรกัน ไม่ว่าจะเป็นความอ่อนแอใด ก็ล้วนต้องมีต้นตอเท่านั้นถึงจะถูกต้อง”

ชุ่ยเอ๋อร์ไม่เข้าใจ จึงรีบถามทันที “ท่านหมอ ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกข้าฟังไม่เข้าใจ ท่านรีบเขียนใบสั่งยาให้ฮูหยินเถอะเจ้าค่ะ”

หมอส่ายหน้าอีกครั้ง “ร่างกายของนางเป็นเช่นนี้ ยาบำรุงร่างกายที่กินเป็นปกติไม่มีประโยชน์แล้ว ต้องหาต้นตอให้พบ เมื่อพบต้นตอแล้ว คราวนี้ถึงจะเขียนใบสั่งยาให้ถูกกับโรคได้ ขอโทษด้วยจริงๆ ข้าไม่แตกฉานในวิชาแพทย์ เกรงว่าจะช่วยฮูหยินไม่ได้”

หลังจากนั้นหมอก็กลับไปโดยไม่เขียนใบสั่งยา ไม่แม้กระทั่งเก็บเงินค่ารักษา

ชุ่ยเอ๋อร์ไม่เข้าใจ หมอคนนี้เหตุใดแปลกพิกลเช่นนี้ หมอที่ก่อนหน้านี้มาตรวจอาการให้ฮูหยินในจวน รวมถึงหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงเหล่านั้น ทุกคนต่างก็เขียนใบสั่งยาให้ และไม่เห็นพูดเรื่องต้นตออะไรนี่เลย!

วังฉู่ ห้องทรงอักษร

ทันทีที่ตงฟางมู่เข้าไปในห้องทรงอักษร เขาก็เอ่ยถามฮ่องเต้ที่กำลังอ่านฎีกาจากขุนนาง “มีข่าวคราวแล้วหรือ พบความเป็นมาของพู่หยกนั่นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

Score 10
Status: Completed

จู่ๆ แพทย์หญิงยอดฝีมือจากยุคปัจจุบัน ดันตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวชาวบ้านยุคโบราณที่ถูกย่าและป้าสะใภ้ตีจนตายทั้งเป็น

ครั้นรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกโขกสับไม่ต่างกับสาวใช้ในบ้าน ทั้งยังจะถูกจับขายแลกเงินให้แต่งกับบุรุษอายุคราวพ่อ

แต่ไป๋จื่อคนใหม่นี้จะไม่ปล่อยให้พวกนางใช้งานข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้ว

ให้ตายอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านที่เหมือนกับขุมนรกแห่งนี้ไปให้ได้ จึงตัดสินใจสร้างอุบายทำให้ตนเองเสียชื่อ

เพื่อแยกบ้านกับเหล่าคนสกุลไป๋ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพื่อให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อ

หญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศในยุคปัจจุบันต้องถกแขนเสื้อทำไร่ทำนา ใช้วิชาแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนไข้

และจัดการกับเหล่าคนในหมู่บ้านที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบนางด้วย

แต่ขณะเดียวกัน… ก็ต้องรักษาโรคความจำเสื่อมให้ชายหนุ่มกล้ามโตขี้น้อยใจอีก!

เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงชีพให้ตนและท่านแม่มีชีวิตที่ดี

แต่ความหวังพรรค์นั้นน่าจะไม่มีทางเป็นจริงได้ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาเสียเลย!

Options

not work with dark mode
Reset