ตอนที่ 525 กลับบ้าน
“ท่านเข้าใจถูกแล้วเจ้าค่ะ ต้นเฉียวเขียวนี้เน้นกินที่ลำต้น เพราะลำต้นของมันมีคุณสมบัติในการบำรุงเลือดลม เมื่อปอกเปลือกชั้นนอกออกไปแล้ว ลำต้นด้านในนั้นจะกรอบนุ่มอย่างมาก หากเติมน้ำมันงา คลุกเคล้ารวมกับเกลือและน้ำส้มสายชูเล็กน้อย ต่อให้เอาโสมมาแลกข้าก็ไม่ยอมเจ้าค่ะ”
จ้าวซู่เอ๋อเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็พลันรู้สึกดีใจ “เช่นนั้นพวกเรารีบกลับไปทำเถอะ วันนี้ข้าอยากจะลองชิมสักหน่อย ว่าต้นเฉียวเขียวที่โสมก็ยังสู้ไม่ได้นี้ แท้จริงแล้วจะดีเลิศเพียงใด”
ไป๋จื่อชี้ไปยังต้นไป๋ตู้ที่ยังไม่โตเต็มที่ ซึ่งปลูกอยู่ด้านในสุดของที่ดิน “หากมันโตเต็มที่แล้วจะทำเป็นอาหารเป็นยาได้ขนานใหญ่เลยเจ้าค่ะ พวกบุรุษในเมืองเหล่านั้น เกรงว่าจะต้องใช้จ่ายเงินกันอย่างบ้าคลั่งแน่”
“ต้นไป๋ตู้คืออะไรหรือ มีคุณสมบัติพิเศษอะไร” จ้าวซู่เอ๋อไม่เข้าใจ
เด็กสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าขออุบไว้ก่อนนะเจ้าคะ เมื่อมันโตเต็มที่แล้ว ข้าจะทำให้พวกเราลองกินดูก่อน ถึงตอนนั้นแล้วท่านย่อมเข้าใจความวิเศษของมันเองเจ้าค่ะ”
จ้าวซู่เอ๋อเป็นคนที่ประสบการณ์ แม้ไป๋จื่อจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ความหมายโดยนัยแจ่มแจ้งมาก นางได้ฟังแล้วก็หน้าแดงไปถึงใบหู มองตาขวางใส่ไป๋จื่อทัยที “อาจื่อ อย่าได้พูดวาจาเช่นนี้มั่วซั่วเชียว จะทำให้คนหัวเราะเยาะเจ้าเอา”
ไป๋จื่อร้องเชอะเสียงหนึ่ง ก่อนจะแค่นหัวเราะอีกเสียง “หัวเราะเยาะข้า? ข้าไป๋จื่อเป็นตัวตลกของพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าทำมาหากินอย่างสุจริต พูดอะไรตรงไปตรงมา มีอะไรน่าหัวร่อกันเชียว”
ตอนที่ทั้งสองคนกลับถึงบ้าน รถม้าไม่ได้อยู่ในลาน อาอู่และโจวกังก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงหูจ่างหลินที่เล่นสนุกอยู่กับหรูเอ๋อร์
ครั้นเห็นไป๋จื่อและจ้าวซู่เอ๋อกลับมา หูจ่างหลินก็รีบปรี่เข้ามาหา “จื่อยาโถว เจ้ากลับมาได้เสียที แม่ของเจ้าเป็นห่วงเจ้าจะตายอยู่แล้ว”
ไป๋จื่อยิ้มกล่าวว่า “ท่านลุงหู ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แค่ช่วยโถงสมุนไพรส่งยาไปที่ค่ายทหารเท่านั้น ข้าพบหมออาวุโสคนหนึ่งที่นั่น เขาเห็นข้าอยากศึกษาหาความรู้ จึงรั้งให้ข้าอยู่เสียหลายวัน และสอนวิชาแพทย์ให้ข้าจำนวนหนึ่งด้วย ข้าเองถือโอกาสไปหาหูเฟิงด้วยเช่นกัน เขาสบายดีมาก และยังฝากข้ามาบอกท่านว่าไม่ต้องเป็นห่วงเขา ขอเพียงเขาจัดการธุระในค่ายทหารเสร็จสิ้น เขาก็จะกลับมาเจ้าค่ะ”
หูจ่างหลินฟังแล้วก็ยิ้มไม่หุบ คนที่เขาเชื่อมั่นที่สุดเห็นทีจะมีแต่ไป๋จื่อและหูเฟิงนี่แหละ ไป๋จื่อบอกว่าหูเฟิงไม่เป็นอะไร เช่นนั้นบุตรชายของเขาก็ต้องไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอน อย่างไรเสียไปจื่อก็เป็นภรรยาในอนาคตของหูเฟิง
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ดียิ่งนัก!”
นางยิ้มพลางยกตะกร้าผักในมือขึ้นมา “ท่านลุงหู ข้าเก็บสมุนไพรสดมาเล็กน้อยเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวจะทำอาหารเป็นยาให้พวกท่าน”
หรูเอ๋อร์ดึงชายเสื้อของไป๋จื่อพลางเขย่าไปมา “พี่ไป๋ ของขวัญของข้าเล่า”
ไป๋จื่อชะงักงัน ของขวัญ นางพูดเมื่อไรว่าจะนำของขวัญมาให้หรูเอ๋อร์
จ้าวซู่เอ๋อรีบกล่าว “คืออย่างนี้ หลังจากที่เจ้าไปวันนี้ หรูเอ๋อร์ก็งอแงจะหาแต่เจ้า เพื่อปลอบโยนนาง จึงทำได้เพียงพูดว่าเจ้าออกจากบ้านไปทำธุระ ยามกลับมาจะนำของขวัญมาให้ด้วย หากรู้ว่าเจ้าจะกลับมาวันนี้ ข้าจะให้อาอู่ไปซื้อให้นางที่เมือง”
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ไป๋จื่อลูบเรือนผมของหรูเอ๋อร์ “ตอนนี้ข้าไม่มีของขวัญหรอก แต่พรุ่งนี้จะมีแน่ หรูเอ๋อร์เด็กดี วันนี้เจ้ากินข้าวให้หมด นอนหลับให้สนิท พรุ่งนี้ข้าจะนำความตื่นตาตื่นใจครั้งใหญ่มาให้เจ้า ดีหรือไม่”
หรูเอ๋อร์ปรบมือด้วยความดีใจ ร่างอวบกระโดดสูงละลิ่ว “ดียิ่งๆ! ข้าอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากหลอกล่อหรูเอ๋อร์ได้แล้ว ไป๋จื่อกับจ้าวซู่เอ๋อก็ไปทำอาหารที่ห้องครัวด้านหลัง ห้องครัวเป็นสถานที่ที่ไป๋จื่อตั้งใจออกแบบมาก แม้มันจะไม่ได้ประณีตและครบพร้อมเหมือนในยุคปัจจุบัน แต่รูปแบบก็ใกล้เคียงกันมาก ส่วนทำงานชัดเจน และยังมี ‘น้ำประปา’ ที่ไหลมาจากบนหลังคาด้วย เวลาล้างผักหรือล้างจานจึงสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง ประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อย
จ้าวซู่เอ๋อถามว่า “เจ้าเรียนสิ่งเหล่านี้มาจากที่ใด ห้องครัวนี้ ทั้งยังมีห้องอาบน้ำ รวมถึงกระท่อม ทุกอย่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
……….
ตอนที่ 526 น้ำแกงข้นเฟิงหลานม่วง
ไป๋จื่อกำลังปอกเปลือกต้นเฉียวเขียวทีละต้น นางเอ่ยตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ไม่ได้เรียนจากที่ไหนเจ้าค่ะ ข้าขบคิดเอาจากสิ่งที่เห็นทั่วไป ท่านคงไม่รู้กระมังว่าข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น เมื่อไม่มีอะไรทำจึงคิดเรื่องสิ่งของใหม่ๆ เหล่านี้ไปเรื่อยเปื่อย”
“หากต่อไปหรูเอ๋อร์ฉลาดได้ครึ่งหนึ่งของเจ้า คนเป็นแม่อย่างข้าก็สบายใจลงได้แล้ว” จิตใจของคนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกให้เติบใหญ่ ต่างก็กังวลว่าบุตรสาวแต่งงานออกไปแล้วจะพบครอบครัวที่ไม่ดีเป็นที่สุด เพราะบ้านแม่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้แล้ว หากหรูเอ๋อร์ฉลาดและทำงานเก่งเช่นไป๋จื่อได้ ทั้งยังมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว แล้วนางจะยังต้องกังวลเรื่องอะไรอีก
ทั้งสองคนทำอาหารเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว อาหารที่ทำจากสมุนไพรสดใหม่มีหน้าตาใกล้เคียงกับอาหารทั่วไปมาก ทว่ามีกลิ่นเฉพาะตัวเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แม้กระทั่งเป็นกลิ่นที่หอมมาก เมื่อเพิ่มน้ำมันงาอีกสักสองหยด ก็ยิ่งหอมรัญจวนใจมากขึ้นอีก
ไป๋จื่อขึ้นไปประคองจ้าวหลานลงมาจากชั้นบน จากนั้นก็ตักน้ำแกงข้นเฟิงหลานม่วงให้นางก่อน ด้านบนน้ำแกงข้นสีเขียวโรยดอกไม้สีชมพูขนาดเล็กไว้ ทำให้มันทั้งหอม ทั้งน่ามองในขณะเดียวกัน
“นี่คืออะไรหรือ” จ้าวหลานถาม
เด็กสาวพลันตอบว่า “นี่เป็นน้ำแกงข้นสมุนไพรสำหรับบำรุงเลือดลมเจ้าค่ะ ท่านกินตอนนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว รีบกินตอนที่ยังร้อนๆ นะเจ้าคะ”
จ้าวหลานพยักหน้า นางทักทายทุกคนพลางนั่งลงกินข้าว ก่อนจะพบว่าอาอู่ไม่อยู่ด้วย จึงรีบถาม “อาอู่เล่า ถึงเวลากินข้าวแล้ว แล้วตัวคนไปที่ใดกัน”
“อาอู่พาพี่ชายของเขาไปหาเสี่ยวเฟิงแล้ว คาดว่าอีกสักพักถึงจะกลับมา” หูจ่างหลินกล่าวตอบ
เมื่อได้ยินว่าพี่ชายของอาอู่มาเยือน จ้าวหลานก็วางถ้วยน้ำแกงที่ถืออยู่ในมือลง “ในเมื่อที่บ้านมีแขก แล้วพวกเราจะกินก่อนได้อย่างไร รออีกสักหน่อยเถอะ คนมาครบพร้อมแล้วค่อยเริ่มกินก็ยังไม่สาย”
ไป๋จื่อยกถ้วยขึ้นอีกครั้ง แล้วยัดใส่ในมือของจ้าวหลาน “แค่พวกข้ารอก็พอแล้วเจ้าค่ะ ท่านไม่ได้กินข้าวให้อิ่มท้องมากี่วันแล้ว รีบกินตอนที่มันยังร้อนเถอะนะเจ้าคะ”
จ้าวหลานเถียงนางไม่ไหว จึงทำได้เพียงยกถ้วยขึ้นกินน้ำแกงคำหนึ่ง น้ำแกงข้นดูข้นเหนียวทีเดียว แต่เมื่อเข้าปากแล้วกลับลื่นคอเป็นอย่างยิ่ง ไม่เลวเลย กินแล้วหอมเย็น ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันร้อนระอุอย่างเห็นได้ชัด แต่เหตุใดกินเข้าไปในปากแล้วถึงรู้สึกเย็นได้เล่า
“รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง” ไป๋จื่อถาม
ทว่าจ้าวหลานไม่ส่งเสียงตอบรับ นางกินน้ำแกงข้นอีกคำหนึ่ง ครั้นน้ำแกงเข้าปากอีกครั้งแล้ว กลิ่นหอมเฉพาะตัวของมันทำให้คนกินรู้สึกสบายใจ ตัวน้ำแกงสดหวานนัก ทว่ารสหวานนี้พิเศษกว่าน้ำแกงหวานอยู่หลายส่วน ไม่ได้หวานเลี่ยน
“นี่เป็นน้ำแกงข้นจริงๆ หรือ” จ้าวหลานถาม
ไป๋จื่อพยักหน้า “แน่นอนเจ้าค่ะ นี่เป็นสมุนไพรที่ปลูกในที่ดินของพวกเรา ข้าเก็บกลับมาเมื่อครู่นี้ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ อร่อยหรือไม่”
จ้าวหลานยิ้ม “หากกินสิ่งนี้แล้วรักษาโรคภัยได้ เกรงว่าบนโลกใบนี้คงจะไม่มีใครกลัวป่วยแล้ว ไม่แน่ว่าอยากจะป่วยกันด้วยซ้ำไป”
“มันรักษาโรคไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ คุณสมบัติของอาหารเป็นยาคือปรับสมดุลร่างกาย เมื่อผสมมันกับสมุนไพรหลายๆ อย่างแล้ว ก็ยิ่งช่วยให้มีประสิทธิภาพทางยามากยิ่งขึ้น” ไป๋จื่อกล่าว
สมุนไพรเหล่านี้ที่นางปลูก ล้วนเป็นสมุนไพรที่บำรุงร่างกายทั่วไป ไม่ใช่สมุนไพรช่วยชีวิตที่มีค่าราคาแพงอะไร
แม้จะมีประสิทธิภาพในการปรับสมดุลร่างกายมาก แต่ก็ห่างไกลจากการรักษาโรคมากนัก
จ้าวหลานกินน้ำแกงข้นอีกสองคำ ก่อนจะยิ้ม “หากกินสิ่งนี้แล้วรักษาโรคได้ เกรงว่าร้านยาคงต้องปิดกิจการแล้วละ”
ระหว่างที่สนทนากัน เสียงม้าร้องก็ดังมาจากข้างนอก ไป๋จื่อรีบออกไปต้อนรับ แต่กลับเห็นว่าคนที่ลงจากรถม้ามีเพียงอาอู่และเสี่ยวเฟิง ไม่เห็นโจวกังแม้แต่เงา
เสี่ยวเฟิงเห็นนางกลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็รู้สึกดีใจอย่างเห็นได้ชัด รีบสาวเท้าก้าวใหญ่เข้าไปหานาง “เจ้ากลับมาแล้วหรือ สบายดีหรือไม่”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ข้าสบายดี” จากนั้นนางก็หันไปถามอาอู่ว่า “พี่ใหญ่โจวเล่า”
อาอู่ผูกม้าเรียบร้อย เขาถอนหายใจยาวๆ เสียงหนึ่ง “เขาไปแล้ว หลังจากพบเสี่ยวเฟิง และเห็นว่าบุตรชายของตนสบายดีมาก เขาก็จากไปทันที เขาบอกว่า…” เขาหยุดไปพักหนึ่ง กวาดสายตามองหูจ่างหลินและจ้าวซู่เอ๋อ ก่อนจะกดเสียงเบา “เขาบอกว่าเป็นห่วงจิ้นอ๋อง ต้องรีบกลับไป”