ตอนที่ 529 ตุ๊กตาผ้าทำมือ
ตอนนั้นนางยังเด็ก แย่งเด็กโตไม่ได้ ตุ๊กตาทำมือจึงไม่ตกมาถึงมือนาง คุณน้าคนนั้นแอบซ่อนผ้าเอาไว้เล็กน้อย เมื่อเด็กโตไปเล่นกันหมดแล้ว คราวนี้ถึงจะพาพวกนางเด็กเล็กไปหลบมุมทำตุ๊กตา นางมองคุณน้าวาดรูปแบบลงบนผ้า ก่อนจะค่อยๆ เย็บขึ้นมาทีละเข็ม แล้วยัดนุ่นเข้าในนั้นก้อนหนึ่ง ก่อนจะเย็บปากให้มันด้วย จากนั้นค่อยใช้ปากกาวาดจมูกและปาก เท่านี้ตุ๊กตาผ้าตัวเล็กที่เรียบง่ายก็เสร็จแล้ว
แม้จะประณีตและสวยงามได้ไม่เท่าตุ๊กตาผ้าที่ขายอยู่ในห้างสรรพสินค้า แต่สำหรับเด็กอย่างพวกนางแล้ว มันกลับมีค่าควรมองอย่างยิ่ง พวกนางกอดมันนอนหลับไปในทุกวัน ราวกับว่าขอเพียงกอดตุ๊กตานี้แล้ว พวกนางจะได้ครอบครองความรักที่แท้จริง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ตุ๊กตาตัวนั้นก็ยังคงอยู่ นางใช้มันย้ำเตือนตนเองอยู่เสมอ ว่าต้องใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี ช่วยเหลือเด็กอย่างนางให้ได้มากหน่อย ให้พวกเขาลำบากน้อยลงกว่านี้ และมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม
“เจ้าเป็นอะไรไป” อาอู่เห็นนางเหม่อมองพร้อมกับขอบตาแดง จึงตกใจจนสะดุ้งตัวโยน
ไป๋จื่อดึงสติกลับมา แล้วปีนขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่ว “ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ กลับกันเถอะ”
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว นางก็เรียกจ้าวซู่เอ๋อมาที่ห้องตนเอง เพราะจ้าวซู่เอ๋อมีฝีมือการเย็บปักที่ยอดเยี่ยม นางจึงให้อีกฝ่ายช่วยเย็บตา จมูก และปากบนผ้า ส่วนตัวนางใช้ไหมพรมถักเป็นเปียเล็กๆ ก่อนจะให้จ้าวซู่เอ๋อเย็บมันติดบนผมของตุ๊กตา นอกร่างอวบของมันสวมชุดกระโปรงตัวเล็ก บนนั้นปักลายผลไม้น่ารักไว้จำนวนหนึ่งด้วย
ไป๋จื่อถือตุ๊กตาที่ทำเสร็จแล้ว พลางกล่าวชมว่า “แม้จะทำมือเช่นนี้ แต่เกรงว่าถึงจะเป็นแผนกของเล่นที่แพงที่สุดในห้าง ก็หาซื้อตุ๊กตาที่ประณีตขนานี้ไม่ได้”
จ้าวซู่เอ๋อเก็บด้ายและผ้า ยิ้มถามว่า “อะไรคือแผนกของเล่นหรือ”
คำถามนี้ของจ้าวซู่เอ๋อ กลับทำให้ไป๋จื่อเกิดความคิดดีๆ บางอย่าง “พี่สะใภ้ ท่านว่าตุ๊กตานี้สวยหรือไม่”
“แน่นอนว่าสวย คงจะมีแต่เจ้านี่แหละถึงเกิดความคิดเช่นนี้ได้ ข้าไม่เคยเห็นตุ๊กตาผ้าที่สวยขนานี้มาก่อนเลย” จ้าวซู่เอ๋อยิ้ม
“พวกเราเปิดร้านในเมือง ขายแต่ตุ๊กตาผ้าเช่นนี้ เมื่อถึงตอนนั้นก็จ้างคนเก่งงานเย็บปักในหมู่บ้านของพวกเราช่วยงาน วางขายตุ๊กตานี้ในตู้ จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่เจ้าค่ะ”
นางจะรับผิดชอบออกแบบตุ๊กตาโดยเฉพาะ ตอนนี้นางมีรูปแบบตุ๊กตาผ้าอยู่ในหัวเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็มีทั้งนั้น นางอยากจะลงมือทำเสียตอนนี้เลย
จ้าวซู่เอ๋อได้ฟังแล้วก็ตาเป็นประกาย “ความคิดนี้ไม่เลวแล้ว แต่จะเปิดร้านในเมืองต้องใช้เงินไม่น้อยไม่ใช่หรือ”
ไป๋จื่อโบกมือ “พวกเราไม่ต้องซื้อร้านหรอกเจ้าค่ะ แค่เช่าร้านทำขายไปก่อน ดูว่ากิจการเป็นอย่างไรค่อยตัดสินใจเรื่องราวหลังจากนั้น” นางคิดคำนวณอยู่ในใจ ถึงตอนนั้นนางจะเช่าสองร้าน อยู่ใกล้กันดีที่สุด ร้านหนึ่งขายตุ๊กตาผ้า ส่วนอีกร้านหนึ่งขายยาลูกกลอน ดูท่าวันคืนแห่งความร่ำรวยรออยู่ข้างหน้าแล้ว!
“ควรจะกินข้าวแล้ว พวกเจ้าสองคนซ่อนตัวทำอะไรกันอยู่ในห้อง” อาอู่เรียกพวกนางจากข้างนอก
“เดี๋ยวจะตามไปเจ้าค่ะ ท่านไปก่อนเถอะ” ไป๋จื่อไล่อาอู่ไป นางคุยเรื่องเปิดร้านกับจ้าวซู่เอ๋ออีกครู่หนึ่ง ทั้งสองคนเบิกบานใจมาก เมื่อตกลงกันเสร็จสรรพก็พากันลงไปชั้นล่างพร้อมกัน
หรูเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างๆ อาอู่ ดูท่าทางเหม่อลอยไม่มีชีวิตชีวา ไป๋จื่อจึงยิ้มถามว่า “หรูเอ๋อร์ อารมณ์ไม่ดีหรือ”
เด็กหญิงทำปากจู๋ “ผู้ใหญ่อย่างพวกท่านพูดไม่เป็นคำพูด ตกลงกับข้าว่าวันนี้จะนำของขวัญมาให้ข้า ข้ารอมาทั้งวันแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรสักอย่างเลย” นางยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ ขอบตาแดงก่ำขึ้นมาแล้ว
ไป๋จื่อเดินไปข้างหน้านาง ให้นางหลับตาก่อน ครั้นลืมตาขึ้นอีกครั้ง ตรงหน้าของนางก็มีตุ๊กตาสวยน่ารักตัวหนึ่ง ทำเอานางดีใจจนกอดตุ๊กตาพลางกระโดดโลดเต้นอยู่ในโถงหลายรอบ
อาอู่ยิ้มว่า “อาจื่อ เจ้าอย่าตามใจนางจนเสียคนล่ะ”
……….
ตอนที่ 530 เปิดร้าน
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ตามใจนางเจ้าค่ะ นี่เป็นสิ่งที่นางควรได้รับ ข้ารับปากนางไว้แล้ว แม้แต่เด็กก็รู้ว่าผู้ใหญ่ต้องพูดให้เป็นคำพูด แล้วข้าจะทำให้นางผิดหวังได้อย่างไรกัน”
จ้าวหลานเห็นตุ๊กตาผ้าตัวนั้นแล้วก็รู้สึกชอบใจมาก “ตุ๊กตาผ้าตัวนี้สวยจริงๆ เลยนะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือของซู่เอ๋อ”
“ข้าเป็นคนเย็บปักเองเจ้าค่ะ แต่อาจื่อเป็นคนวาดรูปแบบมาให้ หากไม่มีรูปแบบที่นางวาด ข้าก็คงทำออกมาไม่ได้” ซู่เอ๋อว่า
ไป๋จื่อนั่งลงข้างๆ จ้าวหลาน ก่อนจะกล่าวกับทุกคน “เมื่อครู่ข้ากับพี่สะใภ้ปรึกษากันอยู่พักใหญ่ และพวกข้าคิดจะเปิดร้านสองร้านในเมือง ร้านหนึ่งขายตุ๊กตาผ้าเช่นนี้ ส่วนอีกร้านหนึ่งขายยาลูกกลอนที่ข้าหลอมเอง ทำเช่นนี้อนาคตของพวกเราจะต้องดียิ่งขึ้นแน่ พวกท่านคิดเห็นอย่างไรเจ้าคะ”
จ้าวหลานและหูจ่างหลินย่อมเห็นด้วย ขอเพียงเป็นเรื่องที่ไป๋จื่อต้องการทำ ก็ไม่มีเรื่องใดที่นางทำไม่ได้ พวกเขาไม่มีอะไรต้องกังวลใจอยู่แล้ว
อาอู่ก็ดีใจมากเช่นกัน เช่นนี้แล้วซู่เอ๋อก็จะได้ใช้ฝีมือของตนเองหาเงิน หากเขาไม่อยู่ก็จะได้วางใจลงได้มาก
ในเมื่อจิ้นอ๋องส่งโจวกังพาไป๋จื่อกลับมา นั่นเป็นเพราะทางนั้นจะเริ่มลงมือแล้ว ในฐานะที่เขาเป็นทหารรบ ยามการต่อสู้จะปะทุขึ้นก็ควรจะเข้าสู่สมรภูมิ ควรทำเรื่องที่ชายชาตรีควรทำ
เขาไม่กล้าพูดเรื่องเหล่านี้กับซู่เอ๋อ และไม่กล้าบอกไป๋จื่อเด็ดขาด เมื่อพูดไม่ได้เช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะเผชิญหน้ากับน้ำตาของภรรยาและบุตรสาวอย่างไร อีกทั้งกลัวตนเองจะใจอ่อนและลังเล
…
ไป๋จื่อเป็นคนที่ชอบลงมือทำงานมาแต่ไหนแต่ไร เมื่อคิดใคร่ครวญเรื่องที่จะทำดีแล้ว นางก็ลงมือทำในทันที
นางฝากฝังการหาร้านค้าให้เถ้าแก่เฉิน อีกฝ่ายเป็นที่รู้จักในเมืองชิงหยวน การจะเช่าร้านสักสองร้านเป็นเรื่องง่าย เขาจึงให้นางเลือกทำเลได้ตามใจชอบ
ร้านสือเค่อตั้งอยู่ในทำเลที่คึกคักที่สุดในเมืองชิงหยวน ที่นั่นมีประชากรอยู่มาก นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการทำการค้า แต่ค่าเช่าก็เป็นเงินมหาศาลด้วยเช่นกัน
“เดือนละห้าสิบตำลึงเงิน? เหตุใดแพงเช่นนี้” จ้าวหลานฟังแล้วก็ตกใจจนตัวโยน
“ท่านแม่ มีรายรับก็ต้องมีรายจ่าย ในเมื่อค่าเช่าแพงถึงห้าสิบตำลึง เช่นนั้นก็บ่งบอกว่าร้านค้าที่จะต้องเป็นร้านค้าขึ้นชื่อที่หาเงินมาได้อย่างง่ายดาย ข้าคิดว่าใช้ได้นะเจ้าคะ”
แม้จ้าวหลานจะรู้สึกเสียดาย แต่นางเชื่อมั่นในสายตาของบุตรสาวมากกว่า จื่อเอ๋อร์บอกว่าใช้ได้ เช่นนั้นก็ต้องใช้ได้อย่างแน่นอน
ไป๋จื่อจัดการเช่าร้านไปตามนั้น เถ้าแก่เฉินช่วยนางหาคนมาจัดวางข้าวของตามความต้องการของนางจำนวนหนึ่ง ทั้งสองร้านอยู่ติดกัน แต่กลับมีรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ร้านหนึ่งน่ารัก สดใส แฝงความเยาว์วัยเต็มเปี่ยม ส่วนอีกร้านดูเงียบขรึม หรูหรา และสง่างาม
กิจการของร้านสือเค่อดีวันดีคืน หลังจากวางขายอาหารเป็นยาแล้ว คนที่ได้กินไม่เพียงเอ่ยคำชม ยังบอกต่อไปอีกสิบคน สิบคนบอกต่อไปอีกร้อยคน จึงทำมาค้าขึ้นยิ่งกว่าตอนขายแตงดินก่อนหน้านี้เสียอีก อีกทั้งราคาอาหารเป็นยาแพงกว่าแตงดินถึงสิบเท่า กำไรที่เข้ามาจึงเทียบกับทองเป็นถังได้เลยทีเดียว
เถ้าแก่เฉินเป็นคนมีเหตุผล เมื่อได้เงินมากขนาดนั้นแล้ว เขาย่อมจ่ายเงินซื้อสมุนไพรของไป๋จื่อมากขึ้น จากทีแรกมัดละสิบตำลึงเงิน จนถึงตอนนี้ก็เป็นมัดละห้าสิบตำลึงแล้ว
สมุนไพรสดหนึ่งมัดนี้ พวกเขาทำเงินได้อย่างน้อยห้าร้อยตำลึงเงินเชียวละ
คนที่เข้าไปกินข้าวในร้านสือค่อต่างก็เป็นคนมีเงิน ร้านของเล่นและร้านยาลูกกลอนอยู่ข้างๆ ร้านสือเค่อ คนมีเงินเหล่านั้นเมื่อกินอาหารเป็นยาออกมา ก็จะได้เห็นร้านค้าสองร้านที่ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ขอเพียงพวกเขามีเวลาว่าง ก็จะลองเข้าไปดูสักหน่อย กิจการของร้านของเล่นจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนยาแก้เมาของร้านยาลูกกลอนก็ยิ่งขายดี มีคนไปซื้อยานี้ที่ร้านยาลูกกลอนของไป๋จื่อไม่น้อยแทบจะทุกวัน
กิจการของทั้งสองร้านดีวันดีคืน ทว่าทางชายแดนกลับมีข่าวเรื่องสงคราม อาอู่จึงนั่งไม่ติดที่อีก ถือโอกาสตอนที่ไป๋จื่อและจ้าวซู่เอ๋อไปเตินสินค้าที่ร้านในเมือง ลอบเก็บเสื้อผ้าหลายชิ้น ทั้งยังทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง และออกจากหมู่บ้านหวงถัวไปเช่นนั้น